ขอบน้ำจรดขอบฟ้า บทที่ 1 : สมุทรไท
โดย : กฤษณา อโศกสิน
ขอบน้ำจรดขอบฟ้า โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ. 2531 กับการเดินทางครั้งสำคัญของสมุทรไทที่นำพาความมหัศจรรย์มาสู่ชีวิ
……………………………………………………………….
-1-
กำลังจะเอนตัวลงนอนแล้วทีเดียว เสียงกริ่งก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มจึงกดไฟหัวเตียง หยิบมือถือบนโต๊ะเล็ก
“มึงรู้ผลสอบแล้วใช่ไหม ถ้ารู้แล้วบินต่อด่วนพรุ่งนี้เลย กูจะจองทั้งโรงแรม เรือบิน เรือสำราญไว้ให้ แค่มึงตอบรับเดี๋ยวนี้”
นี่แหละ เขาถึงว่า ใจร้อนเร็วแบบลูกเศรษฐี
เพียงแต่กูไม่เหมือนมึง สมุทรไทนึกอย่างหัวเสีย
“รู้ไหมว่านี่มันตีเท่าไหร่”
“ไม่รู้” ข้างโน้นส่งเสียงมาอย่างถือว่าสั่งกันได้…เขาสั่งเพื่อนได้ เพื่อนสั่งเขาได้ “รู้แต่ว่าถึงยังไงกูก็จำเป็นต้องกวนมึงครั้งใหญ่อีกครั้งแล้วละวะ…รับรอง…ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย”
“ตากูลืมแทบไม่ขึ้นแล้ว”
“เออ…ถ้างั้นจะรีบพูด…เรื่องมันมีอยู่ว่า…คืนนี้ ปู่กับย่ากูจะเดินทาง…ไปเครื่องตะวันออกกลางน่ะไท” อีกฝ่ายบอกพร้อมเอ่ยชื่อสายการบินดัง หนึ่งในสองสามสายที่มีชื่อเสียงว่าบริการสุดยอด “คือปู่กับย่าครบรอบแต่งงาน 55 ปีไง น้องสาวกูที่มีอยู่คนเดียวในโลก…ที่มึงเคยเจอเขาตอน 11-12 ขวบโน่นน่ะ เขาซื้อตั๋วไปกับปู่ย่าด้วย ทั้งตั๋วเรือบินเรือสำราญ…ครูซนั่นน่ะนะ จะพาปู่ย่าเที่ยว 3 ประเทศ สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส ก็แวะตามเมืองชายทะเลของเขาไง…อ้าว…นั่นมึงกำลังฟังอยู่ป่าววะ” ปรายถามเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเงียบผิดปกติ
สมุทรไทกำลังง่วงจัดด้วยฤทธิ์ที่อดนอนถึงสองคืน…คืนแรกคุยกับเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนอยู่อ็อกซ์ฟอร์ด หลังจากชวนกันดูภาพยนตร์หนึ่งรอบแล้วออกมาเลี้ยงฉลองที่บาร์เล็กๆ ‘เซอร์ๆ’ ย่านแคมเด็น
ส่วนคืนนี้ ก็มีรุ่นน้องอีกชุดหนึ่งที่เพิ่งเข้าเรียนปริญญาโท ขณะที่เขาจบออกมาพอดี มาขอเลี้ยงส่งที่ร้านอาหารมีชื่อย่านเบย์สวอเตอร์ แล้วย้ายมาคุยต่อที่โรงแรมที่เขาพัก เพิ่งชวนกันกลับไปเมื่อสักครู่
ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม
ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา
ก่อนหน้านั้น เขาก็ไม่ว่างเลยแม้แต่หนึ่งชั่วโมง
เนื่องด้วยต้องไปพบศาสตราจารย์ที่ปรึกษาผู้พาเขาไปเลี้ยงส่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพฯ โดยพาขึ้นรถจากลอนดอนไปค้างคืนที่บ้านพ่อแม่ของอาจารย์ที่คอตสวอลด์ ห่างจากอ็อกซ์ฟอร์ดแค่สิบกิโลเมตรเศษ พักที่นั่นคืนหนึ่ง คุยกันทั้งคืนด้วยเรื่องโบราณคดีจิปาถะของยุโรป
ฟังปรายได้ไม่กี่อึดใจ คอจึงตกผล็อย ได้ยินเสียงเพื่อนเหมือนไกลมากผ่านมา
‘น้องสาวกูที่มีอยู่คนเดียวในโลก’
‘ใครนะ น้องสาวที่มึงว่า’ เขารู้สึกคล้ายตนเองกำลังฝันไป
ก็พอดีเปิดเปลือกตาที่หลับลงแค่อึดใจได้ทัน
“มึงว่าไงนะ”
“น้องสาวกูไง…แก้วตาดวงใจของปู่ย่าพ่อแม่พี่ชายไง…เขาทำงานแล้ว มีเงินเดือนกิน ก็เงินเดือนจากบริษัทพ่อแม่กูนั่นละ…เขาก็เลยลงทุน…ก็เอาทุนจากกระเป๋าพ่อกูอีกนั่นแหละ พาปู่ย่าไปเลี้ยงครบรอบแต่งงาน ไปกับเรือสำราญ 16 ชั้น…แต่ต้องบินไปลงเรือที่บาร์เซโลนา”
“ที่ผู้ก่อการร้ายเพิ่งอาละวาดไปหยกๆเนี่ยนะ” คราวนี้สมุทรไทสะดุ้งตื่น
“เออ…ก็นั่นละ…โรงแรมที่ปู่ย่าจะต้องไปพักรอเรือออกก็อยู่แถวนั้นด้วย” ปรายทำเสียงฮ่าฮ่า
“ใครเป็นคนจอง”
“น้องกู…มันก็มักอุตริแบบนั้นละ แบบของมัน” พี่ชายคนที่ 3 ของน้องสาวกล่าวต่ออย่างเอ็นดูแกมหมั่นไส้
“แล้วยังไง”
“ก็จะยังไงนอกจาก…ขอให้มึงไปรอรับปู่ย่าแทนน้องกูไงล่ะ คือพอดีมันมีธุรกิจด่วนที่พ่อกับพี่ปันจะต้องเอามันไปเซินเจิ้นด้วย…นี่ก็เลยบินไปตั้งแต่สามสี่วันก่อน ทิ้งปู่ย่าไว้กะกู” เสียงปรายถอนใจยาวผ่านมา “กูก็จนปัญญาจริงๆว่ะ ตัวเองน่ะไปกับเขาไม่ได้แน่ เพราะพรุ่งนี้กูต้องอยู่โยง พี่ปุญเขาต้องเป็นตัวแทนพ่อเข้าประชุมผู้ถือหุ้นอีกบริษัท กูก็อยู่รับแขกที่เขานัดไว้แล้ว”
“รวยตายห่า”
ปรายหัวเราะก้าก
“แต่เชื่อไหม นี่กูก็ยังไม่รู้เลยนะว่า รวยนี่คือยังไง…เออ…ขอบใจมึงมากเลยไท นี่ถ้ามึงไม่ยอมไปละก็ กูแย่เลย บอกให้รู้…คือปู่กูอายุ 77 ไง ย่าก็ 74 สองเดือนก่อน น้องสาวก็เลยจองครูซนี่ไว้ จองไว้หมด…วันไหนกินอาหารห้องไหน…”
“แล้วทำไมต้องเป็นกู”
“ก็มึงเคยเจอย่ากูหนนึงไง”
“คนอื่นก็เจอ”
“แต่ย่าชอบมึง ชมเปาะเลย” ปรายว่า “นี่กูเอาจริงนะเฟ้ย พูดจริง ไม่มีเวลาเล่นแล้ว จะซื้อตั๋วให้บินวันนี้เลย ถามเรือไว้แล้ว มันยังมีที่เหลือ แต่ต้องบอกแน่นอนภายใน 48 ชั่วโมง…ไม่ต้องกลัวว่ากูจะจองห้องไม่มีหน้าต่างให้หรอก”
เสียงของเพื่อนไม่มีทีท่าว่าพูดเล่น
โชคยังดีที่เขายังไม่ได้ซื้อบัตรโดยสารกลับกรุงเทพฯ เพราะคิดว่าจะใช้เวลาอีกสองสามวันหรือกว่านั้นทิ้งทวนลอนดอน เดินหาของเก่าถูกใจทั้งในย่านนี้และย่านอื่นๆ
“อ้อ…ลืมถามไป พักแถวที่เพิ่งมีก่อการร้าย มึงจะว่าไงไหม”
แต่สมองของสมุทรไทหาใช่ขี้เท่อ จึงตอบ
“ดี…กูชอบ”
“มึงเหมือนปู่กูเปี๊ยบเลย” ปรายหยอดเสียงค่อนข้างประจบ “ย่าก็ด้วย”