ขอบน้ำจรดขอบฟ้า บทที่ 5 : ความหลัง

ขอบน้ำจรดขอบฟ้า บทที่ 5 : ความหลัง

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ขอบน้ำจรดขอบฟ้า โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ. 2531 กับการเดินทางครั้งสำคัญของสมุทรไทที่นำพาความมหัศจรรย์มาสู่ชีวิตอันอ้างว้างของเขา นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์

……………………………………………………………….

-5-

 

เสียงของย่าเงียบไป เขาจึงเอี้ยวตัวมอง ก็แลเห็นเธอหลับตา ขณะที่ปู่เหลือบมาดูนิดๆ แล้วเมินสู่ข้างทางที่รถกำลังผ่าน ด้วยว่าไม่เคยมาบาร์เซโลนา

“คุณย่าง่วงหรือครับ” ชายหนุ่มเอาใจใส่

ความหลังที่กำลังหวนไปสู่หลายภาพในอดีตจึงขาดหายไปขณะหนึ่ง นั่นก็คือ ครั้งที่เขายังมีปู่กับย่า มีเพื่อนรักสนิทชื่อปราย ผู้เข้ามาคลุกคลีจนชิดใกล้กับปู่ย่าของเขามากกว่าเขาสนิทกับปู่ย่าพ่อแม่และครอบครัวเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันใดวันหนึ่ง ปรายก็พาเด็กหญิงผอมบาง หน้าตาน่ารักวัยสิบเอ็ดย่างสิบสองมาด้วย มากินอาหารว่างที่ย่าทำ หากก็เพียงประเดี๋ยวหนึ่ง พี่ชายก็ต้องพากลับไปเพราะแม่โทรศัพท์มาตาม…หวงมากขนาดนั้น

“จ้ะ…” ย่าใบบุญเผยอเปลือกตา “คือ…ก็…ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่…เอ้อ…เดี๋ยวถึงโรงแรม นอนพักสักแป๊บ”

“ได้เลยครับ…คุณปู่ก็นอนพักนะฮะ…อยากทานอะไรผมไปซื้อให้ มีร้านสรรพสินค้าอยู่ตรงข้าม”

“ไม่หรอก” ปู่ประธานยิ้มๆ “อยากออกไปเดินเที่ยวมากกว่า ก็เราจะอยู่แค่เย็นนี้กับพรุ่งนี้แค่นั้นไม่ใช่หรือ”

“ครับ…พรุ่งนี้ก็อยู่ได้ถึงบ่ายสองครึ่ง…รถสายการบินก็มารับแล้วฮะ” เขาเองก็เสียดายที่เวลาน้อยเกินไป

“น้องบนจะมาทันไหมน้า” อีกฝ่ายลากเสียงกระสับกระส่าย

ใจคงกระหวัดถึงหลานรักตลอดทาง

“ถึงมาไม่ทันก็ไม่เป็นไรนี่ครับ น้องตามไปได้แน่ๆ อยู่แล้วฮะ”

“ถึงไงก็อยากให้เขามาทันเที่ยวที่นี่” ปู่ยังคงยืนยัน เสียงแข็งหน่อยๆ “เขาเองก็ไม่เคยมา เลยอยากให้เขาได้เที่ยวมากๆ…ก็ไหนๆ เขาอุตส่าห์มีกะใจนึกถึงคนแก่แล้วนี่นา…”

สมุทรไทฟังแล้วได้แต่นิ่งนิดหนึ่ง จึงปลอบ

“ผมว่า…เอ้อ…ก็น่าจะมาทันนะครับ น้องเองก็คงต้องรีบทำธุระให้เสร็จ” ปรายก็ไม่ได้บอกด้วยว่าธุระอะไร เขาเองก็ไม่ได้ถาม ดังนั้น จึงถือโอกาสถามปู่ “น้องต้องไปทำอะไรทางโน้นหรือครับ”

“อ๋อ…ก็พ่อเขาอยากฝึกลูกสาวขึ้นมากะทันหัน อยากให้รู้จักผู้คนทางเมืองจีนไว้มากๆ เพราะต่อจากนี้ไป เราก็จะเข้าสู่ยุคดิจิตัลแล้ว ยุคไอที-อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง น่ะ”

“อ้อ…ครับ”

“จีนเก่งมาแต่ไหนแต่ไร อเมริกาก็เก่ง รัสเซียไม่เก่งหรือเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น…แข่งกันเก่ง แล้วไทยเราจะเฉยอยู่ได้ไง” ปู่ว่า

แต่ย่ายังคงเงียบ นัยน์ตาหลับ

“ก็คงต้องพยายามตามเขาให้ทัน หรือเกือบทันแหละนะครับ คุณปู่” ชายหนุ่มเอาใจ “ว่าแต่ว่า น้องบนคงเรียนมาทางธุรกิจละมังฮะ”

เมื่อพาปู่มาถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสยิ่งเต็มใจตอบ

“ไงๆ ก็ต้องเรียน เกิดมาในวงศ์วานธุรกิจแล้ว ไม่เรียนเกี่ยวกับบริหารมั่งจะได้ยังไง” น้ำเสียงผู้พูดดูภูมิใจหลานหญิงเป็นอันมาก… “เพียงแต่เขาว่าเขาก็ไม่ชอบเท่าไหร่ ก็เรียนไปยังงั้น แต่พอดีเขาเก่ง ก็เลยจบออกมาเกรดดีเชียว ใช่ไหมเธอ”

หากย่าก็ยังเงียบ หลับตานิ่ง

สมุทรไทจึงหันไปมองอย่างมีกังวล พลางพึมพำ

“คุณย่าคงง่วงมาก”

“คงใช่” ปู่พยักหน้า แต่ก็หาได้สนใจมากไปกว่าเรื่องของหลานไม่ จึงถาม “ไทรู้จักน้องบนแล้วนี่ใช่ไหม”

“แต่ก็…นานแล้วครับ นานมาก”

“มัวไปอยู่ไหนเสียล่ะ” ปู่ถามดื้อๆ ท่าทางเขาคงจะพูดจาค่อนข้างตามใจตน “อ้อ…แต่ก็น่าหรอก…น่าจะไม่เจอ…อื้อฮึ…เขาน่ะหรือ ยังกะไข่ในหินยังไงยังงั้น ก็เหมือนประเทศไทยนั่นแหละ เห็นไหมว่า ชัยภูมิอยู่ลับเข้ามาบนบก มีหลายประเทศอยู่ข้างนอก ล้วนแต่โดนภัยธรรมชาติ แต่ไทยเราโดนอะไรก็แค่นิดหน่อย…ฉันเองเป็นคนนึกออกรู้เปล่า…ว่า หลานสาวกับประเทศไทยเหมือนกัน”

ชายหนุ่มก็เลยได้แต่อมยิ้ม รีบตอบรับความรักหลาน

“คุณปู่สมองไวมากเลยฮะ”

“อ๊ะ…ไม่ได้ซี ทำมาค้าขาย สมองไม่ไวได้ไง…ก็ดูแต่เรื่องผู้ก่อการร้ายก็ได้…เจ้าปรายก็กลัวอยู่นั่นแล้ว…แต่น้องมันบอกผมว่า ไม่ต้องกลัว ถึงไงทางการสเปนเขาก็ดูแลรัดกุม ถ้าปู่ย่าเป็นอะไรไป มันรับผิดชอบเอง…เจ้าพี่ชายเลยแหยไป ฉันก็บอกมันก่อนแล้วมันก็ไม่ฟัง”

น้ำเสียงออกอาการว่าชอบใจที่หลานชายแพ้หลานสาว

ที่จริง ปู่น่าจะนึกถึงคราวที่ตนเองเป็นลูกที่พ่อแม่สนใจน้อยกว่าพี่น้องบ้าง…ชายหนุ่มนึกอย่างขำ…แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า เรื่องรักน้อยรักมากเล็กเกินไปสำหรับเขาที่ท้ายสุด กลับกลายเป็นปู่นั่นเองที่ช่วยทวดผลักดันธุรกิจจนก้าวขึ้นสู่ระดับสูงอย่างงดงาม

เส้นทางจากสนามบินถึงกลางใจเมืองใช้เวลาแค่ 35 นาที ดังนั้น เรื่องที่ปู่ปรารภจึงจบลงดื้อๆ ทันทีที่รถจอดเทียบหน้าโรงแรม

ชายหนุ่มจึงรีบลงจากที่นั่งด้านขวาเนื่องจากประเทศนี้คนขับรถใช้พวงมาลัยซ้าย

“คุณย่าไม่สบายหรือเปล่าก็ไม่ทราบ” ชายหนุ่มถามลอยๆขณะยื่นแขนให้ย่าเกาะ

“อดนอน” ปู่ประธานพยักหน้า “ไม่เหมือนเรา หลับตลอด แต่เขาไม่ยอมหลับ มันก็งี้”

สมุทรไทจึงขอให้คนขับรถช่วยขนกระเป๋า ตัวเขาพยุงย่าเข้าลิฟต์ ขึ้นไปสู่ชั้นบนอันเป็นเคาน์เตอร์ลงทะเบียน เช็กอินเข้าห้องถัดไปจากเขาสองสามห้อง

เพียงแต่หย่อนตัวลงนั่งบนขอบเตียง ย่าใบบุญก็เอนกายลงนอนพาดขวางเตียง รู้สึกว่าห้องทั้งห้องหมุนคว้าง พลางก็ยกมือขวักไขว่

“คุณย่าไม่สบาย…สงสัยอดนอน หรือไม่ก็เมารถเมาเรือบิน” สมุทรไทว่าพลางปลดเป้ลงจากบ่าหน้า ควานหายาที่เขาต้องติดตัวเป็นประจำ ครั้นได้ซองเล็กๆออกมาแกะยาสีขาว 1 เม็ดจากแผง จึงหันไปทางปู่ “คุณปู่ช่วยช้อนศีรษะคุณย่าหน่อยฮะ…ผมจะให้ท่านกลืนยาดื่มน้ำแก้เมาแก้วิงเวียน แล้วขยับให้ท่านนอนดีๆ ตื่นขึ้นเช้าพรุ่งนี้ก็คงหาย”

ปู่ประธานทำตาม หากด้วยท่าทางเก้กัง แต่ท้ายที่สุด ย่าใบบุญก็กินยาเรียบร้อย นอนอุ่นอยู่ภายใต้นวมผืนหนา

 



Don`t copy text!