
A MIND จิตอริยะ บทที่ 12 : สู่การหลบหนี
โดย : ไข่เจียวหมูสับ
A MIND จิตอริยะ โดย ไข่เจียวหมูสับ กับเรื่องราวซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของระบบสลับจิตที่นำมาทั้งการตามล่า บททดสอบทางศีลธรรมและความรักที่อาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา และนี่คือนวนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับเลือกจากโครงการช่องวันอ่านเอาปี 4 ที่จะถูกนำไปสร้างเป็นละครและเป็นนวนิยายที่เราอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ anowl.co
สิบห้านาทีก่อน ปกป้องกับพิณเพลงตกลงกันว่าจะหนีไปจากเมืองนี้
“เราหนีกันเถอะ” พิณเพลงกล่าวเด็ดขาด เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงลำลองที่ดูสบายตัว
“แล้วเราจะไปที่ไหนได้” ปกป้องเริ่มกังวล รู้ดีว่าตนไม่ได้มีความเป็นผู้นำสักเท่าไร
“ไปไหนก็ได้ แค่หนีให้ถึงที่สุด อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด” พิณเพลงเดินมาจ้องหน้าเขา สายตานั้นสื่อว่าตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นมืดมนเป็นพิเศษ พวกเขาถอดแว่นกันแดดออก แต่ยังคงสวมแมสก์ปิดบังใบหน้า เดินออกมาตามซอยเล็กๆ มือถือนั้นถูกทิ้งไปหมดแล้วเพื่อป้องกันการดักติดตาม เหลือแต่เครื่องรุ่นเก่าแก่ติดตั้งไว้เครือ่งหนึ่ง ความจริงอยากนั่งรถออกไปนอกกรุงเทพฯ แต่กลับกลายเป็นว่าแม้แต่ทางพิเศษหรือรถประจำทางก็มีการตรวจจับใบหน้าและข้อมูลบัตรประชาชนกันอย่างเข้มข้น เล่นเอาการจราจรติดขัดไปหมด รัฐบาลคงคิดตามล่าเขาอย่างเอาจริงแล้ว เรื่องนี้ทางหมวดพิศวัติเองก็คงไม่ทราบ
ก่อนจะออกมาเขาพรินต์ข้อมูลทั้งหมดของโครงการที่ผู้หมวดส่งให้ออกมาอ่าน และก็ยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจ
อลิน ริช งั้นหรือ มันต้องการอะไรจากเรา…ฆ่าปิดปากเพราะความทรงจำกลับมางั้นหรือ งั้นทำไมไม่ใช้ตำรวจปราบปรามของฝ่ายตรวจสอบส่วนกลาง มันจะทำอะไรวุ่นวายแบบนี้ไปเพื่ออะไร
ใช่แล้ว เพราะไม่อาจให้ตำรวจคนอื่นรู้ได้ยังไงล่ะ…ภรรยาของหมวดพิศวัติสมัยยังมีชีวิตก็เป็นคนของ A MIND
จะส่งคนมาสั่งหมวดพิศวัติก็ได้ แต่กลับมาด้วยตนเอง เพราะไม่เชื่อใจใครอีกแล้ว หรืออาจจะรู้สึกระแวง
ไม่มีอะไรชี้ชัดได้สักอย่าง แต่พอลองมองในแง่ร้ายก็เห็นภาพที่โคตรน่ากลัวขึ้น อลิน ริชน่าจะเป็นเหมือนกับเขา มันมีความทรงจำของฆาตกรอยู่…
เพราะอาการปวดหัวจากเสียงวิ้งร้ายแรงขึ้นกระทั่งปกป้องเดินต่อไม่ไหว ทั้งสองจึงต้องหาที่หลบ โดยมานั่งพักในซอยแคบๆ แต่แล้วก็พบว่าที่ฝั่งตรงข้ามถนนนั้นมีตำรวจสสองคนกำลังเดินตรวจตราไปรอบๆ
ปกป้องมองซ้ายขวาเพื่อหาทางหนี ก่อนจะพบบางสิ่งที่น่าสนใจ
อาคารร้างแห่งหนึ่งที่สร้างเป็นทรงห้าเหลี่ยม มันดึงดูดเขาเข้าหาอย่างน่าประหลาด เมื่อถามพิณเพลง เธอเองก็เห็นด้วย และบอกว่าไม่มีทางเลือกแล้ว ทั้งสองจึงแอบลอบเข้าไป อันที่จริงอยากจะไปให้ไกลกว่านี้ แต่ตำรวจเริ่มตรวจเข้มมากขึ้นอย่างผิดปกติ ไปทางไหนก็เสี่ยง
สุดท้ายก็หนีไปได้ไม่ไกล เป็นแค่การถ่วงเวลาเท่านั้น ปกป้องรำพึงกับตัวเอง
เมื่อมองทะลุจากตัวอาคารที่ยังไม่ก่อกำแพงในบางจุดออกไป เห็นอาคารสำนักงานใหญ่ของการ์ด แอนด์ ลิงก์ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล ชั้นบนยังถูกปิดซ่อมแซม
คงไม่ได้กลับไปอีกแล้ว…
พิณเพลงพยุงเขาที่ท่าทางไม่ดีมานั่งตรงกลางอาคารชั้นสาม ลมกำลังดี แต่เสียงวิ้งก็ดังมากเช่นกัน
“ปกป้องคะ” พิณเพลงรื้อของในกระเป๋าสะพายหลังสีดำ หยิบโปรตีนแท่งออกมา “ทานอะไรเสียหน่อยนะ”
เมื่อได้เห็นของในกระเป๋าก็ถึงกับต้องหลุดขำออกมา
ช่วงที่เตรียมตัวหนีก่อนหน้านี้ พอพิณเพลงส่งข้อความไปหาเถ้าแก่เนี้ยว่าจะขอลางานชั่วคราว และจะไล่เธอออกก็ไม่มีปัญหา แต่เถ้าแก่เนี้ยกลับให้คนขับมอเตอร์ไซค์มาส่งของแทบจะในทันที ภายในกล่องกระดาษลังนั้นเต็มไปด้วยเสบียงและยา แถมยังฝากข้อความมาสั่งสอนอีกต่างหาก
การจะหนีตามกันนั้นสำคัญที่ความรักก็จริง แต่สำคัญไม่แพ้กันจากนั้นคือเสบียงและสุขภาพ ทานให้อิ่มท้อง จะผิดจะถูกให้อนาคตตัดสิน แต่ที่สำคัญคือห้ามทิ้งกัน หากเลือกจะร่วมกันแหกกฎ ก็ต้องรับผลร่วมกัน
เล่นเอาไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่ทั้งสองก็ขอรับของไว้
“ผมทำให้คุณมีประวัติด่างพร้อยสินะ” เขากล่าวในขณะทานอาหารแท่ง ว่าแล้วก็ก้มหัวขอโทษ
พิณเพลงขำแล้วก้มหัวรับ บอกว่า “ดูแลฉันให้ดีด้วยล่ะ”
การที่ปกป้องพกมือถือรุ่นเก่าพอสมควรติดมาด้วย ทำให้พอจะเข้าอินเทอร์เน็ตได้ แม้ไม่ถึงกับรวดเร็วดั่งใจ แต่ก็ยังสามารถรับข่าวสารได้อยู่ และข่าวในนั้นรายงานว่ามีการปิดทางเข้าออกในระดับเขตอย่างเข้มข้น
กลายเป็นเรื่องร้ายแรงไปแล้ว พูดตามตรงว่าเกินเหตุไปมาก เขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายเสียหน่อย
“พวกตำรวจตั้งใจเต็มที่ในการหาเรื่องโครงการ A MIND แต่ทำไมล่ะ” พิณเพลงถามด้วยความสงสัย
“การมายุ่งเกี่ยวกับการจัดการอาชญากรร้ายแรง คงไม่พ้นต้องเหยียบเท้าคนในกรมตำรวจหรือไม่ก็ฝ่ายตุลาการบ้าง หรือไม่งั้นพวกผู้มีอำนาจอาจมองว่าถึงเวลาแล้วที่โครงการจะต้องถูกยุบไป ไม่มีใครอยากรับผิดชอบความเสียหายจากงานที่มีความเสี่ยงแบบนี้หรอก”
ยิ่งพูดยิ่งสิ้นหวัง คนร้ายตัวจริงยังลอยนวลอยู่เลย แต่พวกนั้นกลับลงทุนขนาดนี้เพื่อจับเขา ต้องหาทางหยุดให้ได้… แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า เขาไม่ใช่พระเอกในภาพยนตร์แอ็กชันหรือสืบสวน ไม่มีปัญญาจะไปตามหา อลิน ริช หรอก แค่จะพาตัวเองหนีออกต่างจังหวัดยังทำไม่ได้เลย
ปกป้องพยายามค้นหาอะไรที่สงสัยในข่าวออนไลน์ ผ่านไปสักพักก็รู้สึกอยากจะอาเจียนอีกแล้ว
หนวกหูชะมัดเลย ไอ้เสียงวิ้งๆ พวกนี้ ระยะหลังแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่เสียงจากการก่อสร้าง แต่มาจากในหัวเขาเอง
จากชั้น ๓ ของอาคาร เห็นรถตำรวจวิ่งไปมาเป็นระยะ ไม่รู้ว่าภายในเขาคุยอะไรกันถึงออกมาเป็นสถานการณ์แบบนี้ได้นะ
“ปกป้อง” พิณเพลงส่งเสียงเรียกในขณะที่ทั้งคู่นั่งบนพื้นริมขอบเขตอาคาร เพราะไม่มีกำแพงจึงปล่อยขาออกไปได้เต็มที่ “เดี๋ยวพวกเขาก็คงมาที่ตึกนี้ใช่ไหม”
“แน่นอน คงอีกไม่นานแล้วละ” เขาเอื้อมมือไปโอบไหล่ของเธอไว้แน่น ใช่แล้ว แค่ขึ้นมาถึงตึกนี้ได้ก็ปาฏิหารย์แล้ว
โอบกันอยู่นานกระทั่งเขาแอบชักมือกลับด้วยความเขินอาย
“หนีไปไหนก็ไม่ได้ แก้ปัญหาก็ไม่ตก ไม่เหมือนในหนังเลยเนอะ” เขาบ่นเบาๆ
เวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง พิณเพลงชันเข่าขึ้นมา ก้มหน้าลง กอดเข่าทั้งสองข้างเอาไว้ “ถ้าตำรวจมาถึง เราโดดลงไปพร้อมกันไหม”
“ห้ามทำแบบนั้นเชียวนะครับ” เขาใช้เสียงดุ
“รู้แล้ว…” พิณเพลงกระซิบ จากนั้นจึงหันหน้าขึ้นมามอง “ถ้าฉันท้องลูกของปกป้องจะช่วยแก้ปัญหาได้ไหม” หญิงสาวถามแล้วเงียบไป ราวกับกำลังรอคำตอบ
“อย่างนั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลย สงสารเด็กด้วย”
พิณเพลงบ่นว่า “ก็จริงนะ แย่จัง”
“ขอโทษนะครับ ไม่ตั้งใจจะขัดไปเสียทุกอย่างหรอก”
“ฉันรู้ค่ะ”
พิณเพลงเงียบไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะมองมาทางเขา “เรากำลังจะฉิบหายแล้วสินะ”
“อืม เรากำลังจะฉิบหายสุดกู่เลยครับ”
จากนั้นปกป้องและพิณเพลงก็หัวเราะออกมาให้กับความฉิบหายที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่านอกจากเสียงวิ้งน่ารำคาญแล้ว ขมับก็เริ่มกระตุกเช่นกัน
เขาส่งสายตาลนลานไปยังพิณเพลง มีภัยกำลังใกล้เข้ามา…และเธอก็เข้าใจในทันที
พิณเพลงจับแขนของปกป้องและออกแรงยันให้เขาลุกขึ้น แต่พอยืนนิ่งประมาณห้านาทีก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะลองเดินดูรอบๆ อีกครั้ง น่าแปลกที่ตัวเขาดึงดันจะไม่เปลี่ยนสถานที่
“อาคารแห่งนี้มันดึงดูดผมเข้ามา” ปกป้องกระซิบในขณะที่เธอช่วยพยุงออกเดิน ครู่หนึ่งเขาก็เดินเองได้
ที่น่าสงสัยคือลานกว้างตรงกลางอาคาร แต่จากชั้นสามนั้นมองไม่ชัดเพราะมีการก่อผนังทึบขึ้นมาบัง ที่รู้ว่ามีลานตรงกลางก็เพราะมองลอดรูผนังออกไป ทั้งสองต้องเดินมาถึงชั้นห้าจึงจะมองลงไปได้สะดวก ก่อนจะพบว่าช่องว่างที่ลึกไปถึงชั้นล่างสุดนั้นมีบางสิ่งที่สะดุดตาอยู่
วัตถุก้อนกลมสีดำขนาดใหญ่สักเมตรครึ่ง วางอยู่อย่างสงบนิ่งตรงริมกำแพงฝั่งตรงข้าม มันอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรก คอยส่งเสียงรบกวน และคราวนี้ก็ดึงดูดเขาเข้ามา ปกป้องแน่ใจ แต่…นั่น! สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นอยู่ห่างออกมาไม่มากนัก…คงเพราะอยู่ใต้มุมสายตากระมังจึงมองเห็นทีหลัง
จากก้อนวัตถุทรงกลมปริศนาเข้ามาทางฝั่งที่ทั้งคู่ยืนอยู่ มีร่างของหญิงสาวนอนคว่ำในกองเลือด นิ่งสนิทในสภาพที่ไม่น่ามีลมหายใจแล้ว!
ร่างนั้นอยู่ห่างจากขอบอาคารฝั่งเดียวกับพวกเขาประมาณหนึ่งเมตร คงถูกผลักตกลงไปจากชั้นไหนสักชั้นหนึ่ง
พิณเพลงกอดแขนปกป้องแน่น เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก ทว่าแม้มองจากด้านหลัง กลับรู้สึกคุ้นเคยกับหญิงสาวที่นอนอยู่อย่างน่าประหลาด ราวกับเคยที่เจอที่ไหนมาก่อน
เสียงวิ้งยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ “ผมไม่ไหวแล้ว” เขาเริ่มทรุดลงไปกับพื้น ส่วนพิณเพลงพยายามจะประคองไม่ให้เสียหลักหล่นลงไปจากระเบียงที่ยังสร้างไม่เสร็จ จากนั้นจึงพาเขามานั่งพักพิงเสายักษ์ที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของอาคาร
“อุปกรณ์ทรงกลมนั่นมันต้องส่งผลอะไรต่อผู้ฟื้นสติแน่ ผมมั่นใจ” ปกป้องพยายามจะลุกขึ้นยืน แปลกใจที่ตนเริ่มคุ้นชินกับเสียงแล้ว ทั้งที่อยู่ใกล้มากขึ้นแท้ๆ
แต่ก่อนจะทันได้ถกกับพิณเพลง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางบันไดวนด้านขวามือ
“อ้าว” เสียงสดใสนั่นทำให้ขนลุก “แค่ออกไปเปิดโลกกับสูดอากาศแป๊บเดียว ดันมีแขกมาเยือนเสียอย่างงั้น”
เจ้าของเสียงนั่นคืออลิน ริช ในสภาพซอมซ่อและดูอันตราย ร่างในชุดมอมแมมที่ดูเกร็งอย่างผิดวิสัยค่อยๆ เอียงคอมองทั้งคู่อย่างพินิจพิเคราะห์
“คนชั่วมักจะถูกแรงดึงดูดชักนำให้มาพบกัน เราทั้งคู่ก็ไม่อาจขัดขืน” อลินกล่าวแล้วเอี้ยวคอมองลงไปยังทิศที่ลูกทรงกลมนั่นวางอยู่ “การประมวลผลล่าสุดชี้ชัดแล้วว่าบางจังหวะ…คลื่นนี้มันจะดึงดูดคนอย่างพวกเราเข้าใกล้ นั่นคือสาเหตุหนึ่งที่เราได้มาเจอกันสินะ”
เขากับพิณเพลงพูดไม่ออก พยายามดันร่างเธอไปด้านหลังแต่หญิงสาวก็ต้านไว้ เธอคงตั้งใจจะตายพร้อมกัน ซึ่งมันจะต้องไม่เกิดขึ้น
“อุปกรณ์นั่น มันทำให้ความทรงจำของตัวแทนกลับมาใช่ไหม”
“ถูกต้อง”
“งั้นเราต้องหยุดมัน ผมกับคุณ ถ้าเราร่วมมือกันรับรองว่า…”
“เราจะหยุดไปทำไมหรือครับ คุณปกป้อง” อลินทำหน้าเหวอ ปกป้องเองก็เช่นกัน…อดแปลกใจในคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้
“คุณอยากจะให้ความทรงจำของนักโทษกลับมางั้นหรือครับ ทั้งบุคลิกและนิสัย มันอาจจะกลืนกินคุณ ไม่สิ…” ปกป้องกล่าวอย่างสิ้นหวัง “มันกลืนกินคุณไปแล้ว”
พริบตานั้นขมับขวาแทบจะระเบิด ฉิบหายแล้วจริงๆ ด้วย
อลินค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ส่วนพวกเขาทั้งสองนั้นหลังติดกำแพง
“คนเราน่ะ มันต้องตายสักครั้งจึงจะได้ใช้ชีวิต” อลินว่าแล้วดีดนิ้ว “ผมเคยพูดประมาณนี้สินะ แม่-งถูกเผงเลย ถ้าไม่ฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ก็คงไม่ตระหนัก”
“ความทรงจำของคุณกับฆาตกรกำลังปะปนกัน อย่ายอมให้มันกลืนกินสิครับ” ปกป้องตะโกน เป็นประโยคที่โคตรสิ้นหวัง “คุณคืออลิน ริชนะ”
“กูไม่ใช่อลิน!” เสียงนั้นดุดัน แต่ยังมีความลังเล นั่นเท่ากับว่ายังมีความหวังอยู่
“แต่ก็ไม่ใช่คนร้ายคนนั้นด้วย คิดเสียว่าคุณเป็นคนใหม่ คุณเลือกได้ว่าจะ…”
ปกป้องไม่ทันได้จบประโยค เพราะอีกฝ่ายคว้าปืนออกมาจากเสื้อนอกที่มอมแมมนั่น แล้วลั่นไกยิงใส่เขาทันที กระสุนเยื้องโดนที่แก้มขวา เขารีบคว้าแขนของพิณเพลงแล้วพากันวิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต
ขณะเดียวกันอลินไม่ยิงต่อให้เปลืองกระสุน แต่กลับวิ่งตามมาให้ได้ระยะยิง
เพราะความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ไม่นานร่างของอลินก็วิ่งเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มปล่อยกระสุน มีนัดหนึ่งเฉี่ยวไปที่ขาของพิณเพลง เธอล้มลงทันที เขารีบเอาตัวบังเอาไว้ แต่กลับไม่มีนัดต่อไป
เมื่อมองดูจึงรู้ว่าอลินกระสุนหมดแล้ว ฆาตกรเหนี่ยวไกเปล่าอีกสองครั้งจึงเขวี้ยงปืนทิ้ง
และนั่นเป็นโอกาสที่เขาจะหยุดมัน
ปกป้องมองพิณเพลง กระซิบว่าให้รีบไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งเธอก็รีบวิ่งกะเผลกไปในทันที ส่วนเขานั้นพุ่งเข้าใส่อลินสุดแรง
ร่างของทั้งสองกระแทกและล้มกลิ้งไปตามพื้นเปื้อนฝุ่นสีน้ำตาลอ่อน ก่อนจะแลกหมัดกันอย่างดุเดือด รู้สึกได้ถึงกระดูกกรามของอลินที่ร้าวด้วยกำปั้นเขา และรู้สึกถึงความปวดแน่นที่ซี่โครงขวาจากแรงตีนของมัน
อลินนั้นโดดเด่นทั้งร่างกายและมันสมอง ส่วนเขามีแค่ความฉลาดที่ไม่ถึงขั้นอัจฉริยะ เมื่อผสานกับร่างฆาตกรที่ชอบใช้กำลังของแต่ละฝ่าย อลินนั้นได้เปรียบกว่า ไม่นานก็เป็นปกป้องที่ถูกคร่อมร่างและบีบคอ อีกฝ่ายยืดหัวขึ้นและสะบัดไปมาเพื่อไม่ให้เขาจิ้มตาได้
ปกป้องใช้แรงอีกเฮือกหนึ่งสอดแขนเข้าตรงกลางระหว่างเขากับอลิน ไม่นานก็หลุดจากการบีบของมัน ก่อนจะถูกชกจากด้านบนหลายหมัด เขารีบปัดป้องและสวนกลับไป แต่กระนั้นก็ยังเสียเปรียบหนัก
“แกจะฆ่าฉันให้มันได้อะไร” เขาตะโกนถามในขณะที่กำลังถูกชก
“ก็ให้ทุกอย่างเป็นความผิดของแกไงล่ะ แกคือความผิดพลาดของเอ็ดเวิร์ด แกเป็นคนวางระเบิด เป็นฆาตกรฆ่าผู้หญิงที่ชั้นล่างนั่น และฉันจะเป็นฮีโร่ที่กอบกู้ความถูกต้องของโครงการนี้กลับมา ฉันจะเป็นผู้เสียสละแบกรับบาปนี้เอง”
“คนในประเทศนี้เขาไม่ได้โง่นะเว้ย แกไม่มีทางถูกเชิดชูอย่างนั้น เผลอๆ ก็คงถูกเคลียริงหลังจากนี้” ปกป้องโต้กลับทั้งที่หวาดกลัวอย่างหนัก สำนึกหายไปหมดสิ้นจากสมองของอลินแล้ว
“ไม่หรอก ถ้าเป็นอลิน ริชอย่างกูละก็…จะพูดอะไรก็ต้องมีคนเห็นด้วยอยู่แล้ว มันจะเกิดกระแสต่อต้านจากทั้งสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งจะปกป้องกู อีกฝั่งจะคิดฆ่า กว่าที่คำตัดสินจะออกมา ตัวกูก็หนีไปไกลแล้ว มึงมันก็แค่ตัวถ่วงเวลาเท่านั้น”
ทันใดนั้นมันก็หยุดต่อย ยิ้มน้อยๆ ก่อนพาร่างที่เหงื่อท่วมกายลุกขึ้น พยายามทรงตัวก่อนจะหยิบอะไรสักอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง ส่วนเขาพยายามชันตัวขึ้น ไม่เข้าใจสักนิดว่าอลินต้องการอะไร
จากนั้นเสียงวิ้งก็ดังขึ้น คราวนี้ดังกว่าปกติหลายร้อยเท่า ปกป้องถึงกับหงายหลังกับพื้นและโก่งตัวอาเจียนออกมา
“คิดดูอีกทีแกพูดถูกว่ะ ให้ตายเหอะ ฉันรู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลย”
ปกป้องมองตาเปี่ยมความสุขของมัน อลินในเวลานี้คงไม่แน่ใจแล้วว่าตนเองเป็นใครกันแน่
“อ้อ แกสงสัยใช่ไหมว่ามันคืออะไร เอาเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สุดคูลที่พวก A MIND มันสร้างขึ้น เอาไว้ควบคุมระบบจากภายนอก น้องคนสวยที่นอนกองอยู่ชั้นล่างเขาให้ฉันมาก่อนที่จะเหินฟ้าลงไปน่ะ” อลินพูดแล้วก็หัวเราะเหมือนเด็ก ส่วนปกป้องนั้นยังปวดหัวไม่หยุด “เหมือนว่ามันจะช่วยประมวลผลและคัดลอกคลื่นความถี่นี้ได้ แค่ต้องปรับแต่งนิดหน่อย ถึงฉันจะโง่ลงไปนิดแต่ก็ยังไหว”
มันขยี้ผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง “อ้อ แล้วถ้ากดปล่อยความถี่จากเครื่องนี้เพิ่มอีกต่อหนึ่งก็จะเป็นแบบแกนั่นแหละ ความทรงจำมันเริ่มปะทุขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหมล่ะ ส่วนฉันน่ะ ชินเสียแล้วเลยไม่ค่อยเป็นไร ยังมีอีกมากที่ต้องศึกษาว่ะ”
“แกต้องการอะไรกันแน่วะ” เขาคลานไปกับพื้น ส่งเสียงอย่างยากลำบาก เหมือนร่างกายควบคุมไม่ได้แล้ว “แกอยากจะฆ่าฉันหรือทำอะไรกันแน่ หา!”
คนที่เคยเป็นอลิน ริชหัวเราะออกมา “ไม่ ไม่ ไม่ฆ่าแล้ว เมื่อกี้แกเพิ่งกระตุ้นความคิดอันล้ำเลิศขึ้นมา”
มันทิ้งตัวลงไปคุกเข่ากับพื้น ห่างจากเขาไปไม่กี่คืบ “จริงของแก คนในประเทศนี้ไม่ได้โง่ อย่างไรเสียฉันก็จบเห่แล้ว คงไม่ได้กลับไปเจอหน้าลูกเมียอีก ไม่กล้าให้พวกเขามาเสี่ยงหรอก…แต่ยังมีอีกเรื่องที่น่าลอง…”
ปกป้องมองหน้าของมันที่กำลังเคาะไปที่อุปกรณ์ทรงคล้ายสมาร์ตโฟนเบาๆ หวาดกลัวจับขั้วหัวใจ “ระบบในเครื่องนี้มันมีข้อมูลทั่วไปของผู้ฟื้นสติอยู่ ทั้งเบอร์โทร อีเมล แชต แถมยังส่งข้อความไปหาภายใต้ชื่อของ A MIND อีก รับรองเลยว่าผู้ฟื้นสติต้องอ่านข้อความที่ถูกส่งจากเครื่องนี้แน่นอน ใครมันจะกล้าเมินกันเนอะ ว่าไหม”
“ไม่ ไม่ อย่านะ…”
“ถ้าเราใช้เวลาคำนวณให้ชุดของความถี่มันลงตัวร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วค่อยส่งสำเนาไฟล์ความถี่นี้ไปให้พวกนั้นล่ะ พวกนั้นจะฟื้นสติขึ้นมาจริงๆ เหมือนกับพวกเรา ใช่ไหม ปกป้อง…ไม่สิ ใช่ไหมล่ะ…ธาดาร์…”
“แกมันบ้าไปแล้ว! เรียกสติกับเหตุผลกลับมาก่อนสิวะ แกไม่มีความแค้นอะไรกับใครเลย แกมีชีวิตใหม่แล้ว แกจะทำอย่างนั้นไปทำไม” ปกป้องถามไปอย่างสิ้นหวัง รู้ดีว่าเหตุผลและตรรกะทั้งหมดของอลินสลายหายไปแล้ว เป็นผลกระทบของการผสมจิตกับฆาตกร…
ในอดีตเขาเคยอ่านบทความหนึ่ง เป็นผลการวิจัยด้านจิตวิทยาของอาชญากร ผลสรุปที่ได้นั้นระบุว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าฆาตกรเลือดเย็น คือฆาตกรที่ไร้ซึ่งเหตุผล เพราะเราไม่สามารถคาดการณ์หรือทำความเข้าใจในพฤติกรรมของพวกเขาเหล่านั้นได้เลย
อลินเริ่มมองขึ้นเพดาน สายตานั้นเปล่งประกายเพ้อฝัน “เราจะได้ฆาตกรที่มีมันสมองของอัจฉริยะเพิ่มขึ้นทันทีถึง ๔๕ คน ประเทศนี้จะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่รู้นะ แต่น่าจะวุ่นวายและยับเยินภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงแน่นอน”
“อย่านะ คุณอลิน ผมขอร้อง อย่าทำแบบนั้น” ปกป้องไปไม่ถูกแล้ว เขากราบลงกับพื้นอาคาร “ผมขอโทษ ผมเสียใจจริงๆ ครับ ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องแบบนี้ ผมขอโทษที่จำเรื่องในอดีตได้ เพราะผมใช่ไหม คุณถึงต้องมาที่เขตนี้และได้รับความถี่ระยำนี้เข้าสู่สมอง เพราะงั้น ได้โปรด ทำผมคนเดียวเถอะ อย่า…”
อลินถีบใส่หน้าของเขาดังปึ้ก แต่ปกป้องยังไม่ยอมแพ้ ยังคงขอร้องต่อไป ไม่นานอลินก็ชะงักเท้า
ไม่ใช่เพราะหมดแรงทำร้ายปกป้อง แต่เพราะถูกแทงที่สีข้างด้านหลังด้วยมีดพับสวิส
คนแทงคือพิณเพลง มันร้องครางออกมาและฟาดหลังแหวนใส่เธอทันที ร่างของพิณเพลงถลาลงกับพื้น ท่ามกลางเสียงตะโกนแทบขาดใจของเขา
อลินดึงมีดเล่มสั้นออกจากร่าง “น่าหงุดหงิดชะมัด ช่างแม่ง ฆ่ามึงก่อนแล้วกัน” มันกล่าวก่อนจะก้มหยิบมีดเล่มยาวออกมาจากรองเท้าบูตเดินป่า พล่ามเบาๆ ว่า ถ้าจะใช้มีดต้องรุ่นนี้ถึงจะสนุกกว่า และพุ่งเข้าหาปกป้องที่ยังลุกไม่ขึ้นเพื่อหวังแทงปลิดชีพ
ในวินาทีที่คมมีดพุ่งตรงเข้าใส่ลูกตา หัวของปกป้องก็เบี่ยงหลบทันท่วงที และปล่อยหมัดขึ้นจากด้านล่าง ส่งให้อลินหงายหลังลงไปแทน
พริบตานั้นเองที่สติของเขาเริ่มเลือนหายไป ได้ยินเสียงแว่วมาจากที่ใดสักแห่ง เสียงของอีกหนึ่งฆาตกร
“ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ อีกต่อไป…ผมจะช่วยพวกคุณกับพิณเพลงเอง”
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 12 : สู่การหลบหนี
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 11 : ความถี่ปริศนา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 10 : การเตรียมใจของปกป้อง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 9 : ช่องโหว่ของระบบ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 8 : สัญญาของดอกไม้ไฟ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 7 : จุบจบที่เริ่มตั้งเค้า
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 6 : ความสุขที่โหยหา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 5 : พบกันอีกครั้ง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 4 : ผู้ฟื้นสติ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 3 : สำนึกสุดท้ายของปกป้อง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 2 : โครงการสลับจิต
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 1 : วาระสุดท้ายของธาดาร์ โพ้นวิไสย