เส้นสายลายสยอง บทที่ 2 : ฝันสยอง

เส้นสายลายสยอง บทที่ 2 : ฝันสยอง

โดย : ตรี อภิรุม

เส้นสายลายสยอง นิยายออนไลน์ โดย ตรี อภิรุม นักเขียนชื่อดังในแนวลึกลับภูตผี เหนือจริง ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์ กับ เรื่องราวของรชตะผู้มีพรสวรรคพิเศษที่หากเขาจรดพู่กันวาดภาพเมื่อใด ภาพนั้นจะเป็นความจริง แต่ภาพล่าสุดที่เขาวาดคือ ปีศาจร้าย 

——————————–

– 2 –

 

ค่อนรุ่ง เฉิดฉวีลุกออกมาใช้ห้องน้ำ พลันได้ยินเสียงหวีดร้องตื่นตระหนก

“ เอ๊ะ! เสียงยายชุ คงจะเกิดเหตุร้ายอะไรสักอย่าง ”

วิชชุวารหลานสาวกำพร้าพ่อแม่ เฉิดฉวีรับมาอุปการะตอนโต เพื่อให้เป็นเพื่อนของรวีรุ้งลูกสาว แน่นอนความห่วงหาอาทรฉันญาติย่อมมีอยู่เต็มเปี่ยม กอปรกับวิชชุวารว่านอนสอนง่าย เชื่อทุกอย่างที่หล่อนพูดแบบที่เรียกว่าเด็กในคาถา วิชชุวารเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ก็คงจะได้รับปริญญาเศรษฐศาสตร์ปีนี้แหละ

ห้องนั้นอยู่ด้านหลังตึก เขตลูกจ้าง เพียงแต่ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับประดาหรูหราพิเศษกว่าห้องอื่น และมันเป็นสถานที่ที่รชตะพักพิงมาก่อน

ก๊อก – ก๊อก!

“ กลัวแล้วจ้า อย่าหลอกอย่าหลอนกันอีกเลย ฉันจะทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้.. ”

น้ำเสียงที่ขาดเป็นห้วงๆ นั้น แสดงว่าผู้พูดกำลังประสาทเสีย สติแตก ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่

“ ชุ.. นี่น้าเองจ้ะ ”

เฉิดฉวีเรียกเต็มเสียง

แกรก!

ประตูเปิดโร่

เมื่อน้าสาวผ่านเข้าไป วิชชุวารก็โผสวมกอด ตัวสั่นเทาดุจลูกนกต้องลมหนาว

“ หนูกลัวค่ะ ”

“ ขวัญเอ๊ยขวัญมา น้าอยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรลูก ”

คลายความกลัวลงบ้าง หญิงสาวผละออกจากร่างเฉิดฉวี เล่าเหตุการณ์ปากคอสั่นพร้อมทั้งชี้มือประกอบ

“ คนแกล้งปลอมตัวหลอก ละมั้ง ”

“ ใครคะ ใครจะกล้าเล่นพิเรนทร์พรรค์นี้ ”

หล่อนชูคออ้วน เนื้อเป็นปล้อง นัยน์ตาฉายแววเล่ห์ลึก

“ รายที่รู้ทิศทาง สามารถเข้านอกออกใน แม้ในยามค่ำคืน โดยไม่ผิด ”

แย้มมาเพียงแค่นี้ วิชชุวารมิใช่คนโง่ จึงอ่านการบอกใบ้ของเฉิดฉวีถูก นักศึกษาสาวส่ายหน้าเนิบ

“ เรื่องกระจอกๆ รชตะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน คงจะไม่เสียเวลาปลอมเป็นผี หลอกหลอนชุ ”

“ เธออาจจะตาฝาด ”

“ ชุเชื่อว่าตัวเองประสาทแข็ง และนี่เพิ่งเกิดครั้งแรกในชีวิต ”

เฉิดฉวีเปิดหน้าต่างชะโงกสำรวจ ยังมืดมากแม้ไฟฟ้าสาธารณะที่ถนนซอยจะส่องแสงสว่างรางเลือน ห่างออกไปหน่อย กอกล้วยข้างกำแพงรั้วเงาดำตะคุ่ม

“ ผีไม่ได้หลอกเฉยๆ นะ เขาพูดกับชุด้วย แปลกมาก ”

“ เพิ่งจะตายหมาดๆ ค่ะ ”

ผู้ฟังยืนยันสมทบ

หล่อนฉุกคิดบางอย่าง กวาดสายตาตรวจห้อง ครั้นแล้วหยิบหนังสือพิมพ์รายวันฉบับขายดี เช็คข่าว สักประเดี๋ยวก็จิ้มนิ้วระรัว

“ นี่ไงจ๊ะ โชเฟอร์ชื่อทศพล ถูกฆ่าชิงทรัพย์ชิงรถ ยางแตก ไอ้โจรเอาไปจอดทิ้งไว้ในซอยเปลี่ยว อย่าปฏิเสธเชียวนะ ว่าชุไม่ได้อ่านข่าวนี้ก่อนนอน ”

“ ใช่ค่ะ คุณน้า ”

“ นั่นปะไร ผีมันสะท้อนออกมาจากจิตใต้สำนึกของเธอ ประสาทหลอนสมบูรณ์แบบ ”

ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะเป็นเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรวิชชุวารก็ยอมรับความจริง เฉิดฉวีสรุป

“ วิธีแก้ไขก็คือ ไม่อ่านข่าวสยดสยอง เอาเถอะจ้ะ รีบอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวจะไม่ทันรถตู้เขามารับ ”

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ณ ห้องชุดอพาร์ทเมนต์ รชตะตื่นนอน ลุกขึ้นบิดตัวแก้เมื่อยขบ เขามักจะตื่นรุ่งสาง เพื่อไปจ๊อกกิ้งออกกำลังกายเสมอ ใช้เส้นทางถนนตัดใหม่ ฟุตปาธกว้างกว่าปรกติ ยวดยานไม่มากนัก วิ่งไปกลับประมาณสองชั่วโมง

ก่อนอื่นก้มมองโต๊ะเขียนแบบ ภาพการ์ตูนวางทับไว้ ปิศาจทศพลโชเฟอร์โผล่นอกหน้าต่าง หลอกวิชชุวารที่ตระหนกตกใจสุดขีด ความคิดนี้ประยุกต์จากข่าวสยดสยองทางสื่อสารมวลชน รชตะฉีกแผ่นการ์ตูนเป็นสองท่อน ขยุ้มทิ้งตะกร้าพลาสติก

*******************

เก่งกาจเป็นหนุ่มใหญ่ลูกจีนวัยสี่สิบห้า ขาวท้วมหุ่นสันทัดไม่ลงพุง กิริยาอาการปราดเปรียวแบบนักธุรกิจยุคใหม่ไฟแรง จับสื่อกระแสต่างๆ ที่ตนเกี่ยวข้องด้วยไม่พลาด เขาไม่ชอบพูดมาก แต่เมื่อลั่นสัจจะแล้ว คำไหนคำนั้น เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง รักนับถือเขา

สถานที่ทำงานของเก่งกาจอยู่ชั้นสามของตึกแถว ห้องปรับอากาศ ประกอบด้วยโต๊ะเก้าอี้ชุดรับแขกเล็ก สำหรับต้อนรับแขกวีไอพี.

ขณะนี้เก่งกาจกำลังเจรจาความกับสองนักวาดภาพหนุ่มโสด

“ เงื่อนไขของผม คุณพอใจหรือเปล่า? ”

รชตะอ้ำอึ้ง ยิ้มกะเรี่ยกะราด ปกรณ์ใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างเชิงเตือน

“ พอใจครับ แต่ผมเกรงว่าจะทำงานให้คุณไม่สำเร็จ ”

“ ทำไมล่ะ? ”

“ หนึ่ง- งานก้าวแรก ประเด็นที่สอง- ผมไม่ทราบว่าจะหาเค้าโครงเรื่องที่ไหน ”

“ ว้าว! ” เก่งกาจอุทานราวกับหนุ่มวัยจ๊าบ “ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในตัวเอง เราก็จะทำอะไรล้มเหลวทั้งหมด ขนาดผมเป็นนายทุนยังยอมเสี่ยงเลย เห็นภาพลายเส้นที่คุณวาด ผมพอใจมากเชื่อว่าคุณจะเป็นนักเขียนการ์ตูนมือทองในอนาคต หากว่าไม่ล้มเลิกเสียก่อน ”

“ วิสัยทัศน์ของคุณกาจกว้างไกล ”  ปกรณ์กล่าวเสริมขึ้น “ จับกระแสอะไรแล้ว ตรงเผง ”

“ คุณกรณ์ ยอผมต่อหน้าต่อตาเชียวรึ? ”

“ ผมพูดตามความจริงฮะ ”

“ ตกลง เสี่ย ”

“ ไม่เอาน่า อย่าเรียกผมเสี่ย ” เขาฉีกยิ้มกว้างกระพุ้งแก้มหนาทำให้แลดูหน้าอ้วนกลม “ ฟังเหมือนกับว่าอยู่ระดับชั้นเหนือคนอื่น ผมชอบอะไรที่เรียบง่าย…เท้าติดดิน สามารถถลกแขนเสื้อทำงานร่วมกับลูกน้อง ”

“ จะให้ผมเริ่มทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ? ”

“ เดี๋ยวนี้เลย สองเล่มจบ ยาวเท่าหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ผมให้คุณตะดูตัวอย่าง สมมุติว่ามันฮิต เราก็จะมีภาคสอง-สาม-สี่ ไปเรื่อยๆ แบบหนังที่ทำเงินของฮอลลีวูด อย่าห่วงค่าลิขสิทธิ์พิมพ์ครั้งที่สอง สาม ฯลฯ ผมจ่ายตามระเบียบ ไม่ตุกติกมุบมิบเหมือนบางสำนักพิมพ์ ”

“ เพื่อนผมกังวลเกี่ยวกับเค้าโครงเรื่อง ”

เก่งกาจแปรสายตาทางชายหนุ่มหล่อคิ้วดกเข้ม

“ ซื้อรายวันสักสอง-สามฉบับ อ่านข่าวฆาตกรรมโหด เอามาดัดแปลงประยุกต์เป็นนิยายการ์ตูน ครั้งแรกคุณยังไม่คล่อง ควรเขียนเรื่องย่อไว้อ่านส่วนตัว นิยายภาพจะได้ไม่เฉไฉ น้ำท่วมทุ่ง ”

ครู่หนึ่ง สองชายหนุ่มก็ลงมาจากออฟฟิศตึกแถว รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านขาประจำของปกรณ์ รชตะรสนิยมคล้ายเพื่อนรุ่นพี่ อาหารต้องอร่อย ตบแต่งสวย สะอาด จะไม่เข้าร้านที่ผู้ขายดูซอมซ่อสกปรก

“ นับว่าแกดวงดีที่ได้ร่วมทีมเวิร์คกับคุณกาจ ”

“ เรายังไม่กล้าดีใจ จนกว่างานชิ้นแรกจะเสร็จเรียบร้อย ” ชายหนุ่มตักน้ำต้มยำกุ้งคลุกข้าว “ ฉันจะต้องตั้งนามปากกา ยังนึกไม่ออกเลย กรณ์ช่วยคิดบ้างเซ่ ”

สหายคู่หูมองโน่นมองนี่สักประเดี๋ยว บังเอิญหนุ่มฉกรรจ์แต่งชุดยีนส์เดินเข้าร้าน สวมแหวนเงินฝังพลอยหินไข่นกการเวกสีฟ้าขุ่น

“ เงินยวง ถูกโฉลกกับชื่อแกด้วย ”

“ โอเค ”

รชตะดีดมือเปาะ

เด็กสาวร่างระหงเข้ามาสั่งอาหารสอง-สามชนิด ตวัดหางตาผ่านสองหนุ่มโสดแล้วเมินมองไปทางอื่น เมื่อหล่อนออกจากร้าน ปกรณ์กระซิบให้ข้อมูล

“ กิรดาลูกสาวคุณกาจ เรียนมหา’ลัยเอกชน เย่อหยิ่งชะมัด อย่างเราๆ เธอไม่มองหรอก ”

มันเป็นงานชิ้นแรก ระดับบุกเบิก หินที่สุด รชตะอ่านข่าวฆาตกรรมหลายหลาก นำมาประยุกต์ปรุงแต่ง เขียนเค้าโครงเรื่องย่อ ให้ปกรณ์ช่วยอ่านตัดสิน

“ ข้าว่ามันจับฉ่ายว่ะ ไอ้โน่นนิดไอ้นี่หน่อยผสมผเส ผีตลกเพี้ยนๆ เสียมากกว่า ไม่ค่อยจะน่ากลัวเท่าไหร่ ควรจับเอามาเป็นเรื่องๆ แล้วยำดัดแปลงให้มันสนุก ยกตัวอย่าง เช่น นางนาคพระโขนง ”

ผู้ฟังเกาท้ายทอยแกรก หน้าหล่อคิ้วหนาดำเป็นปื้นยู่ยี่ อ่านข่าวฆาตกรรมคร่าวๆ รอบสอง พูดแบบไม่มั่นใจ

“ สาวสิบหกชื่อแดงต้อย ถูกข่มขืนฆ่ากลางทุ่ง ตำรวจมืดมน ยังไม่ได้เบาะแสแก๊งฆาตกร ”

“ เออ.. ยอดเยี่ยมโว้ย ”

คู่หูที่นอนเขลงบนเดียงร้องสนับสนุน

“ ตัวละคร ข้าจะเลือกคนที่เรารู้จักในชีวิตจริง แต่จะเปลี่ยนชื่อใหม่ แม้เจ้าตัวบังเอิญอ่านพบก็ไม่รู้ เช่น วิชชุวารเปลี่ยนเป็นชุลี ”

“ อือม์… ไม่เลวว่ะ แต่คุณกาจห้ามแตะต้อง ”

ปกรณ์นอนหลับไปแล้ว โคมไฟที่โต๊ะเขียนแบบตัดแสง พื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องสลัวเลือน อุปกรณ์แห่งการวาดเขียนมีครบครัน ไม่ว่าจะเป็นดินสอดำเกรดต่างๆ ดินสอซิลเวอร์ พอยท์ ปากกาสำหรับวาดภาพ ปากกาลูกลื่นชนิดพิเศษ ปากกาเขียนแบบ หมึก สี เบลนดิ้ง สตัมป์ หรือเครื่องช่วยให้เกิดความกลมกลืน ฯลฯ

รชตะเขียนเค้าโครงเรื่องย่อ พนมมือทั้งดินสอระลึกถึงพระพิฆเนศวร เทพเจ้าแห่งศิลปะศาสตร์ แล้วพึมพำติดตลก

“ ตอนนี้วินเซ็นต์ แวนโก๊ะห์ กำลังจะเขียนการ์ตูน งานจ๊อบ ”

ชักจะเพลียๆ แถมง่วง ตั้งใจว่าจะหลับเสียสักงีบ ค่อยลุกขึ้นมาวาด อย่างไรก็ตาม เขาลองสาธิตภาพปิศาจสาวรุ่นแดงต้อย

เอนกายระนาบบนเตียงเล็ก ครู่เดียวรชตะก็หลับผล็อย รู้สึกว่าตนเองหมุนเคว้งคว้างไปสู่อีกมิติหนึ่ง ขนลุกเกรียวจนหนาว แว่วเสียงระฆังเหง่งหง่างไกลลิบ ค้างคาวบินพึ่บพั่บ นกฮูกครางฮือ สุนัขหอนวู้ คนพูดซุบซิบ ผสมกับเสียงหัวเราะแหบๆ วังเวง

“ ตะก้าวเข้ามาเลย พวกเราขอต้อนรับ เราเป็นมิตรแท้ของคุณ ”

ความเคว้งคว้างจับต้นชนปลายไม่ถูก ค่อยรวมตัวหยุดนิ่ง รชตะได้กลิ่นสาบสางตลบ เงาดำรูปผู้หญิงยืนอยู่ด้านหัวเตียง สิ่งที่ค่อนข้างจะชัดเจนในดวงหน้าน่าเกลียดก็คือ นัยน์ตาโปนถลน

เขาพยายามจะขยับลุกขึ้น แต่อนิจจา… ไม่อาจกระดิกกระเดี้ย กล้ามเนื้อทุกส่วนชาดิกดุจเป็นอัมพาต

“ ฉันชื่อแดงต้อยจ้า…  ” เสียงแหลมหยาดเย็นปานจะเจาะลึกถึงกระดูก “ ขอบคุณที่คุณทำให้ฉันมีโอกาสอีกครั้ง ฆาตกรข่มขืนทั้งหมดเจ็ดคน ตามเรื่องย่อสามคนผิด ไอ้หัวโจกนั่นบวชพระอยู่ ”

แวบ!

ปิศาจอันตรธาน

“ เอิ้บ! ”

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ตื่นจากภวังค์ สั่นศีรษะขับความมึนงง

ตรวจภาพสเก็ตช์ภูตสาววัยรุ่น นึกทบทวนเหตุการณ์ในนิมิต ในที่สุดก็สรุปแง่วิทยาศาสตร์

“ ผีเผอที่ไหนกัน เราไม่เชื่อ หมกหมุ่นกับเรื่องการ์ตูนมาก ประสาทหลอน ก็แค่นั้นเอง ”

*******************

วิชชุวารกับกิรดากินพิซซ่าในฟู้ดช็อปปะปนกับพวกวัยรุ่น วัยจ๊าบ หรือผู้ที่มีรสนิยมไฮโซ ถือคติว่าขืนกินพิซซ่าไม่เป็นจะตกรุ่นเชยแหลก

สองสาวเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย คณะเศรษฐศาสตร์ สนิทสนมกลมเกลียว ไปไหนด้วยกันเสมอ มีอะไรก็ปรึกษาหารือ แม้กระทั่งเรื่องบุรุษเพศ

กิรดาผิวขาวผ่อง เพื่อนจึงตั้งชื่อล้อเลียนว่าแม่เต้าหู้ ส่วนวิชชุวารผิวคล้ำกว่าหน่อย สูงโปร่ง ทรวดทรงนางงาม พอที่จะเป็นนางแบบอินเตอร์

“ ชุจ๊ะ คุณพ่อฉันมีโครงการจะผลิตหนังสือการ์ตูนไทย ซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุ่นไม่ไหวราคาแพงเฉียบ ต้องประมูล แถมยังไม่ได้เรื่องที่ฮิต สำนักพิมพ์อื่นแย่งเอาไปเสียก่อน ”

“ ก็ดีนี่จ๊ะ ไทยสนับสนุนไทยเงินทองไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ ”

“ วันก่อนช่างวาดการ์ตูนมาสมัคร ชื่ออะไรก็ไม่รู้ หนุ่มอายุสักยี่สิบสี่-ยี่สิบห้า หล่อเฟี้ยว มองหน้าต้องเห็นคิ้วก่อน เหมือนนักร้องวัยรุ่นที่โฆษณา ใบหูยื่นกระดิก กลายเป็นหน้าลิง ”

“ ดาสนหนุ่มรูปหล่อ ”

วิชชุวารแซว คู่สนทนาป้องปากหัวเราะ

“ ฉันแค่มองผ่านๆ คล้ายกับเห็นอะไรที่สีสันฉูดฉาดสะดุดตาก็มองแวบหนึ่ง ผู้ชายที่เราและคุณพ่อยอมรับต้องอยู่ในระดับเดียวกัน หรือไม่เขาก็อยู่สูงกว่าเรา ”

หลานสาวของเฉิดฉวีไม่ระแวงแม้แต่น้อยว่า หนุ่มนักวาดเขียนที่กิรดากล่าวขวัญถึงคือ รชตะคู่ปรับ

วันนั้น แยกจากเพื่อนสาว หล่อนขึ้นรถปรับอากาศ เย็นสบาย ปราศจากกลิ่นท่อไอเสีย ภายนอกผู้คนสัญจรสับสนที่ฟุตปาธ เรื่องราวของรชตะไม่วายผุดขึ้นในห้วงนึก

“ สารรูปโทรมเชียว ยังไม่วายยโสโอหัง เขาไม่มีดีที่จะอวด แต่ชอบอวดดี ”

ถึงบ้านค่ำ ผ่านเข้าประตูรั้ว รวีรุ้งขวางสกัดญาติสนิท

“ พี่ชุ อนุญาตให้สาวรุ่นพักอาศัยที่ห้องหรือคะ เป็นเด็กบ้านนอกหน้าซี้ด-ซีด เมื่อกี้รุ่งแอบมอง เธอหลบวูบแอบซอกตู้ ”

“ เปล่าจ้ะ ”

“ งั้นเราไปดูด้วยกัน ”

ผลการพิสูจน์ ปรากฏว่าไม่มีผู้อื่นแปลกปลอม รวีรุ้งเหลียวลอกแลก ยิ้มจืดชืด

“ แหม, รุ้งไม่น่าจะตาฝาด ”

ตามปรกติวิชชุวารมักจะนอนประมาณสักห้าทุ่มถึงเทียงคืน คืนนี้ก็เช่นกัน หล่อนนอนเก้าอี้ผ้าใบไนล่อน อ่านตำรากฎหมายพาณิชย์

ตาลาย หนังตาหนัก ชักจะเคลิบเคลิ้ม ขุมขนกรูเกรียว หนาวหนังศีรษะซู่

โอ..โน่นอะไรกันเล่า?

กลิ่นสาบสางตุๆ เน่าๆ กระจายตลบ ร่างหนึ่งปรากฏกายขึ้นค่อยๆ ชัดเจนราวหกสิบเปอร์เซ็นต์

สาวชนบทวัยกระเตาะ หน้าซีดอมเขียว ดวงตาเบิกโดกรอกกลิ้ง หล่อนสวมเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง เอ่ยเสียงแหลมหยาดเย็นวังเวง ฟังแล้วหัวใจอยากจะหยุดเต้น

“ หนูชื่อแดงต้อย… ขอมาอาศัยอยู่กับคุณค่า…. ”

 



Don`t copy text!