มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 4 : เพราะเขาคือ…คนแรก
โดย : เนียรปาตี
มาลัยใบพฤกษ์ นิยายออนไลน์สนุกๆ มีให้อ่านออนไลน์ที่อ่านเอา โดย เนียรปาตี เรื่องของแพทย์หนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้าน ชอบช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยจิตใจเมตตา หากโลกอีกใบของเขากลับตรงข้าม ความรักที่มีต่อเพศเดียวกันกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่พาชายหนุ่มออกเดินทางไปในเส้นทางที่โลดโผน ซับซ้อน ซ่อนเร้น สุดท้ายแล้วความรักที่แท้จริงคืออะไรกันแน่
ห้องอ่านหนังสือมีคนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์คนเดียว มองแต่ไกลก็รู้ว่าอยู่คณะไหนเพราะใส่ช็อปสีกรมท่า ตรงกระเป๋าปักรูปเฟืองเกียร์ โต๊ะที่เหลือว่างเปล่า คงเพราะคนอื่น ๆ สอบเสร็จกลับบ้านไปหมดแล้ว สาธิตเปิดหนังสือ พยายามรวบรวมสมาธิแต่ไม่เป็นผล ภาพ ‘น้องสาว’ ของเจ๊อั๋นยังติดตาสลัดหลุดไม่ได้ ท้องฟ้าภายนอกค่อย ๆ มืดลง แล้วฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาอย่างไม่มีเค้ามาก่อน อยากกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องก็ไม่รู้ว่าคณะสาว ๆ แยกย้ายกันไปหรือยัง
หน้าตาเขาคงยุ่งจนปิดไม่มิด รุ่นพี่ที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ผู้นั้นจึงเดินมาถาม
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หน้าตาไม่ค่อยสบายเลย”
“เพลีย ๆ ล้า ๆ น่ะครับ ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย”
“อ้าว…แล้วทำไมไม่กลับไปนอนล่ะ ยิ่งฝนตกแบบนี้ หลับสบายเลย”
“เพื่อน ๆ รูมเมตมาติวกันที่ห้องน่ะครับ”
รุ่นพี่หัวเราะ บอกอย่างรู้ทัน
“ไม่ใช่ติวละมั้ง พี่เดินผ่านตอนไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดกันเรื่องอะไรสักอย่าง”
สาธิตยิ้มเจื่อน ๆ ใครจะกล้าบอกว่ากรี๊ดเรื่องน้องสาวของเจ๊อั๋น
“ไปนั่งห้องพี่ก่อนไหมล่ะ รูมเมตพี่มันย้ายของกลับบ้านไปหมดแล้ว ถ้าจะหลับก็หลับได้ พี่ไม่กวนหรอก”
สาธิตลังเล เขารู้สึกเพลียจริง ๆ จะฟุบหลับที่โต๊ะนี้ก็ได้ แต่รุ่นพี่คะยั้นคะยออีกครั้งเขาก็เดินตามไปที่ห้องพักอีกปีกหนึ่ง มันเป็นห้องพักแบบผู้ชายที่ข้าวของวางไว้ไม่ค่อยเป็นระเบียบ หนังสือคอร์ดกีตาร์ ตะกร้าผง กาต้มน้ำร้อน ถูกวางไว้ในที่ที่สะดวกมากกว่าที่ที่มันควรอยู่
“พี่สอบเสร็จแล้วเหรอครับ?” สาธิตถาม
“เหลืออีกตัวเดียวพรุ่งนี้” เขาตอบแล้วก็ยิ้ม “หิวไหม พี่มีกล้วยหอมอยู่”
ไม่พูดเปล่า เขาเดินไปบิดกล้วยหอมผลหนึ่งออกจากหวีเพื่อส่งให้สาธิต
“เขาว่ากินกล้วยก่อนนอนช่วยให้หลับสบายขึ้น จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลองดูสิ”
เขายื่นกล้วยผลนั้นให้สาธิต แต่ครั้นจะรับเขาก็ดึงมือไปแนบที่ซิปกางเกง ถามอย่างมีนัย
“หรืออยากลองกินลูกนี้ ลองเปรียบเทียบดูซิ ว่าลูกไหนอร่อยกว่ากัน”
สาธิตกลืนน้ำลายลงคอ สาบานได้ว่าเขาติดตามรุ่นพี่คนนี้มาด้วยใจบริสุทธิ์จริง ๆ แต่ทำไมกลับกลายเป็นเช่นนี้ ในจังหวะที่ยังสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าควรทำอย่างไร ฝ่ามือของเขาก็ร้อนเมื่อสัมผัสได้ว่าบางอย่างที่อยู่หลังกางเกงค่อยขยายใหญ่และแข็งขึ้น รุ่นพี่รวบร่างเขาไปกอดราวจะช่วยตัดสินใจในสิ่งที่เขากำลังลังเล ซุกไซ้ไปที่ซอกคอแล้วปลดกระดุมทีละเม็ดจนในนาทีต่อมา ทั้งรุ่นพี่และเขาก็นุ่งลมห่มฟ้า เฟ้นหาไออุ่นจากกายกัน สาธิตแปลกใจตัวเองว่าทำไมเขาไม่ขัดขืน ทำไมปล่อยให้รุ่นพี่ทำอะไรตามใจปรารถนา
หากไม่นับการช่วยตัวเองที่เคยทำมา ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขามีอะไรสมบูรณ์ครบถ้วนทุกขั้นตอน เสื้อเชิ้ตสีกรมท่าที่ปักตราสัญลักษณ์ของคณะที่สังกัดทำให้สัมผัสถึงความเป็นชาย เมื่อกระดุมหลุดออกไป เห็นแผ่นอกกว้างหนายิ่งชวนให้ใจหวาม อย่างนี้กระมังที่ทำให้สาธิตไม่ขัดขืน เขาพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอง
รุ่นพี่เมามันกับร่างกายเขาราวได้พบอาหารอันโอชะที่ไม่ตกถึงท้องมานานปี พลิกตัวเขานอนคว่ำแล้วนอนทับ สาธิตเจ็บแทบร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่าส่วนหนึ่งของรุ่นพี่กำลังชำแรกเข้าไปในกายเขา แต่ไม่อาจร้องออกมาได้เพราะกลัวใครจะได้ยิน ทำได้เพียงกัดฟันแน่น บิดหมอนเพื่อบรรเทาความเจ็บ รุ่นพี่คงรู้ด้วยสัญชาตญาณเช่นกันว่าสาธิต ‘ไม่เคย’ และครั้งนี้คือครั้งแรก จึงเปลี่ยนรูปแบบให้ละมุนละไมขึ้น กดปลายจมูกพ่นลมร้อน ๆ ที่ข้างหู บอกเบา ๆ
“อย่าเกร็ง ปล่อยสบาย ๆ”
สาธิตพยายามทำตาม มันลำบากและเจ็บในตอนแรก แต่รุ่นพี่ก็มิได้เร่งเร้าเอาเป็นเอาตาย รีบทำเวลาเหมือนกินอาหารฟาสต์ฟู้ด เขามีความละเอียดประณีตในอารมณ์พอสมควรที่รู้ว่าเรื่องแบบนี้ต้องสอดคล้องประสานไปด้วยกัน พอหายเจ็บ สาธิตก็ได้สัมผัสความสุขรสชาติใหม่ เป็นรสชาติที่ยากจะบรรยาย รู้เพียงว่า ณ ขณะนี้เขายอมพลีได้ทุกอย่างตามแต่รุ่นพี่จะชักนำไป
เหงื่อไหลโซมกายเมื่อทั้งสองถึงจุดในเวลาพร้อมกัน ฝนข้างนอกยังตก อากาศเย็น แต่ลมหายใจและอารมณ์ของทั้งคู่กรุ่นร้อนด้วยไฟเสน่หา สาธิตอยู่ในอ้อมกอดของรุ่นพี่อีกหลายนาทีที่เขาใช้ปลายจมูกอ้อยอิ่งอยู่กับซอกคอและใบหู
“ตัวน้องหอมจัง อยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ คืนนี้นอนค้างห้องพี่ไหม?”
“พรุ่งนี้ผมมีสอบตอนเช้าน่ะครับ กลัวว่าถ้าค้าง…” สาธิตพูดยังไม่จบ แต่ฝ่ายนั้นก็เข้าใจ
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”
ในคืนนั้น สาธิตไม่เป็นอันทบทวนเนื้อหาตำราเรียน ความคิดเฝ้าวนเวียนนึกถึงแต่เรือนร่างของรุ่นพี่คนนั้น ใครจะคิดว่ารุ่นพี่ที่มีระดับเป็นถึง ‘เดือนคณะ’ ขึ้นชื่อว่าเพลย์บอย เปลี่ยนสาวควงไม่ซ้ำหน้า จะเป็นคนเดียวกับที่เขาได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย
โชคดีที่วิชาสอบในวันสุดท้ายเป็นวิชาที่ง่าย สาธิตทำข้อสอบได้โดยมั่นใจว่าผ่าน กลับมาที่หอพัก เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วตรงไปที่ห้องของรุ่นพี่คนนั้น ‘รส’ ที่ได้ลิ้มลองเมื่อวานยังติดใจ ติดอยู่ในอารมณ์ เคาะประตูแล้วก็พบว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงเคาะซ้ำอีกสองสามทีจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง
รุ่นพี่คงไปสอบกระมัง…สาธิตคิด
แต่ก็สังหรณ์ขึ้นมาบางอย่าง ร้อนรนสับสนกระวนกระวายทีเดียว เมื่อความคิดฟุ้งซ่านพุ่งเข้ามาตีกัน ลงไปที่สำนักงานหอพักเพื่อสอบถามก็ได้คำตอบว่า
“นายก้องเก็บของออกไปวันนี้เอง แล้วก็คงไม่กลับมาแล้วละ เล่าลือว่าจะรีไทร์หลายครั้ง ครั้งนี้คงรีไทร์แน่นอนแล้ว”
สาธิตได้หมายเลขโทรศัพท์ที่รุ่นพี่กรอกไว้ในแบบฟอร์มผู้พัก เมื่อติดต่อไปก็พบว่ามันเป็นเลขหมายที่ใช้การไม่ได้ ไม่ว่าเพราะเขาเปลี่ยนเบอร์ หรือเบอร์ที่ให้ไว้ไม่จริงตั้งแต่แรก ค่าของมันก็เท่ากันคือติดต่อไม่ได้
ยังมีความหวังว่าจะได้พบเขาอีกครั้งเมื่อเปิดเทอมใหม่ แต่ความหวังก็สลาย
พี่ก้องถูกรีไทร์ไปแล้วจริง ๆ
ลูกค้ารายล่าสุดของคลินิกเป็นเจ้าของออกาไนเซอร์หรือบริษัทรับจัดกิจกรรมพิเศษ
อายุของอุษณีย์พรยังไม่มากแต่ตรากตรำทำงานหนักจนกังวลว่าจะแก่เกินวัย ในการเจรจาติดต่อรับงานต่าง ๆ ภาพลักษณ์ถือว่าสำคัญมากทีเดียว หล่อนจึงมาปรึกษาเพื่อวางแผนในการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ
สาธิตให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ เคสนี้ถือว่าไม่ยาก เพราะพื้นฐานของเจ้าหล่อนดีอยู่แล้ว เพียงแต่ความวิตกกังวล บวกกับต้องคุมลูกน้องเวลาทำงานด้วยตัวเอง ร่างกายของหล่อนจึงไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงกระนั้น สาธิตก็อึ้งเมื่อหล่อนบอกว่าแต่งงานแล้ว
“มีลูกสาวหนึ่งคนจะเจ็ดขวบแล้วค่ะ”
“คุณอ้อมไม่ต้องกังวลนะครับ หมอจะจัดโปรแกรมดูแลให้อย่างดีเลย รับรองว่าออร่าทุกงาน”
การเป็นหมอในสถาบันเสริมความงามก็เหมือนทำธุรกิจเป็นที่ปรึกษา ลูกค้าเหมือนเพื่อนที่ต้องการความมั่นใจในรูปโฉม ไม่ใช่การปฏิบัติอย่างเป็นทางการเฉกคนไข้กับหมอในโรงพยาบาลหรือคลินิกรักษาโรค หลายครั้งหากเป็นลูกค้าที่พึงใจ หลังให้คำปรึกษาแล้วสาธิตจะเดินออกมาส่ง บุศรินก็จะใส่ดอกจันไว้ว่ารายนี้ ‘พิเศษ’
อุษณีย์พรทักผู้นั่งรอที่โซฟาอย่างประหลาดใจ
“อ้าว! เสร็จธุระแล้วหรือคะ?”
“คุณแม่ขา คุณพ่อซื้อชุดระบายสีใหม่ให้หนู” เด็กสาวตัวน้อยชูสมุดภาพเจ้าหญิงให้มารดาดู ในขณะที่บิดาของแม่หนูน้อยยังก้มมองหน้าจอโทรศัพท์
“ธนาคารเขาจัดการให้เรียบร้อยดี เลยเสร็จไว อ้อมเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ วันนี้แค่มาปรึกษาเท่านั้น พี่ก้องคะ นี่คุณหมอสาธิตค่ะ คุณหมอคะ นี่พี่ก้อง…ก้องภูค่ะ”
‘พี่ก้อง’ เงยหน้ามายิ้มทักทาย เห็นชัดว่าเป็นไปตามมารยาทเท่านั้น
“สวัสดีครับ” สาธิตทักตอบ แต่ก้อนแข็งแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ
สิ่งที่พี่ก้องฝากไว้ให้เขาเป็นทั้งความทรงจำ เป็นครั้งแรก เป็นความขมขื่น และเป็นอะไร ๆ อีกมากมายที่หลายครั้งเมื่อหาสาเหตุไม่ได้ สาธิตก็จะโทษว่า…เป็นเพราะพี่ก้อง
หลายปีที่ผ่านไปกับชีวิตประจำวันที่วุ่นวายเคยทำให้ภาพของพี่ก้องถอยห่างจางหาย แทบจะลบเลือนจนไม่คิดว่ามีมนุษย์คนนี้อยู่บนโลก แล้วจู่ ๆ เขาก็ปรากฏขึ้นมาในวันหนึ่ง…วันนี้ เพื่อยืนยันว่าเขายังอยู่ และยืนยันความรู้สึกของสาธิตว่า ยังไม่เคยลืมเขา
“คุณแม่ขาหนูหิว หนูอยากกินไก่ทอด”
เสียงของแม่หนูน้อยทำให้สาธิตได้สติ หันไปมองก็พบว่า ใบหน้าแม่หนูเป็นส่วนผสมอย่างละครึ่งของอุษณีย์พรและก้องภู ไม่มีทางเป็นลูกใครอื่นได้เลย
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม อ้อม” เขาหันไปถามภรรยาแล้วหันมาที่สาธิต “ขอตัวก่อนนะครับหมอ ยายหนูงอแงแล้ว”
สาธิตมองภาพครอบครัวอันประกอบด้วยพ่อแม่ลูกจูงกันไปตามทางเดิน ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามาในอารมณ์ เมื่อบุศรินแจ้งว่าลูกค้ารายที่เหลือขอเลื่อนคิวนัด สาธิตจึงถือโอกาสออกจากคลินิกไป ไม่กลับเข้ามาอีก
จากุซซีน้ำอุ่นกำลังดี ความอุ่นของน้ำและแรงฉีดที่นวดกล้ามเนื้อช่วยให้ผ่อนคลาย สาธิตเอนศีรษะพิงขอบอ่าง ปล่อยตัวตามสบายหลังออกกำลังกายที่ลู่วิ่งและยกน้ำหนักมาอย่างหนักหน่วงกว่าทุกวันเพื่อสลัดภาพของ ‘พี่ก้อง’ ที่พบในวันนี้ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่า ไหน ๆ ก็หาตัวไม่เจอ ถ้าได้ข่าวว่าเขาตายไปแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรมาก หรือไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่เขายังอยู่ อยู่อย่างดีเสียด้วย ทั้งรูปลักษณ์และชีวิตครอบครัว
โซนล็อกเกอร์และห้องอาบน้ำในฟิตเนสแยกชายหญิงคนละปีกไม่ปะปนกัน ในโซนนี้มีแต่ผู้ชายหลายวัยนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินสวนกันไปมา บางคนที่ใจกล้าไม่แคร์สายตาใครก็ไม่นุ่งห่มอะไรเลย เดินโทง ๆ รับลมอยู่อย่างนั้น เวลานี้คนส่วนใหญ่ยังไม่เลิกงาน คนใช้บริการไม่มาก แต่ก็เป็นเวลาที่สมาชิกบางคนมาเพราะมีเป้าหมายพิเศษ
เด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่คุ้นหน้า คงเป็นสมาชิกใหม่หรือนักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมแล้วลงมาใช้ฟิตเนส นุ่งกางเกงว่ายน้ำมาหยุดที่อ่างจากุซซี สาธิตหรี่ตามองก็เห็นว่าเด็กหนุ่มยังมีทีท่าลังเล สักพักก็ถอดกางเกงว่ายน้ำวางไว้ที่ขอบอ่าง ก้าวลงมานั่งตรงข้ามเขา สาธิตหลับตา แทบจะรู้ความมุ่งหมายของเก้งหนุ่มเพิ่งหลุดจากป่า ทว่าฝีไม้ลายมือยังอ่อนหัด มองแต่ไกลก็เห็นชัดว่ายังประหม่ากล้า ๆ กลัว ๆ
ไม่สนใจเด็กหนุ่มผู้นั้นอีก ได้ยินเสียงแหวกน้ำและสัมผัสได้ว่าเก้งน้อยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมขยับมานั่งข้างเขา แสร้งทำเข่าชน เท้าชน อย่างมิได้ตั้งใจ เมื่อสาธิตยังเฉย ไม่ตอบโต้ เก้งหนุ่มคงย่ามใจว่า ‘เหยื่อ’ ไม่ปฏิเสธ จึงวางมือแปะลงที่หัวเข่าลูบเบา ๆ อย่างจะปลุกอารมณ์ให้คึกขึ้นมา
สาธิตลืมตามอง ถอนหายใจพรืดแทนการบอกว่าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
วันนี้เขาไม่มีอารมณ์เอาเสียเลย เด็กหนุ่มยังส่งสายตา พยักหน้าบุ้ยใบ้ไปทางห้องน้ำ สาธิตส่ายหน้าแต่เด็กหนุ่มยังรบเร้า เขาจึงลุกออกไปจากอ่าง ล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไป เก้งน้อยหน้าใหม่อาจจะผิดหวังหรือเสียความมั่นใจว่าล่าเหยื่อไม่สำเร็จ แต่จะทำยังไงได้ เขาไม่มีอารมณ์จริง ๆ
ไม่คิดเลยว่าการได้พบพี่ก้องอีกครั้งจะรบกวนจิตใจเขามากขนาดนี้
สาธิตถามตัวเองว่าต้องการอะไรจากพี่ก้อง หรือต้องการเห็นเขาเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้คำตอบ อยากจะแฉกับภรรยาของเขาหรือ ว่าสามีของหล่อนกับเขาเคยเป็นอะไรกันมาก่อน มันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่จะว่าสงสารหล่อนก็ไม่ใช่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายปีก่อน อาจเป็นความสนุกครั้งแรกและครั้งเดียวของก้องภูก็ได้ ถ้าจะสรุปว่าก้องภูเป็นเกย์แล้วหลอกอุษณีย์พรเพื่อแต่งงานบังหน้า…เหมือนที่เขากับเอกอนงค์เคยมีแผนจะทำเช่นนี้ ลูกสาวตัวน้อยก็เป็นพยานยืนยันว่าก้องภูทำหน้าที่ของผู้ชายเพื่อผู้หญิงในการสร้างสมาชิกใหม่ได้ ที่พอจะแน่ใจก็คือ ก้องภูเป็นไบเซ็กชวล…ได้ทั้งชายและหญิง
ความหมกมุ่นฟุ้งซ่านที่ครอบคลุมอยู่นี้ทำให้มีเสียงแตรรถบีบด่าเป็นระยะ สาธิตจึงหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปจอดในปั๊มน้ำมันเพื่อสงบสติอารมณ์ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อีกเดี๋ยวก็ค่ำ และไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นวันใหม่ แต่ทำไมวันนี้เวลามันช่างเดินช้าเสียเหลือเกิน
นึกขึ้นมาได้ว่าเขาต้องไปรับเมฆฉายส่งกลับแฟลต สาธิตจึงลงจากรถเพื่อเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่เรือนไม้หอม ซึ่งอาจใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง
รู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่มองเขาแปลก ๆ ขณะเดินไปที่ห้องน้ำ แต่สาธิตก็บอกตัวเองว่าคงคิดไปเอง ถึงโถปัสสาวะก็เห็นร่างสูงยืนอยู่ที่โถหนึ่ง…พี่ก้อง!
สาธิตทำธุระของตัวเอง แต่ก็แอบเหลือบมองก้องภู จนตัวเองใกล้เสร็จแล้ว ก้องภูก็ยังไม่มีทีท่าจะเรียบร้อยสักทีทั้งที่มาก่อนเขาเสียอีก สาธิตรูดซิปกางเกงดูความเรียบร้อย ก้องภูก็เดินตามมาชนด้านหลัง จงใจให้บางส่วนของเขากระทบกับสาธิต…ในลักษณะคล้ายเขาเดินผิดจังหวะจึงชน สาธิตรู้สึกเหมือนไฟช็อต หันมองหน้าเขาก็ขยิบตาให้ เอียงหน้าแทนคำพูดว่าให้ตามเขาไป
ก้องภูล่วงหน้าเข้าไปในห้องน้ำก่อน ยืนคอยอยู่ที่ห้องในสุด
สาธิตยังลังเล ก้องภูจึงพยักหน้าอีกทีเป็นการเชิญชวน เดินเข้าไปเหมือนถูกแม่เหล็กอันใหญ่ดึงดูด รู้สึกเสียการควบคุมตัวเอง ประตูปิดลง ก้องภูก็ปลดเข็มขัดรูดซิปกางเกง กดตัวเขาลงไปโดยไม่มีการเกริ่นนำอารัมภบทใด ๆ ทั้งสิ้น มันรวดเร็ว ง่าย และไร้ซึ่งความประณีตในอารมณ์ เมื่อเสร็จสมในเวลาไม่ถึงสิบนาทีเขาก็แต่งตัวเรียบร้อยโดยไว กระซิบบอกเบา ๆ ข้างหู
“ขอบคุณครับ”
แล้วก็ทำมือทำไม้เป็นความหมายว่า เขาจะออกไปก่อน อย่าเพิ่งตามออกมา เดี๋ยวคนอื่นเห็น ปลดกลอนประตูแง้มออก เห็นว่าข้างนอกปลอดคนแล้วเขาก็ปราดออกไปพร้อมกับดันประตูปิด
สาธิตทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดที่เขาทำเพราะนั่นคือ ‘พี่ก้อง’ แต่พี่ก้องทำกับเขาในฐานะอะไร ไม่มีคำพูดหรือกิริยาใดที่เขาแสดงว่าเคยรู้จักหรือจำได้ว่าเขาคือสาธิต ไม่ว่าจะเป็นสาธิตที่เป็นนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน หรือหมอสาธิตที่เขาพบวันนี้ที่คลินิก
ออกมาที่อ่างล้างมือก็มีมือหนึ่งยื่นมาล้างข้าง ๆ เสียงที่พูดมุ่งมาที่เขาโดยเฉพาะ
“ไหนพี่ว่าไม่ชอบในห้องน้ำแบบนี้ไง ทำไมกับคนตะกี้พี่ทำได้”
สาธิตเงยหน้ามองกระจกก็เห็นเงาของอาร์มสะท้อนอยู่ในนั้น
หน้าจอโทรศัพท์ที่ทิ้งไว้ในรถฟ้องว่าเอกอนงค์ติดต่อมา โทร.กลับไปหล่อนก็บอกว่า
“เอกกับพฤกษ์มาส่งคุณฉายที่แฟลตแล้วนะคะ เพิ่งแยกกันเมื่อกี้เอง วันนี้พี่หมอมีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้ลืม”
“ไม่มีอะไร วันนี้ลูกค้าเยอะน่ะ ขอบใจนะที่ไปส่งฉายแทนพี่ พรุ่งนี้เช้าพี่รับเขาไปส่งที่บ้านเหมือนเดิม แค่นี้นะ”
สาธิตวางสาย ในขณะที่เอกอนงค์ยังสงสัยกับคำตอบ แต่ไม่มีโอกาสถาม
เมื่อติดต่อไม่ได้สองครั้ง เอกอนงค์จึงโทรศัพท์หาบุศรินที่คลินิก หล่อนก็บอกว่าพี่หมอออกไปกินข้าวเที่ยงแล้วไม่กลับเข้ามาอีก เพราะลูกค้าเลื่อนคิวนัด
ที่เขาบอกว่า…วันนี้ลูกค้าเยอะ…จึงดูไม่ค่อยปกติ
เสียงเคาะกระจกเบา ๆ หันไปมองก็เห็นอาร์มก้มหน้ายิ้มแป้น สาธิตกดเลื่อนกระจกลง
“พี่จะกลับแล้วเหรอ ผมขอติดรถไปด้วยคนสิ”
“จะไปที่ไหนล่ะ?”
“ไปก่อนก็ได้ ถึงตรงไหนที่ผมเรียกรถกลับได้ ค่อยบอกให้พี่จอดลงก็แล้วกัน”
สาธิตพยักหน้าว่าอนุญาต อาร์มก็ยิ้มร่าขึ้นมานั่งบนเบาะข้าง ๆ คาดเข็มขัดนิรภัยตามกฎหมาย มองอย่างตั้งใจจึงเพิ่งสังเกตว่าอาร์มอยู่ในชุดกีฬาผ้ามันลื่น ทว่าเนื้อตัวไม่มีกลิ่นเหงื่อสักนิด
“ไปออกกำลังกายมาเหรอ?”
“ครับพี่ ไปเตะบอลกับเพื่อนมา ขากลับปวดฉี่ก็แวะปั๊ม แฟนมันโทร.ตาม มันทิ้งผมเลย”
สาธิตยกมุมปากน้อย ๆ เขาไม่ได้เชื่อทั้งหมดหรอกว่าเป็นความจริง รถเคลื่อนตัวออกไปได้สักพัก อาร์มก็วางมือแปะลงที่เข่าของเขา เช่นเดียวกับเก้งหนุ่มหน้าอ่อนที่ฟิตเนส แต่ชั้นเชิงผิดกัน การปลุกเร้าของอาร์มได้ผล อารมณ์ที่มึนซึมฟื้นตื่นขึ้นมา อวัยวะในร่มผ้าตื่นขยายแน่นจนอึดอัด
ใต้ทางด่วนที่ไร้แสงไฟ เงาทางด่วนพาดทับบริเวณส่วนใหญ่ให้อยู่ในความมืดสลัว แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีรถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดไหว ๆ อยู่ตรงนั้น
สาธิตกลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม ประหลาดใจเมื่อพบว่าเตี่ยกับม้ายังไม่เข้านอน ทั้งที่โดยปกติแล้วจะขึ้นห้องไม่เกินสามทุ่ม ตื่นมาตอนตีสาม ทำอะไรนิดหน่อยให้ง่วงแล้วหลับต่อ หรืออาจจะตื่นไปจนถึงเช้า สุชาดา พี่สาวคนที่สามผู้ยังไม่ได้แต่งงาน อยู่เป็นทั้งลูกสาวและแม่บ้านส่งสายตาแทนคำพูดว่า…เตี่ยกับม้าคอยอยู่
“ทำไมวันนี้เตี่ยกับม้านอนดึกจัง คอยดูรายการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” สาธิตแกล้งถามเหมือนไม่รู้ถึงความผิดปกติ
“ก็รอจะคุยกับเรานั่นแหละ” มารดาเป็นคนบอก
สาธิตนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เลื่อมเงาประดับมุก พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ พี่สาวขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ
“รู้เรื่องโพธิ์ทองจะแต่งงานแล้วใช่ไหม”
“ทราบครับ” ตอบบิดาแล้วจึงเห็นการ์ดเชิญวางอยู่บนโต๊ะ “โพธิ์เอาการ์ดมาเชิญเตี่ยกับม้าเหรอครับ”
“เขาไม่ได้มาเองหรอก เตี่ยกับม้าเขาเป็นคนมา ก็เลยได้คุยกันตามประสาพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมา ก็อยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที”
“เขาแต่งเพราะธุรกิจน่ะเตี่ย ม้า”
สาธิตบอกบิดามารดาอย่างเริ่มมีอารมณ์ เรื่องแต่งงานนี้มิใช่การพูดกันครั้งแรก แต่พูดซ้ำไปซ้ำมานับไม่ถ้วนครั้ง จะซาไปบ้างก็ตอนที่เขาตกลงใจว่าจะแต่งกับเอกอนงค์นั่นละ แม้ว่าลูกสะใภ้ในตอนนั้นจะเป็น ‘คนป่วย’ บิดามารดาของเขาก็ยังพอจะรับได้
แต่แล้วเอกอนงค์ก็หลุดลอยไป เมื่อหล่อนเจอพฤกษ์
“มันจะแต่งเพราะอะไร ก็ได้แต่ง แต่งแล้วมีเรื่องดี อีทำธุรกิจเหมือนกัน ส่งเสริมกัน มันมีตรงไหนไม่ดีวะ ถ้าจะเถียงว่าไม่ได้รักกัน ลื้อคอยดูไป แต่งงานไม่ทันไรอีต้องมีหลานออกมาให้อุ้มแน่ ๆ”
มันก็คงทำเด็กหลอดแก้ว หรือทางใดทางหนึ่งนั่นละ มีเงินเสียอย่าง แต่ที่จะเกิดด้วยวิธีธรรมชาตินั้นอย่าหวัง ท้าให้ยังได้ ร่างกายของโพธิ์ทองไม่มีวันตื่น เมื่ออยู่ต่อหน้าเมจิตาหรือผู้หญิงคนไหน ต่อให้เป็นดาวยั่วแถวหน้าก็ไม่มีทาง
สาธิตไม่ได้เถียงออกมา แต่นึกระอาความคิดที่ยึดมั่นของบิดา ฝ่ายมารดานั้นเห็นใจเขาอยู่บ้าง บางครั้งเหมือนจะหาทางพูดช่วย แต่เมื่อเป็นผู้ตามมานาน ก็เลือกที่จะเงียบเมื่อเขาเถียงกับบิดา แล้วค่อยแอบมาปลอบโยนทีหลัง…ปลอบโยนและเกลี้ยกล่อมให้เห็นชอบตามบิดา
“ถ้าลื้อไม่อยากแต่งงาน เตี่ยก็จะไม่บังคับอีก”
ทุกคนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าบทจะไม่คาดคั้น เตี่ยก็ยอมเสียดื้อ ๆ
“แต่เตี่ยจะโอนกิจการโรงแรมทั้งหมดให้ลื้อบริหาร ให้สมกับที่เป็นโสด มีเวลาว่าง ไม่ต้องแบ่งมาคิดเรื่องมีครอบครัว”
“แต่ผมทำคลินิกอยู่นะเตี่ย” สาธิตแย้ง
มิใช่เพราะไม่อยากได้กิจการโรงแรมหรอก เขาและพี่สาวหรือแม้แต่ใคร ๆ ก็รู้ดีว่า โรงแรมทั้งหมดห้าแห่ง ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และสาขาใหม่ที่ฮ่องกงนั้น ในวันหนึ่งมันจะต้องตกมาเป็นของเขาอย่างไม่มีข้อสงสัย เขาเตรียมตัวรับเรื่องนี้เหมือนกันเมื่อถึงเวลานั้น เพราะมันคือเวลาที่เตี่ยเสียชีวิตไปแล้ว เมื่อได้รับโอนกิจการมา เขาก็แบ่งสรรให้พี่สาวในภายหลัง
แต่นี่เตี่ยยกให้เขา ทั้งที่เตี่ยยังบริหารได้ดี อายุมากไม่เป็นอุปสรรคในเรื่องนี้
“คลินิกของลื้อน่ะ มันจำเป็นต้องไปนั่งจ่ายยาเองหรือไง พวกรุ่นน้องที่รู้จักกัน ก็จ้างมาสิ ลื้ออย่าเสียเวลาตัวเองแค่มานั่งฉีดยาหรือยิงเลเซอร์ให้ลูกค้าหน่อยเลย”
“ถ้าอย่างนั้น เตี่ยให้ผมลองบริหารที่เดียวก่อนไหม อย่าเพิ่งให้ดูแลทั้งกรุ๊ปเลย”
“ไม่” คำตอบเด็ดขาด “ถ้าลื้อไม่อยากมีครอบครัว ไม่คิดเรื่องหาทายาทสืบสกุลให้เตี่ยกับม้า ลื้อก็รับเอางานบริหารไปทั้งหมด”
แยกย้ายกันเข้าห้อง สาธิตอาบน้ำ ปิดไฟเข้านอน แต่มิอาจข่มตาหลับได้
หลายเรื่องรุมเร้าเข้ามาเหลือเกิน เขาไม่อยากบริหารโรงแรม รู้ว่าสุจารี พี่สาวคนโตเขม่นเขาด้วยเรื่องนี้ หล่อนมีความสามารถ เป็นผู้หญิงเก่ง แต่หลายครั้งหล่อนก็เหมือนไร้ตัวตนในสายตาเตี่ย สามีของหล่อนเป็นนักธุรกิจหนุ่ม แม้ทั้งคู่จะประสบความสำเร็จทั้งชีวิตครอบครัวและการงานที่ต่างช่วยกันหนุนส่งให้ก้าวหน้าขึ้นไป เตี่ยก็เชื่อว่าเพราะเตี่ยวางรากฐานไว้ดี มากกว่าเพราะฝีมือของหล่อนและสามี
สาธิตไม่อยากเป็นความหวังหนึ่งเดียวของเตี่ยและม้า เขาดื้อเรียนแพทย์เพราะชอบ สติปัญญาทำให้เขาสอบได้ และในสมัยนั้นคณะแพทย์ก็ดังพอที่เตี่ยและม้าจะคุยอวดกับใครต่อใคร แต่ลึก ๆ ในใจก็อยากให้เรียนบริหารธุรกิจอยู่ดี สาธิตเทคคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับบริหารธุรกิจ แต่ก็ใช้กับการบริหารคลินิกเสริมความงาม ส่วนโรงแรมอยู่ในความคิดลำดับสุดท้าย
เขานึกถึงวิธีการเดิมเมื่อครั้งยังดูแลเอกอนงค์ เปิดโทรศัพท์ไล่ดูเพื่อนว่ามีใครที่พอจะ ‘เจรจา’ เรื่องแต่งงานบังหน้าได้บ้าง แล้วก็คิดว่าป่วยการ ทั้งไม่มีใครที่จะดีลด้วย และคิดว่าวิธีนี้มันไม่แฟร์กับอีกฝ่าย
หลับตาลง พยายามข่มตาในความมืด แต่ภาพของพี่ก้องก็แทรกเข้ามา เป็นภาพครั้งเก่าของนักศึกษาแพทย์หนุ่มกับรุ่นพี่วิศวะ แล้วเปลี่ยนเป็นภาพคุณพ่อผู้อบอุ่นของลูกสาวตัวน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาพหนุ่มอารมณ์ดิบคนหนึ่งที่พอใจกับบทใคร่ฉาบฉวยในห้องน้ำแคบ ๆ
เรายังดีใจหรือไม่ ที่ได้พบกับเขาอีกครั้ง…ถามตัวเองกลับไปกลับมา
ไฟหน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น ใครบางคนขอเป็นเพื่อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์
สาธิตคว้ามาเปิดดูแล้วก็ใจเต้น…พี่ก้อง!
โดยไม่ทันรู้ตัวว่าดีใจหรือประหลาดใจมากกว่ากันว่า เขาค้นหาบัญชีผู้ใช้พบได้อย่างไร สาธิตก็กด ‘ยอมรับ’ เป็นเพื่อนไปแล้ว