สาปไอยรา บทที่ 5 : ต้องไม่เรื่องมาก ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก

สาปไอยรา บทที่ 5 : ต้องไม่เรื่องมาก ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก

โดย : ต้นไผ่กวนอิมสีทอง

Loading

สาปไอยรา เรื่องราวของ สัตวแพทย์หนุ่มผู้ต้องคำสาปได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือรักษาสัตว์ โดยหวังว่าผลบุญจะลบล้างคำสาปไปได้บ้าง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ได้ใจดี เพราะต้องมีความรักที่จริงใจเท่านั้นถึงจะช่วยได้! นวนิยายน่าอ่านโดย ต้นไผ่กวนอิมสีทอง ที่อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้อ่านใน anowl.co และเพจอ่านเอา

ตอนเย็นหลังเลิกเรียนจารุมาสเก็บอาหารที่เหลือจากเมื่อตอนกลางวันไว้เป็นอาหารเย็นให้กับตัวเอง ระหว่างที่เดินกลับบ้านพักครูซึ่งมีเธอพักอยู่เพียงคนเดียว เพราะครูในโรงเรียนนี้ต่างมีบ้านอยู่ในอำเภอนี้กันทั้งนั้น เธอคิดว่าในช่วงที่เป็นครูอยู่ที่นี่อย่างน้อย 2 ปี ถึงจะทำเรื่องย้ายกลับบ้านเกิดได้ เธอต้องหาซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนนี้มีเพียงแค่เต็นท์นอนเท่านั้น

แต่กว่าเงินเดือนของเธอจะออกก็สิ้นเดือน ตอนนี้เพิ่งต้นเดือนเอง เธอคงต้องใช้เงินที่โชคดีได้มาจากการถูกลอตเตอรี่ซื้อของใช้ที่จำเป็นไปก่อน แต่ปัญหาคือ แล้วเธอจะเข้าไปซื้อของในตัวอำเภอได้อย่างไร

คืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ไอยรายืนมองพระจันทร์เต็มดวงผ่านหน้าต่างห้องนอนของตนเอง ที่เข้ามานอนได้เพียงแค่เดือนละครั้งเท่านั้น พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและทดท้อใจในชะตาชีวิตของตนเอง จะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้างก็ตอนนึกถึงหน้าของครูมาส ทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้างในวันที่เขารู้สึกหมองหม่น

ตกดึกคืนเดียวกัน จารุมาสตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วนอนต่อไม่หลับ จึงลุกขึ้นมาจากเต็นท์นอนแล้วไปยืนที่หน้าต่าง มองดวงจันทร์เต็มดวงที่สุกสว่างสวยงามอยู่บนท้องฟ้า แล้วพลันกลับคิดถึงช้างตัวเมื่อคืนก่อน วันนี้เธอกลับไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง มีความสงสัยว่าเป็นช้างป่าหรือเป็นช้างในปางจันทร์ส่องกันแน่ ที่หนีออกมาเที่ยวเล่นเพียงตัวเดียว

ถ้าช้างตัวนั้นมาแถวนี้อีก เธอจะลองเข้าไปทำความรู้จัก เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เพราะเธอตกหลุมรักในท่าเดินส่ายก้นของมันเข้าเต็มเปา น่ารักชะมัด!

 

เย็นวันศุกร์หลังโรงเรียนเลิก จารุมาสส่งเด็กนักเรียนกลับบ้านจนหมด แล้วจึงเดินไปที่วัดฝั่งตรงข้ามโรงเรียน เพื่อหาซื้ออาหารเย็นในตลาดนัดที่มีพ่อค้าแม่ค้านำของมาขายกันหลากหลาย หญิงสาวเลือกซื้อแกงไก่และข้าวเปล่าอย่างละหนึ่งถุงเป็นอาหารสำหรับมื้อเย็นนี้

เมื่อเดินเจอร้านขายกล้วย จารุมาสก็หยุดเดินแล้วเข้าไปซื้อทั้งกล้วยดิบและกล้วยสุกเก็บไว้ เผื่อว่าคืนนี้เธอได้เจอช้างตัวนั้นอีก จะได้ใช้กล้วยนี้เข้าไปทำความรู้จัก หรือเธอจะทำบุญกับช้างตัวนั้นดีนะ ด้วยการซื้ออาหารไว้เลี้ยงช้างเยอะๆ แต่ความคิดอีกด้านหนึ่งกลับบอกว่าไม่ดี เดี๋ยวมันจะหากินเองตามธรรมชาติไม่ได้ เธอจึงซื้อกล้วยมาเพียงแค่สองหวีเท่านั้น

คืนนั้นจารุมาสรอแล้วรอเล่า นอนหลับไปหลายตื่น ยันถึงตอนเช้า ช้างตัวนั้นก็ไม่มาให้เธอเห็นเลย!

เช้าวันหยุดจารุมาสออกไปบ้านลุงสนกับป้าแดงที่เปิดเป็นร้านอาหารตามสั่งตั้งแต่เช้า เพื่อสอบถามเรื่องรถเข้าไปในตัวอำเภอ ลุงสนจะให้ยืมรถมอเตอร์ไซค์ แต่เธอไม่เคยขับทางไกลเลยไม่กล้าขับไปคนเดียว กลัวเอารถของลุงสนไปเกิดอุบัติเหตุด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

“มีอีกทางครับครูมาส จะมีรถในปางช้างออกไปซื้อของในตัวอำเภอเป็นประจำ ครูมาสติดรถพวกเขาไปได้ไหมครับ”

ลุงสนแนะนำ เพราะเส้นทางนี้ไม่มีรถโดยสารผ่าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างมีรถขับกันเกือบทุกบ้าน เวลาจะออกไปไหนกันทีก็พึ่งพาอาศัยกันได้หมด

“ได้ค่ะ”

จารุมาสรีบตอบรับยิ้มๆ อย่างคนไม่เรื่องมาก และไม่อยากทำตัวมีปัญหาให้คนอื่นต้องเดือดร้อน จังหวะนี้มีวิธีไหนให้เธอออกไปในตัวอำเภอเพื่อซื้อของได้ก็ต้องเอาแล้วละ จะเรื่องมากไม่ได้เด็ดขาด

“งั้นครูมาสนั่งรอแป๊บนึงนะครับ ผมขอโทรถามก่อนว่าออกไปกันหรือยัง”

“ค่ะ”

หญิงสาวนั่งรอที่โต๊ะหน้าร้านตามคำบอกของลุงสนผู้เป็นภารโรงของโรงเรียน นั่งอยู่ไม่นานลุงสนก็ออกมาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่ารถในปางช้างกำลังออกมา ให้เธอเตรียมตัวไปกับรถคันนั้นได้เลย จารุมาสจึงเอ่ยขอบคุณออกไปอย่างดีใจ แล้วนั่งรอที่เดิม

ไม่ถึงสิบนาทีก็มีรถกระบะสี่ประตูคันสีดำขับมาจอดหน้าร้าน มีผู้ชายนั่งอยู่ด้านท้ายกระบะสองคน แล้วกระจกฝั่งคนนั่งก็เลื่อนลงพร้อมกับเสียงของเด็กชายขันติธรรมที่ชะโงกตัวออกมาจากเบาะด้านหลังส่งเสียงทักเธออย่างดีอกดีใจ

“สวัสดีครับครูมาส”

“อ้าวนะโม”

จารุมาสร้องทักได้แค่นั้นก็ต้องอึ้งไปเมื่อเหลือบไปเห็นหน้าคนขับรถ

“ขึ้นมานั่งหน้าเลยครับครู”

ได้ยินเสียงลูกศิษย์เอ่ยเร่ง หญิงสาวจึงรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถอย่างสงบเสงี่ยม แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกอย่างนิ่มนวล จารุมาสไม่กล้าทักคนขับรถเลยแต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอไม่มีมารยาท มาอาศัยรถเขาก็ต้องทำตัวดีหน่อย จึงเอ่ยทักทายเขาออกมาด้วยน้ำเสียงที่ระงับความตื่นเต้นที่ได้เจอเขาไว้ให้มิดชิดที่สุด

“สวัสดีค่ะคุณช้าง”

“สวัสดีครับ”

ไอยราพยักหน้ารับคำทักทายด้วยใบหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม แล้วสนใจกับการขับรถต่อไป

นี่เธอไม่น่าคุยด้วยขนาดนั้นเลยเหรอ เขาถึงได้ทำเฉยเมยแบบนั้น!

“ครูมาสจะไปซื้ออะไรเหรอครับ”

ยังดีที่ลูกศิษย์คุยด้วย ไม่เช่นนั้นในรถคงเงียบเหงาเป็นป่าช้าแน่นอน

“ไปซื้อของใช้เข้าบ้านน่ะจ้ะ แล้วนะโมล่ะไปซื้ออะไร”

“ไปซื้อขนมครกครับ”

“หืม”

จารุมาสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ บนใบหน้ามีรอยยิ้มหวานให้กับลูกศิษย์ด้วยความรู้สึกเอ็นดู สงสัยจะชอบกินขนมครกมากละสิท่า

“พี่ช้างจะเลี้ยงขนมครกครับ ถ้านะโมมาด้วย กำลังอาบน้ำให้ใบจากกับพ่ออยู่ดีๆ พี่ช้างก็เรียกให้ขึ้นรถมาด้วย”

“อ้าว โดนติดสินบนหรอกเหรอเนี่ยเรา ว่าแต่ใบจากเป็นใครกันจ๊ะ”

หญิงสาวหัวเราะคิกคักอย่างเอ็นดู ด้วยความเป็นเด็ก แค่เอาขนมมาล่อก็ไปไหนไปกันด้วยแล้ว

“เพื่อนนะโมเองครับ ลูกพี่ใบกล้วยกับพี่มะลิ หลานป้าใบบัวครับ”

“ถ้าเป็นเพื่อนนะโม ทำไมไม่มาเรียนด้วยกันล่ะจ๊ะ”

จารุมาสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะในห้องที่เธอสอนก็ไม่เห็นมีเด็กนักเรียนที่ชื่อใบจากเลยสักคน เอ๊ะ หรือจะอยู่ชั้นอื่น แต่ก่อนที่จะได้คิดไปไกล ลูกศิษย์ก็เฉลยออกมาว่า

“ใบจากเป็นช้างครับครูมาส”

“อ้าว ที่พูดชื่อออกมาทั้งหมดนี่ เป็นช้างหมดเลยเหรอ”

คราวนี้จารุมาสเก็บอาการไม่อยู่ หัวเราะออกมาเสียงดังขำตัวเองที่เข้าใจผิดคิดว่าที่ลูกศิษย์พูดออกมาทั้งหมดนั้นเป็นคน

“ใช่ครับ”

“พูดมากไปแล้ว”

ไอยราหันมาดุเด็กชายคนเดียวในรถอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากขันการสนทนาระหว่างครูกับลูกศิษย์ในรถ

 



Don`t copy text!