ลำพู กู้ไว้ไม่ให้จม
โดย : ชุนเทียน
“ฝนตก แดดออก” คอลัมน์ที่รวมบทความที่เขียนถึงประสบการณ์ชีวิต ความคิด ความรู้สึกต่อเรื่องราวรอบตัวที่ชุนเทียนได้พบ…แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้ามองให้ดี คุณจะสัมผัสได้ถึงอากาศสบายๆ ในยามฝนโปรย และมีความสุขทุกครั้งที่เงยหน้ามองฟ้าเมื่อแดดออกในทุกวัน
เขื่อนหินหน้าบ้านฉันร้าวจนกลัวศาลาท่าน้ำจะถล่ม ถ้ายังไม่ทำอะไรกับมันเสียที เวลาผ่านไปนานนับปี เขื่อนก็ยังร้าวต่อไปเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างหินแต่ละก้อนเริ่มกว้างขึ้น เรือนำเที่ยวและสกู๊ตเตอร์ที่แล่นผ่านกันไปด้วยความเร็วเป็นตัวเร่งให้ช่องว่างนั้นขยายยาวไปได้อีก ผ่านไปอีกหลายปี ยังไม่มีใครไปทำอะไรกับมัน
ลำพูต้นหนึ่งงอกขึ้นมาจากรอยร้าวในร่องหินที่ว่า เมล็ดมันลอยน้ำมาจากไหนไม่มีใครรู้ ติดและฝังอยู่ใต้ศาลา ระหว่างน้ำขึ้นและลงในบางวัน สะสมแร่ธาตุอาหารมานานพอที่มันจะงอกและเติบโตขึ้นอย่างเงียบ ๆ
มันโตขึ้นเรื่อย ๆ กว่าที่เราจะสนใจมัน ความสูงก็เลยหลังคาศาลาท่าน้ำ เมื่อก่อนฉันเห็นลำพูริมคลองใหญ่หลังบ้าน บ่อยครั้งที่เห็นช่วงหัวค่ำไปจนดึก จะมีฝูงหิ่งห้อยส่องแสงอยู่วิบวับอยู่ที่นั่น แต่ลำพูหน้าบ้านต้นนี้คงเล็กเกินกว่าหิ่งห้อยจะสนใจ เพราะไม่เคยเห็นพวกมันสักตัว
ป่าชายเลนโดยทั่วไปมักจะมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นอยู่ เท่าที่เห็นและรู้จักจะเป็นต้นโกงกางและลำพู เสียส่วนมาก นอกจากพวกมันช่วยเรื่องระบบนิเวศให้สัตว์ทั้งหลายได้มาอาศัยอยู่หากินได้แล้ว ยังบรรเทาปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งอีกต่อหนึ่งด้วย สองฝั่งคลองและแม่น้ำแถวบ้านฉันในสมัยก่อนมักจะมีต้นลำพูขึ้นอยู่โดยทั่วไป อาจมีต้นไม้อื่นปะปน เช่นต้นทองหลาง ต้นไทร ต้นหมากเม่า บ้าง เพราะมักจะเห็นดอกหรือผลของมันลอยน้ำมาเสมอ ๆ อันนี้พูดถึงต้นไม้ที่มันงอกขึ้นเองริมน้ำ โดยไม่มีคนเป็นผู้ปลูก ต่างจากไม้ผลกินได้เช่นชมพู่แก้มแหม่ม หรือชมพู่มะเหมี่ยว ริมคลองของบางบ้าน เจ้าของบ้านปลูกไว้กินและขาย ถ้ามีผลผลิตเยอะเกินจะกิน
ห้วงยามที่น้ำในแม่น้ำเต็มตลิ่ง และมีเวลาว่างมากพอ ก็ได้โอกาสพายเรือเข้าไปในคลองเล็ก ๆ ที่ปากคลองอยู่ใกล้บ้านเพื่อไปดูสวน ก่อนจะถึงสวนของเรา สองฝั่งคลองจะเห็นลำพู และชมพู่ต้นใหญ่ไปตลอดแนว อาจมีต้นไม้อื่นแทรกบ้าง แต่ที่ยืนพื้นที่สุดคือสองต้นที่ว่า ในสมัยก่อนมักไม่ค่อยเห็นบ้านใครทำเขื่อนริมตลิ่งกันมากนัก จะมีก็แต่ต้นไม้นี่แหละ ที่รากของมันหนาและแผ่กว้างเป็นเขื่อนกันดินทรุดอย่างดีในธรรมชาติ แต่มันต้านกระแสการพัฒนาความเจริญทางวัตถุที่แผ่เข้ามาคลุมชีวิตในชนบทอันสงบเงียบไม่ได้ หลายปีผ่านไป ต้นไม้ถูกตัดมากขึ้น ริมน้ำเต็มไปด้วยเขื่อนหิน บางที่พอมีฐานะก็โบกปูนทับหินเรียงกันสวยงามกันตลิ่งพัง แต่ผลที่ตามมาคือปวงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในชายเลนแห่งนั้นหายไปเรื่อย ๆ พวกมันคงต้องปรับตัวไปตามสภาพ เอาชีวิตรอดเหมือนกัน แต่จะมีใครรู้บ้าง
ไหมว่า เขื่อนกันตลิ่งพังพวกนั้นไม่เคยเป็นสิ่งถาวร อาจดูสวยงามและคงทน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หินและปูนก็กร่อนได้ อาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะรู้ตัวว่าเขื่อนทรุด บางครั้งมันก็พังลงหากขาดการดูแลรักษาจากเจ้าของที่
เขื่อนปูนหน้าบ้านฉันหยุดร้าวไปเมื่อไรก็ไม่ทันสังเกต ด้านที่ทำท่าจะทรุดตัว ยังดำรงองศาการทรุดในแนวเดิมอยู่อย่างนั้นคงเส้นคงวา เวลาผ่านไป รากของต้นลำพูชอนไชไปรอบ ๆ รอยแตกของเขื่อน ตามรอยแยกเล็กแยกน้อยเหล่านั้นฉันเห็นปูตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้าวิ่งออกเป็นประจำ อีกทั้งกุ้งมาลอกคราบให้เห็นบ่อยขึ้น มวลหมู่นกนานาชนิดเริ่มบินมาเกาะและทำรังแถวต้นไม้ริมน้ำ อีกทั้งฝูงปลาตะเพียนที่รอดชีวิตจากแหหรือตะคัดเรือหาปลามาได้หลังฝนตกว่ายเวียนกันมาเป็นฝูงใหญ่
ชีวิตชีวารอบตัวที่มีมวลสรรพสัตว์ทั้งหลายแต่งแต้ม มันเริ่มต้นขึ้นจากการมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งขึ้นที่หน้าบ้าน มากกว่าการผุดสิ่งปลูกสร้างที่แข็งกระด้างมาทดแทน ความธรรมดาของธรรมชาติที่มี มันจรรโลงใจและพึ่งพาได้อย่างแท้จริง