ประมวลรัก ประมวลร้าย บทที่ 5 : ร่างใหม่

ประมวลรัก ประมวลร้าย บทที่ 5 : ร่างใหม่

โดย : ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์

Loading

ประมวลรัก ประมวลร้าย นวนิยายจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 2 โดย ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์ เมื่อวสินได้กลับมาอีกครั้งในร่างหนุ่มวัยยี่สิบสาม ความอลวนอลเวงก็เกิดขึ้น เพราะนอกจากเรื่องสืบคดีจะวุ่นวายแล้ว เรื่องหัวใจก็ทำเอาปวดหัว เมื่อเจ้าของร่างที่เขาใช้งานอยู่กำลังอินเลิฟกับมินตรา ลูกสาวของเขาเอง แล้วมันจะยังไงกันดีละเนี่ย

…อากาศเช้านี้ไม่ร้อนเท่าไร เรือยนต์ไม้ขนาดจุผู้โดยสารได้ 15 คน ลอยลำอยู่ปากอ่าวไม่ไกลจากป้อมพระจุลฯ แม้จะมีกระแสลมเย็นพัดโชยตลอดเวลา แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้ผู้โดยสารบนเรือรู้สึกสดชื่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ที่ท้ายเรือวสินและยมทูตเงาควันปรากฏตัวขึ้น…

“พาผมมาที่นี่ทำไม” วสินถามเงาควันที่ลอยตัวอยู่ข้างๆ เขา

“กลับเข้า…เข้า…” ยมทูตเงาควันสะอึกเล็กน้อยคล้ายสำลักน้ำลายตัวเอง “กลับเข้าร่าง…นายไง”

“อ้าว แล้วทำไมไม่พาผมไปที่โรงพยาบาลล่ะ รถผมชน ผมบาดเจ็บ น่าจะสลบอยู่ ก็เลยฝันเป็นตุเป็นตะแบบนี้ ดังนั้นถ้าการกลับเข้าร่างจะทำให้ผมตื่นขึ้นมา คุณก็ควรจะพาผมไปที่โรงพยาบาลสิ ไม่ใช่มาล่องเรือแบบนี้” วสินพยายามอธิบายหลักการให้ยมทูตเงาควันเข้าใจ

“ร่างนายอยู่ที่นี่ อีกอย่างนายไม่ได้สลบ นายตายแล้ว”

“ตายอีกละ โอ๊ยน่าเบื่อ พาผมไปโรงพยาบาลได้แล้ว”

“ก็บอกแล้วไงว่าร่างของนายอยู่ที่นี่ ดูนั่นสิ” พูดจบ ยมทูตเงาควันก็ลอยไปที่ผู้โดยสารด้านหน้าและวนกลับมาข้างๆ วสินที่ท้ายเรือเหมือนเดิม “เห็นอะไรไหม”

ทันทีที่วสินมองเห็นผู้โดยสารบนเรือ จากที่หน้าตากำลังเครียด ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าเขาทันที ผู้โดยสารด้านหน้าไม่ใช่ใครอื่น ล้วนแต่เป็นคนที่เขารักทั้งนั้น งามตาก็อยู่ มินตราก็มา ไม่เว้นแม้แต่บุญช่วยเพื่อนรักของเขาก็อยู่ตรงนั้นด้วย

“ฝันแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” วสินรีบจ้ำไปที่หน้าเรือในทันที

“มินตราลูกพ่อ งามตาแม่ตาหวานของผม มึงด้วยไอ้ช่วย มาทำอะไรกันในความฝันด้วยเนี่ย” วสินยิ้มเริงร่าส่งเสียงทักทายคนที่เขาคุ้นเคย

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงหรือเห็นตัวเขาเลยแม้แต่น้อย สีหน้าทุกคนเศร้าหมอง โดยเฉพาะงามตาที่นอกจากความเศร้าหมองที่มองเห็นแล้ว ตามใบหน้าแขนขายังคงมีร่องรอยของอาการบาดเจ็บปรากฏชัด…

“งามตา งามตา นี่ผมเอง”

“มินตราลูกพ่อ ได้ยินเสียงพ่อไหมลูก”

“ไอ้ช่วย มึงช่วยคุยกับกูหน่อยได้ไหม”

ทุกคนยังคงเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวดูช่างหดหู่เสียเหลือเกิน

“โอ๊ย…ทำไมไม่มีใครได้ยินผมเลย” วสินตะโกนลั่นเรือ

“ก็นายเป็นวิญญาณ มนุษย์ไม่เห็นและไม่ได้ยินวิญญาณหรอก” ยมทูตเงาควันปรากฏตัวขึ้นข้างวสิน

“ผมอยากตื่น พาผมกลับเข้าร่างเดี๋ยวนี้” วสินเสียงดังใส่ยมทูต

“คงไม่ได้แล้วละ” ยมทูตเงาควันตอบเสียงละห้อย

“ทำไมไม่ได้ หมายความว่าอะไร”

ยมทูตเงาควันไม่ตอบ แต่ลอยไปที่ลุ้งดินที่งามตาถือไว้ จากนั้นก็ลอยไปที่รูปภาพวสินตรงมือของมินตรา

วสินได้แต่ตะลึงพูดอะไรไม่ออก เขาเห็นงามตาค่อยๆ บรรจงเปิดฝาลุ้งดินจากนั้นก็โรยเศษเถ้าสีขาวลงไปในน้ำ เสียงร่ำไห้ดังไปทั่วเรือ…

“ไปดีนะพี่ ไม่ต้องมีห่วงอะไรแล้วนะ ตาจะดูแลลูกเราเอง”

“พ่อ พ่อจ๋า มินคิดถึงพ่อ”

“ไปดีเว้ยไอ้วสิน กูไม่อยากจะเชื่อเลย โธ่โว้ย”

คนสามคนที่เขารักมากที่สุดกำลังร้องไห้แทบขาดใจเมื่อเถ้ากระดูกของนายวสินลอยไปกับกระแสน้ำ

“มะ…มะ หมายความว่า…” ดูเหมือนวสินจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นบ้างแล้ว

“ใช่…ก็บอกหลายทีแล้วไงว่านายตายแล้ว” ยมทูตเงาควันลอยกลับมาข้างตัววสิน

“ก็ไหนกองไฟบอกว่าผมยังไม่ถึงกำหนด ให้พาผมกลับมาเข้าร่างไง” วสินโวยวายใส่เงาควัน

“จะกลับยังไง ก็ร่างนายเป็นผงอยู่ในน้ำโน่น” ยมทูตตอบเสียงราบเรียบ

“แล้วทำยังไงกันดี หา พวกคุณต้องรับผิดชอบความผิดพลาดของพวกคุณนะ แบบนี้เขาเรียกละเมิด ไม่ใช่แค่ละเมิดเขาเรียกเจตนาฆ่าคนตายเชียวนะ” วสินตวาดเสียงดังกว่าเดิม

“ใจเย็นน่า ฉันกลับไปอ่านคู่มือใหม่ตามที่ท่านมัจจุราชแนะนำแล้ว เคสนายยังพอมีทางแก้”

“ทำยังไง ก็ร่างฉันไม่เหลือแล้ว”

“เข้าร่างคนอื่น ร่างคนที่ถึงกำหนด ร่างของใครก็ได้ที่ถึงฆาต”

“อะไรนะ”

ยมทูตเงาควันไม่พูดซ้ำ แต่ลอยตัวล้อมวิญญาณของวสิน จากนั้นทั้งคู่ก็หายวับไป

 

….เสียงท่อดัดแปลงจากรถมอเตอร์ไซค์หลายสิบคันดังลั่นไปทั่วท้องถนนแม้ในเวลานี้จะเพียงหัวค่ำ แต่กลุ่มวัยรุ่นร่วมร้อยคนกลับรวมตัวกันเพื่อแข่งรถแห่งศักดิ์ศรีบนถนนที่ยังสร้างไม่เสร็จสายนี้

“ความเป็นความตายไม่ใช่ปัญหา แต่ศักดิ์ศรีต่างหากที่สำคัญ มันคือวิถีของลูกผู้ชาย” วัยรุ่นหนุ่มวัยไม่น่าเกิน 18 ประกาศก้องพร้อมกับบิดคันเร่งน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพชองเขาดังลั่น…

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม” วสินกับยมทูตเงาควันปรากฏกายขึ้นท่ามกลางหมู่วัยรุ่นทั้งหลาย

“ถามเหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่เบื่อบ้างรึ ก็จะพามาเข้าร่างใหม่ไง”

“คนไหน อย่าบอกนะว่า…” วสินเหลือบไปมองวัยรุ่นหนุ่มคนนั้น

“ใช่ เป็นไงพอได้ไหม ยังเด็กอยู่เลยนะ จะได้กลับไปเป็นวัยรุ่นไง”

“จะให้ผมเป็นเด็กแว้น” วสินเสียงสูง “ไม่ ไม่มีทาง”

รถมอเตอร์ไซค์หลายสิบคันออกตัวจากจุดที่วสินและยมทูตเงาควันยืนอยู่ด้วยความเร็วสูงเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ เขาและเงาควันต่างจ้องมองรถของวัยรุ่นหนุ่มคนนั้น ไม่นานพอถึงโค้งด้านหน้า รถของวัยรุ่นหนุ่มก็เสียหลักล้มฟาดกับแบริเออร์ข้างทาง

ทั้งวสินและยมทูตหายตัวมาโผล่ตรงจุดเกิดเหตุ…

ภาพเด็กหนุ่มกำลังนอนกระอักเลือดหายใจรวยรินอยู่ริมถนน ทำให้วสินถึงกับเบือนหน้าหนี…

“ตกลงไม่ผ่าน?” เงาควันถามวิญญาณวสินอีกที

“ไม่”

“งั้นไปหาร่างใหม่”

จากนั้นทั้งคู่ก็หายวับไปกับสายลม…

 

…ชายวัยกลางคนกำลังร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตามลำพังในห้องพัก ขาของเขายืนอยู่บนเก้าอี้ในขณะที่มือถือผ้าขาวม้าที่แขวนไว้บนคานบ้าน “คนเราฆ่าได้หยามไม่ได้ อยู่แบบไร้ศักดิ์ศรีมันไร้ค่า สู้ตายอย่างลูกผู้ชายดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็เอาคอคล้องเข้าไปบนผ้าขาวม้าที่แขวนไว้…

 

“คนนี้เป็นไง อายุพอๆ กับนาย เพิ่งโดนเมียทิ้งไปอยู่กับชู้” ยมทูตเงาควันถามวิญญาณวสินที่เพิ่งปรากฏกายขึ้นมาหลังเงาควันไม่กี่วินาที

“ทำไมแต่ละคนมันบ้าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายกันจังวะ” วสินส่ายหัวมองชายวัยกลางคนตรงหน้า

ไม่ทันไรชายวัยกลางคนก็เตะเก้าอี้ให้ล้ม แต่เก้าอี้กลับไม่ล้มดั่งที่เขาตั้งใจ มันแค่ขยับออกไปจากจุดเดิมเล็กน้อย แต่ทว่ามันก็เพียงพอที่ทำให้ขาของเขาไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ร่างของชายวัยกลางคนดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางอากาศ ขาของเขาพยายามที่จะเกี่ยวเก้าอี้ตัวเดิมให้กลับมา…

“ว่าไง เหลือเวลาไม่เยอะนะ” ยมทูตเงาควันย้ำกับวิญญาณวสินอีกที

“ไม่ ผมไม่อยากเป็นคนขี้แพ้ ไปหาร่างอื่นเหอะ” น้ำเสียงวสินฟังออกว่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน

“งั้นก็ตามใจ” ว่าแล้วทั้งสองก็หายวับไปจากห้องนั้น…

ในขณะที่ขาของชายวัยกลางคนที่กำลังพยายามเกี่ยวเก้าอี้กลับมาที่เดิม

แต่กลับพลาดกลายเป็นเตะเก้าอี้ตัวนั้นล้มลง…

 

…วสินนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เขารู้สึกคล้ายซึมเศร้ากับสิ่งที่เห็น เงาควันของยมทูตลอยอยู่ไม่ห่างจากตัวเขาเท่าไรนัก วสินบอกกับผู้นำทางว่าขอพักสักนิด ยมทูตเงาควันเลยพาเขามาที่สวนสาธารณะแห่งนี้…

“ผมว่าไม่ต้องหาแล้วละ ผมไม่อยากอยู่แล้ว” วสินพูดเหมือนตัดพ้อกับยมทูตเงาควัน

“ไม่ได้ ทำไม่ได้เด็ดขาด ขืนเป็นแบบนั้นฉันแย่แน่” ยมทูตเงาควันลอยมานั่งข้างๆ วสิน

“ทำไม กลัวไปอยู่นรกแบบที่กองไฟขู่ไว้สิ”

“เฮ้อ…ก็ใช่ แต่อีกอย่าง นายยังไม่ถึงที่ตาย ยังไงๆ นายก็ต้องหาร่างเข้าให้ได้ก่อนรุ่งเช้าพรุ่งนี้”

วสินถอนหายใจ ทอดสายตามองไปข้างหน้า มีหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเดินผ่านมา ใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความทุกข์ ภาพหญิงแปลกหน้าค่อยๆ เดินผ่านเขาไปคล้ายภาพช้า แววตาของหล่อนบอบช้ำเพราะรอยน้ำตา ริ้วรอยที่ว่า วสินมองครั้งเดียวก็เดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้คงกำลังเผชิญกับมรสุมชีวิตอย่างหนักหน่วง เขาคิดในใจสมัยเขายังมีชีวิตอยู่ เขาคงสามารถช่วยคนอย่างหญิงแปลกหน้าคนนี้ได้ รวมถึงชายวัยกลางคนคนนั้น หรือแม้กระทั่งวัยรุ่นหนุ่มคึกคะนองที่ตายกลางถนนอย่างน่าอนาถ ทุกคนมีปัญหา และปัญหาส่วนใหญ่ในสังคมนี้คือความไม่ยุติธรรม แต่วสินมีความยุติธรรมอยู่ในมือ เขารู้ว่าเขาสามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็บรรเทาความโหดร้ายให้เจือจางลง…

“ก็ยังทำได้อยู่นี่” ยมทูตเงาควันพูดเหมือนได้ยินสิ่งที่วสินคิด

หญิงแปลกหน้าเดินผ่านไปแล้ว วสินลุกจากเก้าอี้ หันไปมองยมทูตเงาควัน “ทำไง”

ยมทูตก่อควันของตัวเองขึ้นมาเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์พร้อมชี้ไปที่ตึกด้านหลังไม่ไกลจากสวนสาธารณะที่พวกเขาอยู่ วสินหันตามไปดู ตึกที่ว่าดูสูงใหญ่ ป้ายไฟรูปร่างคล้ายไม้กางเขนสีแดงสว่างเด่นชัด พร้อมป้ายตัวหนังสือที่ตั้งใจประกาศว่าที่นี่คือโรงพยาบาล…

 

…ทั้งสองปรากฏกายขึ้นในห้องพักคนไข้ บนเตียงมีร่างของเด็กผู้ชายวัยยี่สิบต้นๆ กำลังนอนหลับ ใบหน้ามีหน้ากากออกซิเจนครอบไว้อยู่ ในขณะที่บนตัวของเด็กหนุ่มคนนั้นเต็มไปด้วยสายระโยงระยางทั่วทั้งร่างกาย…

“นี่ละหนาที่เขาเรียกว่าถูกพันธนาการด้วยสายน้ำเกลือ” วสินเดินเข้าไปข้างเตียงเด็กหนุ่ม

“จะให้ผมเข้าร่างเด็กคนนี้เหรอ เขายังไม่ตายนี่นา”

“ไม่ตายก็เหมือนตาย” ยมทูตเงาควันลอยตามมา

“โคม่ามาร่วมสามเดือน คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของเขา น่าเสียดายยังหนุ่มยังแน่น กำลังจะจบกฎหมายด้วยสิ” ยมทูตพูดโน้มน้าววิญญาณวสิน

วสินยิ้มที่มุมปาก “ไม่สำเร็จหรอกคุณยมทูต ผมไม่อยากอยู่แล้ว พาผมกลับไปห้องพักวิญญาณเหอะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ นายไม่สงสารผู้หญิงคนเมื่อกี้เหรอ ไหนจะลูกเมียนายอีก”

“แล้วเธอเกี่ยวอะไรด้วย ผมหมายถึงผู้หญิงคนนั้น”

“เธอเป็นแม่ของเด็กคนนี้ สามีเธอตายในอุบัติเหตุ และอุบัติเหตุเดียวกันนี้แหละที่ทำให้เด็กคนนี้กลายเป็นผัก แต่ถ้านายไม่เข้าร่างเขาภายในคืนนี้ เด็กหนุ่มก็จะสิ้นใจในวันรุ่งขึ้น หรือนายไม่อยากช่วยเด็กคนนี้”

“แล้วลูกเมียผมล่ะ ทำไมผมต้องห่วง”

ยมทูตนิ่งไปสักพัก… “นายไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ รวมถึงพ่อของเด็กคนนี้ด้วย”

วสินพยายามคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขายังนึกอะไรไม่ค่อยออก จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาฉับพลัน

“ผมไม่เข้าใจ” วิญญาณท่านวสินดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้านายยอมเข้าร่างเด็กคนนี้ ไม่นานนายจะคิดออกเอง”

“โอเค ต่อให้ผมยอมเข้าร่างเด็กคนนี้ เขาก็ตายอยู่ดีไม่ใช่เหรอ ก็ในเมื่อพวกคุณบอกเองว่าผมจะเข้าร่างคนที่ถึงกำหนดตายได้เท่านั้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ผมจะช่วยอะไรได้”

“ไม่เหมือนกัน คนตายกับโคม่าไม่เหมือนกัน เด็กหนุ่มที่นายเห็นยังไม่ตาย วิญญาณของคนโคม่ายังคงอยู่เพียงแต่ถูกกรรมเก่าขังวิญญาณไว้ลึกสุดจนไม่สามารถทำอะไรได้อีก ทำได้ก็แค่รอหมดกรรมวิญญาณถึงจะถูกปลดปล่อยออกมา”

วสินทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง…

“เดี๋ยวฉันยังพูดไม่จบ…ถ้านายเข้าร่างของคนที่เป็นผัก วิญญาณของนายก็จะต่ออายุให้กับวิญญาณเจ้าของร่าง กรณีของเด็กหนุ่มคนนี้ อายุขัยของเขาจะหมดในวันพรุ่งนี้ แต่ของนายจะถึงกำหนดตายอีก 40 ปีข้างหน้า ดังนั้นถ้านายเข้าร่างนี้ อายุขัยของเด็กหนุ่มก็จะยืนยาวไปอีก 40 ปี แต่…”

ยมทูตอ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก

“อะไรอีก ว่ามา” เสียงวสินไม่สู้สบอารมณ์เท่าไรนัก

“ในช่วงแรกความทรงจำของนายจะยังคงเหมือนเดิม ในขณะที่ความทรงจำของเจ้าของร่างจะค่อยๆ คืนกลับมาทีละน้อย ในทางกลับกันความทรงจำของนายจะค่อยๆ เลือนหายไป นายจะเป็นวสินเต็มตัวในช่วงแรก แต่พอเวลาผ่านไปความทรงจำเดิมของร่างใหม่จะกลืนความทรงจำของนายจนหมดสิ้น พูดง่ายๆ เมื่อถึงเวลานายจะกลายเป็นเด็กหนุ่มคนนี้เต็มตัว จะไม่มีวสินอีกต่อไป มันคล้ายยื่นหมูยื่นแมว นายได้ร่างใหม่ เด็กคนนี้ไม่ตาย แลกกัน ภาษากฎหมายเรียกว่าสัญญาต่างตอบแทนไง”

“อ้าว…แล้วแบบนี้มันจะช่วยอะไรผมได้”

“อยู่ที่นายจะบริหารเวลาอย่างไร”

“ผมมีเวลาเท่าไหร่ก่อนจะลืมตัวตนของผม”

“10 วัน”

วสินหลับตาครุ่นคิด ถ้าเขาไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ ก็หมายความว่ามีใครต้องการให้เขาตาย และงามตากับมินตราล่ะ จะเกี่ยวข้องด้วยไหม ไหนๆ พ่อของเด็กคนนี้ก็ประสบชะตาเดียวกันกับเขา บางทีการกลับมามีชีวิตในร่างของเด็กหนุ่มอาจช่วยทำอะไรบางอย่างให้ดีขึ้นได้…

“10 วันเองเหรอ”

“ใช่ 10 วัน”

“ตกลง ผมยอม”

สิ้นคำตอบรับยมทูตเงาควันก่อตัวเป็นเกลียวล้อมวิญญาณวสิน ควันคล้ายไต้ฝุ่นหอบร่างผู้พิพากษาหัวหน้าศาลให้ลอยขึ้นมาที่เหนือเตียงของเด็กหนุ่ม ก่อนที่วิญญาณของวสินจะลงไปสู่ร่างใหม่ วสินอดไม่ได้ที่จะต่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขา…

“ไม่ยุติธรรม เป็นความผิดพลาดของพวกคุณแท้ๆ”

“ไม่มีอะไรยุติธรรมหรอกท่านผู้พิพากษา มันเป็นชะตากรรม”

ควันค่อยๆ คลายเกลียวออก ปล่อยให้วิญญาณของวสินเข้าสู่ร่างใหม่ ครั้นวิญญาณผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเข้าไปอยู่ในร่างนักศึกษาวิชากฎหมายเป็นที่เรียบร้อย ควันที่ลอยอยู่กลางอากาศก็หายวับไป…



Don`t copy text!