พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 15.2 : ความทรงจำ

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 15.2 : ความทรงจำ

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

‘อัญ’ ร่างสูงใหญ่ของเชวัง ทินเลย์เห็นได้ชัดจากที่ไกล ดวงหน้าของเขาคมสัน ผิวคล้ำแดด นายแพทย์หนุ่มกวักมือเรียกหญิงสาว ‘ทางนี้’

อัญญาวีร์แหวกบรรดาผู้คน ตรงเข้าไปหาเขาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่

‘ดีใจด้วยนะคะ’

‘เสียดายที่แม่และครอบครัวของผมไม่ได้มาด้วย’ เขาพึมพำ

‘ฉันนี่ไงคะ…ครอบครัวของคุณ’ อัญญาวีร์พึมพำด้วยท่าทางเขินอาย ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะพูดอะไรทำนองนี้ออกมา

‘คุณพูดเองนะ’ เขาหัวเราะเห็นฟันขาวสะอาด

‘ค่ะ’ อัญญาวีร์พลอยหัวเราะไปด้วย

หลายปีที่ได้รู้จักกัน สร้างความสนิทสนมให้สองหนุ่มสาว จนอัญญาวีร์ยอมเปิดใจที่จะคบหากับเชวัง ทินเลย์แบบคนรัก

แน่นอนว่าคนทุกคนย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาก็เหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆ คือดีกันบ้าง มีทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วต่างคนต่างก็พยายามปรับตัวเข้าหากัน พอผ่านสองปีแรกไปได้ ทุกอย่างก็เริ่มจะราบรื่นขึ้น และเชวังก็พาเธอไปหาแม่ที่ภูฏาน

บ้านของเชวังอยู่ที่ซัมเซ แต่เพราะอัญญาวีร์มีเวลาพักร้อนไม่มากนัก เชวังเลยนัดให้แม่ของเขามาพบกับคนรักที่ทิมพู

โซเทน ทินเลย์ มารดาของเชวัง เป็นสตรีสูงวัยที่มีท่วงท่าสง่างาม รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา อัญญาวีร์รู้สึกประทับใจมารดาของเชวังตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ และโซเทนเองก็มีท่าทางพอใจอัญญาวีร์อย่างเห็นได้ชัด

ทั้งหมดใช้เวลาอยู่ที่ทิมพูด้วยกันอย่างมีความสุข เชวังพาอัญญาวีร์ไปลองชิมอาหาร สวมชุดพื้นเมือง และไหว้พระตามวัดต่างๆ พาไปพบเพื่อนๆ ของเขา ทำให้อัญญาวีร์ไม่เกิดความรู้สึกแปลกแยก

ก่อนเดินทางกลับบ้าน มารดาของเชวังยื่นผ้าพันคอที่ทอขึ้นจากขนจามรีให้กับอัญญาวีร์และบอกว่า

‘ฉันทอและปักลายเองกับมือ’

มารดาของเชวังชี้ให้อัญญาวีร์ดูดอกป๊อปปี้สีน้ำเงิน และมังกรตัวเล็กๆ ที่กางปีกบินอยู่บนท้องฟ้า

‘ป๊อปปี้เป็นดอกไม้ประจำชาติของเรา ถ้าวันหนึ่งหนูได้ไปซัมเซ ฉันอยากพาไปดูทุ่งป๊อปปี้ที่สวยที่สุดในภูฏาน’

‘แล้วมังกรนี่ล่ะคะ’ อัญญาวีร์ชี้

‘มังกรคือสัญลักษณ์ของภูฏาน’ มารดาของเชวังเล่า ‘คนภูฏานเรียกประเทศของตัวเองว่า Drukyul ดรุกยุล มีความหมายว่าดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า’

‘ภูฏานน่าอยู่มากค่ะ อากาศดี อาหารอร่อย ผู้คนเป็นมิตร’ อัญญาวีร์พูดจากใจจริง ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจอีกฝ่าย ‘หนูไม่แปลกใจเลยที่ภูฏานใช้ดัชนีความสุขบอกถึงความเจริญของประเทศ’

‘ถ้าชอบ ก็มาอยู่ด้วยกันสิ ฉันมีแต่ลูกชาย ไม่มีลูกสาว มาอยู่ที่นี่ มาเป็นลูกสาวแม่อีกคน’ โซเทนชวน และอัญญาวีร์ก็หันไปเลิกคิ้วกับเชวัง ทำปากขมุบขมิบถามเขาว่า

…นี่นายบอกให้แม่สู่ขอฉันแบบนี้เลยหรือ…

เชวังหัวเราะ หากไม่ได้แย้งมารดาของเขา

‘ให้เวลาอัญเขาหน่อยสิครับแม่’ ชายหนุ่มว่า

‘ได้สิ…มีเวลาคิดได้เต็มที่เลยนะหนู’ มารดาของเขาหัวเราะ ‘ถ้าลูกแม่ยังดีไม่พอ ก็หาหนุ่มคนอื่นที่ดีกว่าได้เลย’

‘แม่’ เชวังโวยวาย ‘แม่ไปพูดแบบนั้น เกิดอัญเขาหาแฟนใหม่จริงๆ ผมก็แย่น่ะสิ’

อัญญาวีร์ฟังแม่ลูกเถียงกันแล้วได้แต่หัวเราะ

‘ยังไงก็ขอบใจนะ…ตลอดเวลาที่เชวังอยู่เมืองไทย…มีหนูดูแลเป็นอย่างดี’ โซเทนไม่เถียงลูกชาย แต่หันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ

เชวังเป็นลูกคนเดียว ตระกูลทินเลย์เป็นหมอกันมาหลายชั่วคน พ่อของเขาเป็นหมอแผนโบราณ รักษาผู้คนด้วยสมุนไพร  ขณะที่ตระกูลฝั่งของแม่เป็นตระกูลทอผ้าที่มีชื่อเสียงของซัมเซ เชวังเป็นสมาชิกคนแรกของตระกูลที่เรียนแพทย์แผนปัจจุบัน เขาจบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยที่อินเดีย ก่อนจะมาต่อแพทย์เฉพาะทางที่เมืองไทย

บิดาของเชวังเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เชวังเล่าว่าวันนั้นพ่อของเขาออกไปเก็บสมุนไพร แล้วปะทะกับโจรที่เข้ามาขโมยของในวัด เลยเกิดการต่อสู้กันขึ้น และโชคร้ายพ่อของเขาถูกยิงเสียชีวิต…แต่โจรก็ไม่ได้อะไรกลับไป

โซเทนกลายมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวโดยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจล่วงหน้า เธอหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทอผ้าขาย เก็บเงินส่งเสียให้ลูกชายเรียนหนังสือจนจบเป็นหมอ ในวันแห่งความสำเร็จ อัญญาวีร์จึงเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มดีว่า เขาอยากให้มารดาและญาติๆ มาอยู่ มาถ่ายภาพด้วยกัน

วันนี้นับเป็นวันสำคัญของชายหนุ่ม กว่าจะมาถึงวันนี้ได้เขาต้องพยายามหนักกว่าเพื่อนแพทย์คนไทย เพราะเชวังจะต้องร่ำเรียนอ่านเขียนภาษาไทยจนชำนาญ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการฝึกอบรมของกรมการแพทย์  จนกระทั่งผ่านการอบรมสอบวัดความสามารถเสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอน นายแพทย์เชวัง ทินเลย์ก็ได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญ เป็นแพทย์ออร์โธปิดิกส์ มีความชำนาญในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับศัลยกรรมกระดูกและข้ออย่างเต็มตัว มีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่

และวันนี้ เชวัง ทินเลย์กำลังจะได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัย

มีแพทย์มากมายจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศมาชุมนุมพร้อมหน้าเพื่อเข้ารับประกาศนียบัตรแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ

โซเทน ทินเลย์มาไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้เธอเกิดอุบัติเหตุพลัดหกล้ม แม้ไม่มีอวัยวะส่วนใดแตกหัก หากไม่สะดวกที่จะเดินทางไกล

‘ฉันนี่ไง…ครอบครัวของคุณ’ อัญญาวีร์ย้ำเมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งไป

‘ขอบคุณนะ ที่เป็นกำลังใจและอยู่ข้างผมมาตลอด’ เขาเอ่ยกับเธอเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ แตกต่างจากเมื่อหลายปีก่อนที่เพิ่งมาถึง

‘ฮื่อ’ อัญญาวีร์พึมพำ รู้สึกว่าดวงหน้าตัวเองยังร้อนผ่าว

‘ไปถ่ายรูปกันดีกว่า’ เชวังชวน เขาดึงมือหญิงสาวให้วิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนแพทย์และครอบครัว บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยความรื่นเริงและเสียงหัวเราะ

อัญญาวีร์รู้สึกถึงความสุขที่อวลอยู่โดยรอบ ไม่เคยคิดเลยว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้หัวเราะอย่างเต็มที่

หลังจากนี้ เชวัง ทินเลย์ จะต้องกลับไปทำงานที่ประเทศบ้านเกิด

เขาเลือกเรียนออโธปิดิกส์ เพราะเมืองที่เขาอยู่เป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา การเดินทางออกจะลำบากและเต็มไปด้วยภยันตราย แต่ละปีมีคนไข้เกิดอุบัติเหตุกระดูกหัก จำเป็นต้องรับการผ่าตัดจำนวนไม่น้อย การรักษาต้องเดินทางไปถึงทิมพูซึ่งมีหมอออร์โธปิดิกส์อยู่เพียงไม่กี่คน ไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยที่มาจากทั่วประเทศ แพทย์สาขาศัลยกรรมกระดูกและข้อจึงขาดแคลนเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือน เชวังก็ย้ายกลับประเทศเพื่อเริ่มงาน เขาสัญญากับคุณจันทราว่าจะกลับมาหาพร้อมมารดา เพื่อสู่ขออัญญาวีร์อย่างเป็นทางการ หลังจากแต่งงานแล้ว อัญญาวีร์วางแผนจะย้ายไปสอนหนังสือที่ภูฏาน

แต่วันนั้นไม่เคยเกิดขึ้น…



Don`t copy text!