รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 5 : ธาตุแท้
โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต
รักนี้ไม่มีตำหนิ โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องราวของนักแสดงสาววเบอร์ต้นๆ ของวงการ ผู้ทะนงในความงามพร้อมของตน แต่อุบัติเหตุได้เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เธอจะข้ามพ้นความบกพร่อง ผิดพลาดและได้พบความสุขในชีวิตอีกครั้งหรือไม่ มาเอาใจช่วยเธอพร้อมๆ กับอ่านเอา anowl.co เว็บไซต์นวนิยายสนุกที่มาพร้อมคุณภาพ
“น้องลิลลี่รู้สึกยังไงบ้างคะ ที่ต้องมาเป็นมวยแทนพี่เอมแบบนี้น่ะค่ะ” ผู้สื่อข่าวสาวของเว็บไซต์ข่าวบันเทิงถามลลิตาในการแถลงข่าวเปลี่ยนตัวนักแสดงที่จัดโดยบริษัทเจนจัด พลัส สตูดิโอ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของละครเพลิงพรางตาจัดให้มีการแถลงข่าวในช่วงเช้าก่อนการถ่ายทำละคร
การแถลงข่าวจัดขึ้นที่บ้านตึกหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านที่เจนกิจสร้างขึ้นเพื่อใช้ถ่ายละครโดยเฉพาะเพื่อประหยัดค่าเช่าสถานที่ ด้านหน้าของตึกเป็นฉากไม้ที่รื้อปรับเปลี่ยนแบบบ้านได้ตามบทละคร จะสร้างฉากหน้าเป็นบ้านไม้ บ้านตึก เก๋งจีน หรือแม้แต่เรือนไทยก็ยังได้ ส่วนภายในบ้านมีห้องใหญ่หลายห้องที่ปรับเปลี่ยนตกแต่งให้แตกต่างกันไปได้ตามบทละครแต่ละเรื่อง สถานที่นี้เป็นสถานที่หลักของละคร นอกจากนั้นบริเวณโดยรอบยังมีทั้งสวนหย่อมและป่าขนาดย่อมๆ ที่ใช้ถ่ายทำละครได้ด้วย
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ตรีภพ พระเอกของเรื่องได้ร่วมแถลงข่าวด้วย เพราะนักข่าวสนใจอยากซักถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตรีภพกับอัจจิมาหลังจากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับเจ้าของบทบาทพวงครามคนเดิม
“ลิลลี่ก็ทั้งเสียใจและดีใจค่ะ ความรู้สึกปนๆ กันไปค่ะ เพราะลิลลี่กับพี่เอมก็สนิทกันดี ลิลลี่ไม่คิดว่าจะต้องมาแสดงแทนพี่เอมเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ ลิลลี่เสียใจกับพี่เอมจริงๆ ค่ะ แต่ก็ดีใจที่ได้รับเกียรติให้รับบทนี้แทนพี่เอมค่ะ” นักแสดงสาววัยใสตอบด้วยสีหน้าขรึม
“เด็กคนนี้ตอบคำถามใช้ได้นะ วางสีหน้าได้ดีด้วย ดูไม่กระดี๊กระด๊ามากเกินไป” แดนสรวงที่นั่งดูอยู่ห่างๆ พูดกับกัลยา
“น้องลิลลี่ได้เล่นบทนี้สมใจแดนแล้ว แก้วหวังว่าเธอจะเล่นได้ดีนะ”
‘สมใจแดนแล้ว’ แดนสรวงสะดุดใจกับวลีนี้ เขารู้ว่าเพื่อนไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรให้ต้องคิดมาก แต่เขากลับคิดถึงคำพูดของอัจจิมาที่บอกว่าเขาคงสมใจแล้วที่เธอต้องมาพิการแบบนี้
หลังสัมภาษณ์ลลิตาจบลง นักข่าวก็หันมาสัมภาษณ์ตรีภพ
“ความสัมพันธ์ของคุณเอมกับคุณต้นตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ความสัมพันธ์ของเราก็ยังเหมือนเดิมครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเอมผมก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอครับ”
“ยืนยันใช่ไหมครับว่ายังรักคุณเอมเหมือนเดิม”
“ครับพี่ ผมขอร้องพี่ๆ นะครับ อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลยนะครับ เรื่องนี้มัน…” ตรีภพเสียงเครือ เสียงหายไปชั่วขณะ ก่อนนักแสดงหนุ่มจะรวบรวบสติพูดทิ้งท้าย “ผมขอเวลาทำใจก่อนนะครับ”
ตรีภพพูดจบก็ลุกออกจากที่นั่งทันที
การแถลงข่าวทำท่าจะจบลงแต่แม่ของดาราสาวก็รีบเข้ามานั่งแทนที่พระเอกหนุ่มแล้วพูดใส่ไมโครโฟน “อยากถ่ายรูปน้องลิลลี่อีกไหมคะ เชิญเลยนะคะ เดี๋ยวคุณแม่ไปเรียกนักแสดงคนอื่นมาถ่ายกับน้องนะคะ” พูดจบลักษณาก็ลุกไปตามนักแสดงคนอื่นอย่างที่บอก
นักข่าวต่างก็มองหน้ากันด้วยความขำปนรำคาญในความจุ้นจ้านของแม่ดารา
“คนนี้ก็พูดเก่งนะ แสดงเนียนดีด้วย” กัลยาลดเสียงลงเป็นกระซิบเมื่อพูดประโยคหลัง
“ตรีภพเหรอ” ผู้กำกับหนุ่มถาม
กัลยาพยักหน้า
“ทำไมถึงคิดงั้นล่ะ”
“ไม่รู้สิ แก้วเจอคนแบบนี้มาเยอะมั้ง คนที่จริงๆ ก็ไม่ได้อยากช่วยเหลืออะไรเรา แต่ก็มาช่วยแบบเสียไม่ได้เพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าแล้งน้ำใจกับผู้ด้อยโอกาส แก้วว่าแววตาเขาเป็นแบบนั้นน่ะ”
“ตีบทแตก บีบน้ำตา” แดนสรวงรำพึงเบาๆ พลางคิดถึงเรื่องที่ได้ฟังจากญาติผู้น้องของอัจจิมาเมื่อวันก่อน
การถ่ายทำละครเริ่มตั้งแต่ตอนสายเป็นการถ่ายทำละครฉากแรกของลิลลี่ ลลิตา เป็นฉากที่ดาราสาวต้องแสดงร่วมกับมาดา นักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ที่รับบทเป็นคุณนายมัลลิกา การถ่ายทำดำเนินไปเกือบสองชั่วโมงละครฉากนี้ก็ยังไม่สำเร็จลงได้
“เพลิงพรางตา ตอนสิบสอง ฉากสิบแปด เทกสิบแปด แอ็กชัน”
สิ้นเสียงสั่งของผู้ช่วยผู้กำกับ การถ่ายทำก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณท่าน” พวงครามย่อตัวไหว้คุณนายมัลลิกาอย่างมีจริตจะก้าน
“กองไว้ตรงนั้นแหละย่ะ หล่อนมาทำอะไรที่นี่”
“อุ๊ย…คุณท่านคงยังไม่รู้สินะคะ ว่าครามเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แล้ว” พวงครามลอยหน้าลอยตาพูด
“หล่อนหมายความว่ายังไง…” คุณนายมัลลิกาถาม
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละค่ะ บ้านนี้คุณท่านขายให้คุณไพโรจน์ใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่ ฉันขายให้คุณไพรัตน์”
“อ๋อ…ขายให้คุณไพรัตน์…” พวงครามเดินวนไปจนเฉียดใกล้คุณนายมัลลิกา “คุณท่านคงยังไม่ทราบว่าไพรัตน์กับไพโรจน์ สามีของครามเป็นคนเดียวกัน แล้วตอนนี้สามีของครามก็ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของครามแล้วค่ะ” พวงครามลากเสียงคำว่า ค่ะ ยาวจนน่าหมั่นไส้
“แก นังพวงคราม นังงูพิษ แกหลอกให้ฉันขายบ้านให้แก”
“ใช่ รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว นังพวงครามคนนี้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แล้ว แล้วมันก็กำลังจะไล่คุณนายมัลลิกาจอมบงการออกไปจากบ้านนี้”
“แก…แกมันเลว แกไล่ฉัน แกก็ไล่ลูกแกไปเป็นเด็กเร่ร่อนด้วย”
“ลูก…” พวงครามมีท่าทีอ่อนลงเพราะส่วนลึกเธอก็รักลูก
ทีมงานทุกคนกลั้นหายใจพร้อมกันโดยไม่รู้ตัวเพราะลลิตาเทกในจังหวะนี้นับครั้งไม่ถ้วนเพราะเธอเปลี่ยนอารมณ์ไปมาระหว่างความแค้นกับความรักของแม่ไม่ได้ ถ้าไม่พูดบทผิด เธอก็เล่นไม่ถึงอารมณ์ที่ผู้กำกับต้องการ
พวงครามเก็บซ่อนความรักที่มีต่อลูกไว้ พูดออกไปอย่างไม่แคร์ “อย่ามาพูดถึงลูกเลย ฉันไม่ได้สนใจไยดีอะไรมันหรอก ฉันมีมันก็เพื่อผูกใจคุณเมฆไว้ ในตอนที่ฉันยังหาใครให้พึ่งพาไม่ได้ต่างหากล่ะ”
“นังแม่ใจยักษ์” คุณนายมัลลิการ้องด่าอย่างเหลืออด
“ใช่ ฉันมันใจยักษ์ ฉันจะบอกให้แกรู้นะว่า ฉันเป็นคนส่งคนไปเผาตึกแถวของแก จนแกหมดเนื้อหมดตัว ต้องไปกู้เงินผัวฉันจนหนี้ท่วมหัวต้องยอมขายบ้านหลังนี้ล้างหนี้ไง”
คุณนายมัลลิกาตกใจกับข่าวที่ได้รับรู้จนช็อก เธอรู้สึกเจ็บหัวใจจนต้องทรุดลงนั่งบนโซฟา
“คัต ผ่านครับ” เสียงผู้กำกับทำให้ทีมงานหลายคนถอนใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“เฮ้ย…ผ่านซักที” แม้แต่คนเก็บความรู้สึกอย่างจีรพัฒน์ก็ยังอดตะโกนด้วยความดีใจไม่ได้
แต่ความสบายใจคงอยู่ได้ไม่นานก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้น
“หนูไม่ได้เอาไปจริงๆ นะคะคุณ” แม่บ้านกองถ่ายพูดเสียงเครือ ปากคอสั่น
“ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร มีแต่เธอที่เดินอยู่แถวห้องน้ำ” ลักษณาต่อว่าเสียงดัง ออกมือออกไม้ไม่ต่างจากนางร้ายในละคร
หากใครมาเห็นมาได้ยินการโต้เถียงกันนี้อาจจะคิดว่านี่คือการซ้อมละครฉากหนึ่ง หากแต่นี้คือเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นจริงในกองถ่าย
ขณะที่ทุกคนกำลังดีใจที่ฉากละครที่ยากแสนยากสำหรับลลิตาผ่านไปได้ แม่ของลลิตาก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในฉาก เธอโวยวายว่าแหวนเพชรของเธอหายไปหลังจากที่เธอไปล้างมือในห้องน้ำ ลักษณาปักใจว่าแม่บ้านของกองถ่ายเอาแหวนของเธอไป ไม่ว่าแม่บ้านจะอธิบายอย่างไรเธอก็ไม่ฟัง
“หลังจากคุณออกมาจากห้องน้ำ หนูเข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำก็จริง แต่หนูไม่เห็นแหวนของคุณเลยนะคะ”
“โกหก…” ลักษณาเถียงไม่ลดละ
“แม่คะ ใจเย็นๆ ก่อนสิคะ” ลลิตาอับอายที่แม่ของเธอโวยวายเหมือนคนไม่ได้รับการอบรมจึงพยายามปราม
“จะให้แม่ใจเย็นได้ยังไงล่ะลิลลี่” ลักษณายังไม่หยุด
“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ ในห้องน้ำมีกล้องวงจรปิด เดี๋ยวก็รู้ครับ” แดนสรวงบอกแล้วเดินนำหน้าลักษณาไปที่ห้องรักษาความปลอดภัย
“ในห้องน้ำมีกล้องวงจรปิดด้วยเหรอคะ” ลลิตาตกใจ
“มีเฉพาะตรงอ่างล้างหน้าค่ะ ในห้องส้วมไม่มีค่ะ” นุกนิกรีบอธิบายให้ดาราสาวเข้าใจ
เมื่อลักษณาได้ไปดูกล้องวงจรปิดทุกอย่างก็คลี่คลาย ภาพในกล้องแสดงให้เห็นว่าลักษณาถอดแหวนเพชรไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ หลังจากนั้นเธอก็ล้างมือ ลักษณาดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดมือแล้ววางกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วไว้บนแหวนเพชร แล้วแม่ของดาราสาวก็เดินออกจากห้องน้ำไปโดยไม่ได้เก็บแหวนเพชรไปด้วย
เมื่อลักษณาออกไปแล้วแม่บ้านก็เข้ามาเก็บขยะไปทิ้ง เธอเก็บกระดาษทิชชูทิ้งไปโดยไม่รู้ว่าได้รวบเอาแหวนเพชรทิ้งไปด้วย กว่าลักษณาจะนึกได้ว่าลืมแหวนและกลับมาดูเธอก็ไม่พบแหวนแล้ว
เมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วแม่บ้านก็รีบไปหาแหวนเพชรในถังขยะมาคืนให้ลักษณา แม่ของดาราสาวขอโทษที่ปรักปรำแม่บ้าน ส่วนแม่บ้านก็ขอโทษที่ทำงานสะเพร่า เรื่องทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี
ค่ำวันนั้นหลังเสร็จจากงานถ่ายทำละครตรีภพก็มาที่ลานจอดรถ เขาแปลกใจที่เห็นแดนสรวงยืนอยู่ที่ข้างรถเขา เหมือนมาดักรอพบ
“อ้าว พี่แดน ทำไมมาอยู่นี่ มีอะไรกับผมหรือเปล่าฮะ”
“ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อย”
สรรพนามที่เปลี่ยนจากพี่กับต้นเป็นผมกับคุณทำให้ตรีภพรู้สึกว่าเรื่องที่แดนสรวงจะพูดคงเป็นเรื่องสำคัญ
“ที่คุณให้สัมภาษณ์ว่าคุณกับคุณอัจจิมายังรักกันดี เป็นความจริงหรือเปล่า”
“จริงสิครับพี่ ทำไมพี่ถึงถามแบบนี้ล่ะ ที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับเอมนะครับ”
แดนสรวงรู้ว่าตรีภพกำลังต่อว่าเขาอ้อมๆ ว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง หรือถ้าพูดแบบไม่ต้องเกรงใจกันได้ ดาราหนุ่มคงอยากบอกเขาว่าอย่าเสือก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ
“ผมแค่อยากรู้ว่าเรื่องที่คุณพูดกับคุณมาดาที่ทางเดินข้างบ้านเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
ตรีภพตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ได้ยินอะไรบ้าง” เขาถาม
แดนสรวงนึกขอบคุณที่เกิดคดีแหวนเพชรหายเมื่อบ่ายนี้ เพราะเรื่องนี้ทำให้เขาได้เห็นธาตุแท้ของคนอย่างตรีภพ
ขณะที่ลักษณาสนใจดูกล้องวงจรปิดหน้าห้องน้ำ แดนสรวงกลับสนใจภาพวงจรปิดที่ห้องแต่งตัวของนักแสดง เขาเห็นตรีภพกำลังนั่งท่องบทอยู่ มาดานักแสดงสาวใหญ่ที่รับบทคุณนายมัลลิกาเดินเข้าไปคุยกับนักแสดงหนุ่ม ภาพที่เห็นผ่านกล้องวงจรปิดนั้นไม่ใช่การคุยกันธรรมดา ท่าทางที่สาวใหญ่สัมผัสตัวนักแสดงหนุ่มทำให้แดนสรวงคิดว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้ว่าจะไม่มีกิริยาใดที่เกินงามเกินกว่ารุ่นพี่กับรุ่นน้อง แต่สัญชาตญาณผู้กำกับของแดนสรวงบอกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
โชคเข้าข้างเขา ระหว่างช่วงพักกองแดนสรวงเห็นตรีภพเดินเลี่ยงจากกลุ่มเพื่อนไป ครู่ต่อมาเมื่อมาดาหันมาเห็นเธอก็เลี่ยงออกไปจากกลุ่มเพื่อนเช่นกัน
แดนสรวงไม่ชอบบทละครที่มีการแอบฟังเลย เขาคิดว่ามันตื้นเขิน มีแต่คนเขียนบทที่คิดวิธีเผยความลับไม่ออกเท่านั้นจึงจะใช้วิธีให้ตัวละครแอบฟังตัวละครอื่นคุยกัน แต่วันนี้เขาจำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อไขข้อข้องใจให้ตัวเอง
แดนสรวงแอบตามไปและเห็นตรีภพไปนั่งทอดอารมณ์ที่ม้ายาวด้านข้างบ้าน แดนสรวงหลบไปในบ้าน เขาค่อยๆ เลื่อนหน้าต่างกระจกให้แง้มเล็กน้อย เพื่อให้ได้ยินเสียงสนทนา ไม่นานนักมาดาก็ตามมา เมื่อพระเอกหนุ่มหันมาเห็นนักแสดงสาวใหญ่ เขาก็ลุกหนี มาดาเดินมาขวางไว้
‘ต้น คุยกับพี่ก่อนสิ’
‘ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ดา ถึงผมจะรักหรือไม่ได้รักเอมแล้ว ผมก็ไม่เลือกพี่ดาหรอก’
‘แหม ตัดไมตรีกันจังเลยนะ พี่รู้หรอกว่าต้นไม่อยากถูกแม่บงการให้รักชอบกับยายระพี ถ้าครอบครัวของต้นมีปัญหาเรื่องเงินละก็ พี่ช่วยได้นะ’
‘ถ้าผมคบกับพี่ เราก็เปิดเผยไม่ได้นะ ผมไม่อยากโดนสังคมเล่นงาน ถ้าจะเลิกกับเอม ก็ต้องรอให้ข่าวเงียบก่อน’
‘พี่เข้าใจค่ะ ต้นจะคบกับยายระพีบังหน้า พี่ก็ไม่ว่านะ’
ตรีภพยิ้มให้มาดา ในแววตานั้นมีความพิศวาส
“ผมถามว่าได้ยินอะไรบ้าง” ตรีภพถามซ้ำ
แดนสรวงไม่ตอบแต่กลับบอกว่า “ผมแค่อยากรู้ว่าถ้าคุณไม่รักคุณอัจจิมาแล้วคุณให้สัมภาษณ์แบบนั้นทำไม”
“ผมจะรักหรือไม่รักเอม มันเกี่ยวอะไรกับพี่”
“มันไม่เกี่ยวกับผมหรอก แต่ผมสงสารเธอ ถ้าคุณไม่รักเธอแล้ว คุณก็ควรจะบอกความจริง ไม่ใช่หลอกเธอแบบนี้”
“ผมไม่ได้หลอก บอกตอนนี้เอมก็รับไม่ได้หรอก”
“แล้วคุณจะรอถึงเมื่อไหร่”
“เมื่อไหร่ก็เรื่องของผม…ไม่ว่าพี่จะได้ยินอะไรมา ถ้าพูดให้ผมเสียหายละก็ ผมฟ้องพี่แน่”
แดนสรวงนึกเจ็บใจ เขาได้ยินเต็มสองหูว่าผู้ชายคนนี้เต็มใจจะสลัดทิ้งผู้หญิงคนหนึ่งไปเกาะชายกระโปรงผู้หญิงอีกคนเพียงเพื่อเงิน ครั้นความเลวของตัวจะถูกเปิดเผยก็กลัวจนต้องเอากฎหมายมาขู่ หาความเป็นลูกผู้ชายไม่ได้เลยสักนิด
“ทีนี้กลัวเหรอ หน้าตัวเมีย”
“ว่าไงนะ…” ตรีภพโกรธจัดเดินเข้ามากระชากคอเสื้อแดนสรวง
แดนสรวงไม่กลัว เขาผลักตรีภพอย่างแรงจนชายหนุ่มล้มลงไปกระแทกกับกระโปรงหน้ารถยนต์
“แล้วพี่จะรู้ว่าพี่เล่นกับใครอยู่” ตรีภพกล่าวอาฆาต