ตรวนใบจาก บทที่ 10 : ข้อสงสัยของโบตั๋น

ตรวนใบจาก บทที่ 10 : ข้อสงสัยของโบตั๋น

โดย : ฉาย แสงเพชร

Loading

ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา

ยายไม่ได้เรียกหาเธอในฐานะโบตั๋นจริงๆ ด้วย

ตอนที่เธอเดินเข้าไปนั้น ยายกำลังเอะอะอาละวาดเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมาอีกแล้ว พอเธอเดินเข้าไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง ยายหันขวับมา พูดกับเธอเสียงขุ่น

“บ๊วย แมะบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าไปสนิทสนมกับไอ้ใบจากจนเกินงาม ทำไมแมะบอกแล้วไม่เชื่อ คบกับผู้ชายมีแต่ตัวจะเสียใจ”

“ยายคะ แต่นั่น…” โบตั๋นพยายามจะบอกว่าคนที่อยู่ที่นี่ ตรงนี้ ไม่ใช่กิมบ๊วยกับใบจากอีกแล้ว เป็นอีกคนที่แทบไม่รู้จักสองคนในอดีตนั้นเลย แต่ไม่ทัน เสียงของยายดังแทรกขึ้นก่อน

“อย่านึกว่าไม่รู้นะ ครูบอกแมะ ใบจากมันเข้ามาตีสนิทอีกใช่ไหม แล้วบ๊วยกำลังใจอ่อนให้มันอีก เชื่อแมะ ผู้ชายคนนี้ไม่เหมาะกับบ๊วย”

“ค่ะๆ”

ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับปากไปเพื่อให้ยายที่พูดจนเริ่มเหนื่อย สงบลงเสียที หันไปมองหน้าจักรวาลที่ยืนทำหน้าพิกลอยู่ที่ประตูบ้าน ผู้ชายคนที่ยายเรียกว่าใบจากคนนี้น่ะไม่เหมาะกับเธอแน่ละ ก็ในเมื่อเธอแต่งงานแล้ว มิหนำซ้ำ เธอกับเขายังสามารถนับญาติกันได้ ถึงจะไม่ใช่ญาติสายตรงก็ตาม แต่คนที่ชื่อใบจากคนนั้นล่ะ มีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับกิมบ๊วย แค่เพราะเขาคนนั้นยากจน หรือเพราะยายเห็นอะไรไม่ดีในตัวเขาอีก เจ้าชู้ หลอกลวง สุรุ่ยสุร่าย ติดการพนัน หรือใจจืดใจดำ ทำไมยายถึงไม่พูดมันออกมา

 

สองทุ่มแล้ว แต่โบตั๋นยังหลับไม่ลง ความหิวยังรบกวนอยู่ไม่เลิก เธอยังไม่ชินกับรสชาติกับข้าวจังหวัดตราด ที่ถ้าเผ็ดก็เผ็ดจนควันออกหู ไม่เผ็ดก็หวานจนเหมือนกล้วยเชื่อม เธอไม่ชอบทั้งสองรสเลยกินได้น้อย พอดีนึกได้ว่าเมื่อตอนกลางวันที่ลุงเต้งพาไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้าน เธอซื้อนมถั่วเหลืองมาตุนไว้หลายกล่อง เลยเดินไปในครัว เปิดไฟ เปิดตู้เย็นหยิบนมออกมา จึงหันไปเห็นจักรวาลที่กางเปลญวนอยู่ผงกหัวลุกขึ้นมานั่ง เธอเลยรีบพูดขึ้น

“ขอโทษที นึกว่านายหลับไปแล้ว”

“เชื่อแล้วใช่ไหมล่ะ ว่านายใบจากอาจไม่ได้เป็นคนผิด” จักรวาลกลับเสไปพูดอีกเรื่อง

“ยังไม่เชื่อ หลักฐานไม่พอ” โบตั๋นยืนยันคำเดิม “อย่างแรก ผู้หญิงใจเด็ดอย่างป้าบ๊วยที่กล้าฆ่าตัวตาย ไม่น่าเป็นคนโลเล อย่างที่สอง ผู้ชายที่หลอกผู้หญิงหาง่ายจะตายไป ผู้ชายที่โดนผู้หญิงหลอกน่ะเป็นส่วนน้อย”

“เหรอ” จักรวาลแกล้งลากเสียง “เคยเจอมาน่ะสิ”

“ก็คล้ายเรื่องของนายแหละ” โบตั๋นตอบสั้นๆ “แฟนคบกันตอนเรียน พอแยกย้ายกัน ฉันไปเรียนต่อ เขาไปทำงาน ก็ไปมีคนใหม่ จับได้ก็เลยเลิกกัน”

จักรวาลทำท่าเหมือนอยากซักต่อ แต่แล้วก็นิ่ง เปลี่ยนเรื่องพูดไปเสีย “ถึงยายสีไพลไม่ได้ฆ่าใบจากกับลูกสาว แล้วผัวสองคนนั่นล่ะ ทำไมไม่เชื่อ”

“เรื่องผัวคนแรก ไม่มีรายละเอียดอะไรสักอย่าง นอกจากคนอื่นมานินทาให้ป้าฟัง เขาอาจเลิกกันเอง หรือเขาอาจตายไปเองด้วยเรื่องอื่นก็ได้นี่ ส่วนตาน่ะ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ”

“พูดยังกะตาเห็น” จักรวาลไม่วายเยาะ

“นายไม่เคยคลอดลูกจะไปรู้อะไร” โบตั๋นเถียงทันที “ขนาดสมัยนี้การแพทย์พัฒนาทุกอย่าง ยังมีคนที่คลอดลูกแล้วตาย หมอช่วยไม่ทัน แล้วสมัยยาย คลอดกะหมอตำแย มันจะอันตรายแค่ไหนล่ะ”

“เกี่ยวอะไรกับคลอดลูก” จักรวาลขัดขึ้น

“ก็ตอนที่ตาตาย ยายยังอุ้มท้องแม่อยู่นี่ ยายจะกล้าฆ่าคนตอนที่กำลังตั้งท้องได้ยังไง คนรุ่นยาย เชื่อเรื่องผี เรื่องเวร เรื่องกรรม สารพัดจะถือ แกต้องกลัวบาปกรรมที่ฆ่าคนตามทันตอนคลอด ยังไงก็ไม่กล้าทำตอนท้องอยู่แน่นอน มันต้องมีเบื้องหลังที่คนอื่นไม่รู้อีกสิ”

จักรวาลนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด “ก็เป็นไปได้ แล้วอะไรคือเบื้องหลังที่ว่าล่ะ”

“จะไปรู้…” โบตั๋นพูดยังไม่ทันจบ เสียงดังโครมคราม ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายของยายแบบเมื่อคืนนี้ก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อน

“นังบ๊วย อีลูกดื้อ แมะบอกทำไมไม่เชื่อ”

ทั้งคู่เลยอยู่ไม่ได้ รีบออกไปยังห้องโถงที่ยายนอนอยู่ พร้อมกับเสียงป้ากิมเหมยเปิดประตูห้องออกมา

 

เสียงลากตรวนดังมาอีกแล้ว เสียงดังแกรกๆ เหมือนเสียงลากใบจากที่แห้งแล้วไปกับพื้น ยายสีไพลที่นอนอยู่ถึงกับผวา เหลียวมองไปรอบกาย มีแต่ความมืด ไม่เห็นอะไรเลย เสียงลากตรวนนั้นดังมาจากไหนกันหนอ ไม่มีวี่แววของผู้ลาก นอกจากเสียงหัวเราะเยาะเย้ยที่สะท้อนก้องกลับไปกลับมา

“สีไพล ยายบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าใช้วิชาของยายแล้ว เอ็งจะต้องไม่เสียใจ ตอนนี้เอ็งเสียใจอยู่รึเปล่า”

ยายสีไพลคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงตามสัญชาตญาณ ปากพึมพำเบาๆ ว่า ไม่เสียใจ ซ้ำกันอยู่อย่างนั้น แล้วภาพเหตุการณ์ในอดีตก็หวนคืนมาสู่ความทรงจำ…

“สีไพล ขอเงินให้พี่หน่อยไม่ได้หรือ เดี๋ยวนี้ไปได้ผัวใหม่เป็นเถ้าแก่แล้วนี่ จะไม่มีเงินติดตัวเทียวรึ” บุญเพิ่ม สามีคนแรกของหล่อนที่หวนมาเจอกันอีกหลังจากเลิกกันไปร่วมสิบปี พอเจอหน้า ก็ทิ้งสันดานเก่าไม่ได้

“ไปให้พ้นเลยนะ พี่เพิ่ม เลิกกันก็คือเลิกกัน อย่ามาทำให้ฉันเดือดร้อน ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยพี่ไว้แน่”

“อย่านึกว่าการที่ฉันยอมให้แกมาลอยหน้าลอยตาเป็นสะใภ้ในบ้านนี่ ฉันจะยอมให้แกขัดขวางความก้าวหน้าของลูกฉันได้ คนป่าคนดงอย่างแก ดีแต่มาเกาะลูกฉันกินเท่านั้นแหละ” นี่ก็คือคำพูดของมารดาของกิมเจ็ก สามีคนที่สองของเธอ ที่ขึ้นเสียงกับเธอแบบนี้ทุกครั้งเมื่อไม่ได้อย่างใจ

“แมะจะคิดอย่างนั้นก็แล้วแต่แมะ ครอบครัวของฉัน ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำลายมันเด็ดขาด นอกจากจะข้ามศพฉันไปก่อน”

 



Don`t copy text!