
เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 25 : ยังไม่รู้อีกเหรอ
โดย : กุลวีร์
![]()
เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
“แย่แล้ว คุณแพรต้องรีบออกไปดูหน้าบ้าน โอย…โอ๊ย ผมเจ็บ”
เขายังส่งเสียงไม่หยุดหย่อน ขณะที่หล่อนพลันลุกออกจากเตียง เปิดประตูห้อง วิ่งถลาลงไปชั้นล่างด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ยิ่งเป็นห่วงหนักขึ้น เมื่อไม่เห็นเขาบนโซฟา
“คุณอยู่ที่ไหน เป็นอะไรหรือเปล่า” หล่อนตะโกนถาม
“ผมอยู่นี่ ผมอยู่หน้าบ้าน ผมทรมานเหลือเกิน”
สิ้นเสียงที่ได้ยิน แพรพิไลหุนหันออกจากตัวบ้านโดยด่วน
ภาพที่ได้เห็นคือชายหนุ่มนอนแดดิ้นอยู่บนพื้นใกล้ๆ โคนต้นทับทิม
แม้เป็นเวลาก่อนรุ่งสางซึ่งยังมีเพียงแสงรำไร พอมองไปทางต้นไม้ทางด้านที่อยู่ติดกับบ้านของหญิงชราก็เห็นกิ่งก้านของต้นทับทิมหลายกิ่งอยู่ไม่ไกลจากคนที่ยังนอนทุรนทุราย
“คุณแพร ผมจะรอดไหม ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย” เวธัสมองหล่อนซึ่งลงนั่งยองใกล้ๆ กัน
“คุณเป็นอะไร”
“ผมทรมาน มีคนมาตัดกิ่งทับทิม ผมเจ็บเหลือเกิน”
แม้คำกล่าวของเขาจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก แต่ท่าทีและสีหน้าแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานเด่นชัด “เข้าบ้านดีกว่านะคุณ ฉันจะหายาแก้ปวดให้กิน คงพอช่วยได้”
“ไม่เป็นไร ผมพอจะทนได้บ้างแล้ว แค่แรกๆ เท่านั้นที่เจ็บปวดสาหัส” เขายันตัวลุกขึ้นนั่ง โดยมีหล่อนช่วยประคองหลัง “คุณไม่น่ามาเห็นผมในสภาพแบบนี้เลย”
พอได้ยินเขาหัวเราะในลำคอ หล่อนก็เริ่มหมดห่วง แต่ความข้องใจยังไม่หายไป
“ทำไมคุณถึงเป็นแบบนั้นล่ะ”
“มีคนมาตัดกิ่งต้นทับทิม” เขาย้ำต้นเหตุที่ต้องพบพานความทรมานทรกรรม “ช่างเถอะคุณ มันผ่านมาแล้ว คงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมไม่เจ็บมากแล้วด้วย”
แพรพิไลมองคนตรงหน้าลุกขึ้นยืนด้วยความไม่เข้าใจ หากมีเรื่องที่น่าใสใจมากกว่าการหาคำตอบในสิ่งที่เขาเป็น
“คุณเห็นหน้าคนมาตัดกิ่งไม้ไหมล่ะ รู้ไหมว่าเป็นใคร”
เขาส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
เวธัสเจ็บปวดตั้งแต่กิ่งแรกที่ถูกตัดจึงไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนลงมือ
จากที่เคยได้ยินทวยเทพเอื้อนเอ่ยว่าเมื่อเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้ที่ใช้เป็นที่สถิต เพียงแค่โดนปลายเข็มสะกิดลำต้นก็สะเทือนถึงเทพารักษ์ได้เช่นกัน จนบัดนี้เขาได้รู้ซึ้งถึงคำกล่าวนั้น ยามได้ประสบด้วยตัวเอง
“จะเป็นใครไม่ได้หรอกคุณ มีคนเดียวแหละที่สร้างความวุ่นวายให้กับฉันเสมอ” หล่อนพอจะคาดเดาได้ถึงเพื่อนบ้านที่มักจะสร้างปัญหาให้แก่กันอยู่ไม่วาย “ทีนี้จะเข้าข้างกันอีกไหม เห็นฤทธิ์ยายเอี่ยมขนาดนี้แล้ว แต่ก่อนมีแค่ขยะ ตอนนี้มายุ่งกับต้นไม้ในบ้าน”
เขาไตร่ตรองให้ถ้วนถี่จนคิดว่าผู้สูงวัยไม่น่าจะกระทำเช่นนี้ได้
“คุณคิดจริงๆ เหรอว่าเป็นฝีมือของคุณยายเอี่ยม”
“จะเป็นใครได้อีกล่ะ หรือยังมีคนอื่นที่ไม่อยากให้ฉันอยู่ในบ้านหลังนี้” แพรพิไลจ้องหน้าเขา “ถ้าไม่ใช่ยายเอี่ยม คุณก็จับตัวมาให้ได้สิ”
เวธัสพยายามค้นหาหนทางตามหาเพื่อนบ้านที่ช่วงนี้ก่อกวนกันไม่ว่างเว้น
“ฉันไม่อยากประสานหน่วยงานใดหรอก มันยุ่งยากและมากเรื่องกันเปล่าๆ ถ้าคุณคุยกับยายเอี่ยมให้เข้าใจกันง่ายๆ คุณก็ไปพูดเองเถอะ อย่ามาสร้างเรื่องวุ่นวายกับบ้านของฉันอีก แค่นี้ก็พอแล้ว”
เขายังคิดว่าคนผู้นั้นไม่ใช่หญิงชรา ขณะที่ยังก้มเก็บกิ่งทับทิมด้วยความทะนุถนอม
หล่อนหันหน้ามาย้ำกับชายหนุ่ม ก่อนจะกลับเข้าบ้าน
“ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา จะได้ยอมรับและหยุดโกหกกันสักที”
“ต้องเป็นมนุษย์มีจิตใจเยี่ยงไร ถึงระรานต้นไม้ได้ลงคอ”
เวธัสระงับอารมณ์เหลืออดเหลือทน ขณะยืมมองเศษซากถุงพลาสติกตรงโคนต้นทับทิม
“มันเกินไปแล้วนะ ทำกันถึงขนาดนี้” แพรพิไลยกมือขึ้นปิดจมูก ยืนห่างจากเขาพอสมควร เมื่อกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยคละคลุ้งทั่วบริเวณนั้น “คุณทนไหวได้ยังไง ไม่เหม็นฉี่บ้างเหรอ”
เขาเริ่มจะทนไม่ไหว เนื่องด้วยต้นทับทิมถูกรังแกจากเพื่อนบ้านผู้ไม่หวังดีอีกเช่นเคย หนนี้คงตั้งใจโยนถุงบรรจุปัสสาวะให้ตกลงมาที่ต้นไม้ในบ้านพอดิบพอดี จากเท่าที่เห็นชิ้นส่วนของถุงพลาสติกติดตามกิ่งไม้และบนพื้นคงมีถึงสามถุงด้วยกัน
เวธัสใช้โซฟาเป็นที่หลับนอนในค่ำคืนที่ผ่านมา พอรู้สึกถึงความผิดปกติตรงต้นทับทิมพร้อมทั้งได้กลิ่นแปลกๆ จึงเร่งรุดไปดู จากนั้นก็รีบตามหล่อนให้ออกมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“เหมือนจะมีปัญหาใหม่ๆ แทบทุกวัน ไม่จบไม่สิ้นสักที” เขายังมองไม่เห็นสาเหตุของผู้กระทำ
“คงไม่อยากให้ฉันเช่าบ้านหลังนี้ นี่คงเห็นว่าฉันอยู่ทน ถึงเอาฉี่มาปาไล่กัน”
เพราะทำกับต้นไม้ซึ่งไม่มีความผิดอันใดต่อมวลมนุษย์ เขาจึงไม่ยอมให้ถูกรังควานแค่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป “ผมต้องหาคนทำโดยไว ก่อนจะมีเหตุอันใดเกินความคาดหมายยิ่งกว่านี้”
“ตัวคนทำหาง่าย จะไปตามหาให้เสียเวลาทำไมล่ะ” แพรพิไลนึกชิงชังเพื่อนบ้านผู้นั้นเหลือเกิน “โยนถุงใส่ฉี่ให้พ้นกำแพง แค่นี้ก็ดูออกแล้วว่ามาทางบ้านหลังไหน ถ้าไม่ใช่บ้านหลังนั้น”
เวธัสยังเชื่อในความรู้สึกของตนว่าหญิงชราไม่ได้เป็นคนกระทำ
“อาจมีบางความจริงที่คุณแพรไม่เคยรู้มาก่อน”
“คุณนั่นแหละที่ยังคิดผิดๆ ถ้าอยากให้ฉันรู้ความจริงก็ไปจับตัวคนทำให้ได้แล้วกัน” หล่อนรู้ว่าเขายังเป็นพวกเดียวกับยายเอี่ยมจึงรีบตัดบท “คุณเอาน้ำฉีดแถวๆ นี้ให้เยอะๆ กลิ่นคงจะเบาลง ส่วนถุงพวกนี้ก็ใส่ถุงมือเก็บไปทิ้งเหมือนที่เคยเก็บขยะด้วยล่ะ”
ก่อนแพรพิไลจะผละเข้าบ้าน มีเสียงทักทางประตูหน้าบ้าน
“หนุ่มสาวบ้านนี้ตื่นเช้ากันจังเลยนะ เพิ่งจะตีห้าครึ่ง ทำอะไรกันอยู่” บุษบงชะเง้อคอมองพวกหล่อน “น้าเหมือนได้กลิ่นฉี่ มีคนมาฉี่แถวนี้ด้วยเหรอ”
หล่อนเดินไปโอภาปราศรัยกับเพื่อนบ้านที่มาทักทายกันยามเช้ามืด ปล่อยเขาให้จัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่ถูกโยนเข้ามาในเขตบ้าน
“มันไม่สมควรเลยนะหนูแพร เล่นปาฉี่กันแบบนี้” บุษบงพูดขึ้นทันทีที่หล่อนเล่าจบ “วันก่อนนู้น ถูกตัดต้นทับทิมไม่ใช่เหรอ วันนี้ทำอีกแล้ว”
แพรพิไลถอนหายใจที่เพื่อนบ้านสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน และดูท่าเหมือนจะมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ “หนูไม่รู้จะรับมือยังไงแล้วค่ะน้าบุษ ขนาดยอมเป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียวมาตลอดก็ไม่หยุดทำกันสักที”
“หนูแพรคิดจะย้ายบ้านหรือยังล่ะ แต่บ้านที่น้าเคยบอก มีคนมาเช่าไปแล้ว” บุษบงมีน้ำเสียงเจือความเสียดายในช่วงท้าย ก่อนปรับเสียงเป็นสดใสตามเดิม “น้าจะช่วยดูให้แล้วกัน เผื่อมีบ้านหลังอื่นปล่อยเช่าอีก”
“หนูกำลังคิดอยู่เหมือนกันค่ะ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ คงต้องไปอยู่ที่อื่น โชคดีช่วงนี้มีคุณเทพช่วยตามเก็บตามเช็ด ไม่งั้นแต่ละวันหนูคงไปทำงานไม่ทันแน่นอน”
“อย่าคิดนานนะหนูแพร ปล่อยไว้หลายวันอาจไม่ใช่แค่ฉี่ก็ได้ เป็นอย่างอื่นที่กลิ่นเหม็นกว่านี้คงแย่เลย” บุษบงพยายามพูดให้หล่อนคิดในทางแง่ร้ายยิ่งกว่าเดิม แล้วยังปิดท้ายด้วยความหวังดี “ถ้าฝ่ายนั้นไม่หยุดทำ ทางออกเดียวคงมีแค่ฝ่ายนี้ต้องรีบหนีไปให้พ้น”
เมื่อเพื่อนบ้านขอตัวกลับ หล่อนจึงเดินเข้าบ้าน โดยเก็บคำแนะนำไปคิดใคร่ครวญ ก่อนจะตัดสินใจและเริ่มมองหาที่อยู่แห่งใหม่ โดยไม่คิดปรึกษาผู้ที่อยู่ร่วมชายคาสักคำเดียว
เวธัสอยากบอกให้หญิงสาวล่วงรู้ หากทำได้แค่เอ่ยเอื้อนกับตัวเองเท่านั้น
เรื่องนี้ต้องจบเร็วไว เพื่อจะได้อยู่ที่นี่อย่างเป็นสุข และต้นทับทิมจะไม่ถูกรังแกกันอีก
ด้วยความาดมั่นในคำกล่าวนั้น เขาจึงเฝ้าคอยเพื่อนบ้านเจ้าปัญหากระทำเหมือนที่ผ่านมา
จนในที่สุด ผ่านพ้นไปไม่กี่วัน ช่วงกลางดึกที่บ้านทั้งหลังไร้แสงไฟและหญิงสาวกำลังอยู่ในห้วงนิทรารมณ์ เวธัสใช้อำนาจที่ยังพอมี ส่งเสียงปลุกแพรพิไลให้ตื่นลืมตา โดยตัวเขายังอยู่หน้าประตูห้อง
“คุณแพรตื่นเถอะ ผมจะมาไปดูเพื่อนบ้านที่สร้างแต่เรื่องปวดหัวให้คุณ จะได้รู้ว่าเป็นใครกันแน่”
ขณะที่เขาเรียกหล่อน ก็มีขวดถูกโยนเข้ามาในบ้านทางฝั่งบ้านของหญิงชรา
“คุณแพรตื่น ตื่นได้แล้ว”
หญิงสาวสะดุ้งตัวตื่น สอดส่ายสายตาในความสลัว ช่วงเวลาเดียวกับที่เขาเคาะประตูห้องแผ่วเบา
“อย่าเปิดไฟ” เวธัสส่งเสียงบอกหล่อน
แพรพิไลคิดว่าเสียงนั้นเล็ดลอดผ่านเข้ามาในห้อง จึงรีบลุกขึ้น โผวิ่งไปเปิดประตู โพล่งถามด้วยเสียงเบาไม่แพ้กัน
“คุณมีอะไร ทำตัวแปลกๆ”
เขาฉวยข้อมือหล่อนให้เดินลงไปข้างล่าง ท่ามกลางความสลัวลางที่หล่อนพอจะปรับสายตาตัวเองได้แล้ว “เงียบๆ ไว้ ผมจะพาไปดู ทีนี้จะได้ทราบความจริงกันสักที”
หญิงสาวไม่ขัดขืน ค่อยๆ ย่องเท้าเดินมาตรงหน้าบ้าน แล้วค้อมตัวตามเขา จนแลเห็นขวดเป็นสิบใบถูกโยนตกลงมาบนพื้น ตามด้วยก้อนกระดาษอีกหลายก้อน
แพรพิไลพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปจับตัวผู้กระทำ แต่เขายังฉุดรั้งไว้ได้ทัน
“คุณเห็นแล้วใช่ไหม ของถูกโยนมาทางบ้านยายเอี่ยม ปล่อยฉัน ฉันจะไปพูดให้รู้เรื่องจะได้หยุดโยนขยะมาที่บ้านฉัน”
“เบาๆ หน่อยสิ ไม่กลัวคนคนนั้นรู้เหรอว่าถูกเราสองคนจับตาดูอยู่”
ไม่มีขยะชิ้นใดถูกโยนเข้ามาภายในอาณาเขตบ้านของหล่อนอีกแล้ว แต่ทั้งสองยังนั่งหลบเร้นในความมืดเช่นเดิม โดยยังมองเห็นบริเวณหน้าบ้านชัดเจนด้วยแสงไฟจากต้นเสาข้างถนน
จากนั้นเหตุการณ์ตรงด้านหน้าประตูเหล็กดัดก็เกิดขึ้นให้เห็นจะจะตา คนผู้นั้นเทขยะออกจากถุงใบใหญ่โดยไม่เกรงกลัวสายตาคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
หล่อนเผลอกำมือ ถ้าไม่ถูกเขาจับแขนไว้ก็อยากกระโจนเข้าไปหาบุคคลนั้นเหลือเกิน
ทั้งสองเฝ้ามองคนผู้นั้นกระทำจนสมใจ พอเหลียวหน้าเหลียวหลังแล้วไม่เห็นใคร เพื่อนบ้านที่คอยสร้างแต่ปัญหาก็รีบกลับเข้าบ้านตัวเอง
แพรพิไลจึงรู้ทันทีว่าคนผู้นั้นเป็นใคร โดยไม่ต้องเข้าไปใกล้กัน
“ทำไมคุณต้องขวางฉันด้วย เห็นคาตาขนาดนี้แล้ว จับให้คาหนังคาเขาไปเลยสิ” หล่อนเอ่ยเสียงเบา หากน้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจ
“ผมแค่อยากให้ได้เห็นได้รู้ว่าเป็นใครเท่านั้นเอง จะได้กระจ่างใจเสียที”
“ทีนี้จะทำยังไงต่อล่ะคุณ”
“คุณแพรกลับไปนอนต่อดีกว่า รบกวนเวลาพักผ่อนมามากแล้ว”
“คุณคิดว่าฉันจะหลับได้เหรอ รู้เห็นขนาดนี้แล้ว”
“ให้ผมไปนอนด้วยไหมล่ะ จะได้หลับลง” เวธัสยิ้มอย่างมีเลศนัย
แพรพิไลสะบัดหน้าหนีทันที หากเขายังเอ่ยต่อ
“ครั้งถัดไป คุณแพรจะได้เผชิญหน้ากันแน่นอน ผมรับปาก”
“ฉันขอบคุณคุณมากเลยนะ ถ้าคืนนี้ไม่ได้คุณ ฉันคงหลงเชื่อไปอีกนาน” หล่อนหันมาพูดกับเขา ขณะที่ยังนั่งยองไม่ห่างกัน
“ไม่มีความจริงใด จะไม่ปรากฏบนโลกใบนี้” เขายกมือชี้นิ้วไปที่แก้มตัวเอง “ขอรางวัล”
“ฉันจะทำให้แค่ในฝันเท่านั้นแหละ” หล่อนรีบผละห่างจากเขาซึ่งมีส่งเสียงขบขันในลำคออย่างเป็นสุข
“คืนนี้ผมจะนอนฝันถึงคุณแพรเหมือนกัน”
“ฝันไปคนเดียวเถอะย่ะ” แพรพิไลหันหน้าบอกเขาที่เดินตามหลังมาด้วยกัน
“คุณหายโกรธผมได้แล้วนะ” เขายังชวนคุย
ก่อนความหวั่นไหวจะทำให้ใจเต้นโครมครามมากกว่าที่เป็นอยู่ หล่อนทิ้งท้ายแล้วรีบจ้ำอ้าวเข้าไปในตัวบ้าน
“ฉันหายโกรธคุณตั้งแต่รับกุหลาบดอกนั้นมาแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”

- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 25 : ยังไม่รู้อีกเหรอ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 24 : เดินหน้าง้อ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 23 : เตือนแล้วนะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 22 : มีเหตุให้ต้องงอน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 21 : เกิดขึ้นอีกแล้ว
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 20 : อย่าบอกใคร
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 19 : จะเชื่อเหรอ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 18 : ช่วยกัน ช่วยด้วย!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 17 : มีแต่เรื่องพิกล
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 16 : มองไม่เบื่อ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 15 : อยู่นานนาน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 14 : จีบจริงจัง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 13 : ดูไม่ออกเหรอ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 12 : มีเรื่องให้ร้อนรน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 11 : ของดีจริงจริง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 10 : บอกให้รู้ไว้ก่อน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 9 : เหตุใดมันจึงร้อง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 8 : ฝากด้วยนะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 7 : อย่างนั้นก็แย่เลย
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 6 : เชื่อสิ!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 5 : ขอไปทำไม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 4 : เลิกพูดเถอะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 3 : ดีหรือไม่ดี
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 2 : ไม่ใช่ใช่ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 1 : ขออยู่ที่นี่ได้ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา : บทนำ







