ตอนที่ 16 (จบ)
โดย : สำสา
เรื่องหลังโรงพยาบาล เรื่องสั้นโดย สำสา คุณหมอผู้ชื่นชอบการสื่อสารเเละถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตเเละธรรมชาติออกมาเป็นงานศิลปะ และครั้งแรกของเขากับงานเขียนในรูปแบบเรื่องสั้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านกัน เรื่องราวของ ‘หมอบุญเสก’ เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและการตายที่อาจมีเงื่อนงำ
ลับหลังมอเตอร์ไซค์ ชายสองคนผลุนร่างออกจากบ้านทางประตูหลังออกไปทางป่ายางตรงจุดที่พวกเขาเคยซุ่มอยู่ เงาสีดำทั้งสองเดินกึ่งวิ่ง มีเสียงสวบสวบจากการย่ำรอยเท้าบนใบยางแห้ง แล้วสุดท้ายทั้งเงาและเสียงก็เลือนหายไปพร้อมกัน…
รถฉุกเฉินมาถึงหน้าบ้านพักที่มีมอเตอร์ไซค์สามคันจอดอยู่แล้ว
เข้าไปในบ้าน พยาบาลอาวุโสพบว่าพ่อบ้านของโรงพยาบาลพร้อมกับลูกน้องหนึ่งคนกำลังยืนอยู่กับช่างไฟของโรงพยาบาลในขณะที่หญิงสาวผู้ช่วยพยาบาลนั่งชุดอยู่กับพื้นบันไดทางขึ้น ร้องไห้สะอื้นไม่หยุดข้างๆ ร่างของหมอบุญเสกที่นอนหงายอยู่บนชานพักบันได..ในบ้านตอนนั้นมันมืดเกินกว่าที่จะสังเกตเห็นว่ามีรอยเลือดหรือร่องรอยอะไรปรากฏให้เห็นชัดเจน
พยาบาลอาวุโสไม่มีเวลามาสอบถามว่าเหตุใดพ่อบ้านและลูกน้องอีกคนถึงได้มาปรากฏอยู่ในเหตุการณ์นี้ได้ ทั้งที่คนประสบเหตุก็มีเพียงช่างไฟซึ่งเพิ่งโทร.มาหาพวกเธอที่ห้องฉุกเฉินเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านไปเท่านั้นเอง เธอรีบรุดเข้าไปด้านข้างของร่างหมอ สั่งให้ช่างไฟส่องไฟฉายให้เธอในขณะที่เธอใช้นิ้วคลำชีพจรบริเวณคอและก้มลงใช้หูแนบหน้าอกด้านซ้ายเพื่อฟังเสียงหัวใจ เธอเขย่าตัวและตะโกนเรียกหมอบุญเสกอยู่พักหนึ่ง ผิวกายของหมอเย็นเฉียบในขณะที่เธอสัมผัสบริเวณคอและลำตัวของหมอ…ระหว่างที่ก้มเอาหูแนบหน้าอกเธอกลับได้ยินแต่เสียงหัวใจที่เต้นระทึกรัวของเธอเองเท่านั้น…
เธอหันหลังสั่งให้พนักงานขับรถฉุกเฉินซึ่งเตรียมเปลรอไว้แล้วขนย้ายร่างของหมอบุญเสกขึ้นไปบนรถฉุกเฉินทันที
เสียงพ่อบ้านตะโกนขึ้นบอกว่า
“พอพอ พอเถอะ ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ผอออตายเเล้ว”
สิ้นประโยค เหมือนเป็นคำสั่งให้คนขับรถและช่างไฟหยุดเคลื่อนย้ายร่างของหมอบุญเสกทันที
แม้พยาบาลอาวุโสจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำสั่งนี้ แต่เธอก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเคลื่อนย้ายร่างที่ดูเหมือนจะไร้สัญญาณชีพนี้ไปที่ห้องฉุกเฉิน
ข้างๆ ร่างของบุญเสกซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมีจดหมายสีขาวฉบับหนึ่งวางอยู่ ชั่วระยะเวลาที่พ่อบ้านและลูกน้องรวมถึงคนขับรถกำลังง่วนกับการโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับสถานีตำรวจ พยาบาลอาวุโสหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาใช้ไฟฉายส่องอ่านดูอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็รีบพับจดหมายกลับเข้าซองแล้วเก็บมันไว้กับตัวเธอ ส่วนหญิงสาวผู้ช่วยพยาบาลยังคงนั่งร้องไห้ไม่มีสติและไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ไฟในบ้านติดสว่างขึ้นมาอีกครั้งหลังจากช่างไฟแก้ไขที่แผงวงจร
พ่อของหญิงสาวมาถึงและยืนพูดคุยอะไรสักอย่างกับพ่อบ้านของโรงพยาบาล ในไม่ช้าร้อยเวรจากโรงพักก็มาถึง มีตำรวจลูกน้องตามมาอีกหนึ่งนาย ทั้งคู่ดูอะไรๆ อยู่ไม่ถึง 5 นาทีก็พูดกับพ่อบ้านโรงพยาบาลว่า
“ตกลงว่าตอนนี้ก็เคลื่อนศพไปเก็บได้เลย หลักฐานการเสียชีวิตชัดเจนเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร คงไม่ต้องทำเรื่องชันสูตรให้มันยุ่งยาก”
“เอาตามนั้นครับผู้กอง พรุ่งนี้ผมค่อยโทรไปแจ้งญาติแล้วจะโทรหาแพทย์ใหญ่”
“ครับพ่อบ้าน ตกลงตามนั้น เอาเป็นว่าหากญาติมีข้อสงสัยเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตก็ให้โทรหาผมที่โรงพักก็แล้วกัน ผมฝากเบอร์เอาไว้ให้”
ร้อยเวรเขียนเบอร์โทรศัพท์ใส่กระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ แล้วยื่นให้กับพยาบาลอาวุโส เธอเก็บมันไว้ในกระเป๋าตรงชายเสื้อพร้อมกับจดหมายฉบับสีขาวที่เธอได้มาจากข้างๆ ร่างของหมอบุญเสกเมื่อครู่นี้
…สิ้นเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของหญิงสาวชู้รัก
บุญเสกนึกขึ้นได้ว่า มีตะเกียงไฟฉายตัวหนึ่งอยู่ตรงมุมห้อง เขาเดินโขยกเขยกไปหยิบตะเกียงแล้วเปิดไฟซึ่งสว่างพอที่จะมองเห็นอะไรอะไรอย่างเลือนๆ
เขากังวลอยู่กับจดหมายของน้อยหน่าที่เสียบอยู่ตรงหน้าอกตอนนี้
เขากลัวว่าจะมีใครในโรงพยาบาลไปบอกเรื่องนี้กับน้อยหน่าและคาดเดาว่าเนื้อหาในจดหมายน่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุของความรักในครั้งนี้
แต่ต่อให้น้อยหน่าจะระแคะระคายในเรื่องที่ว่า มันยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่อย่าว่าแต่จะบอกให้น้อยหน่ารู้เลย เขาไม่กล้าจะบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้แม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ
เขาติดเชื้อเอชไอวีจากหญิงสาวชู้รัก!
บุญเสกรวบรวมความกล้าซึ่งเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเหมือนแสงไฟของตะเกียงที่ริบหรี่อยู่ในขณะนี้
เปิดจดหมายออกอ่านด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเขาค่อยค่อยพับจดหมายนั้นกลับเข้าไปในซอง เสียบมันไว้ตรงกระเป๋าเสื้อยืดหน้าอกด้านซ้าย เขากลับไปนั่งที่ปลายเตียง เพียงเเค่ไม่นาน
เขาก็ลุกขึ้นอีกครั้งนึง คราวนี้เขาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วค้นหาอะไรบางอย่างที่ จงใจแอบเอาไว้ในชั้นใต้สุด…
มันเป็นไซริงก์ขนาด 10 ซีซีที่บรรจุสารใสๆอยู่ข้างในมีเข็มฉีดยาติดอยู่ตรงปลายพร้อมใช้งาน!
พี่บุญ
หนูไม่สบายมาเดือนกว่า
อาจารย์ที่โรงพยาบาลตรวจแล้วหนูติดเชื้อเอชไอวี
พี่ควรต้องรีบไปตรวจนะ
รัก
น้อยหน่า
หลังจากไปใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในพื้นที่ใกล้กับโรงพยาบาลที่บุญเสกเคยอยู่ พยายามสืบหาข้อมูลและสรุปเรื่องราวเท่าที่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งจะทำอะไรเพื่อเพื่อนได้
แม้ว่ามูลเหตุจริงๆ นั้นมาจากการที่รู้สึกข้องใจว่าทำไมเราถึงได้ฝันถึงเพื่อนคนนี้บ่อยนัก จนสุดท้ายก็ให้ข้อสรุปกับตัวเองหรือกับเพื่อนๆ ในยามที่พูดคุยถึงเรื่องนี้ว่า บุญเสกคงไม่ได้เสียชีวิตด้วยเพราะอุบัติเหตุ
แล้วผมก็ไม่เคยฝันถึงบุญเสก หรือหากจะคิดอีกแง่มุมหนึ่งก็คือบุญเสกไม่เคยมาเข้าฝันผมอีกเลย
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งผู้คนมากมายที่เกี่ยวข้องหรือแม้กระทั่งบุญเสกและน้อยหน่า ถ้าไม่เป็นเพราะว่าผมได้พบกับน้อยหน่าเมื่อไม่นานมานี้
เธอยังเป็นหมอฟัน แลดูสดใสแข็งแรง และน่าจะมีความสุขตามที่เธอได้บอกกับผม หลังจากที่ได้พบกันโดยบังเอิญในขณะที่เธอและสามีใหม่กำลังเดินอยู่ในถนนคนเดินแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง
ผมรู้สึกดีใจที่ได้เจอกับเธอในชาตินี้ แทนที่จะเป็นชาติหน้า