ตรวนใบจาก บทที่ 18 : กลับมาก่อน…กิมบ๊วย

ตรวนใบจาก บทที่ 18 : กลับมาก่อน…กิมบ๊วย

โดย : ฉาย แสงเพชร

Loading

ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา

มาอีกแล้ว มาที่นี่อีกแล้ว ยายสีไพลรำพึงกับตนเองด้วยความหวาดหวั่น พอหลับตาลงครั้งใด จิตก็จะประหวัดไปถึงบ้านหลังเก่าของเธอ วันนั้น วันที่เธอรู้สึกว่ากิมบ๊วยหายหน้าไป ไม่ยอมออกมาจากห้อง เธอจำได้ เหตุการณ์จริงมันเป็นช่วงบ่าย แต่ในฝันของเธอยามนี้กลับเป็นเวลากลางคืน เธอถือตะเกียงเดินตามหากิมบ๊วย เดินไปจนถึงหน้าห้องนั้น ห้องที่เธอล็อกแม่กุญแจไว้ด้วยมือตัวเอง ไม่อยากเข้าไปเห็นอีก แต่วันนี้ แค่เธอเดินมาหยุดที่หน้าห้อง แม่กุญแจพลันเลื่อนหลุดลงมาเอง ล่อหลอกให้เธอเปิดเข้าไป

เหมือนเช่นทุกครั้ง เธอไม่อาจหักห้ามใจได้ เธอผลักประตูเข้าไปทุกครั้ง เพื่อจะพบร่างลูกสาวของเธอ นอนนิ่ง น้ำลายฟูมปาก ตัวเขียวคล้ำ ดวงตาไร้แววนั้นเหลือกลาน จ้องมาทางประตู ราวกับจะประณามเธอเหมือนเช่นยามที่เจ้าตัวยังมีชีวิต วนเวียนซ้ำซากอยู่เช่นนั้นจนลมหายใจสุดท้าย ในชีวิตจริง เธอเลือกที่จะรับมือกับความเสียใจด้วยความเงียบ ด้วยความไม่ใส่ใจ เก็บซ่อนน้ำตาทุกหยาดไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ในโลกของความฝันเช่นนี้ เธอทำไม่ได้ เธอได้แต่ทรุดกายลง ร่ำไห้ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

“กลับมาก่อน กิมบ๊วย กลับมาหาแมะก่อน อย่าทิ้งแมะไป”

ในห้วงความฝัน ยายสีไพลกระสับกระส่ายด้วยความเสียใจ ที่เห็นภาพวันที่ลูกสาวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในห้วงของความตื่น คนที่กระวนกระวายที่สุดคือกิมเหมย เธอเป็นห่วงหลานสาวที่ต้องรีบขับรถเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่เย็น ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนขนาดไหน ป่านนี้จะไปถึงหรือยัง และเพราะยายสีไพลเรียกโบตั๋นว่ากิมบ๊วยตลอดตั้งแต่เห็นหน้า พอได้ยินยายสีไพลร้องเรียกกิมบ๊วยตลอดเวลาแบบนี้ เธอยิ่งกังวลว่าจะเป็นลางไม่ดีหรือเปล่า

“โทรหาโบตั๋นหน่อยดีไหมจักร ป่านนี้ถึงหรือยัง ป้าเป็นห่วง”

“ป้าจะห่วงเขาไปทำไม อยากอวดเก่งขับไปเอง บอกให้ค้างสักคืน ค่อยไปพรุ่งนี้เช้าก็ไม่เชื่อ”

กิมเหมยบุ้ยใบ้ไปทางยายสีไพล “ป้ากังวล กลัวมันจะเป็นลาง รู้ไหม แมะไม่เคยเรียกหาเจ๊บ๊วยแบบนี้เลยนะ ตั้งแต่แกเห็นเจ๊บ๊วยตาย ไม่รู้ว่ากิมบ๊วยที่แกเรียกหาตอนนี้ คือเจ๊บ๊วยหรือโบตั๋นกันแน่”

จักรวาลนิ่ง มันก็จริง ตั้งแต่ยายสีไพลมาอยู่ที่นี่ แกไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ไม่เคยร้องหาคนที่ชื่อกิมบ๊วยเลยสักที เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทร.หาโบตั๋น ทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงเที่ยงคืนอยู่รอมร่อ เมื่อเธอกดรับ น้ำเสียงของเธอฟังดูเครียด และเหมือนจะมีเสียงเด็กร้องไห้แว่วเข้ามาในโทรศัพท์ด้วย

“ป้าเหมยให้โทรถาม ว่าถึงบ้านหรือยัง ป้าเป็นห่วง”

“ถึงแล้ว”

“มีปัญหาอะไรไหม”

“นิดหน่อย แค่นี้นะ”

แล้วโบตั๋นก็กดวางสายไป พร้อมกับหายไปจากการรับรู้ของคนที่คลองมะยม เหมือนกับว่าเธอไม่เคยไปเยือนมาก่อน

 

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า อาการของยายสีไพลยังทรงๆ พอตกกลางคืนก็เรียกหากิมบ๊วยให้กลับมาอยู่เช่นนี้ทุกคืน จักรวาลร่ำๆ จะโทร.ไปตามโบตั๋นกลับมาหลายครั้ง แต่กิมเหมยห้ามไว้ สิ่งที่จักรวาลสุดแสนเสียดายคือกุญแจบ้านยายสีไพลนั้น ตอนนี้ติดกระเป๋าถือของโบตั๋นไปกรุงเทพฯ ด้วย ปิดโอกาสที่เขาจะไปสืบค้นเรื่องราวที่นั่นไปเสียสนิท

ปมประเด็นสงสัยในใจเขาอยู่ที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของกิมเจ็กหลังจากกิมฮกตาย ความขัดแย้งมีแค่ยายสีไพลงก คิดจะฮุบสมบัติของครอบครัวมาจริงๆ หรือ แล้วทำไมถึงมีคนคิดว่ายายสีไพลเป็นคนฆ่ากิมเจ็ก ความตายของกิมเจ็กย่อมทำให้สิทธิ์ที่ยายสีไพลจะได้สมบัติมายิ่งเป็นไปไม่ได้มากกว่าเดิม สมบัติย่อมตกทอดไปสู่น้องๆ ของกิมเจ็กอยู่แล้ว คำว่าเมียใหม่ที่ลุงบุญทิ้งแอบได้ยินมา มันคืออะไร หรือว่ายายสีไพลจำเป็นต้องฆ่า เพราะกิมเจ็กหลงเมียน้อย แล้วที่ยายสีไพลทะเลาะกับกิมบ๊วยน่ะ มีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องใบจากหรือเปล่า ทำไมกิมบ๊วยเลือกที่จะตาย ทำไมไม่เลือกหนีตามใบจากไป

ขณะที่จักรวาลกำลังนั่งคิดเพลินๆ ที่แคร่ใต้ต้นมังคุดหน้าบ้าน รถเก๋งสีคุ้นตาแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน จักรวาลจ้องมองอย่างคาดไม่ถึง โบตั๋น คนที่เขาเฝ้ารอว่าจะกลับมาที่นี่อีกไหม เปิดประตูลงมาจากรถ เพียงแต่คราวนี้เธอไม่ได้มาคนเดียว เธอพาเด็กชายวัยราว 5-6 ขวบมาด้วย และเมื่อจักรวาลลุกขึ้นยืนมอง โบตั๋นพาเด็กคนนั้นเข้ามาหา

“ไหว้ลุงจักรสิลูก เขาเป็นหลานของยายเหมย มีศักดิ์เป็นลุงของต้น”

เด็กชายตัวน้อยยกมือไหว้ด้วยท่าทางงงๆ แววตาของเด็กน้อยมีแววหวาดระแวงคนแปลกหน้าอยู่บ้าง จักรวาลรับไหว้พลางพิศดูหน้าเด็กชายคนนั้น มีเค้าหน้าคล้ายคนพามาเพียงเล็กน้อย คงเหมือนพ่อของเขามากกว่ากระมัง

“ลูกชายคุณรึ” จักรวาลพูดพลางเงยหน้ามองโบตั๋น “คิดว่าคุณจะไม่มาเยี่ยมยายแล้ว”

“ลูกฉันมีปัญหานิดหน่อย ฉันเลยกลับไปรับลูกก่อน” เธอพูดพลางก้มลงมองลูกชาย “ฉันพาลูกไปกราบทวดก่อนดีกว่า”

 

“เอ็งกลับมาแล้วจริงๆ กิมบ๊วย เอ็งกลับมาแล้ว”

สีหน้าของยายสีไพลดูสดชื่นขึ้นทันทีที่เห็นหน้าโบตั๋นอีกครั้ง และดูสนใจเด็กชายตัวน้อยที่มาไหว้ คุณทวดเป็นพิเศษ โบตั๋นบอกว่าเป็นลูกชายของเธอเอง ยายสีไพลถามถึงพ่อของเด็ก โบตั๋นบอกเพียงสั้นๆ ว่าเขาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ ยายสีไพลเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มอย่างพึงใจ

“แมะดีใจที่กิมบ๊วยเชื่อแมะสักที เห็นไหม ความรักมันกินไม่ได้ เลือกผู้ชายที่มีแต่ตัวมีแต่จะทำให้ครอบครัวลำบาก ไม่เหมือนนังกิมหลิว หนีตามผู้ชายมีแต่ตัวไป มีแต่จะไปอดตาย”

คำพูดของยายสีไพลเหมือนมือที่มองไม่เห็นมากดสลักระเบิดในใจของโบตั๋น ความเครียดเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของเธอ ที่ทวีขึ้นอย่างฉับพลันนับแต่วันที่เธอต้องกลับกรุงเทพฯ กะทันหัน ซ้ำยังไม่มีหนทางคลี่คลาย จนเธอต้องตัดสินใจพาลูกหลบมาชั่วคราว ทำให้เธอโพล่งพูดออกมาทันที

“ไม่จริงหรอกค่ะ ยายเอาแต่ใช้อคติส่วนตัวในโลกคร่ำครึของยายมาเที่ยวตัดสินคนอื่น ยายรู้ไหมคะ ชีวิตคู่ของแม่ที่ยายว่าหนีตามผู้ชายที่มีแต่ตัวไป กับของหนูที่แต่งงานกับผู้ชายที่ยายว่ามีหน้ามีตา มันไม่ต่างกันเลย ผู้ชายก็คือผู้ชายค่ะ สันดานไม่ต่างกัน ต่อให้ฐานะต่างกัน”

“เอ็งหมายความว่าอย่างไร”

“ก็หมายความตามที่พูดที่แหละค่ะ ยายอยากรู้ไหมล่ะคะ ว่าชีวิตของลูกสาวคนสุดท้องที่หนีไปจากยายเป็นตายร้ายดียังไง แล้วชีวิตของหนูเจออะไรมาบ้าง”

ยายสีไพลพยักหน้าทันที ป้ากิมเหมยกับจักรวาลพลอยขยับเข้ามาฟังด้วยความอยากรู้ไปด้วย

 



Don`t copy text!