
เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 6 : เชื่อสิ!
โดย : กุลวีร์
![]()
เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
“ข้าอยากขอตัวเจ้า”
เวธัสทวนคำของหล่อนด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งที่ในใจคิดว่าถ้าขอได้ก็คงดี
“คุณพูดอย่างนั้น ฉันได้ยิน อย่ามาทำไขสือหน่อยเลย” แพรพิไลจ้องมองเขาไม่วางตาด้วยความไม่สบอารมณ์ “ถ้าคุณคิดเรื่องใต้สะดือกับฉันอีก คุณรีบออกไปจากบ้านนี้ได้เลย”
“เรื่องใต้สะดือ” เขาไม่ได้แค่เอ่ยปาก หากยังก้มหน้าพร้อมทั้งเลื่อนสายตาลงต่ำจนหยุดมองที่ขาของหล่อน
แพรพิไลหยิบหมอนอิงฟาดไหล่คนตรงหน้าโดยไม่ยั้งมือ “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าคิดเรื่องพรรค์นั้น ถ้าคุณหวังจะทำกับฉันเหมือนคืนนั้นอีก คุณจะไปไหนก็ไปเลย”
เวธัสยังนั่งนิ่งให้หล่อนใช้หมอนตีอยู่หลายที
“เจ้าเข้าใจผิด ข้าแค่อยากขอต้นไม้ในบ้านของเจ้า”
“ต้นไม้” หล่อนหยุดมือฉับพลัน “ต้นไม้อะไร”
เขาเดินนำหน้าหล่อนไปจนถึงบริเวณหน้าบ้านทางด้านที่อยู่ชิดกับบ้านของหญิงชราซึ่งมีต้นไม้ไม่กี่ต้น แพรพิไลมองต้นชวนชมในกระถางดินเผาใบเดียวที่ตั้งไว้บนพื้น หากไม่ไกลจากกระถางใบนั้นยังมีต้นทับทิมซึ่งแตกกิ่งก้านใบสูงเท่ากำแพง
ต้นไม้เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีในเขตบ้านเช่าหลังนี้ ก่อนที่หล่อนจะเข้าพักอาศัย
“คุณอยากได้ต้นชวนชมเหรอ” หล่อนยังไม่ละสายตาไปจากต้นไม้ที่สูงไม่ถึงเข่าและบนยอดสุดของลำต้นก็มีใบเพียงน้อยนิด
“เหตุอันใดต้องชวนชม ถ้าชมโดยไม่ต้องชวนไม่ได้รึ” เวธัสถามนอกเรื่อง
“แล้วแต่คุณ อยากจะชมอะไรก็เชิญเลย”
สิ้นเสียงของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย เขาก็หันมองหล่อนอย่างจงใจ
แพรพิไลถามโดยไม่ได้จ้องหน้าเขา “คุณจะมองฉันทำไม อยากได้ต้นไม้ไม่ใช่เหรอ”
“เจ้าให้ข้าชมแบบไม่ต้องชวน ข้าทำผิดอันใด”
“นี่คุณ อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ” หล่อนหันหน้ามาทางเขาพลางยกมือขึ้นเท้าเอวด้วยความไม่พอใจ “ถ้าคุณยังไม่เลิกคิดสองแง่สองง่ามกับฉัน ก็รีบเก็บของ ออกไปจากบ้านของฉันได้เลย”
เพียงแค่นึกหยอกเอิญพอเป็นกระสาย แต่เหมือนจะไม่เข้าท่า เวธัสจึงรีบเข้าประเด็น
“ข้าอยากขอต้นทับทิม”
“คุณจะเอาไปทำอะไรล่ะ หรือชอบกินน้ำทับทิม” แพรพิไลถามด้วยความข้องใจ พอเขาไม่ยอมตอบก็เอ่ยขึ้นอีก “ต้นทับทิมไม่ใช่ของฉันหรอกนะ ฉันไม่ได้เป็นคนปลูก มันมีอยู่ก่อนแล้ว”
“ตอนนี้ทุกสิ่งในบ้านคือของของเจ้า” เวธัสกล่าวต่อในใจ…รวมทั้งข้าด้วย “แค่เจ้ายกต้นไม้นี้ให้กับข้า คงถือว่าข้าไม่ได้ลักขโมยของผู้อื่นเป็นของตัวเองโดยพลการ”
“โอ๊ย! คุณ แค่ต้นไม้ต้นเดียว อย่าคิดอะไรเลย”
“มนุษย์ก็เป็นเยี่ยงนี้ เห็นเรื่องผิดเป็นเรื่องปกติ จึงมักก่อบาปอยู่ร่ำไป”
ก่อนจะนอกเรื่องไปไกล หล่อนรีบพูดแทรก
“ถ้าคุณอยากได้ต้นทับทิมหรือต้นอะไรในบ้านก็เอาไปได้เลย” แพรพิไลมองต้นไม้ที่เขาต้องการ “มีคุณช่วยดูแลคงดีเหมือนกัน นี่ก็เริ่มจะสูงเกินกำแพงแล้ว อย่าให้กิ่งทับทิมไปเกะกะบ้านข้างๆ ล่ะ ฉันไม่อยากสร้างปัญหาเหมือนที่มาทำกับฉัน”
เวธัสไม่เข้าใจคำกล่าวช่วงท้ายมากนัก หากไม่คิดจะถาม ยังยืนมองต้นทับทิมที่ใช้เป็นแหล่งสถิตชั่วคราวสลับสับเปลี่ยนกับการนอนบนโซฟา
เมื่อใดที่เขาคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอย่างมนุษย์มนา วิมานในต้นไม้คงไม่สำคัญเท่าวิมานที่ได้อยู่ร่วมกับหล่อนด้วยความสุขสมใจ
เสียงของแพรพิไลดังขึ้น ก่อนก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน
“ถ้าคุณคิดทำกับฉันเหมือนคืนนั้น อย่าหวังว่าฉันจะใจดีให้คุณอยู่ที่นี่อีก จำไว้ให้ดี”
เขายิ้มให้กับความคิดตัวเอง…หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าคงทำไม่ได้แน่นอน
“มีอะไรกับข้ารึไม่”
เวธัสเอ่ยทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“ฉันนึกว่าคุณกำลังหลับอยู่น่ะสิ”
ภายหลังตื่นนอนในวันหยุด หล่อนจึงมีเวลาอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงถึงยามสาย เมื่อเดินลงมาชั้นล่างก็เห็นเขาอยู่ในท่วงท่าเดิมๆ บนโซฟา คือนั่งขัดสมาธิ มือสองข้างวางซ้อนทับกัน หลับตา หลังตรง คล้ายกำลังนั่งทำสมาธิ หากมีแค่สีของเสื้อกับกางเกงเท่านั้นที่ในแต่ละวันจะแตกต่างกัน
หญิงสาวเข้าไปในครัว มองหาของกินรองท้องซึ่งเป็นกาแฟเพียงแก้วเดียว แล้วเตรียมของทำอาหารมื้อกลางวันที่เผื่อแผ่ไปถึงเขา
หล่อนทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็จวนเที่ยงตรง ทว่าเขายังนั่งอยู่ในท่าเดิมจนชวนสงสัย เมื่อเดินเกือบถึงตัวชายหนุ่มก็ได้ยินคำถามจากปากเขา จึงต้องอ้างไปเช่นนั้น
“มนุษย์ก็เป็นเยี่ยงนี้ มัวแต่หลงในกิเลส ไม่ค่อยมีเวลาสะสมบุญ”
หล่อนทำเป็นหูทวนลม ทั้งที่เริ่มคุ้นหูกับวาจาของเขาซึ่งแก้ไม่หายสักที
“แล้วข้าจะพยายาม” เขาลืมตาหันมองหล่อน ไม่คิดเอ่ยต่อให้รู้ว่ากล่าวถึงเรื่องใด
แม้แพรพิไลรู้สึกเหมือนจะคุยกันคนละเรื่องอยู่บ่อยครั้งก็ยังปรารถนาดีต่อเขาเสมอ “คุณหิวหรือยังล่ะ จะกินข้าวพร้อมฉันเลยไหม”
เวธัสลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบจานใส่อาหารของตนซึ่งมีข้าวผัดเพียงไม่ถึงหนึ่งทัพพีที่หล่อนจัดเตรียมไว้ให้ โดยรู้ถึงปริมาณที่เขาต้องทานเป็นอย่างดี
“ไม่หยิบช้อนกับส้อมมาด้วยล่ะ” หล่อนทักขึ้น เมื่อเห็นเขาวางแค่จานบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
เวธัสยังไม่ชินสักที จึงต้องเดินย้อนกลับไปในครัวอีกครั้ง
ระหว่างนั่งรับประทานอาหาร หล่อนพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน จนชายหนุ่มเหมือนจะกินเสร็จเรียบร้อย
“ฉันเห็นคุณกินข้าวนิดๆ หน่อยๆ อาหารคงไม่ถูกปากละสิ หรือฝีมือฉันไม่ค่อยได้เรื่อง” แพรพิไลชวนคุย
เขายิ้มน้อยๆ จนเป็นภาพคุ้นตา “เจ้าทำทุกอย่างดีแล้ว ข้าพอใจ”
เวธัสจะบอกได้อย่างไรว่าอิ่มทิพย์โดยไม่ต้องกินอะไรก็อยู่ได้ ซึ่งต่างจากมนุษย์อย่างหล่อนที่ต้องพึ่งพาอาหารการกินเพื่อให้มีเรี่ยวแรงใช้ชีวิตทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เหตุที่เขาต้องกินให้เจ้าของบ้านได้เห็นบ้าง ก็แค่ทำตัวให้เหมือนมวลมนุษย์เท่านั้นเอง
“คุณอยู่ที่นี่จนเกือบอาทิตย์ ตอนกลางวันได้ยินยายข้างบ้านเปิดดูละครเสียงดังบ้างไหม” หญิงสาวเริ่มพูดถึงเรื่องที่เคยประสบ
ตั้งแต่หญิงชรามาไถ่ถามกันในวันนั้นก็ไม่เห็นหน้ากันอีกเลย เขาจึงส่ายหน้าตอบกลับไป
เมื่อกล่าวถึงเพื่อนบ้านซึ่งมักจะสร้างปัญหารบกวนกันเสมอก็เอ่ยต่อ “อย่าว่าแต่เสียงละครดังมาถึงบ้านฉันเลย ยังมีขยะถูกโยนเข้ามาในบ้าน บางวันก็มีขยะมากองหน้าบ้านให้ฉันเห็นตั้งแต่เช้า ต้องเสียเวลาจัดการกว่าจะไปทำงานได้”
“อาจจะไม่เป็นอย่างที่เจ้าคิดเสมอไป”
“คุณอยู่ที่นี่ เดี๋ยวก็รู้เองว่าฉันพูดจริง” แพรพิไลเริ่มเห็นประโยชน์ของการมีเขาอยู่ในบ้าน “ช่วงนี้ตอนฉันไปทำงาน คุณจะได้เป็นหูเป็นตาให้ฉันก็ดีเหมือนกัน คงไม่มีปัญหาเกิดขึ้นอีก ช่วยดูให้ทีนะ”
แม้เขาไม่ต้องจับตาดู ถ้าอยากรู้ก็ย่อมรู้ได้ เพียงแค่ไม่อยากรู้ใดๆ ด้วยอำนาจที่มีคงเสื่อมถอยจนสัมผัสได้ จึงเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น
พอนึกถึงหญิงชราข้างบ้าน เวธัสก็โพล่งออกมาเสียงดังพร้อมทั้งยกมือชี้ไปทางจุดหมาย
“แย่แล้ว เจ้าต้องเข้าไปบ้านหลังนั้น ก่อนเกิดเรื่องไม่ดี”
แพรพิไลมองตามมือเขา ก่อนจะหันหน้ามาถาม “จะให้ฉันไปบ้านยายเอี่ยมทำไม”
“เจ้าต้องรีบไป ได้ยินข้าไหม เจ้าต้องรีบไป”
แม้ได้ยินเสียงร้อนรนจากเขา หล่อนก็ยังนั่งเฉย จนเขาต้องเข้ามาฉุดแขนให้ลุกออกจากเก้าอี้ แต่หญิงสาวขัดขืน ไม่โอนอ่อนง่ายๆ พร้อมทั้งให้เหตุผล
“ยายเอี่ยมเคยทำกับฉันไว้ขนาดนั้น จะให้ญาติดีกัน คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอกคุณ”
“แต่เจ้าต้องไป เพราะเจ้าเป็นเพื่อนบ้าน” เวธัสดันตัวหล่อนเพื่อให้ทำตามคำกล่าว
“คุณก็ไปสิ จะมาสั่งฉันทำไม”
“ข้าเข้าบ้านนั้นไม่ได้ ถ้าเจ้าของบ้านไม่อนุญาตให้ข้าเข้าไป ต้องเป็นเจ้าเท่านั้นที่จะเข้าไปได้”
หล่อนยิ้มเยาะสำหรับข้ออ้างของเขา
เวธัสจ้องมองหญิงสาวที่ยังยืนกอดกด เชิดหน้าด้วยความนิ่งเฉย
“เร็วเข้า ถ้าเจ้าไม่รีบไป คงเกิดเรื่องร้ายยิ่งกว่านี้ เชื่อข้าสิ”

- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 18 : ช่วยกัน ช่วยด้วย!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 17 : มีแต่เรื่องพิกล
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 16 : มองไม่เบื่อ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 15 : อยู่นานนาน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 14 : จีบจริงจัง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 13 : ดูไม่ออกเหรอ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 12 : มีเรื่องให้ร้อนรน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 11 : ของดีจริงจริง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 10 : บอกให้รู้ไว้ก่อน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 9 : เหตุใดมันจึงร้อง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 8 : ฝากด้วยนะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 7 : อย่างนั้นก็แย่เลย
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 6 : เชื่อสิ!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 5 : ขอไปทำไม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 4 : เลิกพูดเถอะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 3 : ดีหรือไม่ดี
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 2 : ไม่ใช่ใช่ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 1 : ขออยู่ที่นี่ได้ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา : บทนำ







