เปลวกนก บทที่ 2 : เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง

เปลวกนก บทที่ 2 : เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง

โดย : พงศกร

Loading

เปลวกนก เรื่องราวของ มรว.เปลวกนก ที่ตัดสินใจหนีความวุ่นวายจากพระนครมาหาความสงบด้วยการทำฟาร์มถึงบางเบิด แต่แล้วเมื่อเพื่อนสนิทถูกฆาตกรรม เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ขณะเดียวกันก็มีเรื่องของหัวใจให้ต้องหนักใจอีก มาช่วยเธอตามหาความจริงและคำตอบของหัวใจได้ใน “เปลวกนก” โดย พงศกร นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา

และหากติดใจอยากอ่านต่อ สามารถหาซื้อ #เปลวกนก ฉบับรวมเล่มได้แล้ววันนี้ ในรูปแบบหนังสือที่ร้านนายอินทร์ และร้านหนังสือชั้นน้ำทั่วไป หรือสั่งซื้อกับสำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ได้โดยตรงที่ www.groovebooks.com  และในรูปแบบอีบุ๊ก สามารถดาวนโหลดได้ที่ Meb > http://bit.ly/2J0rAK7

สมัครบัตร Citi Ready Credit

ทุกยอดการสมัครจะมีส่วนแบ่งกลับมาสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอาของพวกเรา 🙂

……………………………………………………………….

-2-

 

สายลมเย็นสบายแผ่วผ่านมารวยริน แสงดาวระยิบเต็มฟ้า เกลียวคลื่นกระทบหาดทรายเป็นระยะ นานๆ ครั้งจะได้ยินเสียงพ่นลมหายใจดังฟืดฟาดของม้า แว่วมาจากคอกที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านนัก

ไก่ในเล้านอนหลับกันนิ่งสนิท ปราศจากเสียงกระโตกกระตาก จ้อกแจ้กเหมือนเช่นในยามกลางวัน เงียบสนิทไม่ต่างอันใดกับบรรดาหมูและวัวที่คนงานต้อนเข้านอนตั้งแต่ตะวันตกดิน เสียงน้ำค้างหยาดลงต้องหลังคาเสียงดังเปาะแปะ อากาศเริ่มหนาวเย็น ละไอหมอกสีขาวขุ่นทิ้งตัวลงปกคลุมทั่วบริเวณ

กลิ่นหอมหวานของดอกราตรีลอยอ้อยอิ่ง กรุ่นกุหลาบเลื้อยที่ปลูกเป็นซุ้มอยู่ในสวนส่งกลิ่นอ่อนจาง รอเวลาอุษาสางที่จะทวีความหอมแรงขึ้นมาอีกครั้ง

ร่างผอมสูงที่นอนเอนกายอยู่บนโซฟายาว มีหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ท่าทางอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจเหมือนไม่สนใจโลกภายนอก แสงจากตะเกียงดวงโตส่องให้เห็นจมูกโด่งงาม หน่วยตากลมโตและขนตาที่ยาวเป็นแพ

“อ่านอะไรอยู่”

เสียงหวานใสของสตรีวัยกลางคนเอ่ยถาม เธอเงยหน้าขึ้นมาจากไหมพรมในมือ ทอดสายตามองไปยังคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกล

“คู่มือเลี้ยงผึ้งที่ท่านพ่อฝากหม่อมแม่มายังไงฮะ ลูกเพิ่งมีเวลาว่างอ่าน…เขียนดีนะฮะ” เสียงพึมพำตอบ สายตายังไม่ละจากหนังสือ

ท่านพ่อของเธอเห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะความรู้เรื่องภาษาต่างประเทศ ท่านจึงจ้างครูพิเศษชาวอังกฤษมาสอนหนังสือลูกๆ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอและน้องๆ จึงมีความสามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

ตอนอยู่ที่พระนคร ก็มีนิตยสารและหนังสือภาษาอังกฤษให้เลือกอ่านมากมาย ท่านพ่อของเธอมีร้านหนังสือเจ้าประจำอยู่ที่ลอนดอน เจ้าของร้านจะส่งนิตยสารฉบับใหม่ๆ และหนังสือนานาประเภท…ส่งทางเรือมาให้ท่านพ่ออ่านทุกเดือน

“เป็นอันว่า พรุ่งนี้เช้า…หญิงเปลวจะไม่ไปพระราชวังมฤคทายวันกับแม่ใช่ไหม” คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่างถามต่อ แสงสว่างวอมแวมสะท้อนให้เห็นดวงหน้าที่แลดูคลับคล้ายกับคนที่นอนสบายอยู่บนโซฟา

“ไม่ไปฮะ” เสียงพึมพำตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ

“พูดฮะอีกแล้ว…” สตรีคนเดิมส่ายหน้าพร้อมกับถอนใจยาว หากท่าทางมิได้จริงจังนัก “เป็นผู้หญิงพูดฮะ พูดครับได้อย่างไร”

“ไม่พูดฮะก็ได้ฮะ” เจ้าของเสียงคนเดิมว่า

“ไม่แวะไปหาท่านพ่อหน่อยหรือ อีกไม่กี่วันท่านพ่อก็จะกลับพระนครแล้ว ท่านพ่อคิดถึงหญิงมากนะคะ” หม่อมกนกอรพยายามโน้มน้าวใจ

ในหลวงแปรพระราชฐานมาประทับอยู่ที่พระราชวังมฤคทายวันได้หลายสัปดาห์แล้ว หม่อมเจ้าเปรมปุษาณรับราชการเป็นนายทหารราชองครักษ์ มีหน้าที่ตามเสด็จมาคอยถวายอารักขาและรับใช้ใกล้ชิด หม่อมกนกอรเดินทางมาด้วย หากนั่งรถไฟต่อมายังฟาร์มซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบางเบิด เพื่อพำนักอยู่กับธิดาคนโต

“ไม่ดีกว่าฮะ ลูกไม่อยากเดินทางไปไหน ช่วงนี้ฟาร์มเรากำลังยุ่งสุดๆ ผึ้งชุดใหม่ทะเลาะกับผึ้งเก่า ได้ตำราเลี้ยงผึ้งเล่มนี้มาพอดี จะได้ลองทำตามที่หนังสือแนะนำ หวังว่าจะแก้ปัญหาได้ ไม่อย่างนั้นผึ้งตายหมดรังแน่”

คุณหญิงเปลวกนกเป็นคนริเริ่มเลี้ยงผึ้งที่ฟาร์มเปรมปุษาณ เธอเพิ่งได้ผึ้งนางพญาชุดใหม่มา และดูเหมือนพวกมันจะเข้ากันไม่ได้กับเจ้าถิ่นเดิม ทำให้เกิดปัญหาต่อสู้กันขึ้น

หลายวันมานี้เปลวกนกสังเกตเห็นผึ้งงานจำนวนมากตกลงมาตายที่พื้นดิน ลำตัวและปีกของพวกมันฉีกขาด บอกให้รู้ว่าเกิดจากการต่อสู้กันระหว่างผึ้งเก่าและผึ้งใหม่ หากเธอไม่จัดการทำอะไรสักอย่าง การสู้รบของพวกมันอาจจะขยายใหญ่โต

อีกอย่าง…ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่คุณหญิงเปลวกนกไม่ได้เล่าให้หม่อมมารดาฟัง

สองสามวันก่อน เธอเพิ่งได้ข่าวจากคุณหลวงอิงคศรีกสิการ ที่เป็นคนสนิทของหม่อมเจ้าสิทธิพรว่า เจ้าของที่ดินติดกับเชิงเขา ที่มีอาณาเขตด้านหนึ่งติดกับที่ดินของฟาร์มเปรมปุษาณ เพิ่งตกลงใจเซ็นสัญญาขายที่ให้กับคนจากพระนคร

ที่ดินผืนนี้ เดิมทีหม่อมเจ้าเปรมปุษาณต้องการจะขอซื้อต่อเพื่อขยายฟาร์มออกไป หากที่ยังไม่ตัดสินพระทัย ก็เพราะนายทรัพย์ผู้เป็นเจ้าของเรียกราคาสูงเกินความเป็นจริงไปหลายเท่า ขณะกำลังต่อรองราคากันอยู่นั่นเอง ก็ปรากฏว่านายทรัพย์เกิดเปลี่ยนใจ ขายที่ดินไปให้กับคนอื่นเสียแล้ว และที่คุณหญิงเปลวกนกไม่อยากเดินทางไปไหน ก็เพราะเธออยากรอดูหน้าเจ้าของที่ดินผืนใหม่ว่าเป็นใครกันแน่

ที่จริงคุณหญิงเปลวกนกสนิทกับวิทิศน์…ลูกชายคนเล็กของนายทรัพย์เป็นอย่างดี เธอเคยขอร้องวิทิศน์ช่วยไปเกลี้ยกล่อมบิดา ให้ยอมลดราคาที่ดินลงบ้าง เพื่อที่ท่านพ่อของเธอจะได้ตัดสินพระทัยง่ายขึ้น แต่ไม่รู้ว่าพ่อลุกคุยกันท่าไหน สุดท้ายนายทรัพย์ก็ตัดสินใจขายที่ให้คนอื่นหน้าตาเฉย

“ท่านแม่ไปเถิดฮะ ลูกขอรออยู่ที่นี่ดีกว่า”

“พูดฮะอีกแล้ว แม่สอนไม่รู้จักจำ” หม่อมกนกอรถอนใจ

“ไม่พูดฮะก็ได้ฮะ” คุณหญิงเปลวกนกตอบมารดาเหมือนเดิม นัยน์ตาของเธอยังไล่อ่านคู่มือเลี้ยงผึ้งอย่างสนใจ ตำราเล่มนี้ท่านพ่อสั่งซื้อมาจากอังกฤษ และฝากหม่อมมารดามาให้ ข้อมูลในหนังสือมีประโยชน์มาก หลายเรื่องคุณหญิงเปลวกนกก็ไม่เคยรู้มาก่อน

“ไม่เอาดีกว่า แม่ไม่ทะเลาะกับหญิงเปลวแล้ว” รบราเรื่องพูดจาเหมือนเด็กผู้ชายมานานปี ดูเหมือนจะแก้ไขอะไรไม่ได้ คุณหญิงเปลวกนกเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงเธอไม่ได้ แม้แต่หม่อมเจ้าเปรมปุษาณ

หม่อมกนกอรถอนใจเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ดวงตากลมโตจ้องมองธิดาคนโตที่ซอยผมสั้น สวมเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโคร่ง กางเกงขายาวครึ่งน่อง นอนกระดิกเท้าอ่านหนังสือบนโซฟายาวอย่างสบายอารมณ์ ท่าทางเช่นนี้ดูไม่ต่างอันใดกับเด็กผู้ชายซนๆ คนหนึ่ง

เรื่องนี้จะโทษใครก็คงไม่ได้ นอกจากท่านชายผู้เป็นสวามีที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ท่านชายเป็นคนทำให้ หม่อมราชวงศ์หญิงเปลวกนกเป็นทอมบอยแบบนี้

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

ตอนคลอดลูกคนแรก หม่อมเจ้าเปรมปุษาณอยากได้โอรส ครั้นพอได้ธิดา ท่านชายก็เลยเลี้ยงคุณหญิงเปลวกนกมาแบบเด็กชาย ฝึกให้ขี่ม้า ยิงปืน ปีนป่ายต้นไม้คล่องแคล่วอย่างกับลิงกับค่าง หม่อมกนกอรพยายามที่จะสอนให้เย็บปักถักร้อย แกะสลักผัก ทำอาหาร วิชากุลสตรีต่างๆ ก็ดูจะไม่เป็นผล

ในชั่วโมงเย็บปักถักร้อย คุณหญิงเปลวกนกมักจะทำด้ายและไหมพรมพันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด จะเย็บผ้าก็ยังสนด้ายเข้ารูเข็มไม่ได้ ครั้นพอถึงชั่วโมงแกะสลักผักผลไม้ ธิดาของเธอก็ทำผลไม้เละคามือไปหลายกิโล ตรงกันข้ามกับชั่วโมงเลื่อยไม้ ขี่ม้า ฟันดาบ ยิงปืน ที่เปลวกนกทำได้ดีมาก

นอกจากนี้คุณหญิงเปลวกนกยังไม่ยอมนุ่งกระโปรง หากโปรดที่จะสวมเสื้อและกางเกงแบบเด็กผู้ชายอีกด้วย

‘ท่านชายทรงสอนลูกแบบนี้ หม่อมฉันออกจะเป็นกังวล’ หม่อมกนกอรเคยพูดกับสวามีในวันหนึ่งที่อยู่กันตามลำพัง

‘โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด’ ท่านชายเปรมปุษาณยกโอษฐ์แย้มสรวลกับชายาด้วยอาการอ่อนโยน สวามีของเธอเป็นเจ้านายรุ่นแรกๆ ที่ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงเสด็จไปศึกษาต่อที่อังกฤษ ท่านบิดาของคุณหญิงเปลวกนกเรียนจบมาทางด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์ มีโอกาสได้เห็นโลกกว้าง ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกตะวันตกที่กำลังคืบคลานมาสู่สยามประเทศ ‘ถ้าลูกของเราดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายก็คงจะดี เราเองก็ไม่ต้องห่วงมาก’

‘เลี้ยงให้หญิงเปลวเก่ง สามารถดูแลตัวเอง หม่อมฉันเห็นด้วย…แต่นั่นไม่ใช่เลี้ยงให้หญิงเปลวกลายเป็นเด็กผู้ชายแบบนี้นะเพคะ’ ผู้เป็นมารดาส่ายหน้า

‘เลี้ยงแบบนี้ไม่ดีตรงไหน เนอะลูกเนอะ’ ท่านชายทรงหันไปพยักพเยิดกับธิดาคนโปรด ‘ลูกพ่อเก่งออกจะตายไป’

‘ใช่ฮะท่านพ่อ’ คุณหญิงเปลวกนกหัวเราะชอบใจ ‘ลูกเก่งแบบนี้ ต่อไปจะได้ดูแลหญิงฉัตรและหญิงเชิญได้ ท่านพ่อกับหม่อมแม่จะได้ไม่ต้องห่วงน้อง’

เธอหมายถึง ม.ร.ว.ฉัตรกนก และ ม.ร.ว.เชิญกนก ผู้เป็นน้องสาวคนรองและคนเล็ก พวกเธอทั้งสองคนมีบุคลิกแตกต่างจากพี่สาวคนโตอย่างสิ้นเชิง

คุณหญิงฉัตรกนกมีความเป็นผู้หญิงสูงมาก พอเริ่มจะรู้ความหม่อมอุ่นอรุณ ซึ่งเป็นหม่อมมารดาของท่านชายเปรมปุษาณ ก็ขอตัวหลานสาวคนที่สองไปเลี้ยงในวัง ถ่ายทอดสรรพวิชาความรู้ของผู้ดีในวังให้ คุณหญิงฉัตรกนกชอบเย็บปักถักร้อย ทำกิจกรรมต่างๆ ที่กุลสตรีผู้ดีทำกันได้อย่างคล่องแคล่ว สมเป็นหลานรักของหม่อมอุ่นอรุณ ขณะที่ คุณหญิงเชิญกนกนั้นอายุเพิ่งจะห้าขวบ หากเห็นแววแล้วว่าเป็นเด็กหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย อาจจะซุกซนอยู่บ้าง หากก็เป็นไปตามประสาเด็ก

หม่อมกนกอรฟังหม่อมเจ้าเปรมปุษาณและ คุณหญิงเปลวกนกคุยกันแล้ว รู้สึกเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง หากพอเห็นท่าทางชอบอกชอบใจของสองพ่อลูก เธอเลยเปลี่ยนใจไม่พูดต่อ เพราะรู้ว่าถึงจะพูดหรือห้ามอะไรก็คงไม่สำเร็จ

อีกอย่าง…ตลอดเวลาที่ผ่านมาหม่อมกนกอรรักและเทิดทูนสวามีเป็นอย่างมาก ประพฤติตนเป็นช้างเท้าหลัง หม่อมเจ้าเปรมปุษาณว่าอย่างไรก็พร้อมจะเห็นด้วยอยู่แล้ว ดังนั้น คุณหญิงเปลวกนกจึงเติบโตมาอย่างเด็กผู้ชายแก่นๆ คนหนึ่ง

แล้วความแก่นกล้าของคุณหญิงเปลวกนกก็เกิดเป็นประโยชน์ขึ้นมา ในวันที่หม่อมเจ้าเปรมปุษาณตัดสินพระทัยซื้อที่ดินชายทะเลบางเบิด ใกล้กับฟาร์มของหม่อมเจ้าสิทธิพร

ความตั้งใจจะเอาดีทางด้านกสิกรรมและการเกษตรของเจ้าชายพระองค์นั้น ทำให้เจ้านายอีกหลายองค์ดำเนินรอยตาม รวมถึงพระบิดาของคุณหญิงเปลวกนกด้วย

เมื่อปีที่ผ่านมา หม่อมเจ้าเปรมปุษาณตัดสินพระทัยใช้เงินส่วนพระองค์ขอซื้อที่ดินจากชาวไร่ที่บางเบิดจำนวนหนึ่งร้อยไร่ เพื่อปลูกผักผลไม้ เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ทำฟาร์มเกษตรแผนใหม่ตามแนวทางของหม่อมเจ้าสิทธิพร หากการทำฟาร์มให้ประสบผลสำเร็จ มีแค่เงินอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด และคนที่อาสาทำหน้าที่นั้น อีกทั้งยังทำได้อย่างดีเยี่ยมก็คือ คุณหญิงเปลวกนกนั่นเอง

ตอนที่ธิดาคนโตแสดงความจำนงว่าจะย้ายไปอยู่ที่บางเบิด เพื่อดูแลฟาร์มของครอบครัว หม่อมกนกอรเป็นคนคัดค้านหัวชนฝา ขณะที่หม่อมเจ้าเปรมปุษาณนิ่งคิดอย่างตรึกตรอง ก่อนจะตอบตกลงในที่สุด

‘ท่านชาย จะทรงปล่อยลูกไปอยู่ที่ห่างไกลแบบนั้นไม่ได้นะเพคะ’ ถึงอย่างไรหม่อมกนกอรก็ไม่เห็นด้วย

‘ไม่เห็นเป็นไรเลยฮะ ลูกคิดว่าลูกทำได้ และจะทำได้ดีเสียด้วย’ เปลวกนกยักไหล่

‘แต่ลูกเป็นผู้หญิง’ หม่อมกนกอรยกเหตุผลขึ้นมาเอ่ยอ้าง

‘จะกังวลไปทำไมแม่อร…ลูกเราเก่งยิ่งกว่าผู้ชาย แม่อรก็รู้ดีอยู่’ ท่านชายเปรมฯ หัวเราะชอบใจ ‘อีกอย่าง หญิงเปลวเรียนวิทยาศาสตร์ เหมาะมากที่จะไปทำงานในฟาร์ม ความรู้ของหญิงเปลวจะช่วยพัฒนาให้ฟาร์มเปรมปุษาณของเราก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี’

คุณหญิงเปลวกนกเพิ่งเรียนจบไฮสกูลมาจากปีนัง เธอเลือกเรียนแผนวิทยาศาสตร์ และมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะวิชาชีววิทยาและการเกษตร

‘แต่หม่อมฉันอดเป็นห่วงหญิงเปลวไม่ได้อยู่ดี’ ให้อย่างไรหม่อมกนกอรก็ยังไม่สบายใจที่ลูกสาวคนโตจะไปไกลจากอก ถึงแม้ในเวลานี้เธอจะมีธิดาอีกสองคนให้ดูแลก็ตาม หากความเป็นแม่ทำให้เธออดห่วงเปลวกนกไม่ได้

‘อย่ากังวลเลยฮะหม่อมแม่’ คุณหญิงเปลวกนกตรงเข้าไปสวมกอดมารดาอย่างจะเอาใจ ‘ลูกเรียนจบมา หม่อมแม่ก็ให้อยู่ที่วังเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรมาปีกว่าแล้ว นั่งๆ นอนๆ แบบนี้น่าเบื่อจะตาย ไปอยู่โน่นลูกมีอะไรที่อยากทำตั้งหลายอย่าง หม่อมแม่คิดถึงก็ไปเยี่ยมลูกได้เสมอ ท่านชายสิทธิพรกับหม่อมศรียังอยู่ได้ ทำไมลูกจะอยู่ไม่ได้’

‘แต่…’ หม่อมกนกอรนิ่วหน้า

‘ลูกพูดถูก’ หม่อมเจ้าเปรมปุษาณพยักหน้า ‘ที่นั่นไม่ได้กันดาร ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่แม่อรคิด อีกทั้งการเดินทางไปบางเบิดเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ได้ลำบากเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ถ้าไม่โดยสารรถไฟก็ไปทางเรือเดินทะเล ใช้เวลาไม่ถึงวัน อีกอย่างฉันก็ไม่ได้จะทิ้งให้ลูกอยู่ดูแลฟาร์มคนเดียวเสียเมื่อไร ว่างจากราชการฉันก็จะหมั่นแวะไปดูแล ไปอยู่ด้วยกันกับลูก และถ้าแม่อรเป็นห่วง ฉันจะให้นมแย้มกับตาเข่งไปอยู่ที่โน่นด้วย”

พอได้ฟังหม่อมเจ้าเปรมปุษาณรับสั่งว่าจะให้นมแย้มและตาเข่งซึ่งเป็นคนสนิทไปอยู่เป็นเพื่อนเปลวกนก ผู้เป็นมารดาก็ค่อยคลายใจขึ้นมาได้บ้าง สองคนนั้นเป็นบ่าวในบ้านอยู่รับใช้เธอและสวามีตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว อีกทั้งเป็นคนที่เปลวกนกค่อนข้างจะเกรงใจอยู่บ้าง หากนมแย้มและตาเข่งไปอยู่ด้วย ก็พอจะเป็นหูเป็นตาแทนเธอได้

ด้วยเหตุนี้ คุณหญิงเปลวกนกจึงย้ายนิวาสสถานไปอยู่ที่บางเบิด มีหน้าที่หลักๆ คือควบคุมคนงานและดูแลกิจการฟาร์มเปรมปุษาณของท่านบิดา จากวันนั้นจวบจนถึงบัดนี้นับเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆ เธอมักจะปรากฏตัวในรูปโฉมของเด็กหนุ่มมาดกวน ที่ทุกคนรู้จักในนามของ ‘ไอ้เปลว บ้านบางเบิด’ นั่นเอง…

 

เช้าวันต่อมา ตาเข่งและนมแย้มขับเกวียนพาหม่อมกนกอรไปส่งที่สถานีรถไฟ ส่วนคุณหญิงนั้นมัวยุ่งอยู่กับการเตรียมน้ำผึ้งไปส่งลูกค้า

ลูกค้าของเธอไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็นบุตรชายของนายทรัพย์ที่ชื่อวิทิศน์นั่นเอง

วิทิศน์เป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบห้าปี มีพี่ชายคนหนึ่งชื่อวิธูร

วิธูรอายุมากกว่าน้องชายสามปี ทั้งสองเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีความรู้ บุคลิกลักษณะแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป เป็นเพราะนายทรัพย์ส่งบุตรชายของเขาไปเรียนหนังสือที่พระนครตั้งแต่เด็ก

คุณหญิงคุ้นเคยกันดีกับวิทิศน์ เขาเล่าให้ฟังว่าตอนเรียนหนังสืออยู่ที่พระนครนั้น เขาพักอยู่กับคุณป้าที่เป็นภรรยาของเจ้าพระยาท่านหนึ่ง หลังจากเรียนหนังสือจบมัธยมก็เรียนต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้นพอสำเร็จเป็นบัณฑิต นายทรัพย์ก็เรียกบุตรชายทั้งสองให้กลับมาทำงานที่บ้าน วิธูรช่วยพ่อดูแลกิจการประมงและฟาร์มของครอบครัว วิทิศน์เปิดร้านอาหารเล็กๆ อยู่ในตัวอำเภอ และมักจะสั่งผลผลิตจากฟาร์มเปรมปุษาณไปทำอาหารที่ร้านเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เปลวกนกและวิทิศน์มีโอกาสได้คุยกันอยู่บ่อยๆ

วิทิศน์เป็นชายหนุ่มที่มีนิสัยกระเดียดไปทางผู้หญิง เขาชอบทำอาหาร และมีฝีมือทางด้านนี้เป็นอย่างมาก หากนั่นกลับเป็นอะไรที่นายทรัพย์ไม่ค่อยชอบนัก เขารู้สึกอายที่วิทิศน์ดูไม่แมนเหมือนอย่างวิธูรบุตรชายคนโต แต่เพราะวิทิศน์เป็นลูกรักของแม่ นายทรัพย์เองก็รักและเกรงใจนางปรุงผู้เป็นภรรยาอยู่ไม่น้อย เขาจึงไม่กล้าแสดงอาการรังเกียจวิทิศน์ให้ใครๆ เห็น มีเพียงวิทิศน์เท่านั้นที่ชอบบ่นให้เปลวกนกฟังว่าเขาเป็นลูกที่พ่อไม่รัก

ไม่ใช่บ่นแต่เรื่องพ่อไม่รัก หากวิทิศน์ยังชอบบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้สารพัด ตั้งแต่เรื่องร้านของเขา ไปจนถึงลมฟ้าอากาศ ยิ่งเปลวกนกเป็นผู้ฟังที่ดี วิทิศน์ก็ยิ่งบ่นจนบางครั้งเปลวกนกรู้สึกรำคาญ

แต่ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะลุ่มๆ ดอนๆ หากในเมืองที่ห่างไกลเช่นนี้ เปลวกนกก็นับว่าวิทิศน์เป็นเพื่อนแก้เหงาที่ดีคนหนึ่ง อีกทั้งเวลาที่เธออยากกินอาหารอร่อยๆ ถ้าไม่ไปที่ร้านของวิทิศน์ในตัวอำเภอ เขาก็มักจะทำอาหารใส่ปิ่นโตมาฝากเสมอๆ

บางครั้งวิทิศน์และคุณหญิงเปลวกนกก็ชวนกันไปเยี่ยมหม่อมศรีพรหมาที่ฟาร์มบางเบิด ชายาของท่านชายสิทธิพรมีความรู้เรื่องการถนอมอาหารที่ดีเยี่ยม ท่านสอนให้ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองรู้จักกับการทำเบคอนและแฮมจากเนื้อหมู รวมถึงการนำเอาผักและผลไม้จากฟาร์มมาแปรรูปเพื่อให้เก็บไว้รับประทานได้นานๆ

วันนี้วิทิศน์สั่งซื้อน้ำผึ้งจากฟาร์มเปรมปุษาณสองโถ ปกติแล้วคุณหญิงจะใช้ให้แก่นและกลอย เด็กชายวัยสิบปีและแปดปีที่เป็นลูกสมุนคนสนิทไปส่ง แต่วันนี้เด็กชายทั้งสองติดตามพ่อและแม่ที่เป็นคนงานของฟาร์มเปรมปุษาณไปเยี่ยมตาและยายของพวกเขาที่ทุ่งวัวแล่น จังหวัดชุมพร คุณหญิงเปลวกนกจึงต้องเป็นคนไปส่งของด้วยตัวเอง

ร้านอาหารของวิทิศน์อยู่ใกล้กับตลาดบางเบิด ตั้งในที่ดินส่วนตัวของนายทรัพย์ ตกแต่งร้านเอาไว้อย่างสวยงามแปลกตา หากจะกล่าวว่าเป็นร้านที่ทันสมัยที่สุดในเมืองก็คงไม่ผิดความจริงนัก

แต่เพราะคนที่นี่นิยมทำอาหารรับประทานกันเองที่บ้าน ร้านของวิทิศน์จึงขายไม่ดีนัก ส่วนมากแล้วลูกค้าของเขามักจะเป็นแขกจากพระนคร ที่มาบางเบิดเพื่อเยี่ยมชมกิจการฟาร์มของหม่อมเจ้าสิทธิพรมากกว่า

จากฟาร์มเปรมปุษาณ คุณหญิงเปลวกนกต้องขี่ม้าไปตามถนนลูกรังสายเล็ก ที่พบชายหนุ่มและหญิงสาวรถเสียเมื่อวานนี้ เจ้าสีหมอกม้าคู่ใจของเธอเป็นม้าหนุ่มฝีเท้าดี ใช้เวลาไม่นานนักก็เดินทางมาถึงตัวเมืองอันเงียบเหงา

ร้านของวิทิศน์เป็นอาคารไม้สองชั้น ชั้นล่างเป็นครัว ห้องอาหารอยู่ชั้นสอง จัดที่นั่งเอาไว้ริมระเบียงและริมหน้าต่าง เมื่อมองไปจะเห็นวิวภูเขาและท้องทะเลอันสวยงาม

“น้ำผึ้งมาแล้วฮะ”

คุณหญิงเปลวกนกตะโกนขณะกระโดดลงจากหลังเจ้าสีหมอก และผูกม้าตัวโปรดเอาไว้กับเสาหน้าร้าน เธอสะพายกระเป๋าหนังที่บรรจุน้ำผึ้งสองโถอยู่ข้างใน

ประตูของร้านอาหารเปิดแง้มเอาไว้ ภายในร้านเงียบสงัด ด้วยยังไม่ถึงเวลาอาหารเที่ยงจึงยังไม่มีลูกค้า

“วิทิศน์…อยู่หรือเปล่า”

คุณหญิงตะโกนเรียกเจ้าของร้าน หากไม่มีเสียงตอบของวิทิศน์

เธอจึงถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป หูแว่วได้ยินเสียงดังตุ้บ เหมือนมีคนกระโดดลงมาจากระเบียงชั้นสอง ลองชะเง้อดูก็ไม่เห็นจะมีใคร

ภายในห้องครัวว่างเปล่า บนเตายังมีหม้อใบใหญ่ตั้งอยู่ กลิ่นขาหมูต้มพะโล้หอมกรุ่นชวนให้น้ำลายไหล หากปราศจากร่องรอยของเจ้าของร้าน

“วิทิศน์…อยู่หรือเปล่าฮะ น้ำผึ้งที่สั่งไว้มาแล้ว…”

ไม่มีเสียงตอบเช่นทุกครั้ง

คุณหญิงเปลวกนกขยับหมวกแก๊ปที่สวมด้วยอาการอึดอัด รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นโดยกะทันหัน…

หางตาของเธอเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างทอดยาวอยู่หลังเคาน์เตอร์กลางห้อง คุณหญิงเห็นดังนั้นจึงสืบเท้าตรงไปรวดเร็ว

และทันทีที่เห็นว่า ‘ของสิ่งนั้น’ คืออะไร คุณหญิงเปลวกนกก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก!

***

สั่งซื้อ Remember Wrinks

เซรั่มบำรุงผิวที่เป็นมาสก์ได้ในหนึ่งเดียว

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

สั่งซื้อ 1 หลอดราคา 2,090 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2UT2G40   

สั่งซื้อเซ็ตประหยัดสุดคุ้ม 3 หลอดราคา 2,940 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2QFzcY9

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ คลิกที่นี่ >>>>>>>>>>> http://anowl.co/anowlsabai/remember-wrinks/



Don`t copy text!