พิษงู
โดย : ชุนเทียน
“ฝนตก แดดออก” คอลัมน์ที่รวมบทความที่เขียนถึงประสบการณ์ชีวิต ความคิด ความรู้สึกต่อเรื่องราวรอบตัวที่ชุนเทียนได้พบ…แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้ามองให้ดี คุณจะสัมผัสได้ถึงอากาศสบายๆ ในยามฝนโปรย และมีความสุขทุกครั้งที่เงยหน้ามองฟ้าเมื่อแดดออกในทุกวัน
สองวันก่อนพี่สาวโดนงูกัด งูเขียวหางไหม้ตัวนั้นน่าจะเป็นลูกงูที่กำลังเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ขนาดตัวของมันประมาณนิ้วโป้งของฉัน ที่มีรูปร่างผอมนิ้วจึงไม่ใหญ่มากนัก ลำตัวของมันไม่อวบอ้วน ฉะนั้น ในรอยเขี้ยวสองรูที่พบบนหลังเท้าของพี่สาวจึงมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย พอบีบออกได้ไม่ยาก
เสียงพี่สาวกรี๊ดดังลั่นสวนหลังบ้าน หันไปเห็นว่ากำลังเต้นเร่า ๆ อยู่หน้าศาลพระภูมิใกล้ทางเดินเข้าบ้านใต้ต้นพริกไทยไม้เลื้อยและดงกล้วยใกล้อ่างบัวใหญ่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ เห็นงูเขียวหางไหม้ขนาดตัวอย่างที่บรรยายข้างต้น กำลังชูคอหันหัวมองไปทางพี่สาวผู้กำลังตกใจกระทืบเท้า เขย่งเป็นกระต่ายขาเดียวตรงหน้า ฉันเดินไปใกล้งู หันซ้ายหันขวาเห็นกล่องโฟมขาดครึ่งอยู่ใกล้มือที่สุด เอื้อมมือไปหยิบมาเขี่ยงูผู้กำลังตกใจเหมือนกัน โยนทั้งกล่องและงูไปที่ดงกล้วย แล้วไม่ได้หันไปมองอีกว่ามันเลื้อยไปทางไหน
เวลาที่กำลังโพล้เพล้แบบนี้ ไม่มีใครตาดีหน้าไหนจะกล้าตามไปกระทืบ เอ้ย! ไปตีงูให้ตายสักคน ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่กล้าตีมันตาย จะว่าไป สัตว์ทุกตัวไม่ว่าจะเป็นพันธุ์อะไรล้วนแต่รักชีวิตกันทั้งนั้น มันย่อมหนีเอาตัวรอด ถ้ามันหนีได้ แต่ถ้าไม่ สัญชาตญาณสัตว์ก็พร้อมป้องกันตัวเองเสมอ ดังเช่นพี่สาวโดนมันฉกเอาเพราะดันเกิดขยันตอนใกล้ค่ำ เอาสายยางไปฉีดน้ำล้างศาลพระภูมิ แถวนั้นคงเป็นถิ่นที่มันกำลังออกหากินพอดี ปะหน้ากับพี่เข้าก็ฉกเอา ไม่รู้นางไปเหยียบหางมันหรือเปล่า เราก็ลืมถามเพราะฉุกละหุกชุลมุนไปหมด
พี่แว้ดเสียงสั่นพร้อมกับชี้นิ้วไปทิศทางที่ฉันเอากล่องโฟมเขี่ยงูตัวนั้นให้ไปไกลจากตัวว่า “ไปเอาใบยาถอนพิษมาเร็วๆ” ฉันมองไปตามนิ้วที่เธอชี้ อ้าว.. ใครจะไปได้วะ เพิ่งจะไล่งูไปหยกๆ ดันสั่งให้เดินไปหายาถอนพิษตามอีงูนั่น ฉันคิดในใจ พลางเดินไปหาใบสมุนไพรมาขยี้ถอนพิษงูให้ แน่นอนว่ามันคนละทิศ คนละต้นกับที่เขาชี้ พอขยี้ใบบริเวณรอยเขี้ยวที่แผลนั้นเสร็จ เธอเดินเขยกหน้าเหยเกขึ้นบ้าน เริ่มสงบสติอารมณ์ได้ ฉันก็หาอุปกรณ์ล้างแผล เอากะละมังใส่น้ำ หาสบู่มาฟอกล้างแผล ก่อนจะเอาแอลกอฮอล์ราดตามลงไปเกือบหมดขวดเล็ก เจ้าของแผลก็ได้แต่คอยบีบแผลให้เลือดนำพิษงูออกไปให้มากที่สุด ขณะที่ฉันลงไปหาใบเสลดพังพอนตัวเมียที่เขาว่ากันว่าแก้พิษงูได้อีกครั้ง เพื่อเอามาตำกับเหล้าขาวที่มีติดบ้านไว้ทำยา หยดลงไปนิดหน่อย อารามรีบก็เอาแค่พอใช้ได้ไม่ต้องละเอียดมากแล้วค่อยเอาไปพอกบนรอยแผล ระหว่างนั้นพยายามโทรศัพท์หาหลานให้ช่วยขับรถพาไปโรงพยาบาล ซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะถึง เพราะบ้านห่างจากตัวเมืองหลายสิบกิโลเมตร
เราไปถึงหน่วยฉุกเฉินของโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดเกือบสองทุ่ม ชั่งน้ำหนักวัดความดันและสอบถามทำประวัติกันเสร็จ พนักงานเวรเปลก็เข็นรถพาพี่เข้าห้องรอทำแผล ระหว่างที่รอหมอ หลังเท้าพี่ข้างที่โดนงูกัดเริ่มบวมขึ้นเรื่อยๆ อาการปวดแผลเริ่มออกฤทธิ์ พี่ร้องขอยา แต่พยาบาลและหมอกำลังยุ่งๆ กันทุกคน เพราะช่วงนั้นมีเคสด่วน เด็กนักเรียนช่างทะเลาะกัน คู่กรณีแทงมีดคมๆ ทะลุเข้าหัวใจพอดี ฉันมองไปที่ร่างของเด็กที่เพิ่งโตเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น นอนสงบห่มผ้าอยู่บนเตียง เผยเพียงรูปหน้าและศีรษะอยู่ในห้องที่เย็นเฉียบ แม่ของเขาเป็นลมอยู่ตรงหน้ารถเข็นของพี่สาว ทุกอย่างที่ผ่านหน้าฉันไปขณะนั้นรู้สึกเหมือนกำลังชมละครในชีวิตจริง
หลังจากหมอมาดูแผลและซักประวัติ หมอสั่งให้พี่ไปเจาะเลือดเพื่อดูว่าพิษงูนั้นมีผลเข้าไปทำลายระบบเลือดให้ผิดปกติมากน้อยเพียงใด ระหว่างรอผลเลือดประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้แต่มองคนไข้อื่นๆ หน้าประตูห้องฉุกเฉินพอให้หายตื่นเต้นกับเรื่องราวของตัวเองไปสักพัก ผลเลือดออกมาว่ายังปกติดี พยาบาลเริ่มอธิบายขั้นตอนการรักษาให้เราฟัง เธอเอาจุลสารกระดาษแผ่นเล็กที่มีรายละเอียดของการรักษาผู้ที่โดนงูกัดมาให้อ่านประกอบเพื่อความเข้าใจ ฉันผู้ที่ฟังและอ่านแล้วก็ค่อนข้างงงนิดหน่อย เพราะจะมีเรื่องของการติดตามอาการของผู้ที่ถูกพิษไปแล้วทุกๆ 6 ชั่วโมง
ในวันแรกที่โดนงูกัด และ 12 ชั่วโมงในวันที่สอง หมอสั่งยาแก้ปวดและยาฆ่าเชื้อให้ เธอบอกให้เราเอาใบสั่งยาไปเบิกยาและกลับบ้านได้ เพื่อที่จะมาโรงพยาบาลในอีก 6 ชั่วโมงถัดไป หากเกิดกรณีที่รอยบวมหรือมีอาการปวดจากแผลนั้นมากขึ้น (ซึ่งตอนนี้มันบวมไปถึงตาตุ่มแล้ว) และถ้ามันบวมลามขึ้นไปถึงน่องแม้จะยังไม่ถึงเข่า ให้รีบพามาที่โรงพยาบาลก่อนเวลา 6 ชั่วโมงที่นัดไว้ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีอะไร ตอนนี้กลับไปบ้านได้เพื่อที่จะกลับมาดูอาการในอีก 6 ชั่วโมงถัดไป
หลังเหตุการณ์น่าตื่นเต้นผ่านไปได้หนึ่งคืน เราเริ่มมานั่งถกกันถึงปัญหาความรกของต้นไม้หลังบ้าน ฉันคิดในใจ ต้นไม้คงโดนตัดจนโกร๋นไปอีกหลายต้นทั้ง ๆ ที่พวกมันไม่ได้ทำอะไรผิด มันแค่เติบโตไปตามวิถีของมัน แม้จะเห็นด้วยว่าควรกำจัดความรกบ้างก็ตามที มีการพูดถึงงูตัวนั้นว่า ฉันผู้ซึ่งเป็นคนเจอมันทำไมไม่ตีงูให้ตายแล้วเอาซากงูมาให้หมอดู
เอ่อ.. ฉัน ผู้เห็นงูตัวนั้นเต็มสองตาว่ามันเป็นงูเขียวหางไหม้ กลับต้องเอาซากงูมายืนยันเป็นหลักฐานด้วยชีวิตของมันเองให้หมอดู?
พูดก็พูดเถอะ ตามทฤษฎีควรทำแบบนั้น ในกรณีที่เราไม่รู้จักงูตัวนั้นจริงๆ ว่าเป็นงูพันธุ์อะไร หมอจะได้รักษาถูกว่าพิษของมันส่งผลกับระบบเลือดหรือระบบประสาท หากว่าเรารู้ทั้งรู้ว่าเป็นงูอะไร มันยังต้องสังเวยชีวิตเพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวมัน? หรือด้วยเหตุผลที่ว่า ปล่อยมันไปเดี๋ยวมันไปกัดคนอื่นอีก ซึ่งเชื่อกันว่ามีความเป็นไปได้สูงที่มันจะทำ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับใคร ล้วนมีแต่คนบอกว่า ควรตีงูให้ตาย เออ.. ฉันว่างูซวยล่ะ งานนี้ แม้จะไม่เห็นด้วยกับการฆ่าสัตว์ แต่สวัสดิภาพและความปลอดภัยของคน ต้องมาก่อน! หรือเปล่า? มันน่าสงสัยเหมือนกันนะ
ไม่รู้เหมือนกัน ระหว่างพิษงูที่ว่าร้ายกาจ อาจทำเราถึงตายได้หากแพ้หรือได้รับพิษในปริมาณมาก กับความกลัวในใจที่กำลังทำพิษคนให้ขาดเมตตา อะไรจะน่ากลัวกว่ากัน
- READ ฮังเล...ขาประจำที่กำลังจะหายไป
- READ พิษงู
- READ คนปล่อยหมา
- READ ชมจันทน์ยามดึก
- READ ลำพู กู้ไว้ไม่ให้จม
- READ รวมกันเราอยู่
- READ หลีกหน้าให้พ้นน้ำ
- READ ลมใต้ปีก
- READ ความทรงจำหล่นบนพื้นดิน
- READ ห้วงเวลาแห่งการรอคอย
- READ ความสะอาดหลังน้ำท่วม
- READ หัวใจอยู่ในอากาศ
- READ หากินตามแสงไฟ
- READ ระลึกถึงรักแรกพบ