รวมกันเราอยู่

รวมกันเราอยู่

โดย : ชุนเทียน

Loading

“อ่านเอาเล่าเรื่อง” คอลัมน์ที่รวมบทความจากผู้เข้าอบรมในโครงการ อ่านเอาเล่าเรื่อง ที่จัดโดยเว็บไซต์อ่านเอา โดยโครงการนี้ เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้นำเรื่องราวที่ประทับใจของตัวเองมาถ่ายทอดในรูปแบบเรื่องเล่า และสานฝันสำหรับทุกคนที่อยากเริ่มต้นสู่เส้นทางการเป็นนักเขียน

ตัวหนังสือสกรีนบนเสื้อยืดสีขาวในซอกตู้ที่ฉันกะจะเอามาบริจาค  ทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ผ่านไปนานแล้ว  ไม่กี่ครั้งในชีวิตที่มีเรื่องบางเรื่องเข้ามาทำให้มุมมองที่เรามีต่อสภาพแวดล้อมอันแสนปกติและคุ้นเคยได้เปลี่ยนไปตลอดกาล

“KEEP SAY NO FLOOD WAY” มันเป็นผลสะท้อนของการโต้ตอบและประท้วงนโยบายเรื่องหนึ่งของรัฐบาลสมัยนั้น  ที่ประกาศถึงโครงการสร้างแม่น้ำสายใหม่ เขาบอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากให้ภาคกลางตอนล่างได้  ครั้งแรกที่เห็นประโยคข้างต้น “แม่น้ำสายใหม่” มีแต่ความงุนงงไม่เข้าใจ  ข่าวคราวเริ่มทยอยมาให้รับรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย  น่าแปลกที่ในตัวเมืองผู้คนยังไม่ตื่นตัวเรื่องนี้กันมากนัก  แต่กับจังหวัดใกล้เคียงแถวบ้านที่ฉันยู่ติดกันไปทางปลายแม่น้ำแม่กลอง พวกเขาทั้งรณรงค์และออกประกาศให้ไปชุมนุมกันที่ศาลากลางจังหวัด หรือที่อื่นๆ มีการติดป้ายประกาศคัดค้านทั่วไปหมด ทั้งริมถนนหนทางและในกลางน้ำภายตลาดคลองอัมพวาที่คนคุ้นเคย ฉันพลอยตื่นตัวตามพวกเขาไปด้วย เขามีประชุม ชุมนุมกันที่ไหน เป็นต้องเปิด Facebook ดูเพจที่เสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้  และเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมลงชื่อคัดค้าน  การมีส่วนร่วมในเรื่องติดตามข่าวให้รู้ทัน เพื่อที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ดีกับแม่น้ำ เราจะต่อสู้กันให้ถึงที่สุดเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปกติสุขในชีวิตให้ได้

ช่วงนั้น พลังของความสามัคคีมีล้นเหลือ  มองไปทางไหนก็มีแต่คนไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล  มีคนออกมาแฉรายละเอียดของโครงการแม่น้ำสายใหม่เต็มไปหมด กล่าวถึงข้อเสียที่จะเกิดขึ้นถ้าหากปล่อยให้มีการสร้างแม่น้ำสายใหม่เกิดขึ้นมาจริงๆ   พวกเราถามกันเองว่าเราจะยอมให้มันเกิดขึ้นมาจริงๆ เหรอ ถ้าระบบนิเวศที่เราคุ้นเคยและได้อาศัยประโยชน์จากมันมาไม่รู้กี่ชั่วคนต้องเสื่อมสลายไป  วิถีชีวิตและอาชีพของบางคนคงต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล  สิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะคิดในมุมไหน เราก็ยังไม่อยากให้มันต้องเปลี่ยนแปลงไปเร็วแบบนั้น

สายน้ำไหลผ่านไปลงทะเลที่ปากอ่าวอยู่ชั่วนาตาปี  หากมีมวลน้ำมหาศาลจากแม่น้ำสายใหม่ที่เขาทำคลองผันน้ำลงในแม่น้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก การขุดลอกเอาดินเลนในแม่น้ำขึ้นบกเพื่อทำให้ก้นแม่น้ำลึกขึ้น น้ำจะได้ไหลสะดวก แล้วตลิ่งเดิมที่มีอยู่จะทรุดพังวันไหนจากการกัดเซาะที่ไหลแรงของน้ำมากขนาดนั้น  ลำพังแม่น้ำสายเดิมที่เป็นอยู่ เรือที่แล่นเร็วทั้งหลาย ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่พาเอาคลื่นมาซัดจนเขื่อนปูนยังร้าว

เมื่อประชาชนรวมตัวกันเข้มแข็งและตื่นตัวมากขึ้นในทุกจังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ลงชื่อคัดค้าน ในที่สุดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งระงับการดำเนินการทั้งหมดของโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ทำให้โครงการโดยเฉพาะโมดูล A5 ที่มีผลกระทบต่อแม่น้ำแม่กลองมากที่สุดต้องหยุดชะงักมาจนถึงปัจจุบัน

ยามที่ใจไม่สบาย ฉันมักจะออกไปนั่งเหม่อมองสายน้ำหน้าบ้าน  ในวันวัยที่ด้อยทั้งปัญญาและอายุ  คิดถึงคำพังเพยที่ว่า “สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ” เคยนึกเถียงว่า ทำไมจะไม่ไหลกลับ ดูจากกระทงที่คนลอยกันเมื่อวันลอยกระทง รุ่งขึ้นอีกวันกระทงใบเดิมก็ไหลผ่านมาให้ดูทุกที สังเกตเอาจากใบที่เราลอยนั่นแหละ ถ้าบังเอิญลอยกลับมาให้เห็น  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในเหตุการณ์เดิม ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเดิม  มุมมองของฉัน ณ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไป  นอกจากจะไม่เคยลอยกระทงมานานโขแล้ว  การเห็นกระทงใบเดิมลอยกลับมา ฉันว่ามันไม่ใช่กระทงใบเดิม อย่างน้อยมันก็ลอยไปผจญภัยเจอกับทุกสิ่งนานาในสายน้ำ กระทงใบเก่าจึงไม่ใช่ใบเก่าที่สวยสะจากการประดิษฐ์ตกแต่งของเราอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งจีรังเสมอ มันค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว ทางที่พอทำได้คือเฝ้าระวังไม่ให้ใครมาฉวยโอกาสเปลี่ยนและฝืนธรรมชาติที่มีให้เป็นไปตามใจอยากของตนอย่างรวดเร็วเกินไปนัก แม้ไม่มีอะไรจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมก็ตามที

หมายเหตุ : ขอขอบคุณข้อมูลและภาพข่าวจากสำนักข่าวต่าง ๆ เช่น bangkokbiznews.com , เฟซบุ๊ก จับตาแม่น้ำใหม่ อย่าทำร้ายสายน้ำแม่กลอง และ Thai PBS

 

Don`t copy text!