ตรวนใบจาก บทที่ 23 : ห้องเลี้ยงผี

ตรวนใบจาก บทที่ 23 : ห้องเลี้ยงผี

โดย : ฉาย แสงเพชร

Loading

ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา

เพราะต้นกล้าเริ่มโยเย แสดงอาการหวาดกลัว อยากออกไปจากบ้านนี้เร็วๆ จักรวาลเลยชวนเขาเดินไปหาของกินที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ใกล้บ้านยายฉลอง ตัวเธอเพียงคนเดียวไขกุญแจเข้าไปในห้องที่ป้ากิมเหมยเรียกว่าห้องเลี้ยงผี ผิดคาดเล็กน้อยเมื่อหลอดไฟนีออนดวงเล็กในห้องสว่างขึ้น ไม่มีภาพของกะโหลกผี เกรอะกรังไปด้วยน้ำตาเทียนอย่างที่เห็นบ่อยๆ ในละคร มีเพียงภาพวาดของหญิงชราตั้งพิงข้างฝาด้านในสุดอยู่บนโต๊ะที่สูงจากพื้นพอประมาณ เมื่อเธอลงนั่งกับพื้น จะสูงประมาณอกของเธอได้ เบื้องหน้ารูปถ่ายมีขันน้ำ ในขันมีข้าวสารเก่าๆ ใบพลู ใบตองแห้งๆ อยู่ในนั้น อาจจะมีของอย่างอื่นอีก แต่เธอไม่รู้จัก ไม่อย่างนั้นก็เหี่ยวแห้งจนดูไม่ออก มีแก้วน้ำใส่ทราย มีก้านธูปเก่าๆ ปักไว้แน่น ชามเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาเทียน ด้านซ้ายของคนนั่ง มีธูป เทียน และตะเกียงที่น้ำมันแห้งไปแล้ว นี่นานเท่าใดกันที่ยายไม่ได้เข้ามาในห้องนี้

ใต้โต๊ะที่วางรูปนั้น มีกล่องใส่ของวางอยู่ 2-3 กล่อง เธอรีบเปิดดูอย่างอยากรู้ กล่องหนึ่งเป็นสมุนไพรแห้งๆ ที่เก่าเก็บ น้ำมันที่สกัดใส่ขวดเครื่องดื่มกระทิงแดงบ้าง เอ็ม 100 บ้าง หลายขวด นี่กระมังที่ใครๆ เคยว่ายายของเธอเป็นหมอ ยายคงเรียนด้านหมอยาพื้นบ้านมาบ้าง กล่องถัดไปเป็นสมุดเก่าๆ เขียนด้วยลายมือบรรจงแบบคนโบราณ เนื้อหาเกี่ยวกับการปรุงยา นี่คงเป็นตำรายาที่ยายได้รับมรดกมา สำหรับดอกเตอร์ทางเคมีอย่างเธอ นี่เป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่เธอสามารถนำไปต่อยอดทำวิจัยได้มากมาย รอให้เรื่องยุ่งๆ นี่จบลงก่อนเถอะ เธอจะลองขอกับป้ากิมเหมย เอาตำรายาของยายไปศึกษา

ถ้าสองกล่องแรกทำให้เธอพอใจกับสิ่งที่จะนำไปต่อยอดในวิชาชีพของเธอได้ กล่องที่สามต้องเรียกว่านี่คือขุมทรัพย์ที่เธอปรารถนา ภาพถ่ายวัยสาวของผู้หญิงคนหนึ่ง มีประพิมพ์ประพายคล้ายแม่ของเธอ มีตั้งแต่ขนาดภาพถ่ายติดในงานศพ ภาพใส่กรอบเล็กๆ 2-3 อัน และอีกภาพเป็นภาพขนาดภาพติดบัตรเก็บในถุงพลาสติก เห็นหน้าและรอยยิ้มสดใสนั้นชัดเจน ด้านหลังมีรอยดินสอเขียนไว้ว่า

          มอบให้เป็นที่ระลึกถึงกัน

                                    กิมบ๊วย

นี่เอง ภาพของผู้หญิงคนนั้น คนที่ยายคิดว่าเธอเป็นคนนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้า ผู้หญิงที่ชวนให้สงสัยว่า เธอมีข้อเคืองใจอะไรกับยาย ถึงกับเลือกความตายเป็นทางออกให้ชีวิต ในถุงเดียวกันนั้น มีกระดาษพับอยู่ในด้วย เธอค่อยๆ หยิบออกมาคลี่อย่างบรรจง ตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะเต้นออกมาอยู่นอกอก

เป็นจดหมายลาตายของป้ากิมบ๊วยจริงๆ!

          กว่าแมะจะได้เห็นจดหมายฉบับนี้ แน่นอนว่าหนูต้องได้ไปอยู่กับเตี่ย กับพี่ใบจากเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่ามันจะทรมานสักแค่ไหน แต่ถ้านี่เป็นเส้นทางที่คนที่หนูรักถูกบังคับให้ไป หนูก็จะไปด้วย ถ้าแมะจะมีความเสียใจอยู่บ้างที่เห็นหนูตาย ก็จงรู้ไว้ว่าเป็นเพราะแมะทำให้แม่ของคนอื่นต้องเสียใจที่เห็นลูกของเขาตายไปเหมือนกัน

โบตั๋นอึ้งไปกับตัวอักษรที่เห็น นี่ยายฆ่าตาจริงๆ หรือ โดยที่มีป้าบ๊วยเป็นพยานรู้เห็น และกลายเป็นเรื่องกินใจกันระหว่างแม่ลูก และเป็นเหตุให้การกีดกันความรักของยายเกิดผลที่ตามมาไม่เหมือนกัน ลุงเต้งเด็กเกินกว่าจะรู้เห็นความตายของพ่อ เขาจึงไม่นำประเด็นนี้เข้ามาโยง แต่กิมบ๊วยทำเพราะเธอรู้ แต่ เอ๊ะ แล้วเรื่องใบจากล่ะ ในปัจจุบันนี้ มีพยานมากมายที่จดจำได้ว่าใบจากเมา ตกน้ำตาย ไม่ได้ถูกยาเบื่อตายอย่างตา แล้วทำไมกิมบ๊วยถึงเชื่อว่าใบจากถูกยาเบื่อตาย จนเธอเลือกที่จะกินยาตายตามไปด้วย ทำไมป้าบ๊วยถึงรู้อย่างที่เธอเขียน แล้วสิ่งที่เธอรู้ มันเป็นความจริงทั้งสองเรื่องหรือเธอเข้าใจผิดไปเอง ใครล่ะจะบอกได้

สายลมเอื่อยพัดอ้อยอิ่งเข้ามาในห้อง พาให้กลิ่นเหม็นอับอวลไปทั้งห้อง ไม่รู้ว่าสิ่งใดกันแน่ ระหว่างความเครียดที่สะสมมาสารพัดเรื่อง อาถรรพณ์ของห้องที่ยายของเธอใช้ไหว้ผีบรรพบุรุษ หรือเพราะกลิ่นสมุนไพรเก่าเก็บบางตัวในกล่องนั้น สติของโบตั๋นค่อยๆ รางเลือน จนเธอฟุบลงไปที่หน้าโต๊ะตัวนั้น นิ่งสนิทราวกับวิญญาณออกจากร่าง

 

ไม่รู้ว่านานเท่าใดกว่าโบตั๋นจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีก เพียงแต่ตอนนี้ เธอไม่ได้นั่งอยู่ตรงหน้ารูปภาพที่โต๊ะนั้นอีกแล้ว เธอถอยมานั่งอยู่ริมประตู ตรงที่เธอนั่งอยู่ สตรีวัยผู้ใหญ่ผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ สัญชาตญาณบอกเธอว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือยายสีไพลในวัยสาว แผ่นใบจากขนาดที่ใช้มวนบุหรี่สูบแผ่นหนึ่งถูกม้วนแล้วคลี่ คลี่แล้วม้วนอยู่อย่างนั้นหลายรอบ ท่าทางของยายในตอนนี้ดูกระวนกระวาย กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก คำรำพึงเบาๆ ของยายแว่วมาให้ได้ยิน

“ฉันควรจะฆ่ามันดีไหมนะ ทำไมฉันต้องมาท้องตอนนี้ด้วย”

แล้วเสียงดังกึกดังขึ้นที่ด้านนอกประตู ทั้งเธอและยายสีไพลหันไปมองพร้อมกัน ดูเหมือนยายจะไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าเธออยู่ด้วย ด้านนอกประตู เธอเห็นแผ่นหลังของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งจากไป ท่าทางของยายตื่นตระหนกมาก เธอพูดเบาๆ

“นังบ๊วย นี่มันเห็นอะไรบ้าง”

ยายผลุนผลันออกจากห้องไปทันทีด้วยอาการร้อนรน เธอรีบผวาตามไปด้วยความอยากรู้ แต่พอก้าวพ้นประตูห้อง โบตั๋นรู้สึกว่าร่างของตัวเองลอยละลิ่วไป พอหยุดอีกที เธออยู่ในห้องที่จะเป็นห้องขนาดเล็กบนชั้นบนของบ้าน ในห้องนั้น ยายที่ดูแก่ขึ้นอีกราวสิบปี กำลังทะเลาะโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนกับสาวรุ่น ที่เค้าหน้าเหมือนภาพถ่ายที่ยายเก็บไว้ในห้องเลี้ยงผีไม่มีผิด

นี่แสดงว่าเธอกำลังเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ที่ยายกับป้าบ๊วยทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่ป้าบ๊วยจะกินยาฆ่าตัวตาย เธอยืนจ้องสองแม่ลูกในระยะที่ห่างเพียงเอื้อมมือถึง แต่ทั้งสองคนไม่มีท่าทีว่าจะมองเห็นเธอสักนิดเดียว เสียงโต้เถียงของทั้งคู่สะท้อนก้องถึงก้นบึ้งของหัวใจ

“บ๊วยไม่แต่ง บ๊วยบอกแมะกี่หนแล้วว่าบ๊วยไม่ได้ชอบไอ้เจ๊กนั่น บ๊วยไม่อยากเป็นสะใภ้เจ๊ก”

“ไม่ชอบเป็นเถ้าแก่เนี้ย แต่ชอบเป็นขี้ข้าใช่ไหม ไอ้ใบจากมันมีอะไร มีแต่ตัว แต่งไปมีแต่จะลำบาก”

เสียงประตูดังเอี๊ยดขึ้นขัดจังหวะ ใช่แต่โบตั๋นจะหันไป ทั้งสองแม่ลูกก็หันไปมองด้วยเช่นกัน ยายสีไพลบ่นอย่างหงุดหงิด พลางเดินออกไปนอกประตู เสียงฝีเท้าวิ่งจากไป ตามมาด้วยเสียงยายสีไพลตวาดสุดเสียง

“เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องออกมา ใครออกมา แมะจะตีให้ตาย”

ช่วงจังหวะที่ยายเดินออกไปจากห้องนี้เอง ที่โบตั๋นมีโอกาสพิศใบหน้าของป้าบ๊วยได้เต็มตา เค้าหน้าของป้าคล้ายแม่ของเธอก็จริง แต่ที่ต่างกันคือแววตา แววตาของป้าบ๊วยมีแต่ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ผิดกับแม่ของเธอที่มีแต่ความเศร้าหมอง หวาดกลัว เลือกที่จะทนมากกว่าที่จะก้าวไปให้พ้นปัญหา

“มะรืนนี้เตรียมตัวไว้ แมะบอกให้เขาส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ อย่าทำให้แมะเสียหน้า”

เมื่อเดินกลับมา ยายสีไพลยื่นคำขาดโดยไม่รอช้า แต่มีหรือที่กิมบ๊วยจะยอม

“ไม่มีทาง ถ้าแมะบังคับ บ๊วยจะหนีไปกับพี่ใบจาก”

“ฝันไปเถอะ ไอ้ใบจากมันไม่มีวันมาหาเอ็งอีกแน่นอน ลืมมันซะ”

“แมะพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แมะฆ่าพี่ใบจากเหมือนที่ฆ่าเตี่ยใช่ไหม”

เสียงดังฉาดสนั่นเมื่อฝ่ามือยายสีไพลกระทบใบหน้ากิมบ๊วยเต็มแรงจนร่างนั้นเซไป เมื่อหันหน้า ดวงตาของกิมบ๊วยลุกวาวราวกับงูพร้อมฉก เธอปราดไปคว้าบางอย่างออกมาจากหัวนอน เดินเข้ามาใกล้ ชูให้ยายสีไพลเห็นชัดๆ

“ขวดนี้ใช่ไหม ที่ทำให้เตี่ยตาย แล้วก็พี่ใบจากด้วยใช่ไหม ดี ในเมื่อมันทำให้คนที่บ๊วยรักต้องตาย บ๊วยก็จะตายเพราะขวดนี้แหละ”

สีหน้าของยายสีไพลดูตื่นตะลึงอย่างมาก จ้องขวดในมือลูกสาวเขม็ง “นี่แกไปขโมยมาจากห้องข้างล่างใช่ไหม แมะบอกแล้วนี่ว่าไม่ให้ใครเข้าไป”

“แมะกลัวคนจะรู้ว่าแมะโหดเหี้ยมแค่ไหนใช่ไหม ถึงไม่ให้เข้า ในเมื่อห้องนั้นมีแต่ของที่แมะใช้ฆ่าคน”

“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”

“ไม่ แมะนั่นแหละ ออกไป ถ้าแมะยังบังคับให้บ๊วยแต่งกับไอ้เจ๊กนั่น บ๊วยจะตายให้แมะดู”

สุดท้าย ก็เป็นยายสีไพลที่ยอมออกจากห้องไปด้วยอาการฮึดฮัด พอเสียงปิดประตูดังปัง ภาพทุกอย่างตรงหน้าของโบตั๋นพลันพร่าเลือนและลับหายไปในที่สุด

 

กินก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงหมดกันไปคนละชามก็แล้ว กินไอติมกะทิใส่ขนมปังหมดไปอีกคนละอันก็แล้ว ยังไม่เห็นวี่แววว่าโบตั๋นจะออกมาจากบ้าน จักรวาลเริ่มเอะใจ นี่แม่คุณจะรื้อหาหลักฐานทุกซอกทุกมุมในบ้านเชียวหรือ รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายกลัว อยากกลับจะแย่ ขณะกำลังคิดว่าจะเข้าไปตามดีไหมนั่นเอง เด็กชายก็สะกิดเขา

“ลุงจักรๆ เข้าไปตามแม่กันดีไหมฮะ ผมกลัวแม่ถูกผีในบ้านจับตัวไป”

แม้จะเป็นข้อสงสัยแบบเด็กที่กลัวผีเข้าขั้น แต่เพราะคิดตรงกัน จักรวาลจึงรีบพาต้นกล้าเข้าไปในบ้านทันที

ทันทีที่ก้าวเข้าประตูบ้านมา ต้นกล้าเกาะแขนเขาแน่นทันที สองตาสอดส่าย มองซ้ายมองขวาด้วยความกลัว จักรวาลขมวดคิ้วอย่างฉงน บ้านเงียบกริบ ไร้ความเคลื่อนไหวเหมือนไม่มีคนอยู่ เขาตะโกนเรียกโบตั๋นไป 2-3 ครั้ง ไร้เสียงขานรับ เขาตัดสินใจเดินตรงไปที่ห้องที่ป้ากิมเหมยเรียกว่าห้องเลี้ยงผี ซึ่งก่อนจะแยกกัน โบตั๋นบอกว่าจะไปดูในห้องนั้น และเมื่อเขาเดินมาถึงหน้าห้อง มองเข้าไป ก็ต้องร้องเรียกออกมาเต็มเสียง

“โบตั๋น เป็นอะไรไป!”

 

 



Don`t copy text!