
ชมรถเก่าแดนเชกโกฯ
โดย : วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ
![]()
“เที่ยวโทงเทง” คอลัมน์ท่องเที่ยวกับเรื่องเล่าจากสมุดบันทึกของ “วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ” ซึ่งได้แบกเป้เดินทางคนเดียวตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เป็นบันทึกการโดยสารขนส่งสาธารณะ การพบปะและบทสนทนากับผู้คน (ตลอดจนหมาแมว) พร้อมแนบข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประจำเมือง แต่ละวันมักจบลงด้วยเบียร์เย็นๆ หรือวิสกี้ในบาร์ท้องถิ่น
เขตเมืองเก่ากรุงปรากมีสถานที่สำคัญตั้งอยู่มากมาย อาทิ จัตุรัสเมืองเก่า นาฬิกาดาราศาสตร์บนหอคอยเมืองเก่า สุสานชาวยิว โบสถ์สไตล์โกธิก Church of Our lady before Tyn มียอดแหลมสองยอดสง่างาม โบสถ์สไตล์บาโร้ก St. Nicholas Church และ Powder Tower ซึ่งเป็นประตูเมืองเก่าแบบโกธิก คำว่า Powder มาจาก Gunpowder เนื่องจากสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เก็บดินปืนสำหรับวัตถุประสงค์ในการสงคราม
นับเป็นความปราณีของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่ชื่นชอบความงามของอาคารต่าง ๆ ในกรุงปรากเป็นพิเศษ จึงไม่ได้มีคำสั่งให้เครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มเหมือนกับหลายๆ เมืองในยุโรประหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นกองทัพอเมริกาเสียอีกที่ทิ้งระเบิดทำลายไปบางส่วน เพราะว่าระบบนำทางทำงานผิดพลาด

ผมดื่มเบียร์สดใน “ถ้ำเสือทอง” เพียงไพต์เดียว หากมากกว่านี้จากความสดชื่นจะกลายเป็นความง่วง เดินออกไปยังจัตุรัสเมืองเก่า ร้านกาแฟและร้านอาหารสัมปทานพื้นที่ให้บริการอยู่ในบางมุม รถม้าแบบโบราณหลายคันนำนักท่องเที่ยวชมเมือง บรรดาวณิพกพร้อมเครื่องดนตรีประจำกายจับจองมุมโปรดของตัวเอง คนขอทานหมอบราบหน้าผากแนบพื้นเปิดหมวกรับเหรียญและธนบัตรซึ่งเป็นท่าของมืออาชีพ บ้างมีหมาน่าสงสารนั่งประกบ มนุษย์ที่พ่นสีตัวเองเป็นสีเงินหรือสีทองยืนนิ่งเหมือนหุ่นอยู่บนลังไม้เป็นที่สนใจของเด็กๆ ถ้าใครถ่ายรูปให้เขาเห็นเขาก็จะโบกมือเรียกให้เข้าไปบริจาคเงินเสียดีๆ
สิ่งที่โดดเด่นเป็นสง่าที่สุดในจัตุรัสเมืองเก่าคือหอคอยที่มีนาฬิกาดาราศาสตร์ขนาดใหญ่จากยุคกลาง อายุเก่าแก่กว่า 600 ปี (สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1410) ตีบอกเวลาทุกชั่วโมง (ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม) ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้ 1 ทุ่ม ฝูงชนมามุงรอกันหลายร้อย และแล้วหน้าต่างสองบานด้านบนนาฬิกาก็เปิดออก สาวกพระเยซูทั้งสิบสองในรูปแกะสลักไม้ก็เผยโฉมวนให้ยลจากซ้ายไปขวา พร้อมๆ กับเสียงตีบอกเวลา 1 ทุ่มของนาฬิกาที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เมื่อนาฬิกาตีเสร็จ ผู้คนก็แยกย้าย

ผมเดินผ่านร้านนวดไทยขนาดใหญ่ดูดี แต่รถสามล้อที่จอดโชว์หน้าร้านน่าจะมาจากเวียดนาม แล้วก็มาถึง “ผับชาโปรูจ” วันนี้มีโต๊ะว่างหลายตัวเพราะยังหัวค่ำ นักท่องเที่ยวอังกฤษกลุ่มใหญ่โต๊ะข้างๆ ส่งเสียงดัง เอะอะโวยวาย และพูดกันอย่างหยาบคาย บ้างตบโต๊ะ ผมหันไปมองบาร์เทนเดอร์ เขาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

ดื่ม Krusovice ได้แก้วเดียวผมก็เดินข้ามผ่านสะพานชาร์ลส์ไปยังฝั่งปราสาทกรุงปราก แวะ “บลูไลท์บาร์” อีกร้านที่เคยดื่มเมื่อมาปรากครั้งก่อนแต่วันนี้คนน้อยและไม่มีพนักงานให้ความสนใจจึงเดินออกมาอีก
ใกล้ๆ กันมีร้านลึกลับที่แก๊งเกย์แห่งกรุงปรากเคยชวนมาครั้งที่แล้วซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารโบราณที่ไม่สนใจการบูรณะซ่อมแซม แต่พบว่าร้านนี้ไม่ลึกลับอีกต่อไปแล้วเพราะคิวคนหิวเบียร์ยาวเหยียด จึงเดินกลับ แวะซื้อเบียร์ร้านชำของชาวเวียดนาม และก็เป็นอย่างที่ได้บรรยายไว้เมื่อตอนที่แล้วว่าราคาแพงกว่าร้านทั่วไป

ระหว่างเปิดกระป๋องจิบอยู่ตรงระเบียงทางเดินของที่พักในย่านใกล้ปราสาทกรุงปราก มีหนุ่มนักศึกษาเกาหลี 2 คนเข้ามาคุยด้วย คนหนึ่งเรียนที่อเมริกา อีกคนเรียนที่กรุงโซล เล่าให้ฟังว่าวันนี้ไปกระโดดร่มแบบฟรีฟอล (Free Fall) มา สนุกตื่นเต้นเหลือเกิน ราคา 7 พันโครูนา “ที่นี่ขึ้นชื่อและราคาถูกสุดแล้ว” คนหนึ่งยืนยัน

สายๆ วันต่อมา หลังจากข้าวเช้าที่ร้านอาหารจีน และกาแฟที่ร้านแมคโดนัลด์แล้ว ผมก็เดินไปซื้อตั๋วรถรางจากเครื่องที่ป้ายมาโลสทรานสกาแบบเที่ยวเดียวราคา 24 โครูนา ขึ้นสาย 12 ไปยัง National Technical Museum (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางด้านเทคนิค) มีเจ้าหน้าที่ในชุดไปรเวทขึ้นมาตรวจตั๋ว ชายคนหนึ่งมั่วนิ่ม ไม่ได้เติมเงินหรืออาจจะใช้ตั๋วที่หมดอายุแล้ว เจ้าหน้าที่จึงขอบัตรประชาชนเขียนใบสั่งให้ไปจ่ายค่าปรับ

รถรางจอดป้าย Korunovacni ผมลงเดินอีกประมาณ 500 เมตร ถึงพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางด้านเทคนิคกรุงปราก จ่ายค่าเข้าชม 190 โครูนา และค่าถ่ายรูปอีก 100 โครูนา มีข้อแม้ห้ามใช้ไม้เซลฟี่และขาตั้งกล้อง แบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น : ยานพาหนะและการขนส่ง, ห้องดาราศาสตร์, วิวัฒนาการแห่งการถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์, สตูดิโอสถานีโทรทัศน์, เหมืองแร่, เทคโนโลยีการพิมพ์, โลหะวิทยา, เทคโนโลยีเกี่ยวกับเครื่องใช้ในบ้าน, เคมีรอบๆ ตัวเรา, วิวัฒนาการของการวัดเวลาหรือนาฬิกา, สถาปัตยกรรม, การก่อสร้าง และการออกแบบ

ส่วนการแสดงที่ได้รับความนิยมและมีขนาดกว้างขวางที่สุด ยกให้ส่วนที่เป็นยานพาหนะและการขนส่งซึ่งมีลักษณะเป็นห้องโถงสี่เหลี่ยมหลังคาสูง บริเวณพื้นชั้นล่าง หรือชั้น 0 แสดงรถยนต์ที่มาจากอดีตเชกโกสโลวาเกียและประเทศใกล้เคียง หัวรถจักรไอ้น้ำ และตู้รถไฟ ส่วนชั้นที่เหลือคือชั้น 1 ถึง ชั้น 3 (รวมทั้งหมด 4 ชั้น) มีลักษณะเป็นระเบียงทางเดินรอบห้องทั้ง 4 ด้าน เพื่อให้ภายในอาคารนี้มีลักษณะโล่ง อีกทั้งบนเพดานใช้สำหรับห้อยเครื่องบินหลากยุคหลายรุ่นด้วยเชือกและเส้นลวดลงมาอยู่กลางห้อง ดูเหมือนว่าเครื่องบินเหล่านี้กำลังบินอยู่จริงๆ

เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 1 ก็พบกับของสะสมที่เป็นจักรยานยนต์จอดอยู่ไล่เรียงไปตามผนังห้อง ซึ่งดูแล้วมีการเรียงตั้งแต่ยุคแรกๆ เรื่อยมา ชั้น 2 เป็นของสะสมประเภทชิ้นส่วนเครื่องบินหรืออากาศยาน รวมถึงโมเดล ที่จัดเรียงในลักษณะเดียวกัน เช่นเดียวกับชั้น 3 ที่จัดแสดงจักรยานโบราณ โมเดลเรือ และชิ้นส่วนของการขนส่งทางน้ำ

ไม่ทันจะมีเวลาเดินดูส่วนอื่นๆ เวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 17.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่พิพิธภัณฑ์ปิดให้บริการ ได้แต่เข้าไปกินแซนวิชและดื่มเบียร์ Staropramen แก้วเล็กในโรงอาหารของพิพิธภัณฑ์เป็นมื้อเที่ยง ซื้อของที่ระลึกจากร้านในพิพิธภัณฑ์แล้วเดินไปที่เบียร์การ์เด้นบนเนินเขาเลตนา ริมแม่น้ำวอลตาวา มองเห็นอาคารบ้านเรือนของกรุงปรากอีกฝั่งอัดเรียงกันแน่นหนา คนหนุ่มสาวมากหน้าหลายตาออกมาดื่มเบียร์กันตั้งแต่หัววัน แต่ผมตัดใจเดินไปขึ้นรถรางกลับเข้าเขตเมืองเพราะมีนัดตอน 1 ทุ่ม

บนรถรางสาย 12 สายเดิม เจอคนตรวจตั๋วคนเดิม และเขาก็จับคนลักไก่ได้อีกเหมือนเดิม

- READ ชมรถเก่าแดนเชกโกฯ
- READ จิบนี้ที่กรุงปราก
- READ ดรีนา มิลยัสกา ซาราเยโว
- READ จากบ้านแม่สู่บ้านเมีย
- READ สงคราม สันติภาพ ซาราเยโว
- READ สะพานข้ามแม่น้ำ “ดรีนา” (2)
- READ สะพานข้ามแม่น้ำ “ดรีนา” (1)
- READ จาก “เมืองไม้” สู่ “เมืองหิน”
- READ เมืองไม้และรถไฟสายเลข 8
- READ บนเส้นทางสู่ “โมกราโกรา”
- READ กีฬา กาแฟ แก๊ส เกาะ
- READ เมืองขาวของชาวเซิร์บ
- READ โร้ดทริปสู่เซอร์เบีย
- READ วิสกี้ ซิการ์ บูดาเปสต์
- READ คอยเพื่อนที่บูดาเปสต์
- READ ปวดบาทาที่บูดาเปสต์
- READ ทิมิชัวรา – บูดาเปสต์
- READ จาก ‘ซีบีอู’ สู่ ‘ทิมิชัวรา’
- READ มื้อเช้าของนักเดินทางและสะพานคนลวง
- READ ดวงตาซีบีอู
- READ เสน่หา บราชอฟ
- READ รถไฟสายทรานซิลเวเนีย
- READ เชาเชสคูและบูคาเรสต์
- READ บูนา บูคาเรสต์
- READ ผู้ควบอาชาแห่งเมืองบราชอฟ







