ประมวลรัก ประมวลร้าย บทที่ 2 : คุณคือใครครับ
โดย : ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์
ประมวลรัก ประมวลร้าย นวนิยายจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 2 โดย ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์ เมื่อวสินได้กลับมาอีกครั้งในร่างหนุ่มวัยยี่สิบสาม ความอลวนอลเวงก็เกิดขึ้น เพราะนอกจากเรื่องสืบคดีจะวุ่นวายแล้ว เรื่องหัวใจก็ทำเอาปวดหัว เมื่อเจ้าของร่างที่เขาใช้งานอยู่กำลังอินเลิฟกับมินตรา ลูกสาวของเขาเอง แล้วมันจะยังไงกันดีละเนี่ย
…ดวงตาของปีศาจคู่นั้นลุกเป็นไฟดวงใหญ่ มันกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง เสียงกัมปนาทจากแรงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว เศษกระจกลอยละลิ่วบาดหน้าตาและแขนขาของเขาจนเลือดโชก ทุกอย่างดำเนินไปคล้ายภาพช้าในภาพยนตร์ ตัวเขากลิ้งไปมาตามแรงเหวี่ยงของยานพาหนะที่พลิกคว่ำไปมาหลายตลบ เข็มขัดนิรภัยที่เขาคาดไว้ขาดกระจุย ร่างของเขากระเด็นหลุดออกมาด้านหน้า ภาพผู้หญิงอาบเลือดคนหนึ่งยังคงนั่งติดตรึงอยู่กับเบาะรถข้างคนขับ เขาทำได้แค่มองร่างคนรักของเขากระแทกไปมา
ทุกอย่างไร้ซึ่งการควบคุม สภาวะรอบตัวเสมือนไร้ซึ่งน้ำหนัก กระทั่งร่างของเขาหล่นลงกระทบพื้น…
ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา…
วันที่ 1…
แสงสีขาวจากไฟเพดานส่องกระทบเข้าที่นัยน์ตาอย่างจังจนเขาต้องเบือนหน้าหนี เขารู้สึกตัวขึ้นมาบนเตียงในสภาพที่ร่างกายถูกพันธนาการด้วยสายระโยงระยางเต็มไปหมด เขาพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างภายในห้อง เมื่อเขายกมือขึ้นมาที่หน้าหมายขยี้ตา เขาก็สัมผัสได้ถึงหน้ากากออกซิเจนที่ครอบจมูกกับปากเขาอยู่…
“โรงพยาบาล หมอ…” เสียงของเขาเบาและแหบแห้ง
แสงสว่างนอกหน้าต่างพอจะมองออกว่าดวงตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่นาน ทั้งเข็มยาวและเข็มสั้นของเครื่องบอกเวลาที่ผนังชี้ไปที่เลขหกนาฬิกา เขามองไปรอบบริเวณ นอกจากเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์แล้ว เขาไม่เห็นอะไร ไม่เห็นใครเลยสักนิด แต่อย่างน้อยตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง ในใจรู้สึกผ่อนคลายขึ้น นี่เขารอดตายแล้วใช่ไหม เขายังไม่ตาย…
“งามตา… “ เขาเผลอยิ้ม “แม่ตาหวาน…ผมยังไม่ตาย มินตราลูกพ่อ” เสียงของเขาชัดเจนขึ้นเล็กน้อย แล้วนี่ครอบครัวเขาไปอยู่ไหนหมด ทำไมมินตราไม่อยู่เฝ้าไข้เขา หรือว่าลูกกำลังดูแลแม่ของเธออยู่ พอคิดถึงตรงนี้ เขารู้สึกเป็นห่วงงามตาภรรยาของเขามาก ชายหนุ่มตัดสินใจดึงหน้ากากออกซิเจนออก ยกตัวขึ้น พร้อมกับที่พยาบาลเวรเปิดประตูเข้ามาพอดี…
“รู้สึกตัวแล้ว! คุณหมอคะ คุณหมอ… คนไข้รู้สึกตัวแล้ว”
พยาบาลส่งเสียงสูงดังลั่นพร้อมวิ่งออกจากห้องไป
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพยาบาลต้องตกใจขนาดนั้นกับการที่เขารู้สึกตัวขึ้นมา ก็ในเมื่อคืนเขาประสบอุบัติเหตุ เขาบาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยคงพาเขามาส่งที่โรงพยาบาลแห่งนี้ จากนั้นเขาก็คงได้รับการรักษาอย่างดี ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ เอาเข้าจริงตอนนี้แม้เขาจะรู้สึกเพลียๆ อยู่บ้าง แต่ข้างในชายหนุ่มรู้สึกได้เลยว่าร่างกายเขาแข็งแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ยังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรต่อ ประตูห้องก็เปิดเข้ามา…
คราวนี้ทั้งคุณหมอทั้งคุณพยาบาลหลายคนต่างเดินกรูพร้อมหน้าเข้ามาหา
“ไม่น่าเชื่อ” สีหน้าชายชุดขาวดูแปลกใจเล็กน้อยเมื่อมาถึงข้างเตียงเขา
“คนไข้รู้สึกยังไงบ้างครับ” ชายชุดขาวคนเดิมเอ่ยถาม
คุณหมอคนนี้ยังคงดูหนุ่มแน่นท่าทางทะมัดทะแมง มองแล้วอายุอานามน่าจะประมาณ 30 ปลายๆ ถึง 40 ต้นๆ ช่วงวัยแบบนี้แหละกำลังเก่ง เรียกว่าเป็นวัยพีคสุดของอาชีพ สมัยเขาอายุเท่านี้เขาก็เก่งในสายงานของเขาไม่แพ้คุณหมอคนนี้หรอก ชายหนุ่มคิดในใจ…
“เพลียนิดหน่อยครับหมอ ผมขอน้ำดื่มสักนิดได้ไหม”
พยาบาลสาวคนที่เข้ามาเจอเขาครั้งแรกยื่นแก้วน้ำให้…
“เจ้าหน้าที่โทรตามครอบครัวคนไข้ให้แล้วนะคะ สักพักคงมาถึงค่ะ”
ชายหนุ่มคืนแก้วน้ำให้พยาบาล คล้ายน้ำแก้วนั้นเข้าไปชะล้างความกลัดกลุ้มใจของเขาออกหมด ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เขารู้สึกสบายตัว ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร มินตราคงกำลังเดินทางมา ส่วนงามตาน่าจะไม่เป็นอะไรมาก เขาคิด…
“แล้วภรรยาผมอาการเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ เธออยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหมครับ”
สิ้นคำถาม ทุกคนต่างนิ่งงงงันคล้ายหยุดหายใจไปชั่วขณะ…
“อ้าว ทำไมเงียบกันหมดแบบนี้ล่ะครับ ผมถามว่างามตาภรรยาผมอาการเป็นยังไงบ้าง เธอไม่เป็นอะไรร้ายแรงใช่ไหมครับ”
ยังคงไร้ซึ่งคำตอบ ทุกสายตาต่างจ้องมาที่คนไข้เป็นจุดเดียว
“อาจารย์คะ” พยาบาลสาวหันไปเรียกคุณหมอด้วยสีหน้ากังวล…
“หมอว่าคนไข้อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้ คนไข้เพิ่งรู้สึกตัววันนี้เอง พักผ่อนก่อน ทำใจให้สบาย สักพักญาติคนไข้คงมาถึง เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้น ชายหนุ่มพยายามจ้องมองเธอคนนั้นว่าจะเป็นมินตราลูกสาวเขา หรืองามตาภรรยาของเขากันแน่ เขามองแล้วมองอีก แต่มองอย่างไรก็ไม่ใช่ลูกและไม่ใช่คนรักของเขาแน่ๆ
ผู้หญิงคนนี้ดูชราภาพและทรุดโทรมพอสมควร ครั้นเธอเดินเข้ามาใกล้ ด้วยประสบการณ์ตัดสินคดีและเจอผู้คนมามากมาย ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าที่เธอคนนี้ทรุดโทรมแลแก่เกินวัยขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะวัยหรือสังขาร แต่เป็นเพราะความเศร้าเกาะกินหัวใจเธอต่างหากที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพนี้ แม้เขาไม่ได้อยากรู้ว่าเธอเศร้าหมองเรื่องอะไร แต่เขาก็รู้สึกเห็นใจเธอเป็นอย่างมาก…
คุณหมอเดินตรงเข้าไปหาหญิงคนนั้น พูดอะไรบางอย่างกับเธอสักพักแล้วก็เดินจากไป
“ญาติคนไข้มาแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะคะ” เสียงพยาบาลคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แล้วทั้งหมดก็พากันออกจากห้องพักไป ทิ้งเขาไว้กับหญิงแปลกหน้าตามลำพัง
เธอเข้ามานั่งลงข้างๆ เตียงไม่พูดไม่จา ตาคู่นั้นมองมาที่เขาเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆ เธอเอื้อมมือมาลูบไล้ใบหน้าของชายหนุ่ม เขาได้แต่อึ้งทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร และมาทำอะไรที่นี่…
“ฟื้นสักทีนะลูก ลูกแม่ตื่นแล้วจริงๆ ใช่ไหม” เสียงของเธอสั่นเครือ มือของเธอยังคงลูบไล้ใบหน้าชายหนุ่มไม่หยุดหย่อนราวกับว่าทั้งเขาและเธอรักกันมาก แต่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ เขาค่อยๆ จับมือของผู้หญิงคนนั้นออกจากใบหน้าเขา เขาจ้องหน้าเธอ เธอจ้องหน้าเขา ทั้งสองจ้องมองกัน แม้เพียงครู่เดียว แต่ความรู้สึกช่างเหมือนกัลปาวสานเสียจริง
“คุณคือใครครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจถาม
ไม่มีคำตอบจากเธอคนนั้น มีเพียงแววตาอ่อนโยนส่งมาถึงเขาแทน
“คุณหมอบอกว่าสมองลูกอาจยังฟื้นไม่เต็มที่ ความทรงจำอาจยังกลับมาไม่หมด แต่ไม่เป็นไรนะลูก คุณหมอบอกว่าอีกไม่นานก็จะดีขึ้นจ้ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด เขาไม่ชอบสิ่งที่เขาได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวก่อนครับ นี่มันอะไรกัน ผมไม่ได้เป็นลูกชายคุณแน่ๆ หรือเป็นเพราะลูกชายคุณเสียไปแล้ว คุณถึงดูเศร้าขนาดนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมเข้าใจและขอแสดงความเสียใจกับคุณด้วย แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ใช่ลูกชายคุณ ไม่ใช่แน่นอน” น้ำเสียงผู้พิพากษาหนุ่มแข็งกร้าวขึ้น
หญิงชราไม่โต้ตอบใดๆ ได้แต่จ้องมองคนไข้ที่เธอคิดว่าเป็นลูกของเธออยู่ตรงหน้า
“ดูดีๆ ดูหน้าผมให้ชัด ผมมั่นใจว่าอายุผมมากกว่าคุณแน่นอน” ชายหนุ่มถอนหายใจ “ แล้วเราจะเป็นแม่ลูกกันได้อย่างไรจริงไหม” เขาจ้องตาหญิงชราเขม็งเหมือนเวลาที่เขาต้องการคำตอบอะไรบางอย่างจากจำเลยในศาล
หญิงแปลกหน้าเอื้อมมือไปจับมือชายหนุ่ม แต่เขาก็ดึงมือออกในทันใด เธอไม่ได้ว่าอะไรได้แต่ส่งยิ้มให้
“เด็กหนุ่มอายุ 23 จะอายุมากกว่าแม่ที่อายุ 45 ได้อย่างไรนะ”
“ใครอายุ 23 เมื่อคืนผมเพิ่งอายุครบ 53 ปี คุณเป็นใครกันแน่ ต้องการอะไรจากผม” เขาพยายามขยับตัวลุกหนีพร้อมเสียงโวยวายที่ดังขึ้น “บ้า! นี่มันบ้าอะไรกัน ไม่เอาแล้ว ไร้สาระ ผมจะกลับบ้าน”
“จอม นี่แม่เอง ใจเย็นสิลูก” หญิงแปลกหน้าพยายามพูดทุกวิถีทางเพื่อทำให้เขาสงบลง
แต่ไม่ได้ผล ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง ดึงสายระโยงระยางออกจากตัวเขา ตะโกนเสียงดังไปทั่ว
“งามตาอยู่ไหน มินตรา มินตราลูกพ่อ” คนไข้หนุ่มพยายามเดินออกไปนอกห้อง โดยไม่สนใจต่อเสียงห้ามของหญิงแปลกหน้าเลยสักนิด
แต่เสียงโหวกเหวกโวยวายของชายหนุ่มกลับดึงเจ้าหน้าที่หลายคนเข้ามาในห้องพักแทน บรรยากาศดูชุลมุนวุ่นวาย บุรุษพยาบาลสองคนต้องช่วยกันล็อกตัวเขากลับไปที่เตียง พร้อมมัดมือมัดเท้าเขาไว้อย่างแน่นหนา ชายหนุ่มพยายามดิ้นสุดแรงเกิด แต่ดิ้นอย่างไรก็ไม่เป็นผล…
กระทั่งเขารู้สึกอ่อนแรง…จึงได้สงบลง
เจ้าหน้าที่ออกไปหมดแล้ว แต่หญิงแปลกหน้ายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นข้างๆ เตียง ชายหนุ่มมองเห็นน้ำตาของเธอเอ่อล้นออกมา เขารู้สึกผิดที่ทำให้เธอร้องไห้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เขาคิดว่าอย่างน้อยถ้าเขาออกจากโรงพยาบาลนี้ได้ อะไรๆ คงกระจ่างมากขึ้น
‘บางทีตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือเล่นไปตามเกมก่อน’ เขาคิด…
“คุณครับ” ชายหนุ่มเอ่ยทักหญิงแปลกหน้าคนนั้น “คุณเป็นแม่ผมจริงๆ เหรอ”
เธอพยักหน้าแทนคำตอบ…
“แล้วที่ว่าผมหลับไปนาน นานแค่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับผม”
“อุบัติเหตุ” เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย… “สมองลูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก จอมหลับสนิทไปร่วมสามเดือน” น้ำตาหญิงแปลกหน้าไหลริน “ลูกแม่หลับไปนานมาก” หญิงแปลกหน้าเบือนหน้าไปทางอื่น
จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกปวดหัวจนบอกไม่ถูก ภาพของทนายความหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ผุดขึ้นมา เขากำลังว่าความอยู่ในศาล ไม่สิ ไม่ใช่ศาลจริง มันคล้ายศาลจำลองสำหรับนักศึกษาวิชากฎหมายในมหาวิทยาลัยต่างหาก เขาเคยผ่านตรงนี้มาแล้ว
ภาพมันไม่ปะติดปะต่อ ขาดๆ หายๆ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ภาพเคลื่อนไหวกลับมาในหัวเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับเห็นดวงตาปีศาจคู่นั้นพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง จากนั้นภาพก็ตัดหายไป…
“ช่วยแก้มัดให้ผมได้ไหม” เขาใช้นิ้วนวดขมับตัวเองเบาๆ
หญิงแปลกหน้ามีทีท่าลังเล
“ผมสัญญาว่าจะไม่อาละวาดแล้ว ช่วยแก้มัดให้ผมเถิดนะ”
หญิงแปลกหน้าตัดสินใจแก้มัดให้ลูกชายเธอ หลังจากนั้นบรรยากาศในห้องก็เข้าสู่ความเงียบงัน เงียบจนรู้สึกได้ถึงความอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรกับใคร ทั้งชายหนุ่มและหญิงแปลกหน้าต่างคนต่างอยู่ในมุมของตัวเอง เขานอนอยู่ที่เตียง ส่วนเธอนั่งอยู่ข้างๆ เตียงของเขา
“เอ่อ… คุณช่วยเปิดทีวีให้ผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดนี้
หญิงแปลกหน้าเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ เธอคงไม่แน่ใจว่าลูกชายอยากดูช่องไหนเป็นพิเศษ
แต่อย่างน้อยเสียงจากทีวีก็ช่วยให้บรรยากาศในห้องไม่แย่จนเกินไป…
“หลังอุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อคืนนี้…”
ไม่ทันที่ผู้ประกาศข่าวจะพูดอะไรต่อ หญิงแปลกหน้าก็เปลี่ยนช่องไปแล้ว
“ขอช่องเมื่อกี้อีกครั้งสิครับ” หญิงแปลกหน้ารีบเปลี่ยนช่องกลับมาตามคำขอของลูกชาย
“เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ประเทศชาติต้องสูญเสียผู้พิพากษาอนาคตไกลไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากท่านเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าศาลได้เพียงวันเดียว อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้นายวสินผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ในขณะที่นางงามตาภรรยารอดปาฏิหาริย์”
ชายหนุ่มจ้องมองภาพข่าวในทีวีตาไม่กะพริบ เขาเห็นซากรถของเขาที่พังยับเยิน เขาเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังนำร่างงามตาภรรยาของเขาขึ้นบนเตียงเข็นฉุกเฉิน เขาเห็นภาพเบลอของศพศพหนึ่ง ชายหนุ่มพยายามมองให้ลึกเข้าไป ตาเขาเบิกโพลง เขาเห็นแล้ว ต่อให้ภาพจะเบลอขนาดไหน แต่เขาจำได้แน่นอนว่าศพในภาพนั้นเป็นใคร ใครจะจำตัวเองไม่ได้ ศพในทีวีที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเขาเอง นายวสิน
“คะ คะ คุณครับ” เสียงชายหนุ่มตะกุกตะกัก
“จ๊ะลูก เอาอะไรจ๊ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก และเริ่มสังเกตร่างกายของเขา…
“ทำไมไม่มีบาดแผลอะไรเลย”
บาดแผลจากอุบัติเหตุเมื่อสามเดือนก่อนเริ่มเลือนรางไปหมดแล้ว เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดูพยายามมองมือตัวเองอย่างละเอียด ยิ่งเขาพลิกมือไปมามากเท่าไร หัวใจเขายิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น
“นี่มัน…ไม่ใช่มือผม” ชายหนุ่มหุนหันลุกออกจากเตียงคนไข้ แต่ด้วยสองขาที่ไม่ได้ใช้งานมานานทำให้เขาล้มลงข้างๆ เตียงนั่นเอง…
“ลูก…เป็นอะไรไหม” หญิงแปลกหน้ารีบก้มลงมาใกล้ๆ เขา
“คุณช่วยประคองผมไปห้องน้ำหน่อย”
“จะเดินไปทำไมลูก ถ่ายบนเตียงก็ได้ เดี๋ยวแม่เรียกพยาบาลให้”
“พาผมไปห้องน้ำเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มออกคำสั่งเสียงแข็ง
หญิงแปลกหน้ารู้สึกตกใจกับสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังของเขา เธอจึงตัดสินใจประคองร่างของลูกชายตัวเองไปที่ห้องน้ำตามคำขอ ทั้งสองยืนเคียงกันอยู่ที่หน้ากระจกเงาบานใหญ่…
เงาสะท้อนในกระจกทำให้ชายหนุ่มถึงกับหน้าซีดเผือด ภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ รูปร่างสูงเพรียว ผิวเนื้อนวลขาวตัดกับคิ้วหนาดำเข้มอย่างชัดเจน ใบหน้ารูปไข่ที่แม้จะดูอิดโรยไปบ้างแต่ไม่อาจซ่อนดวงตาคมกริบเป็นประกายกล้าไปได้ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงอมชมพูบางสวยได้รูป…
ชายหนุ่มมองเงาตัวเองตาไม่กะพริบ “นี่มันอะไรกัน” เขาถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง
“มีอะไรจอม เป็นอะไรรึเปล่าลูก”
ชายหนุ่มหันมองไปที่หญิงแปลกหน้า “คุณว่าผมชื่ออะไรนะ”
“จอม จอมพล ลูกของแม่ไงจ๊ะ”
“โอย…” ชายหนุ่มเอามือกุมศีรษะร้องโอดครวญดังลั่น
เขาทรุดตัวลงที่พื้น รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างหนักหน่วง
หญิงแปลกหน้ารีบเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยกันพาร่างของจอมพลกลับไปที่เตียง
คุณหมอฉีดยาผ่อนคลายให้เขาเข็มหนึ่ง ไม่นานนักเขาก็สงบลง…
“ไม่… ผมชื่อ…วะ วะ วสิน”
เสียงชายหนุ่มเบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะหลับไปด้วยฤทธิ์ยา…