สวนสนุก
โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ
When We Met โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราวหลากรส ของผู้คนอันหลากหลาย ที่เราได้มีโอกาสพบปะเจอะเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นความเปรี้ยวนิดๆ หวานหน่อยๆ หรืออาจขมบ้างเป็นบางเวลา ที่พร้อมแบ่งปันให้ผู้อ่านได้จดจำนึกถึงและสุขสำราญไปด้วยกัน
“ขอให้ได้เจอเพื่อนร่วมงานดีๆ แบบพวกเรา”
“ได้ดีแล้วแวะมาหากันบ้างละ”
“ขอให้เจ้านายรัก เจ้านายหลง”
“ถ้าทำงานที่นั่นแล้วไม่มีความสุข กลับมาทำงานกับพวกเรานะ” …และอีกสารพัดคำอวยพรของเพื่อนร่วมงานที่ปรางไม่คิดว่าเธอจะได้รับมันในวันนี้ วันสุดท้ายของการทำงานในสวนสนุก ที่เธอเคยคิดว่ามันไม่สนุก กลับทำให้เธอรู้สึกใจหายและเสียดาย ใครจะไปคิดว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานแบบ 8 โมงเช้า 5 โมงเย็น มันจะให้เธอรู้สึกดีและเต็มตื้นในหัวใจได้ ทั้งๆ ที่เรากำลังจะจากกัน
ตั้งแต่เรียนจบปรางเปลี่ยนงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง แต่ละแห่งเธอใช้เวลาในการทำงานไม่เกิน 2 -3 ปี อาชีพของปรางคือการเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานที่เพื่อนร่วมงานในบริษัทเกือบทุกแห่งที่เธอผ่านมา มักพูดให้ได้ยินเสมอๆ ว่าเป็นงานง่ายๆ ที่ใช้แค่ความสวยกับรอยยิ้มแล้วตอบคำถามของลูกค้าหรือคนที่มาติดต่อบริษัทให้ได้ วันๆ ไม่เห็นจะทำอะไร ไม่ต้องหอบงานกลับไปทำที่บ้าน ไม่ต้องเข้าประชุมวันละ 2-3 ชั่วโมง หรือโดนกดดันเรื่องการหาตัวเลขเข้าบริษัทแบบฝ่ายการตลาด เช้ามาทำงาน เย็นก็เลิกงานกลับบ้านตรงเวลา ซึ่งมันก็คงจะจริงอย่างที่ทุกคนพูด งานของเธอไม่ต้องแบกภาระความรับผิดชอบใดๆ แบบข้ามวัน เธอแค่รับมือกับอารมณ์อันหลากหลายของลูกค้าที่ทั้งโทรศัพท์และเดินเข้ามาหาในระหว่างวัน เป็นด่านหน้าก่อนโอนปัญหาที่ลูกค้าต้องการการแก้ไขหรือช่วยเหลือไปยังแผนกที่เกี่ยวข้อง
ตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ทำงาน เธอจำพนักงานในบริษัทได้ทุกคน ทุกแผนก แต่กลับรู้จักทุกคนในองค์กรแบบผิวเผิน มีพูดคุยทักทายกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นพูดคุยกันในเรื่องส่วนตัว และในระหว่างวันเธอก็ไม่เคยเดินแวะไปคุยเล่นกับเพื่อนพนักงานในแผนกอื่นๆ เช่น พนักงานฝ่ายขายที่ต้องเดินไปปรึกษาตัวเลขกับฝ่ายบัญชี หรือพนักงานการตลาดเดินไปปรึกษาวันหยุดวันลากับฝ่ายบุคคล ที่คุยงานกัน 5 นาที พูดคุยสัพเพเหระ เม้าท์มอยนินทาเพื่อนร่วมงานและนินทานายกันต่ออีกครึ่งชั่วโมง เพราะถ้าเธอทำแบบนั้น นั่นหมายถึงการละทิ้งโต๊ะทำงานและลูกค้าที่จะติดต่อเข้ามาให้รอคอย
ช่วงเวลาหลังเลิกงานปรางแทบจะไม่เคยไปสังสรรค์ใดๆ กับเพื่อนร่วมงาน เพราะส่วนใหญ่ทุกคนก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่ก็วุ่นวายกับการจัดการงานตรงหน้าให้เสร็จ ด้วยการทำงานล่วงเวลา เธอเลยเหมือนตัวคนเดียว ที่ได้เลิกงานตรงเวลา ทุกครั้งที่เธอเบื่องานเก่า ทางแก้ของเธอก็คือการหางานใหม่แล้วลาออกโดยไม่เคยอาลัยอาวรณ์กับที่ทำงานเก่าหรือเพื่อนพนักงานคนไหน เพราะฉะนั้นการลาออกสำหรับเธอมันคือโอกาสของรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ตอนปรางได้งานที่สวนสนุกกลางแจ้งแห่งนี้ เธอมองว่ามันเป็นงานที่ดูแปลกใหม่ไปจากการเป็นประชาสัมพันธ์ที่ ต้องหน้าปั้นหน้าสวยคอยตอบคำถามและให้คำแนะนำแก่ลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาอยู่หลังเคาน์เตอร์ของบริษัทบนตึกสูง ที่นี่น่าจะทำให้พอร์ตฟอลิโอ หรือแฟ้มสะสมผลงานของเธอดูแพง เธอตั้งเป้าในใจตั้งแต่วันแรกที่ก้าวขาเข้ามาทำงานที่นี่แล้วว่าเธอจะทำมันสัก 1-2 ปีก็พอ แล้วค่อยหางานใหม่ เพราะที่นี่มันดูร้อนและวุ่นวายไปด้วยผู้คนเกินไป ตอนที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์พาเธอเดินชมสวนสนุกและแนะนำเธอให้รู้จักกับเพื่อนพนักงานในฝ่ายอื่นๆ เธอเริ่มรู้สึกว่ามันงานนี้มันชักไม่สนุก แต่กลายเป็นว่าสวนสนุกที่ดูวุ่นวายไปด้วยผู้คนมากมายหน้าตาที่แวะเวียนเข้ามากลับเปลี่ยนความคิดและการทำงานของเธอไปตลอด
ช่วงแรกของการมางานเป็นประชาสัมพันธ์ในสวนสนุกมันช่างเป็นความเหนื่อยหน่ายใจ ลูกค้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความต้องการ ปกติเธอรับมือกับลูกค้าพร้อมกันได้อย่างเก่งก็ทีละไม่เกิน 2-3 คน คือลูกค้าที่รอสายโทรศัพท์และลูกค้าที่เดินเข้ามา แต่นี่มากันเป็นครอบครัว บางทีมากันเต็มคันรถบัส ต่อแถวมะรุมมะตุ้มกันหน้าเคาน์เตอร์ คนนี้อยากรู้เรื่องนี้ คนนี้อยากได้สิ่งนี้ เดี๋ยวคนนี้ทำของหาย เดี๋ยวคนนี้จะฝากของไว้ ยิ่งวันหยุด เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของเธอแทบไม่เคยว่างเว้นจากผู้คน กว่าเธอจะปรับตัวได้ก็ใช้เวลาอยู่นานนับเดือน
ตอนอยู่บริษัทเก่าๆ ที่ทำงานของเธอคือหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แต่ที่นี่ที่ทำงานของเธอ กลายเป็นทุกที่ทั่วสวนสนุก มันเริ่มมาจากฝ่ายการตลาดที่พยายามสรรหากิจกรรมมาสร้างความครึกครื้นให้กับสวนสนุก เพื่อดึงดูดความสนใจของให้กับลูกค้า ทั้งเกม ทั้งกิจกรรมที่กระจายกันไปตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ และแน่นอนว่าในเวลานั้นพนักงานที่ดูและความเรียบร้อยประจำจุดเครื่องเล่น จะไม่สามารถปลีกตัวมาทำกิจกรรมอย่างที่ฝ่ายการตลาดต้องการได้ พนักงานหลังบ้านหรือที่เรียกกันว่า Back Office ก็จะถูกเกณฑ์มาช่วยงาน ทุกคนต้องถอดหัวโขน และตำแหน่งของตัวเองออกแล้ววิ่งวุ่นทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อดูแลลูกค้าให้ได้รับความสุขและความสนุกอย่างเต็มที่
ตอนนั้นเองที่เธอได้เห็นพนักงานบัญชีอาวุโส ทำงานอยู่แต่ในออฟฟิตตากแอร์เย็นๆ วางเครื่องคิดเลข แล้วลงมาถือโทรโข่งเชิญชวนให้มาเล่นเกม บางคนใส่มาสคอตตัวการ์ตูนเต้นไปรอบกับเด็กๆ แม้กระทั่งผู้บริหารยังลงมายืนตักไอศครีมแจก มันกลายเป็นภาพที่แรกๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นชินกับการต้องมาทำงานอื่นที่ไม่ใช่ความถนัดหรือเป็นหน้าที่ตัวเอง แต่นานวันไปเธอกลับรู้สึกสนุก เพราะในระหว่างการทำกิจกรรมมันก็ทำให้เธอได้เห็นชีวิตของคนทำงาน ที่ทำงานด้วยใจ การได้พูดคุยถามไถ่ หรือบอกเล่าในเรื่องที่แสนจะธรรมดาระหว่างทำงาน ที่เธอเคยรู้สึกว่ามันไร้สาระมัน แต่กลับยอดประโยคสนทนาไปสู่เรื่องอื่นๆ และทำให้เธอได้เรียนรู้ที่จะใส่ใจและรับฟังคนอื่น เช่นว่า “เหนื่อยไหม..พักก่อนได้นะ” “ชอบไหมมาช่วยงานพี่ตรงนี้..ถ้าไม่ชอบไปขอสลับได้นะ” “สมัยสัก 3-4 ปี ก่อนนี่ลูกพี่มันชอบตามพี่มาเล่นม้าหมุนมาก มาทีพี่ก็จะฝากพี่ต่อที่เขาดูแลม้าหมุนให้ช่วยดูแลให้ เพราะบางทีพี่ก็ไม่ได้ไปประจำเครื่องเล่นนั้น แต่ตอนนี้มันขึ้นมัธยมไปติดสาวแทนม้าหมุนซะแล้ว ” หรือไม่ก็ “ เย็นนี้พี่ว่าจะไปเยี่ยมพี่เดือนสักหน่อยแกตัวคนเดียวไปผ่าตัดไส้ติ่ง จะกินนอนยังไงก็ไม่รู้ ปรางไปกับพี่ไหม” “ เดือนหน้าพี่จะแต่งงานกับน้องทราย ที่อยู่เป็นครูอยู่ตรงสระว่ายน้ำโน้น กว่าจะจีบติดได้เป็นแฟนนี่พี่บนมาหลายวัดเลย ปรางอย่าลืมมางานพี่ด้วยนะ”
จากความตั้งใจที่จะทำงานแค่ 2 ปี กลายเป็นว่าปรางทำงานในสวนสนุกแห่งนี้เกือบ 9 ปี 9 ปีที่เพื่อนร่วมงานสอนให้เธอได้รู้จักกับคำว่ามิตรภาพ พร้อมช่วยเหลือดูแลกันและกันเหมือนครอบครัวที่เธอเพิ่งรู้สึกถึงมันได้จากการทำงานที่นี่ ลูกค้าแต่ละคนที่เดินเข้ามาในทุกๆ วันกลายเป็นความท้าทายของเธอ นอกจากคำตอบที่เป็นเรื่องพื้นฐานที่ลูกค้าอยากได้ เธอจะ on top นอกเหนือจากความต้องการของลูกค้า ด้วยการแนะนำเครื่องเล่น แนะนำอาหารและบริการอื่นๆ ในสวนสนุก ให้ลูกค้าได้ไปลองเลือกใช้บริการ เธอทำงานด้วยความสนุกทุกวันจนลืมคิดถึงเรื่องลาออกอัพเงินเดือนอย่างที่เคยเป็น
เดือนที่แล้วเธอแจ้งลาออกกับฝ่ายบุคคล เพราะอยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่เริ่มแก่ชรา โดยสมัครงานกับบริษัทเล็กๆ ในบ้านเกิดที่ให้เงินเดือนไม่สูง แต่เธอก็ไม่สนใจตัวเลขตรงนั้นอีกแล้ว เพราะ 1 เดือนสุดท้ายของเธอในสวนสนุกเป็น 1 เดือนของการจากลาที่เต็มไปด้วยความหมาย เธอถูกเพื่อนพี่น้องพนักงานในแต่ละฝ่ายขอนัดเลี้ยงส่ง มีทั้งของขวัญและคำอวยพรมากมาย นี่คงเป็นครั้งแรกของการลาออกเพื่อไปเริ่มต้นงานใหม่ที่เต็มไปด้วยน้ำตาและความอิ่มเอมใจที่เธอจะไม่มีวันลืม