บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 73 : เกาะหมาก

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 73 : เกาะหมาก

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

โกดังสินค้าของคอซู้เจียงอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ เป็นอาคารฉาบปูนขาว มุงหลังคาด้วยตับใบ

ปาล์มนิบง พืชท้องถิ่นที่เหมือนๆกับใบจาก ด้านหน้าติดถนนทางไปท่าเรือ มีต้นหมากสูงชะลูดเรียงรายซับซ้อน ด้านหลังเป็นป่าไม้ใหญ่เขียวครึ้ม  มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน

ฮุนเป็นกำลังหลักควบคุมคนงานก่อสร้าง ขยับขยาย ถากถาง

ชายหนุ่มทั้งลงมือทำเอง สอนงานลูกน้อง หารือกับนายช่าง แก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ไม่ว่างานปูน งานกระเบื้อง งานไม้ งานหลังคา ไปจนถึงทำความสะอาด ขัดล้าง ตัดต้นไม้ ทำสวน

ท่านคอซู้เจียงพบว่าเจ้าหนุ่มจีนสยาม ชำนาญ ถนัด ทำได้ ทำเป็นไปทุกอย่าง ไม่ว่าใช้แรง ใช้มือ และใช้หัว อย่างน่าพิศวง

ไม่เพียงที่โกดังสินค้าใกล้ท่าเรือ แต่ที่สำนักงานกลางเมืองจอร์จทาวน์

ตึกแถวสองชั้นเก่า ทรงเหลี่ยมด้านหน้าแคบ  ที่มีหลังคายื่นครอบบาทวิถี ตัวอาคารลึกเข้าไปข้างหลัง ตกแต่งอย่างจีน มีสวนและบ่อน้ำอยู่ข้างใน ที่ท่านมอบหมายให้เจ้าฮุนผู้นี้ซ่อมแซมปรับปรุงระหว่างมีกิจต้องกลับสยาม ไประนอง พังงา ภูเก็ตเป็นเดือน

เมื่อกลับมาก็พบว่ามันได้ตกแต่งจนงามหรูตามอย่างความนิยมเช่นบ้านร้านรวงในสิงคโปร์

ปูกระเบื้องสี ติดตั้งเครื่องไม้ หน้าต่าง ประตู  บานพับ มือจับ ลูกกรงช่องลม ซ่อมเครื่องเรือนเก่า ตู้  โต๊ะ เก้าอี้ ขัดสี ทำสี จัดหาเครื่องแก้ว โคมกระเบื้อง ไปจนผ้าม่านมาเพิ่มเติม

ทำให้สำนักงานของท่านเด่นหรูน่าอยู่กว่าตึกข้างๆ

เห็นแล้วก็ได้แต่ปลาบปลื้มใจ

ท่านพบว่าบัญชีใช้จ่าย ฮุนก็ทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซ้ำยังเห็นได้ชัดว่าคุ้มค่า สมราคา ประหยัดค่าจัดซื้อ และจัดจ้างแรงงานอย่างมาก

“ ลู่จ้างแรงงานจากไหน คนจีน หรือคนมลายู เหตุไรจึงได้ค่าแรงต่ำเพียงนี้ ”

“ นอกจากจ้างคนงานแล้ว  อันใดทำได้ ผมกับภรรยาก็ช่วยกันทำด้วยครับ ”

เจ้าฮุนตอบสีหน้าเรียบเฉยเป็นเรื่องปกติธรรมดา

แต่ท่านก็เคยเห็นกับตา ว่าแม่ลำจวนนั่งก้มหน้าก้มตาปักผ้าปูโต๊ะ เย็บม่าน ด้วยฝีเข็มงาม ด้วยความเพลิดเพลิน

ส่วนเจ้าฮุน ขัดตัวตะเกียงทองเหลืองจนวาววับ วางเรียงราย ทำความสะอาดโคมแก้วสำหรับครอบตะเกียงฝรั่ง ด้วยความพิถีพิถัน ก่อนจะประกอบเข้าด้วยกันอย่างเบามือ ถนอมรักษา รู้ค่าความงามแห่งสิ่งของ

 

เมื่องานขนสินค้าลงเรือที่ท่าเสร็จสิ้นในยามเย็น ตะวันต่ำลงตรงหลังทิวเขาอันอุดมด้วยป่าไม้

ท่านคอซู้เจียง ผ่อนคลาย รำมวยชี่กงตามลำพัง บนท่าเรืออันว่างวาย

ชายหนุ่มมาหยุดยืนดู และสักครู่ก็รำตาม ไม่ขัดเขิน

ท่านมองมาเห็น  ยิ้มสบตา แล้วค่อยๆรำนำไปในจังหวะที่ช้าเนิบลง

ฮุนมีกำลังใจ พยายามทำตาม

ท่านเมตตาเข้ามาช่วยจับขยับปรับมุมแขนขาให้ถูกต้อง แล้วรำไปด้วยกัน

เจ้าหนุ่มก็มุ่งมั่น ตั้งใจ จริงจัง

ท่านผู้อาวุโสแซ่คอ ระบายลมหายใจ เป่าลมฟู่..เบา..พอใจยิ่ง

ในห้องพักพนักงาน ชั้นบนเรือนแถวปูนสองชั้น ในบริเวณที่ตั้งโกดัง

ใต้แสงตะเกียงบนโต๊ะใหญ่

ฮุน ที่ผมสั้นอย่างฝรั่ง ใส่กางเกงและเสื้ออย่างจีนผ้าฝ้ายลำลอง นั่งลงแตะแต้มสีน้ำบนภาพวาดด้วยเส้นพู่กันบนกระดาษแผ่นใหญ่  เป็นแผนที่การเดินเรือ จากอ่าวสยาม เลียบฝั่งทะเลด้านตะวันออก ไปสู่ แหลมมลายู  สิงคโปร์  ปีนัง  ย้อนขึ้นไปตามฝั่งทะเลด้านตะวันตก ทะเลอันดามัน จากตรัง กระบี่  ภูเก็ต พังงา ระนอง กว้างขวาง ข้ามทะเลอ่าวเบงกอล ไปถึงฝั่งมัทราส

ลำจวน ที่เอาไว้ผมยาว เกล้ามวยต่ำ สวมเสื้อตัวยาวกับโสร่งเข้ารูปทรง เดินยกน้ำชาจากครัว มาตั้งให้ที่โต๊ะทำงานซึ่งใช้เป็นโต๊ะกินข้าวด้วย

หญิงสาวยืนดูรูปแผนที่นั้น พินิจพิจารณาอย่างสนใจ

“ เราสองคนเดินทางมาไกลนักหนา..”

เธอรำพึง

ฮุนจิบชา หันมายิ้ม แล้วชี้มือลำดับเส้นทาง

“ นี่บางกอก  ออกแม่น้ำมาสู่ทะเล แล่นเลียบฝั่งมาถึงแหลมตะลุมพุก หยุดส่งสินค้าที่สิงคโปร์  จากนั้น จึงอ้อมมาถึงที่นี่ คือเกาะหมาก ”

เขาชี้ต่อไป

“ ส่วนเรือขนส่งสินค้าของท่านคอ ไปเมืองแร่นองตามเส้นทางนี้  ส่วนเรือพระคลัง ข้ามไป-กลับเมืองมัทราสตามแนวนี้ ”

ลำจวนมองภาพแผ่นดินอันมีทั้งสีเขียว น้ำตาล ส้ม กับผืนน้ำสีฟ้าอ่อนแก่ กว้างใหญ่ ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ถอนใจบางเบา แล้วเข้ามาบีบนวดคอ บ่า ไหล่ผัวรัก ที่กล้ามเนื้อเครียดเขม็ง

“ หลังไหล่แข็งหมดแล้ว ทำงานมาทั้งวัน กลับมายังมาเขียนรูปอีก ”

“ เห็นแต่แผนที่เป็นภาษาอังกฤษ พี่อยากทำภาษาไทยสำหรับมอบให้สำนักงานของพระคลังสยามบ้าง ”

ฮุนทำเสียงสบายในลำคอ เมื่อถูกกดนวดด้านหลังศีรษะ

“ ดีจริง ลำจวน ”

“ พี่รับใช้เจ้านายหลายท่านเหนื่อยยากลำบาก ฉันทำได้แต่เพียงปรนนิบัติให้พี่สบายได้เท่านี้เอง ”

ฮุนหัวเราะ จับมือเมียรักมาจูบ

“ พี่เป็นข้าของหลายเจ้า เป็นบ่าวของหลายนาย รับใช้ทุกท่านที่ล้วนเป็นยอดคน เพื่อได้เรียนวิชาจากท่านเหล่านั้น แต่เมื่อใดเราได้ร่ำรวยขึ้นมา เป็นนายคนกับเขาบ้าง พี่จักทะนุถนอมให้เจ้านั่งกินนอนกิน ไม่ต้องทำสิ่งใดอีก”

ลำจวนหัวเราะ

“ เยี่ยงพรหมลูกฟักรือ ”

 

พระจันทร์วันเพ็ญเดือนสี่ลอยอยู่ที่ขอบฟ้าตั้งแต่หัวค่ำ  คนงานชาวอินเดียกำลังปีนขึ้นไปจุดตะเกียงบนเสาไฟริมทางข้างถนนกรีนเลนที่แปลว่าถนนทุ่งหญ้าเขียว ถนนสายหลักกลางเมืองจอร์จทาวน์

พื้นถนนเป็นดินทุบอัดแข็ง สองข้างทางมีทิวต้นไม้ใหญ่ครึ้มเรียงราย

ฮุน  ลำจวน  และผู้จัดการคนจีนซึ่งแต่งตัวอย่างจีน เดินเล่นมาด้วยกันหลังจากเสร็จงานจากท่าเรือทางทิศเหนือ เพื่อตัดผ่านกลางเมืองไปยังย่านร้านอาหารแถวบ้านตระกูลเจีย

“ บริษัทโกหงวนกงหลุนกำลังก่อรูปก่อร่างขึ้นในแผนการของท่านคอ แลคงเป็นจริงขึ้นในอีกไม่กี่ปี  งานของพวกเราในอนาคตคงวุ่นวายเกินคะเน คนหนุ่มที่มีพลังเต็มเปี่ยมอย่างเจ้า เป็นเรี่ยวแรงสำคัญที่พวกเราหวังพึ่งพาอย่างยิ่ง ”

เขาหันมาตบบ่าฮุน ให้ความหวัง

“ ขอบคุณพี่ตงที่ไว้วางใจ กระผมต้องขอฝากตัวด้วย ”

 

บนถนน สุภาพสตรีฝรั่งและอินเดียในชุดสีเข้ม ถือตะเกียงเดินนำเด็กๆทั้งชายหญิงวัยต่างๆแต่งชุดขาว เดินกันเป็นแถวมีระเบียบด้วยกิริยาอาการสำรวม  มีสตรีจีนครึ่งพื้นเมืองที่เกิดในแผ่นดินมลายูที่เรียกว่า ‘ บ้าบ๋า-ญ่อญ่ะ ’ แต่งตัวสุภาพงดงาม ช่วยควบคุมเด็กๆ ไปยังโบสถ์เซนต์จอร์จ  โบสถ์แองกลิคันที่สร้างโดยบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ เป็นอาคารขาวทรงนีโอคลาสสิคหลังหมู่ไม้ใหญ่ ที่สว่างไสวด้วยแสงไฟตะเกียง โคม ที่จุดเต็มอัตราในคืนเทศกาลสำคัญ

ทั้งสามหยุดรอให้คณะเด็กๆข้ามไป ผู้จัดการตง ยืนกุมมือสำรวม ให้ความเคารพ  เช่นเดียวกับฮุนและลำจวน

“ วันนี้เป็นวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์..ก่อนวันพระเยซูถูกตรึงกางเขนและไถ่บาปให้มนุษย์พรุ่งนี้ ”

ผู้จัดการตงบอก และฮุนก็อธิบายต่อได้ทันที

“ จากนั้น จะเป็นวันอิสเตอร์ ที่พระเยซูจะฟื้นคืนชีพ ที่จะฉลองกันวันอาทิตย์อย่างไรเล่า ”

ลำจวนมองสามี แปลกใจ

“ สมัยรับใช้คุณหมอแดน แบรดลีย์ ที่โอสถศาลา คุณเอมิลี่ก็แจกไข่ให้เด็กๆแถวนั้นเสมอ เพราะวันอีสเตอร์ ถือว่าพระเยซูได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ คุณหมอบอกว่า เปรียบกับคนเรา ที่เท่ากับเกิดใหม่อีกครั้ง เหมือนลูกเจี๊ยบ ที่ฟักออกมาจากไข่ เมื่อเรารับพระเจ้าเข้ามาในใจ จากคนบาป มาเป็นคนที่ไถ่บาปแล้ว หลังจากที่พระเยซูได้ไถ่บาปให้เรา”

ลำจวนมีดวงหน้าที่เป็นประกายผ่องใสขึ้นมาในแสงเทียนของพวกเด็กๆที่เดินแถวผ่านหน้าไป

“ เราสองคนก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เหมือนกันหนา ”

“ พวกนี้คือเด็กกินนอนอยู่อาศัยในโรงเรียนปีนังฟรี ข้ามถนนมาทำพิธีจุดเทียนบูชาที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ”

ผู้จัดการตงพยักไปทางซุ้มประตูทางเข้าโรงเรียนที่ฝั่งตรงข้าม

“ โรงเรียนปีนังฟรี?  มีทั้งเด็กชายแลเด็กหญิง ”

ลำจวนมองตามขบวนเด็กๆอย่างทึ่ง

“ โรงเรียนปีนังฟรีตั้งขึ้นเพื่อเด็กกำพร้าน่ะครับซ้อ เป็นพวกเด็กยากจน ลูกๆของคนงาน คนเรือบ้าง เด็กกำพร้า เด็กลูกครึ่ง ที่ไม่มีบิดาบ้าง  นักกฎหมายอังกฤษคริสเตียนอังกลิคั่น ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน แต่แรกเป็นเพียงห้องเล็กๆ แต่เวลานี้ขยายขึ้นมาก เพราะเด็กเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเริ่มเปิดรับเด็กลูกๆคนทั่วๆไปใหม่เรียนด้วย สอนทั้งภาษาแม่คือมลายู  ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ”

ลำจวนครุ่นคิด ดวงตาตื่นโพลงยิ่งกว่าเปลวเทียน

“ ซ้อตั้งใจหาโรงเรียนให้ลูกตั้งแต่ป่านนี้เลยรือ? ”

ผู้จัดการตงล้อ

แต่ฮุนมองหน้าลำจวนอย่างเข้าใจดี ทั้งสองพร้อมใจกันหันมาหัวเราะไปด้วยกับ ‘ พี่ตง ’ เพื่อไม่ให้ผู้จัดการสำนักงานของท่านคอซู้เจียงเก้อ

ฮุนรู้ดี ว่าคนที่โลภ อยากเรียนหนังสือหลายๆภาษานั้น คือใคร

 

ฮุนกลับมานั่งร่างลายเส้นด้วยดินสอฝรั่ง บนสมุดฝรั่งเล่มใหญ่

ภายนอกฝนแรง มองออกไป ป่าไม้ใหญ่ทึบหนา สวนหมากสลับซับซ้อน โอนไหวในลมพายุ เสียงฝนดังสนั่น

ลำจวนยืนริมหน้าต่างบานสูง มีผ้าคลุมไหล่ป้องลมและไอเย็นชื้นยะเยือก

“ ทำอันใดอยู่ เดี๋ยวก็โดนละอองฝนดอก ”

เขาลุก เดินมากันตัวเธอให้ก้าวถอย แล้วปิดหน้าต่างบานใหญ่ ลงกลอนที่สูงเกินลำจวนเอื้อม

“ ฉันเคยไปแอบดูแอบฟังครูเอมิลี่ที่โอสถศาลา..ที่กวาดต้อนเด็กๆที่ยากจนมาเรียนเช่นกัน..ภาษาอังกฤษดูจะไม่ได้ยากเย็นเกินนัก เสียดาย..พ่อกลัวจักไปเข้ารีต ไม่ให้ไปเรียนกับเขา ”

ลำจวนรำพึงความในใจออกมา

“ เพลานี้..ลำจวนอยากทำอันใดก็ทำเลย พี่จักหาทางให้ ”

หนุ่มจีนโอบสาวไทยสุดที่รัก

“ พี่ฮุนช่างเป็นเพื่อนแท้ของฉันจริง ”

“ ลำจวนก็เป็นเพื่อนแท้ของพี่เช่นกัน ”

ลำจวนเดินมานั่ง ดูภาพที่ฮุนวาด

เขาร่างรูปทรงวัดในสยามสองแบบ  แบบแรกแสดงถึงรูปลักษณะเสาเหลี่ยม เรียบง่าย น้อย คู่เคียงเปรียบเทียบกับวัดแบบที่สอง วัดอย่างสมัยกรุงเก่า ที่หวานไหวรุ่มรวยด้วยเครื่องลำยองประดับหลังคา

ลำจวนจับมือฮุนมาลูบคลำถนอม ประทับจูบนุ่มนวล

“ พี่ตามใจให้ฉันทำทุกอย่าง แต่สิ่งที่พี่อยากทำ พี่กลับไม่ได้ทำ ”

ฮุนยิ้ม จูบเบาๆที่เรือนผมยาว ก่อนจะละไปนั่งลง จับดินสอขึ้นมา

“ ก็ทำอยู่นี่อย่างไร ดูซี..นี่คือวัดแบบยุคเรา  เสาเป็นต้นใหญ่ๆสี่เหลี่ยมบึกบึน หน้าบันก็ตัดทอนให้เรียบ มีลักษณะอย่างจีน มีเครื่องกระเบื้องถ้วยชามมาประดับ ไม่มีเครื่องเครา เช่นช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ เช่นวัดสมัยแผ่นดินต้นแลกรุงเก่าอย่าง..วัดนี้..”

“ วัดครั้งกรุงเก่างามกว่าหนาพี่ อรชรอ้อนแอ้น อ่อนช้อยพริ้งเพรา ประณีตละเอียดละออประดับประดาด้วยสิ่งละอันพันละน้อยกระจุกกระจิก ”

ฮุนหัวเราะ เอ็นดู

“ หากเจ้าเปรียบวัดแบบกรุงเก่ากับผู้หญิง..เช่นนั้น วัดแผ่นดินนี้ก็คงเป็นชาย  ที่ขึงขัง.. แข็งแกร่ง  ทานทน มั่นคง แล..ดูจะมีเลือดจีนผสมผสานอยู่ มองเห็นได้ ”

“ จริงด้วย ”

ลำจวนตื่นเต้น

ฮุนมองเธอด้วยสายตาฝันๆ

“ พี่วาดไว้ให้ลูกดู..ลูกจะได้เห็น  ในยุคของลูกเรา ใครจักรู้ ว่าวัด..ที่บ้านเรา จะมีหน้าตาแปลกออกไปอีกหรือไม่ อย่างไร แลไม่รู้ว่าเราจักได้กลับบ้านเมื่อใด ”

 

ยามดึก ตะเกียงดับ เรือนคนงานมืดมิดกลางสายฝนที่ยังไม่ซาเม็ด

ในมุ้งบนเตียง ทั้งสองนอนอยู่ในอ้อมแขนกันและกัน

“ ไว้อีกสักพัก พี่จะขอย้ายไปอยู่ตึกแถวกลางเมือง  เมื่อเรามีลูก จักได้มีห้องที่กว้างแลโปร่งโล่งกว่านี้ ”

“ เราจักมีลูกสาว รือลูกชายกันหนา?”

ลำจวนประจงจูบปลายคางแข็งแรง

“ ถ้าเป็นลูกสาว ให้ชื่อจีน  ว่า..ยวี่หลาน..แปลว่า..จำปี หมายความว่า มีคุณธรรมสูงส่ง ”

เสียงฮุนเคลิ้มฝัน ขณะลูบผมนุ่มสลวยที่ปล่อยสยายของลำจวน

“ จำปี..ยวี่หลาน..ไพเราะมาก แล้วหากเป็นชายเล่า? ”

ลำจวนไล้ปลายนิ้วไปตามช่วงแขนแน่นแกร่ง

“ ไม่ต้องคิดเลย ให้ชื่อไทยว่า..”

ชายหนุ่มเว้นระยะให้หญิงสาวตื่นเต้น

“ เจ้าเฉก! ”

ทั้งสองคนหัวเราะ กอดรัด ปล้ำต่อสู้เล่นกันราวกับเด็กๆจนเตียงสั่นไหวตึงตัง

 

สี่ปีผ่านไป

บนเกาะหมาก..

จามจุรีต้นใหญ่ๆ กิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม ปกคลุมเหนือสนามเขียว รอบอาคารตึกสีขาว เสียงเปียโนบรรเลงเป็นเพลงง่ายๆสำหรับเด็ก ดังกังวานไปทั้งบริเวณ

  London Bridge is falling down,
Falling down, falling down.
London Bridge is falling down,
My fair lady
.

เด็กชายวัยเกือบขวบ อวบขาว แข็งแรง แขนขาเป็นปั้น ผมดกดำ ตาเฉียงหยียิ้ม  คิ้วดำ ปากแดง แก้มเรื่อราวลูกท้อ เหมือนภาพเด็กแดงอั้งไฮยี้ ที่เป็นศิษย์เจ้าแม่กวนอิมในนิทานไซอิ๋ว วิ่งโลดแล่นมาตามลำพังในสนาม สักพัก ก็มีเสียงแหลมดัง ร้องตามมา

“ เจ้าเฉกๆ เจ้าเฉก  ยู  มิสเตอร์เฉก  stop! ”

‘ มิส ’ สตรีวัยสาว ครึ่งอังกฤษ ครึ่งมลายู ร่างอวบอิ่ม หน้าหวาน ผิวน้ำผึ้ง แต่งกายอย่างฝรั่งกระโปรงบาน วิ่งหอบออกมาจากอาคารเลี้ยงเด็กเล็ก หยุดมองหา

“ เจ้าเฉก come back! ”

ในห้องเรียนอีกอาคารหนึ่ง ‘ มิส ’ สาวจีนตัวเล็ก สวยกระจุ๋มกระจิ๋ม ในชุดกระโปรงบานสีเข้มอันเป็นเครื่องแบบ กำลังดีดเปียโน และร้องนำด้วยน้ำเสียงหวานใส ให้นักเรียนหญิงวัยต่างๆเต็มห้อง ร้องและเต้นตามจังหวะไปพร้อมๆกัน

Build it up with wood and clay,
Wood and clay, wood and clay,
Build it up with wood and clay,
My fair lady.

 มิสซิสลำจวน ในชุดกระโปรงบานสีเข้มเช่นกัน กำลังทำหน้าที่ครูพี่เลี้ยง กับ ‘ มิสซิส ’ วัยกลางคนอีกท่าน กำลังช่วยกันเต้นและร้องไปกับเด็กๆ

Wood and clay will wash away,
Wash away, wash away,
Wood and clay will wash away,
My fair lady.

 ‘ เจ้าเฉก ’  วิ่งเข้ามามองหา พอเห็นแม่ก็ดีใจ วิ่งหัวทิ่มเข้าไป

ลำจวนหัวเราะ อ้าแขนรับลูกไว้ แล้วพาลูกเต้นไปกับทุกคน ที่ยิ้มแย้ม หัวเราะ พยักเพยิด เชิญชวนเฉกให้เต้นด้วย

Build it up with bricks and mortar,
Bricks and mortar, bricks and mortar,
Build it up with bricks and mortar,
My fair lady.

เฉกน้อยสนุกสนานกับเสียงดนตรี กระโดดโหยงๆตามไปด้วย ทำให้พวกพี่สาวชอบใจ มาเต้นรุมล้อมรอบหนูน้อย

มิสผิวสีน้ำผึ้งพี่เลี้ยงเด็กเล็กตามมาถึง เธอยืนดูด้วยความอ่อนระอาใจ แต่ก็ขบขัน

ลำจวนรีบเข้าไปขอโทษเธอ และจับมือเธอ ดึงเข้ามาเต้นด้วยกัน

Bricks and mortar will not stay,
Will not stay, will not stay,
Bricks and mortar will not stay,
My fair lady.

Build it up with iron and steel,
Iron and steel, iron and steel,
Build it up with iron and steel,
My fair lady.

Iron and steel will bend and bow,
Bend and bow, bend and bow,
Iron and steel will bend and bow,
My fair lady.

Build it up with silver and gold,
Silver and gold, silver and gold,
Build it up with silver and gold,
My fair lady.

ปีเดียวกันกับที่เฉกน้อยอายุได้หนึ่งปี คือปีขาล เช้าวันหนึ่ง ตอนปลายเดือนแปด ที่ชุมชนริมคลองหลอด ข้างวัดเทพธิดาราม อดีตอาลักษณ์นักเลงกลอน บัดนี้อยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตร  กำลังเดินก้มหน้าบิณฑบาตอย่างสำรวม

พลัน เสียงอันคุ้นเคยดังมา

“ นิมนตร์ขอรับกระผม ”

ท่านหันไป เห็นนายหมายเป็นคนแรก ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงริมถนน

‘ หลวงพ่อภู่ ’ หยุดเงยมองจนเห็นทุกคน แล้วชะงัก

คุณพุ่ม นางเต็ม และนายหมายแต่งตัวสีเทา ขาว ดำ อย่างคนไว้ทุกข์

คุณพุ่มมีผ้าคลุมบ่าเป็นลูกไม้ถักละเอียดสวยงามแบบฝรั่ง พาดเฉวียงตัวแทนสไบคลุมทับเสื้อขาว

ส่วนนางเต็มถือตะกร้าใส่อาหารการกินสำหรับใส่บาตรเตรียมพร้อม

“ นมัสการเจ้าค่ะ ”

คุณพุ่มพนมมือ

“ คุณโยมพุ่ม! ”

ภิกษุภู่มีสีหน้ายินดีเห็นได้

“ หลวงพ่อ..”

คุณพุ่มเอ่ยสุภาพกว่าปกติ

“ อิฉันได้อ่าน “รำพันพิลาป” ที่หนูพัดนำมาให้อ่าน.. อ่านแล้วก็เสียวสันหลังแทนพระคุณเจ้าเป็นนักหนา นึกว่าจะไม่ทันมา..ใส่บาตร..ครั้งสุดท้ายเสียแล้ว ”

“ อาตมาหมดบุญแล้ว หากไม่รีบสึกออกไป อาจจะได้ตายก่อนเวลาในผ้าเหลืองจริงๆเร็วๆนี้ เพราะเทวดาท่านจักมาเอาชีวิตจนได้ ”

สตรีที่วัยอาวุโสขึ้นจากคราวแสดงสักวาครานั้นไปเกือบห้าปีแล้ว ความงามมิได้ลดถอย เพียงความทุกข์เศร้าในชีวิตเข้ามาเยือนจนทำให้หม่นหมองลงไปบ้าง แต่ก็ยังหัวเราะได้

“ ข้ามฟากไปพึ่งพระบารมีที่พระราชวังเดิมนั่นแหล จักปลอดภัย พ้นจากวิบากกรรมได้

เมื่อสึกแล้ว ก็ขอให้มีชีวิตใหม่ที่สงบสมถะแลสำรวมเถิด อย่าดิ้นรนหาทุกข์อีกเลย ”

คุณพุ่มเทศนาคนเป็นพระ

“ เป็นอันว่า อาตมาได้ลาสิกขาคุณโยมเรียบร้อยแล้วหนา พบกันอีกที..ก็คงเป็นทิดไปแล้ว ”

“ เจ้าค่ะ อนุโมทนา ”

“ แล้วคุณเล่า เป็นอย่างไรบ้าง ”

น้ำเสียงท่านห่วงใย

“ ยังตั้งตัวไม่ถูก ทำใจไม่ได้เลยกับอนิจกรรมของคุณพ่อ เมื่อหมดกิจที่ต้องขึ้นไปพยาบาลท่านบนเรือนใหญ่ ก็เคว้งคว้างอยู่ที่แพ มีคนมาจ้างเขียนกลอนบ้าง เรื่องคัดหนังสือ สายตาก็ชักเชือนแช ขี้เกียจหาเด็กที่ไหนมาช่วย ก็เลิกเสีย  ส่วนเรือนใหญ่ ก็คืนหลวงไปเพราะเป็นของหลวง ตัวหลวงพ่อเองก็เคยพำนักอยู่มิใช่รือ เรือนนี้ สมัยเป็นอาลักษณ์ทรงโปรดปรานของในหลวงแผ่นดินกลาง เห็นไหมเล่า สมบัติผลัดกันชม ”

เธอหัวเราะให้กับชะตากรรม

แต่นายหมายกับนางเต็มกลับก้มหน้า ข่มกลั้นน้ำตา ด้วยสงสารนาย

พระภู่เปิดบาตร คุณพุ่ม นางเต็ม นายหมาย ช่วยกันใส่บาตรจนเรียบร้อย

พระท่านกำลังจะก้าวเดินต่อ แล้วกลับชะงัก

“ ได้ข่าวโยมฮุนโยมลำจวนบ้างหรือไม่? ”

“ เจ้าค่ะ ลำจวนเขียนจดหมายมา แลส่งของใช้ ของสวยงามมาให้เสมอ ”

เธอลูบผ้าสไบลูกไม้ ยิ้มชื่นใจ

“ ผ้าคลุมไหล่นี้ ลำจวนส่งมาให้..”

อดีตหลวงสุนทรโวหารมอง ยิ้มอ่อนโยน

คุณพุ่มไหว้ ก้มหน้า

พระจึงก้าวเดินต่อไป สีหน้าปลงตก

 

ในวันเปิดบริษัทโกหงวนกงหลุนอย่างเป็นทางการ เฉกก็วัยกว่าสามขวบแล้ว แต่งกางเกงขาสามส่วน ถุงเท้า รองเท้าอย่างฝรั่ง สวมเสื้อกะลาสี  ตัดผมสั้น หวีแสกข้าง เห็นหน้าผากโหนก ถือรูปภาพที่บิดาเขียนเป็นตัวหนังสือจีนอย่างสวยงาม  生 意 興 隆 แซ อี่ เฮง ล้ง แปลว่าการค้าเจริญรุ่งเรือง  ด้วยหมึกดำ บนพื้นกระดาษสาขาว ใส่กรอบไม้สีทอง ขนาดใหญ่กว่าตัวเขาเสียอีก ไปโค้งอย่างต่ำ แล้วมอบให้ท่านคอซู้เจียง

“ การค้าเจริญรุ่งเรือง ”

ท่านอ่านป้ายอย่างชอบใจ

 “ สวยงามมาก ฉันชอบมาก อาป๋าเจ้ามีฝีมือยิ่ง เอาติดผนังที่นี่เสียเลยก็แล้วกัน ตรงกลางฝาห้องด้านนั้นเลย ท่าจะดี ”

ท่านส่งป้ายต่อให้ผู้จัดการตงรับไป แล้วดึงเด็กชายเข้ามากอด

“ ไม่เจอกันนาน เจ้าโตขึ้นมากทีเดียว เฉกเอ๋ย ”

เฉกยิ้มแย้ม ยื่นมือไปลูบเครายาวของท่าน

ลำจวนค่อยๆดึงเฉกออกมาจากอ้อมแขนท่านผู้อาวุโส

วันนี้หญิงสาวแต่งตัวอย่างสตรีบ้าบ๋า-ญ่อญ่ะ เสื้อลูกไม้ถักเอง กับโสร่งสีสดใส เกล้าผมติดดอกกล้วยไม้งามสด

“ อิฉันยินดีด้วยนะคะ ที่ในหลวงท่านโปรดเกล้าให้ท่านเจ้าสัวได้เป็นที่หลวงรัตนเศรษฐี ขุนนางนายอากรเมืองตระ เมืองระนอง ในไม่ช้าท่านก็คงได้เป็นเจ้าคุณอย่างแน่นอนค่ะ ”

“ พูดได้ดีๆ ขอบใจๆ ฉันต้องขอบพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหาบนนั่นแหล ท่านทั้งว่าการทั้งพระคลัง ทั้งสมุหกลาโหมคุ้มครองดูแลเมืองทางใต้ เมื่อท่านสนับสนุนรับรองฉัน พาฉันเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลขอประมูลอากรดีบุก ในหลวงจึงทรงพระเมตตานัก ด้วยทรงวางพระราชหฤทัยในตัวท่านเจ้าคุณนั้น ”

ท่านคอหมายถึงท่านเจ้าพระยาพระคลัง บิดาของคุณช่วง หลวงสิทธิ์ฯที่บัดนี้เลื่อนขึ้นเป็นจมื่นไวยวรนาถภักดีศรีสุริยวงศ์แล้ว

“ เพราะท่านเจ้าคุณทราบดี ว่าท่านคอเป็นผู้ทำกิจอันเป็นประโยชน์ของบ้านเมืองแลราษฎรสยามอย่างจริงจังขอรับ ”

ฮุนแต่งตัวอย่างฝรั่ง เสื้อสูทที่ตัดอย่างดีในร้านคนอินเดีย เสริมทรวดทรงบ่าไหล่ให้เขาดูผึ่งผายสง่างาม ต่างไปไปจากสมัยแต่งตัวอย่างคนงานมาก กิริยาวาจาท่วงทีของชายหนุ่ม เอาแบบอย่างมาจากบุรุษยิ่งใหญ่หลายท่าน ที่เขาเคยรับใช้มา

ท่านคอซู้เจียงหัวเราะเบาๆ มองชายหนุ่มที่เจริญงอกงามเหมือนต้นไม้ที่ได้อากาศและดินดี ในแดนที่เหมาะสม

“ ก็ได้พวกเจ้าช่วยงานทางนี้อย่างแข็งขันนั่นแหล ข้าจึงวางใจ ไปทำกิจมากมายในสยามได้เต็มที่ ”

พลัน ท่านเปลี่ยนท่าที เป็นการเป็นงาน

“ อาฮุน อาตง งานซื้อขายขนส่งของเรา จากกระบุรี ระนอง ภูเก็ต มาเกาะหมาก ไปเมืองใหม่สิงคโปร์ รวมทั้งฝั่งย่างกุ้ง มัทราสนั้น ..ข้าเห็นว่าในทะเล มีทั้งภัยจากพายุฝนฟ้า แลยังมีพวกโจรสลัดคอยปล้นสร้างความรำคาญแก่ชาวเรือเหลือเกิน หากต่อไปบริษัทโกหงวนของเรา เพิ่มกิจการด้านงานคุ้มครองประกันภัยอีกทาง  เจ้าคิดกันว่าอย่างไร ”

ลำจวนถือโอกาสจูงลูกและชวนพนักงานอีกคนไปช่วยกันติดป้ายภาพอักษรจีนนั้นที่ผนังห้องรับแขก เปิดโอกาสให้ฮุน ผู้จัดการตง และพนักงานผู้ใหญ่ ร่วมพูดคุยหารือกันอย่างกว้างขวางต่อไป

 



Don`t copy text!