เส้นสายลายสยอง บทที่ 4 : เหตุร้าย
โดย : ตรี อภิรุม
เส้นสายลายสยอง นิยายออนไลน์ โดย ตรี อภิรุม นักเขียนชื่อดังในแนวลึกลับภูตผี เหนือจริง ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์ กับ เรื่องราวของรชตะผู้มีพรสวรรคพิเศษที่หากเขาจรดพู่กันวาดภาพเมื่อใด ภาพนั้นจะเป็นความจริง แต่ภาพล่าสุดที่เขาวาดคือ ปีศาจร้าย
——————————–
– 4 –
ผิดคาด วิชชุวารไม่ยักขึ้งเคียด หรือใช้คารมเฉือดเฉือนหนุ่มหล่อ หากยอบกายพนมมือทำความเคารพอย่างนุ่มนวล ปานกุลสตรีแห่งราชสำนัก
“ สวัสดีค่ะ ชุขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย มีอะไรโปรดเรียกใช้ได้เสมอ ”
รชตะตะลึง เกือบจะลืมรับไหว้หล่อน วิชชุวารเคยเป็นฝ่ายแม่เลี้ยงเต็มร้อย เจอกันครั้งก่อนก็ทะเลาะกับเขา แต่คราวนี้เปลี่ยนจากหน้ามือกลับเป็นหลังมือ ไม่อยากจะเชื่อหรือจะมีแผนเจ้าเล่ห์ซ้อนอยู่เบื้องหลัง
“ ครับ คุณชุสบายดีรึ? ”
ชายหนุ่มทักทายแกนๆ งุนงงต่อการเปลี่ยนแปลง แทบจะเล่นบทไม่ถูก
“ ค่อยยังชั่วค่ะ ” หล่อนตอบเลื่อนลอยไม่เป็นตัวของตัวเอง “ ไม่อึดอัดจำกัดขอบเขตเหมือนก่อน ชุจะได้ทำสิ่งที่ต้องการเสียที ”
ไหว้อำลาจิตรกรสมัครเล่น กลับไปหารวีรุ้งที่จับจ้องสายตาเป๋ง เด็กสาวจูงมือญาติออกมายืนมุมหนึ่งของช็อปปิ้งอาเขต
“ พี่ชุทำไมทำแบบนั้นล่ะคะ นอบน้อมยำเกรงนายตะ แทบว่าจะกราบเท้าทีเดียว ทีแรกรุ้งคิดว่าจะจวกแหลก ”
ฝ่ายตรงข้ามสลัดศีรษะขับความมึนงง ซอยขนตากะพริบถี่
“ เอ๊ะ! รุ้งตาฝาดหรือเปล่าจ๊ะ? ”
“ โธ่! พี่ชุก็ รุ้งไม่ได้โกหก พี่ชุทำตัวยังกะสมุนรับใช้ของนายตะ ”
หล่อนเกลียดชังพี่ชายต่างแม่ เชื่อตามคำยุยงเสี้ยมสอนของเฉิดฉวีว่า รชตะติดยาเสพติด หยิ่งยโส ก้าวร้าว นิสัยนักเลง
“ เอาเป็นว่า พี่เกรงใจ เพราะเขาเป็นพี่ชายรุ้ง ”
“ โฮ้ย! เลวอย่างนี้ไม่นับญาติ คุณแม่อุตส่าห์เมตตาสงสาร นายตะกลับแว้งกัดได้ลงคอ สมมุติว่าไม่ใช้นามสกุลเดียวกัน จะกระซิบตำรวจให้ไปค้น อาจจะเจอยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในตัว ”
ช่างน่าแปลก วิชชุวารไม่อยากฟังการกล่าวโทษหนุ่มนักเขียนการ์ตูน ตัดบทว่า
“ เราไปหาอะไรทานรองท้องกันเถอะจ้ะ ”
สองสาวเตร่สำรวจ ร้านสุกี้แน่นขนัดรานที่มาใหม่ต้องนั่งรอคิวโต๊ะว่าง ในที่สุดก็พากันเข้าร้านฟาสท์ฟู้ดสั่งไก่ทอด เฟรนช์ฟราย และเครื่องดื่ม ยกมานั่งโต๊ะริมผนังกระจก
กินบ้าง คุยบ้าง มองยวดยานที่แออัดพาร์คกิ้ง แม้กระนั้นรถหลายคันก็ทยอยเข้ามาหนุนเนื่อง
ทันทีทันใด วิชชุวารก็ชะงักกึก กิริยาอาการคล้ายสะดุ้ง จ้องเขม็งทะลุผนังกระจก รถเก๋งอิมพอร์ตคันหรู แล่นผ่านเข้ามาในคาร์พาร์ค ตระเวนแช่มช้าหาที่จอด และพ้นสายตาเมื่อลับมุมอาคาร
“ รุ้ง…พี่ขอตัวไปห้องน้ำแป๊บเดียว ”
กล่าวจบ หล่อนก็ออกจากประตูกระจกเดินลิ่ว ผ่านไประหว่างกลุ่มครอบครัว เด็กเล็กเด็กน้อย พวกวัยรุ่น เลี้ยวสู่ลานใต้ถุนคอนกรีต หรือคาร์พาร์คชั้นล่างสุด แสงสว่างสลัว บางมุมค่อนข้างจะมืด
รถเก๋งจอดเรียงรายมุมทแยง สองคันค่อยๆ เลี้ยวออก เปิดไฟตามส่องทาง
นั่นปะไร!
เก๋งราคาเท่าบ้านตึกซึ่งตนหมายตาตั้งแต่แรก ถอยหลังเข้าไปเสียบตรงช่องว่าง
เสี่ยใหญ่ผู้ขับดับเครื่อง ก้าวลงจากรถ จัดกลีบเสื้อ หุ่นของเขาสันทัด ท้วม ใบหน้าอูมอิ่มสีแดงด้วยเลือดฝาด นัยน์ตาสามเหลี่ยมยิบหยีหลุกหลิก บ่งบอกถึงความเจ้าเล่ห์เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
“ สบายดีหรือคะ เสี่ย ”
เขาเหลียวขวับ เยี่ยงคนที่ระแวดระวังเสมอ
ช่างน่าอัศจรรย์นัก!
ดวงหน้านวลผ่องของวิชชุวารมีเงาปิศาจแดงต้อยแทรกซ้อน แต่ไม่น่ากลัวเท่าใดนัก แค่ซีดเซียวอมเทาและนัยน์ตาโตกว่าปรกติเท่านั้น
“ อ๊ะ! คุณมีธุระอะไรกับผม? ”
บุรุษเชื้อสายจีนถอยหลังสองก้าว ขนลุกเกรียวเป็นระลอก ทั้งที่เขาไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องงภูตผีวิญญาณเฮี้ยน
“ แก… ไอ้ชั่ว! ” ตะคอกเสียงหยาดเย็นวังเวง “ มนุษย์โรคจิต ชอบเสพสมซื้อพรหมจารีสาวรุ่นกระเตาะ วานนี้ก็เสร็จเอ็งรายหนึ่ง เด็กหญิงบ้านนอก อายุเพิ่งจะสิบสี่หยกๆ เอ็งโยนเงินให้หกพันค่าปิดปาก ”
“ เหวอ! ”
เสี่ยตกตะลึงพรึงเพริด ข้อมูลนั้นตรงเผง สาวสองหน้าทราบได้อย่างไรเล่า ปฏิเสธเสียงแหบเท่ากับกระซิบ
“ ไม่จริง ”
“ ไอ้โกหก! เอาละ, มึงไม่ได้ฆ่าใคร แต่ผู้คนหญิงเขาตายทั้งเป็น ”
เยี่ยงแม่เสือนักสู้ วิชชุวารกรากเข้าประชิดตัว ตบด้วยฝ่ามือฉาด รุนแรงพอที่จะทำให้นักล่าพรหมจารีเซปะทะรถเก๋ง ตาลาย เห็นดาวระยิบระยับ
“ อีเวร! ”
เขาคำรามเครียด โมโหสุดขีด ต่อยสะเปะสะปะ แต่ไม่ถูกหญิงสาว
หล่อนคว้าข้อมือหมับ กระชากสุดแรง พร้อมทั้งตั้งเข่ารับหน้าท้อง
พล็อก!
ช่างเหมาะเหม็งดุจเสาเหล็กกระทุ้ง
“ โอ้ก! ”
แทบว่าจะคายของเก่า น้ำลายไหลยืด บุรุษบ้ากามล้มแผละ
วิชชุวารภาคสองขยุ้มจิกผมกระชากขึ้น พุ่งหมัดตรงที่ปากครึ่งจมูกครึ่ง
ตั้บ!
“ โอย! ”
เลือดกำเดาทะลัก เขากระเด็นล้มระหว่างซอกรถเก๋ง หล่อนกระทืบส่งท้ายที่เป้ากางเกงสุดแรงเกิด
พั่บ-แควก!
เสียงของการปะทะติดต่อกับเสียงของผ้าขาด
เสียงร้องอะไรออกมาคำหนึ่ง แหลมโหยหวนเหมือนสัตว์ใหญ่ที่ถูกเชือดใกล้จะสิ้นชีวิต ก่อนที่จะแน่นิ่งเนื้อตัวอ่อนปวกเปียก
รปภ.สองหน่อวิ่งมายังจุดเกิดเหตุ วิชชุวารเผ่นกระโจนหนี
เสมือนปาฏิหาริย์ของวิญญาณเฮี้ยน ร่างสาวรุ่นส่วนสูงแค่ห้าฟุตวิ่งแยกออกจากหล่อน รปภ.ไม้เห็นวิชชุวารที่เปลี่ยนเป็นเดินปรกติ กวาดไล่ปิศาจแดงต้อย ไปจนมุมที่กำแพงตึก
แวบ!
ผีตายโหงสลายร่างเหลือแต่ความว่างเปล่า
พนักงานรักษาความปลอดภัยเกือบจะชนกันเอง บุรุษฉกรรจ์นายหนึ่งเก้าท้ายทอยแกรก
“ นี่มันอะไรกันโว้ย! ”
ช่วงเวลาเดียวกัน วิชชุวารหย่อนกายลงบนเก้าอี้ตรงข้ามญาติสาว บ่นอุบอิบ
“ ห้องน้ำมีสามห้อง ลูกค้ารอใช้บริการยาวเหยียด ไอ้เราจะไปใช้สุขาชั้นบนก็ไกลมาก ยืนแกร่วขาแข็งกว่าจะถึงคิว ”
ครู่เดียว สองสาวก็ออกมาสู่ระเบียงอาเขตที่นักช็อปสัญจร
ภาพที่ประจักษ์ก็คือ รปภ.หิ้วปีกประคองเสี่ย เขาบาดเจ็บสาหัสฉกรรจ์หนักหนา หน้ากรังเลือด โดยเฉพาะอวัยวะสำคัญที่โดนกระทืบ เจ็บปวดจนหมดแรงเดิน ไม่ทราบว่าจะถึงขั้นชำรุดพิการหรือเปล่า เหล่าไทยมุงรายล้อมนับร้อย
“ พี่ชุ เราเข้าไปดูบ้างสิ ”
รวีรุ้งจูงมือญาติสนิทแหวกกลุ่มคน ชะโงกมองเจ้าทุกข์ที่อยู่ในสภาพทุเรศอเนจอนาถ
เสี่ยโวยวายเสียงแหบๆ ปนหอบ
“ พวกคุณน่าจะมาช่วยแต่แรก นี่ปล่อยให้นางโจรซ้อมผมเสียสะบักสะบอม บุญว่าหล่อนไม่ปลดทรัพย์ผมเกลี้ยง ”
“ ขอโทษครับ ” รปภ.ตอบพินอบพิเทา “ ครั้งแรกผมคิดว่าสามีภรรยาทะเลาะวิวาท ไอ้เรื่องพรรค์นี้ถ้าเราไปเกี่ยวข้องด้วย เข้าเนื้อทุกที ”
“ เรียกแท็กซี่ให้ผมหรือยัง ผมจะไปโรงพยาบาลก่อนแจ้งตำรวจ ”
“ แท็กซี่มาโน่นแล้ว ”
บังเอิญเสี่ยมองผ่านวิชชุวาร ชักสงสัยเหลียวมาอีกแวบหนึ่ง แต่เขาก็จำหล่อนไม่ได้
รชตะเล่าความสู่เพื่อนสนิท ปกรณ์ที่กำลังปอกเปลือกส้มเขียวหวานชะงักหน่อย
“ ชอบกล ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่ายายชุจะสามิภักดิ์แก หล่อนวางกับดักแกหลงกลเมื่อไหร่จะพลิกล็อก ”
“ ฉันก็คิดยังงั้นแหละ แต่อยากเสี่ยงว่ะ มันเหมือนเกมการพนัน เรายังไม่รู้ว่าใครจะแพ้หรือชนะ จนกว่าจะหงายไพ่ ”
ชายหนุ่มคายเม็ดส้มใส่ถังขยะพลาสติก
“ น้องสาวทักทายแกหรือเปล่า? ”
“ เปล่า ” หนุ่มหล่อสั่นหน้าดิก “ รวีรุ้งเย่อหยิ่ง จองหอง ถ่ายทอดอารมณ์ร้ายของแม่เลี้ยงเต็มเปี่ยม เธอไม่คิดว่าฉันเป็นพี่เสียด้วยซ้ำ ”
ต่างฝ่ายต่างเงียบ รชตะจิบกาแฟร้อนที่ชงเอง สายตาภายใต้คิ้วดกเข้มจับตาวอลเปเปอร์ โขดหิน ชายหากแนวโค้ง น้ำทะเลสีครามจรดขอบฟ้า ปกรณ์เปลี่ยนเรื่องคุย
“ วันนี้ฉันส่งงานภาพปกหนังสือ คุณกาจทวงถามนิยายการ์ตูนที่จ้างแกวาดเสร็จหรือยัง ฉันตอบว่าภายในสัปดาห์นี้แหละ ”
“ อือม์… ใช่แล้ว ”
ผู้ฟังผงกศีรษะรับ
“ กิรดาช่วยงานพ่อด้านกองจัดการ คนจีนเขาดีอย่างหนึ่ง ฝึกให้ลูกรู้จักทำมาหากินตั้งแต่เด็ก ประเภทแหกคอก แข่งรถบนทางด่วนมีน้อย แตกต่างกับพวกลูกเศรษฐีไทยมักจะเอาแต่เที่ยวเตร่กลางคืน ใช้เงินเป็นเบี้ย สวมเสื้อผ้าอิมพอร์ตราคาแพงเฉียบ ”
การสนทนาสิ้นสุดไปเอง ปกรณ์ลุกไปที่โต๊ะเขียนแบบ ตรวจงานของเพื่อน พลิกภาพการ์ตูนหมึกอินเดียนอิงค์ทีละแผ่น
“ ภาษาคำพูดตัวละครเป็นยังไงวะ? ”
“ ดีแล้ว วัยจ๊าบ ไม่ใช้ศัพท์แสงสูง คนอ่านรับยาก ”
“ เนื้อเรื่องล่ะ? ”
“ สนุกโว้ย ” เพื่อนรุ่นพี่พยักพเยิด “ ปิศาจแดงต้อยสิงร่างวิชชุวาร เอ๊ย…ชุลี ซ้อมเสี่ยนักล่าพรหมจรรย์เด็กสาว สะบักสะบอม เลือดกำเดาไหลโกรก กระทืบห้องเครื่องทรุด ตรงนี้แหละสะใจวัยจ๊าบ หัวเราะครืนเลย ”
“ ไม่เว่อร์เรอะ? ”
“ โฮ้ย! การ์ตูนมันต้องเวอร์อยู่แล้ว สาวผีสิงพละกำลังย่อมจะเหนือกว่าผู้ชายหลายเท่า ตอนปิศาจแดงต้อยแยกร่าง หลอกรปภ.ให้วิ่งไล่ไปที่กำแพง แกก็ทำได้ไม่เลว หล่อนหายวับไปกับตา รปภ.ยืนเซ่อ ”
“ ฉันยังไม่รู้ว่า จะดำเนินเรื่องต่อไปยังไง ”
“ ค่อยๆ คิด มันก็จะออกมาเอง ข้ามั่นใจว่าเอ็งจะไม่จนมุม ”
คืนนั้น รชตะครุ่นคิดถึงงานที่คั่งค้างจนกระทั่งม่อยหลับไป ภูตสาววัยกระเตาะโผล่ขึ้นในนิมิต หน้าสีเขียวอมเทา ไม่ถึงกับเน่าเฟะ เสียงวู่หวิวแว่วขึ้นในจิตใต้สำนึก
“ ไอ้อุเทศหนึ่งในจำนวนที่ข่มขืนหนูจะมากรุงเทพฯ ลงรถโค้ชที่สถานีขนส่งสายเหนือเวลาพลบค่ำพรุ่งนี้ ”
รชตะสะดุ้งตื่น หายง่วงเกือบเป็นปลิดทิ้ง ลุกไปวาดภาพต่อที่โต๊ะเขียนแบบ
*******************
วิชชุวารนั่งในห้องเรียนฟังอาจารย์เล็กเชอร์วิชาเศรษฐศาสตร์ ส่วนได้หรือเสีย ระหว่างการเปลี่ยนเงินบาทลอยตัว จิตใจของหล่อนวอกแวกไร้สมาธิ คอยครุ่นคิดถึงแต่ปิศาจแดงต้อย
บอกใคร-ใครจะเชื่อ หล่อนมีสองร่างในตัว ภูตสาวรุ่นกระเตาะคอยควบคุมดลใจให้ทำสิ่งต่างๆ นอกเหนือจากความเคยชิน ทุกเรื่องจะรับรู้เสี้ยวส่วนหนึ่งเสมอ เช่น กรณีปราบเสี่ยที่ลานพาร์ค กิ้ง เป็นต้น
“ เราไม่ชอบเลย ต้องไปกราบซบนบไหว้นายตะ เขาคงคิดเกี่ยวกับเราในแง่ลบ ”
“ พักเที่ยง รับประทานอาหาร วิชชุวารนั่งโต๊ะเดียวกับกิรดาเพื่อนสนิท ”
“ ฉันดูชุหน้าซีดเซียว เหม่อลอย ถามจริงๆเถอะ โบรกเก้น ฮาร์ทเหรอ? ”
หลานสาวเฉิดฉวีป้องปากหัวเราะ
“ โธ่! คู่รักยังไม่เกิด ละมั้ง ”
“ แล้วนนทวัฒน์ที่ติดต่อกับชุล่ะ ”
“ แค่เพื่อนต่างเพศ ความสัมพันธ์ยังไม่รุดหน้าไกลกว่าระดับนั้น ”
กิรดาวางช้อนก๋วยเตี๋ยวใบตำลึง ซับขอบปาก
“ เย็นนี้เราไปเดินเล่นศูนย์การค้าไหมจ๊ะ? ”
“ ไม่จ้ะ ฉันจะไปรับเพื่อนที่สถานีขนส่งสายเหนือ ”
ลูกสาวเจ้าของสำนักพิมพ์การ์ตูนไม่ซักถาม เวลาผ่านไปจนกระทั่งสิบแปดนาฬิกาสามสิบนาที
บัดนี้ วิชชุวารเดินเตร่ที่บริเวณชานชาลาสถานีขนส่ง จิตใจกระวนกระวายผสมกับอาฆาตแค้นเคือง ผู้คนมากมายสับสน หิ้วกระเป๋าสัมภาระอีรุงตุงนัง ส่วนใหญ่ได้แก่ผู้ที่เตรียมตัวเดินทางออกนอกกรุงเทพฯ
รถโค้ชชะลอจอดเทียบริมฟุตปาธ ประตูลมเลื่อนครืด ชายหญิงเกือบทุกวัยทยอยกันลงจากรถ พร้อมด้วยกระเป๋าใบน้อยใหญ่
เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเก้า ร่างใหญ่ผิวดำแดง หน้าดุเหี้ยม มองเผินๆ คิดว่าอายุสักยี่สิบเศษ
“ ไอ้อุเทศ ”
วิชชุวารร้องในใจ สายตาจ้องเขม็ง