ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 12 : รถวิ่งไวว่องยวดยาน ชาติทหารไม่พ้นภัยใกล้ตน (1)

ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 12 : รถวิ่งไวว่องยวดยาน ชาติทหารไม่พ้นภัยใกล้ตน (1)

โดย : วันชนะ

Loading

เว็บไซต์อ่านเอา ภูมิใจเสนอ “ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี” นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 5 ผลงานโดย วันชนะ ทองคำเภา กับเรื่องราวของความตายที่มีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อน และวรรณกรรมผีของเหม เวชกร เรื่องรวทั้งหมดสัมพันธ์กันได้อย่างไร พบคำตอบได้ในนวนิยายเรื่องนี้

ตอนเช้าที่บ้านต่างจังหวัดไม่ได้เงียบ แต่ว่าสิ่งที่ผิดไปจากหอพักมหาวิทยาลัยของอัสดงก็คือ เสียงต่างๆ ที่ได้ยินเมื่อตื่นขึ้นนั้นล้วนแต่เป็นเสียงเบาๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงไก่ขัน นกร้อง หมาเห่าใส่กัน ที่แว่วมาไกลๆ จากบ้านที่อยู่ห่างออกไป หรือว่าเสียงลูกมะพร้าวร่วงจากต้น รวมทั้งเสียงรถที่นานๆ จะผ่านหน้าบ้านมา ทั้งหมดนี้ต่างจากเสียงอาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษา และพ่อค้าแม่ค้าที่รีบเร่งในยามเช้าอันวุ่นวายที่มหาวิทยาลัยของเขา

อาจารย์หนุ่มใหญ่สูดกลิ่นที่นอนที่เขาเคยนอนมาตั้งแต่เด็ก แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง ขยับร่างกายช้าๆ อย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะเป็นเหน็บ เขาบิดขี้เกียจแล้วเดินงัวเงียขณะที่สติค่อยๆ ตื่น ออกจากห้องนอนไปที่ห้องโถงและเลยไปหน้าบ้าน ในใจคิดแบบเคลิ้มๆ ว่า ถ้าอยู่บ้านแล้วสบายขนาดนี้ เขาน่าจะทิ้งปัญหาทุกอย่างที่มหาวิทยาลัยไว้ แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ อาจจะเขียนหนังสือหรือนวนิยายขาย แล้วอาจจะเรียนรู้การทำสวน หรือทำอาหารไปด้วยก็น่าจะดี

“ลุงอัสอย่าหนี!” เสียงเล็กๆ ของต้นหนดังลั่นมาจากทางบ้านนิชนันท์ที่อยู่ข้างๆ อัสดงสะดุ้ง ตกใจอยู่ชั่วขณะว่าทำไมหลานชายวัยสี่ขวบถึงได้ยินความคิดของเขา และยังพูดให้สติอีกด้วย ก่อนจะหันไปเห็นต้นหนวิ่งมาหาเขาในชุดแฟนซีเด็กที่แต่งให้เหมือนไดโนเสาร์ หรือจระเข้ หรือสัตว์เลื้อยคลานอะไรสักชนิด

สัตว์ร้ายต้นหนคำราม ยกมือสองข้างงุ้มเป็นกรงเล็บ แล้ววิ่งเข้าใส่อัสดง อาจารย์หนุ่มใหญ่รีบอุ้มหลานขึ้นเหวี่ยงไปมา ต้นหนกรี๊ดกร๊าดเสียงดัง

“เอ้า! ลุงหลานเล่นแรงๆ กันแต่เช้า เดี๋ยวแม่เค้าก็ดุเอาอีกหรอกลูก อัส” พ่อเดินจากในบ้านออกมาทักทายด้วยหน้ายิ้มๆ ในมือมีน้ำเต้าหู้สองแก้ว ใบใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง อัสดงวางต้นหนลงให้สวัสดีคุณตา แล้วรับแก้วใบใหญ่มาถือก่อนนั่งลงคุยกับพ่อ อัสดงก้มลงจิบน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ที่ไหลลงไปในคอแล้วทำให้เขาตื่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เขารีบหันไปดึงแก้วใบเล็กจากมือต้นหนและบอกให้เป่าให้เย็นเสียก่อนดื่ม

“วันนี้แม่เค้าว่าอยากให้เราไปเก็บส้มโอให้หน่อย อาทิตย์หน้าเพื่อนๆ สมัยเรียนเค้าจะมาเยี่ยมน่ะลูก แม่เค้าเลยอยากจะแจกเป็นของฝากซะหน่อย”

พ่อหมายถึงสวนส้มโอเล็กๆ ของที่บ้าน ที่อยู่ห่างไปประมาณห้ากิโลเมตร ซึ่งไม่มีใครดูแลจริงจังนัก แต่ก็พอออกลูกให้ได้กินบ้างตามฤดูกาล เป็นส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวาที่เนื้อสีเขียวออกขาว รสไม่จัดแต่หอมหวานสดชื่น อาจารย์หนุ่มกลืนน้ำลายเมื่อนึกถึงรสและกลิ่นที่เคยได้กิน

และในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา อัสดงก็อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเก่าๆ สีทึม สวมหมวกปีกแบบที่มีผ้าคลุมกันแดดห้อย ขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วง ที่นั่งหน้าตักมีต้นหนนั่งอยู่ด้วย เด็กน้อยแต่งตัวแบบเดียวกับลุงของเขาทุกอย่าง ทั้งชุดเสื้อกางเกงแขนขายาว และหมวกแบบมีผ้าคลุมใบจิ๋ว มือเล็กช่วยจับแฮนด์รถ มุ่งหน้าออกจากบ้านไปในขณะที่เสียงเครื่องรถดังกลบเสียงแม่ของเขาที่ตะโกนโหวกเหวกแนะนำวิธีนั่งที่ปลอดภัยให้ต้นหนไม่หยุด

 

แม้จะขี่รถคันนี้อยู่เป็นประจำ แต่เมื่อมีหลานนั่งมาด้วย อัสดงก็พยายามขี่ช้าๆ ประคองรถที่ต้องใช้สมาธิในการทรงตัวนี้ไปอย่างระมัดระวัง เขาเกร็งแขนซ้ายเพื่อล็อกแรงเหวี่ยงให้รถเข็นที่พ่วงไม่สั่น มือขวาประคองแฮนด์รถ พร้อมกับใช้ขาสองข้างหนีบตัวต้นหนไว้แน่น แดดและลมเบาๆ ในตอนเริ่มสายที่มาปะทะร่างกายทำให้ลุงหลานอารมณ์ดี ทั้งสองตะโกนร้องเพลงคนละเพลงแข่งกันไปตลอดทางซึ่งเป็นถนนลาดยางสองเลนแคบๆ ที่มีทุ่งนาสลับกับสวนและบ้านคน

รถ BMW สีขาวมุกใหม่เอี่ยม โผล่มาจากด้านหลัง ขับแซงอัสดงไปอย่างรวดเร็ว แล้วอยู่ๆ ก็ปาดมาขวางหน้า ขับเลื้อยโย้เย้ไปมาสองสามที จากนั้นก็ชะลอความเร็ว ก่อนจะค่อยๆ จอดกลางถนนหน้ารถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของลุงหลาน

“เฮ้ยยยยย!” อัสดงร้องลั่นก่อนจะค่อยๆ ผ่อนเบรก ประคองรถด้วยมือข้างซ้ายที่จับแฮนด์รถแน่นจนเจ็บเพื่อใช้แรงดึงรถไม่ให้ไถล ส่วนมือขวาก็ปล่อยจากแฮนด์มากอดหลานไว้แน่นพร้อมทั้งหนีบขาเข้ามาอีก

เมื่ออุ้มต้นหนลงจากรถมาอย่างปลอดภัย อาจารย์หนุ่มใหญ่ก็ยืนเท้าเอวอย่างโมโห มองดูเจ้าของรถที่กำลังเดินลงมาอย่างทุลักทุเล เป็นหญิงวัยกลางคนที่ดูอ่อนกว่าวัย สวมแว่นตากันแดดสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นเอวสูงสีเบจกับเสื้อเชิ้ตสีขาว อวดผิวขาวออกแทนและรูปร่างเพรียวดูสุขภาพดี เธอกำลังตะโกนดุชายหนุ่มหน้าขาวเกลี้ยงเกลาในชุดเสื้อฮาวายสีฟ้าและกางเกงขาสั้นสีเหลืองสดใสที่เดินหน้าจ๋อยออกมาจากที่นั่งคนขับ

“นี่เธอไม่เคยขับรถออกนอกกรุงเทพเลยหรือไงเกียรติ ถึงได้งงขนาดนี้ อันตรายกับคนอื่นเขาไปหมด แล้วพี่บอกว่าเห็นอาจารย์อัสดงแล้ว ก็คือหมายถึงให้บีบแตรเรียกแล้วจอดข้างทาง ไม่ได้ให้ไปปาดเขาแบบนั้น เกือบได้เป็นฆาตกรแล้วนะเรา!”

“แต่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแบบนี้มันผิดกฎหมายนะครับ เวลาขับรถมันก็หลบยากด้วย” เกียรติเถียงเสียงอ่อย

“ผิดกฎหมายก็ไม่ได้แปลว่าเรามีหน้าที่ต้องไปไล่ชนเขาหรือเปล่า แล้วเธอไม่เคยเห็นจริงๆ เหรอ รถแบบนี้เขาใช้กันเยอะแยะนะ ในกรุงเทพก็มี”

อัสดงอ้าปากค้าง ยืนมองคุณทอฟ้าและเกียรติที่กำลังยืนเถียงกันอยู่ที่ถนนไม่ไกลจากบ้านเขาในชุดที่เหมือนมาเที่ยวทะเล ก่อนที่ความงงจะเปลี่ยนเป็นความโมโหและโกรธเกลียดที่ค่อยๆ ทวีขึ้น อาจารย์หนุ่มตะโกนเรียก “ทอฟ้า!” เสียงดังเกรี้ยวกราดจนต้นหนนิ่ง เงยหน้ามองลุง

คุณทอฟ้าผละจากเกียรติ หันมาทางอัสดง ยิ้มให้แล้วดึงแว่นกันแดดขึ้นไปที่หัว ยกมือสองข้างขึ้นแบบล้อๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “พี่ขอโทษนะคะอาจารย์ อย่ายิงพี่เลยนะคะ พี่มาดีจริงๆ สาบานได้”

“ทำไมคุณถึงต้องพูดตลกหลังจากที่ทำร้ายผมไปแล้วทุกที คุณมาทำไม” อาจารย์หนุ่มยังคงถามด้วยถ้อยคำที่เจือน้ำเสียงตะคอก

“พี่จะมาขอโทษอาจารย์ แล้วจะมาอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ฟังด้วยค่ะ”

“ยังคิดว่าผมจะอยากฟังคำพูดคุณอีกเหรอคุณทอฟ้า” อัสดงพูดเสียงเยาะ

ต้นหนดึงชายเสื้อลุง แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พลางถามด้วยน้ำเสียงว้าวุ่นใจ “ลุงอัส นั่นใครครับ เขาแกล้งลุงอัสเหรอครับ”

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางตกใจของหลานที่ไม่เคยเห็นลุงในอารมณ์นี้มาก่อน อัสดงพยายามกัดฟัน เขาหันไปปฏิเสธคุณทอฟ้าอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรครับ ผมคงจะไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบาย หรือ ‘ตีความ’ อะไรใดๆ จากคุณอีกแล้วครับ เอาไว้คุยกันที่ศาลทีเดียวเลยก็ได้”

คุณทอฟ้าถอนใจ “พี่เข้าใจค่ะว่าอาจารย์โกรธ และพี่ก็ทำรุนแรงไปหน่อย แต่พี่จำเป็นนะคะ ฟังพี่ก่อนเถอะค่ะ…นะคะ”

ประโยคต่อมาของเธอทำให้เขาอ้าปากค้างอีกครั้ง

“…แล้วยังไงวันนี้พี่ก็ต้องกลับไปที่บ้านอาจารย์อีกอยู่ดี เพราะว่าพี่กับเกียรติฝากเด็กไว้ที่นั่นคนนึงค่ะ”

“คุณไปบ้านผมมาแล้ว?”

“ค่ะ เจอครอบครัวของคุณแล้วด้วย ทุกคนน่ารักมาก ยังไงก็ขออนุญาตกลับไปที่บ้านก่อนนะคะ แล้วค่อยคุยกัน”

อาจารย์หนุ่มใหญ่เดินงงๆ อุ้มหลานขึ้นรถมอเตอร์ไซค์พ่วง ลูบหัวและพูดปลอบหลานไปพลาง แต่ในขณะเดียวกันตัวเขาเองก็ตาลอย รำพึงกับตัวเองในใจว่า ทำไมเขาถึงหนีผู้หญิงคนนี้ไม่พ้นอีกแล้ว และทุกครั้งที่ได้เจอกัน เธอก็ทำให้เขาสับสนได้ทุกที

จากประสบการณ์แต่ละครั้งที่ได้สื่อสารกับคุณทอฟ้า ทำให้อัสดงมั่นใจว่า คราวนี้ เรื่องมันไม่มีทางจะจบแบบดีๆ ได้แน่ๆ

 



Don`t copy text!