ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 10 : ราบเป็นหน้ากลองท้องธานี เห็นทีย่อยยับอัประมาณ (2)

ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 10 : ราบเป็นหน้ากลองท้องธานี เห็นทีย่อยยับอัประมาณ (2)

โดย : วันชนะ

Loading

เว็บไซต์อ่านเอา ภูมิใจเสนอ “ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี” นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 5 ผลงานโดย วันชนะ ทองคำเภา กับเรื่องราวของความตายที่มีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อน และวรรณกรรมผีของเหม เวชกร เรื่องรวทั้งหมดสัมพันธ์กันได้อย่างไร พบคำตอบได้ในนวนิยายเรื่องนี้

 

เด็กชายอัสดง สัตยาพิทักษ์ เคยเชื่อมาตลอดตั้งแต่เด็ก ว่าหนังสือและการเรียนเท่านั้น ที่จะปกป้องเขาจากภยันตรายต่างๆ ได้

เขาคิดแบบนั้นก็เพราะว่าวัยเด็กในยุคของเขานั้น โลกของเด็กๆ เป็นโลกที่ปกครองโดยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ ใครจะตื่นนอน เข้านอนกี่โมง จะต้องช่วยทำงานบ้านอะไรบ้าง จะได้กินอะไร หรือจะได้ไปเที่ยวที่ไหน ไปจนถึงจะเรียนโรงเรียนอะไร พ่อ แม่ และผู้ปกครองเท่านั้นที่เป็นคนบัญชา

และความลับของผู้ใหญ่ที่เด็กทุกคนรู้อยู่แล้วก็คือ ผู้ใหญ่ทุกคนชอบเด็กเรียนเก่ง ซึ่งเป็นเกมที่เล่นไม่ยากเลยสำหรับเด็กรักการอ่านอย่างอัสดง

เจ้าป๊อบ เด็กข้างบ้านที่ชอบมาแกล้งเขานั้น ถูกแม่ของมันตีทันทีที่เห็นว่ามันกำลังยื้อแย่งจักรยานถีบกับเขาอยู่ ทั้งที่เธอไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้น แถมยังสำทับแทรกเสียงร้องไห้จ้าของเจ้าป๊อบว่า “วันๆ เอาแต่เล่นเกเรแบบนี้ตลอดเลย ทำไมถึงไม่รู้จักคิด รู้จักขยันเรียนให้เหมือนน้องอัสเขาบ้างฮึ”

แต่ “น้องอัส” ในวัยแปดขวบก็คิดว่ามันแฟร์อยู่ เพราะว่าเจ้าป๊อบมันจะมาแย่งจักรยานถีบไปจากเขาจริงๆ

เด็กชายอัสเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ว่าก็ได้รับความเอ็นดูชมเชยจากเพื่อนบ้านและญาติๆ เพราะว่าเขาเป็นตัวแทนของซอยที่สอบได้ที่หนึ่งหลายเทอม เป็นตัวแทนของญาติๆ และลูกพี่ลูกน้องนามสกุลเดียวกันที่ได้ไปแข่งขันตอบปัญหาภาษาไทย สังคมศึกษา พระพุทธศาสนา และได้รางวัลกลับมาแทบจะทุกครั้ง แม้ว่าลุงตะวัน พี่ชายของพ่อ จะเคยตั้งข้อสังเกตอย่างกังวลว่า ทำไมน้องอัสไม่ค่อยไปแข่งวิชาพวกคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์เลย แบบนี้โตขึ้นจะสอบเข้าหมอได้มั้ย!

เด็กๆ ที่เล่นด้วยกันก็มีทั้งคนที่ชื่นชอบเด็กชายอัส เพราะเป็นเพื่อนที่เรียนเก่ง บางคนก็พอใจเพราะได้มีคนช่วยทำการบ้าน ไปจนถึงบางคนก็เขม่นนิดหน่อย ที่พ่อแม่เอาแต่ชม “น้องอัส” เปรียบเทียบกับพวกเขา เพื่อผลักดันให้ลุกขึ้นมาตั้งใจเรียน

แต่ว่าในวัยเด็กก็ไม่มีการรังแกหรือลงไม้ลงมืออะไรกันด้วยสาเหตุนั้น ทุกคนเล่นด้วยกัน แล้วก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็กลับมาเล่นกันอีกตามปกติ

 

จนพออัสดงเข้าสู่วัยรุ่น เข้าเรียนระดับมัธยมต้น ได้ใช้คำนำหน้าว่า “นาย” และเข้าสู่ชั้นมัธยมปลายตามลำดับ ระเบียบจักรวาลรอบตัวเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไปเกือบทั้งหมด

โลกที่กว้างขึ้น ทำให้คนที่สอบได้คะแนนดี ไม่ได้รับบทเป็นเพียงเด็กดีเรียนเก่งที่ทุกคนชื่นชมและเกรงใจอยู่ตลอดเวลา แต่บางทีก็ถูกมองว่าเป็นเด็กเรียนเก่งที่ “ท่องจำเก่งละสิ” หรือ “พวกประจบครู นั่งแถวหน้าในชั้นเรียนมาอีกแล้ว” แม้แต่ครูบางคนเองก็ยังหาโอกาสพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “พวกเด็กเรียนเก่งเนี่ย มักจะไม่รู้จักแบ่งปัน”

วัยที่ขนหน้าแข้งของเด็กหนุ่มเริ่มยาว มันก็ควรจะมีแง่มุมอื่นของชีวิตและมิตรภาพที่มากกว่าการเรียน แต่วัยรุ่นในยุค “เตรียมเอนทรานซ์” โดยเฉพาะกลุ่ม “เด็กเรียน” นั้น กลับต้องเอาตัวรอดด้วยการรวมตัวกันอยู่กันเป็นกลุ่มในโรงเรียน

ในสังคมมัธยมปลายนั้น นักเรียนมักจับกลุ่มกันตามความสนใจและความคล้ายคลึงของทัศนคติในชีวิตอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กเรียน เด็กเล่นกีฬา เด็กอ่อนแอ เด็กสวยเด็กหล่อ ฯลฯ ที่พร้อมจะปล่อยพลังงานบวกบ้าง ลบบ้างใส่กันตลอดเวลา ตามแต่ฮอร์โมนของวัยรุ่นจะพัดพาไป ไม่ต่างจากชื่อซีรีส์ในโทรทัศน์เมื่อหลายปีก่อน

การรวมกลุ่มที่ดูเผินๆ จะเป็นการใกล้ชิดกันตามความสนใจ ที่จริงแล้วจึงเป็นเหมือนการรวมตัวเพื่อความปลอดภัยจากการพลังลบที่อาจจะโจมตีใส่กันและกันได้ไปด้วย

ในกลุ่มเด็กเรียนซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีเพื่อนสาวๆ หน้าตาดีหลายคน ที่จะเดินไปห้องสมุด ไปส่งงาน ไปโรงอาหาร หรือนั่งอ่านหนังสือทำการบ้านกับนายอัสดง แน่นอนว่ามีความหวั่นไหวรู้สึกดีต่อกันบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ในกลุ่มของนายอัสดง ก็ไม่มีใครจริงจังเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่าไรนัก

เพื่อนสนิทที่สุดของอัสดงชื่อ ลูกกวาด เป็นสาวน่ารัก มีลักยิ้มที่แก้มป่อง และใบหน้าเหมือนลูกแมว ทำให้เธอเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนชายในโรงเรียนมาก ภาพของการสนิทสนมกับสาวสวยระดับนี้ ก็สร้างความลำบากให้กับชีวิตของนายอัสดงไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนต่างห้องที่อยู่ๆ ก็เข้ามาเดินกอดคอ แล้วถามถึงเพื่อนสาวคนนี้เพื่อขอให้แนะนำให้รู้จัก หรือเพื่อนบางคนที่พยายามล้อเลียนว่าอัสดงเนียนทำเป็นตั้งใจเรียนเพื่อจะใกล้ชิดกับลูกกวาด หรือแม้แต่กลุ่มที่เชื่อและพยายามบอกคนอื่นๆ ว่า ไอ้เจ้าอัสมันเป็นตุ๊ด

ข้อหาต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำให้อัสดงสะดุ้งสะเทือนนัก ตราบใดที่เขายังมีกลุ่มเพื่อนที่ใกล้ชิดและไปไหนมาไหนด้วยกัน และมีอาจารย์ที่คอยบอกคะแนนท็อปของเขาในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา พระพุทธศาสนา ให้ทั้งห้องฟังอยู่เรื่อยๆ

ที่สำคัญ แม้หนุ่มสาวในวัยมัธยมจะเขม่น กลั่นแกล้ง หาเรื่อง และพยายามทำลายกันและกันไปด้วยระหว่างช่วงเวลาของการค้นหาตัวเอง แต่ที่แท้แล้วในใจทุกคนต่างก็ต้องการมิตรภาพ กลุ่มต่างๆ จึงมักจะสลายและรวมตัวกัน หรือมีการคบกันข้ามกลุ่มอยู่บ่อยๆ อย่างตอนกีฬาสีที่ทำให้ทุกคนรักสามัคคีกันขึ้นมาได้จริง เพื่อจะร่วมหมั่นไส้ชาวสีอื่นที่เป็นคู่แข่ง หรือเวลาที่เด็กเรียนต้องจับคู่กับเด็กเกเรเพื่อเรียนพละด้วยกัน แล้วก็กลายเป็นเพื่อนรักกันในเทอมต่อมา

แต่ถึงจุดหนึ่ง ชีวิตอันเรียบง่ายของเด็กชายอัสดง ก็ต้องเผชิญกับวิกฤต เมื่อทินกร หรือแบงค์ (ซึ่งจัดอยู่ได้ทั้งในกลุ่มเด็กหล่อและเด็กเกเร) ถูกปฏิเสธความรักจากลูกกวาด



Don`t copy text!