วันดีดี

วันดีดี

โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ

Loading

When We Met โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราวหลากรส ของผู้คนอันหลากหลาย ที่เราได้มีโอกาสพบปะเจอะเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นความเปรี้ยวนิดๆ  หวานหน่อยๆ  หรืออาจขมบ้างเป็นบางเวลา ที่พร้อมแบ่งปันให้ผู้อ่านได้จดจำนึกถึงและสุขสำราญไปด้วยกัน

คงมีไม่กี่อาชีพในโลกนี้ที่ได้เห็นน้ำตาและการจากลาที่เกิดขึ้นทุกๆ วัน…ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของการทำงานในฐานะนางพยาบาล เธอเคยเศร้าและสุขไปกับการจากลาของคนไข้นับครั้งไม่ถ้วน และทุกครั้งมันคือความทรงจำอันล้ำค่าที่เธอไม่มีวันลืม

“แผนกผู้ป่วยฉุกเฉิน” เป็นแผนกแรกในชีวิตการทำงานของวันดี วันนั้นในวัย 22 เธอจำได้ดีว่าหัวหน้างานเปิดโอกาสให้พยายาบาลมือใหม่ได้เลือกกันเองว่าอยากอยู่แผนกไหน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเริ่มต้นวันแรกที่แผนกนี้ สุดท้ายเลยลงเอยด้วยการจับฉลากและเธอก็จับได้มัน

วันดีได้เจอกับสารพัดรูปแบบความเจ็บป่วยของคนไข้  ได้ติดรถฉุกเฉินไปช่วยเหลือคนไข้นอกโรงพยาบาล หมอและรุ่นพี่พยาบาลหลายคนเคยพูดให้เธอฟังว่า อยู่แผนกนี้เหมือนอยู่ได้ในนรก เพราะเห็นแต่ผู้ป่วยที่เต็มแผลเหวอะแหวะ บางคนเจาะคอ ให้อาหารทางสายยาง รถชนแขนขาหัก แต่ข้อดีคือมันเป็นบทเรียนแรกๆ จากวิชาชีพที่สอนใจให้เธอได้รู้จักคำว่าไม่ประมาทกับชีวิต

บ้านของวันดีเป็นโรงงาน ที่ต้องอาศัยแรงงานมากมายในการทำงาน คนงานทุกคนปรียบเสมือนเหมือนคนในครอบครัว เพราะไม่ว่าเวลาที่ใครเดือดร้อน เจ็บป่วย  เธอมักเห็นแม่ยื่นมือไปช่วยเหลือพวกเขาเสมอๆ   บางคนไร้ญาติขาดมิตร มาขอทำงานแลกข้าวและที่อยู่อาศัยจนตายจากกันไปก็มี เธอเลยกลายเป็นคนที่ซึมซับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของแม่ และมีความสุขไปกับการได้เห็นผู้คนรอบๆ ตัวมีชีวิตที่ดีโดยไม่รู้ตัว และมันก็กลายมาเป็นปณิธานในการทำงานของเธอในทุกวัน

ตลอดระยะเวลาการทำงานวันดีได้โยกย้ายไปตามหอผู้ป่วยต่างๆ  ได้เจอกับคนไข้มากหน้าหลายตาที่มาพร้อมความเจ็บป่วยทุกรูปแบบ รวมทั้งต้องให้ความรู้และหยุดพฤติกรรมของทั้งคนไข้และญาติไปพร้อมๆ กับการรักษา  เช่นว่า คุณแม่บางรายพาลูกเล็กมารักษาอาการป่วยบ่อยๆ จนจำหน้ากันได้ ทำเอาเธอถึงกับต้องเอ่ยปากซักถามวิธีการเลี้ยงลูกกับคุณแม่ แล้วก็ได้คำตอบว่าแม่ชอบอาบน้ำให้ลูกตอนดึกๆ เพราะลูกจะได้นอนสบายตัว  เธอเลยต้องให้ความรู้ในการเลี้ยงลูกแบบจดเลคเชอร์กับคุณแม่หลังรับยาให้ลูกอีกนานนับชั่วโมง พร้อมโทรศัพท์กลับไปตรวจสอบคุณแม่หลังจากนั้นด้วยว่าทำตามที่สอนไปได้มากน้อยแค่ไหน  คนไข้บางรายอ้วนจนมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคทั้งที่อายุยังน้อย สืบสาวราวเรื่องก็พบว่าทั้งคุณพ่อคุณแม่ชอบดื่มและซื้อน้ำอัดลมติดตู้เย็นตลอดเวลา คำขาดของพยาบาลวันดีคือทั้งครอบครัวต้องเลิกพฤติกรรมนี้ก่อนที่จะเป็นอะไรไปทั้งบ้าน

หลายต่อหลายครั้งที่วันดีได้เจอกับคนไข้ที่หมดหวังกับชีวิตและพร้อมจะจากไปในทุกวินาที ถึงจะคุ้นชินกับการจากลา แต่เธอก็ไม่พร้อมให้คนไข้ที่อยู่ในความดูแลต้องจากไป ในฐานะพยาบาลสิ่งเดียวที่ทำได้คือการ “รักษา”  เธอยังจำผู้ป่วยมะเร็งรายล่าสุดที่เธอช่วยดูแลได้ดี  ‘กาญ’ ช่างทำผมวัย 40  ที่ปฎิเสธทุกการรักษา และเชื่อว่าตัวเองจะไม่มีทางกลับมาหายดี ทุกวันเธอนอนอยู่บนตียงคนไข้อย่างหมออาลัยตายอยาก อดทนกับความเจ็บปวด แล้วปล่อยให้โรคร้ายกัดกินทั้งตัวและหัวใจไปเงียบๆ  เพราะเธอโตมากับการดูแลตัวเองเพียงลำพังมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครให้ต้องคิดถึง ไม่มีใครให้ต้องเป็นห่วง และรู้ด้วยว่าจะไม่มีใครร้องไห้เสียใจให้เธอถ้าเธอจากโลกนี้ไป ทุกวันวันดีจะแวะเวียนไปชวนเธอพูดคุย ถามไถ่อาการ กินอยู่หลับนอน ขับถ่ายเป็นอย่างไร จับมือให้กับกำลังใจ ชวนเธอฝันถึงวันที่แข็งแรงได้กลับไปทำงานที่เธอรัก เพื่อจะได้ไปเป็นลูกค้าเธอ จนวันหนึ่งหัวใจเธอก็เข้มแข็งพอที่จะเข้ารับรักษา

วันดียังจำได้ดีถึงวันที่กาญได้ออกจากโรงพยาบาล มันเป็นการจากลาที่งดงามอีกครั้งระหว่างพยาบาลกับคนไข้อีกคนที่ยังอุ่นอยู่ในความรู้สึก   ผู้หญิงที่เคยซูบผอมป่วยไปด้วยโรค ใบหน้าหมองคล้ำ ที่คิดว่าตัวเองจะไม่หาย และพูดกับเธอทุกวันบนเตียงคนไข้ว่าต่อให้เธอหายไปก็ไม่มีใครร้องไห้เสียใจให้

วันนี้เธอเห็นกาญร้องไห้ขอบคุณตัวเองที่ยอมเชื่อเธอแล้วลุกขึ้นสู้จนเริ่มหายดี แรงกอดแนบแน่นรอบตัวมันทำให้เธอรู้สึกได้ถึงคำว่าขอบคุณ  กาญบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้ายและออกจากโรงพยาบาลไปด้วยสีหน้าอันสดใสเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความฝันถึงการมีชีวิตอยู่  นี่คงเป็นอีกบทเรียนที่เธอได้จากอาชีพที่แอบซ่อนการจากลาเอาไว้ …อาชีพที่ทำให้หัวใจเธอเปี่ยมไปด้วยพลังและวันดีๆ ที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน เมื่อต้องจากลากัน

 

Don`t copy text!