บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 42 : พระอภัยมณีเป็นเหตุ

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 42 : พระอภัยมณีเป็นเหตุ

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

 

ลำจวนตั้งสติ ปรับสีหน้าแววตาที่มองดูชายจีนเปียยาวให้เรียบ นิ่ง เยือกเย็น ส่วนฮุนรับจังหวะที่เปลี่ยนไปเป็นสงบขรึมนั้นได้ทันท่วงที ชายหนุ่มชี้แจงหน้าซื่อ ด้วยสติที่มั่นคง ไม่มุสาให้มีพิรุธ

“ มิได้นัดหมายใดๆขอรับ กระผมได้พบท่านใต้เท้าท่านนี้ครั้งล่าเมื่อพาเหล่าสหายไปผูกปี้ข้อมือ  เห็นว่าท่านลายมืองามจริง ไต่ถามได้ความว่าท่านรับคัดลอกหนังสือ จึงสืบเสาะติดตามมาถึงนี่เองขอรับ ”

คุณพุ่มแอบขันความมานะของชายหนุ่มในใจ โถ พ่อคุณ ไม่ได้ยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย จากวันที่กล้าเข้ามาทักถามที่ท่าช้าง ทั้งๆที่เจ้าหลานกำมะลอของเธอยืนยันว่าไม่รู้จักแม่หญิงลำจวน แต่มันยังวนเวียนตามกลิ่นสตรีผู้นั้นมานับเวลาได้จนจะเข้าขวบปีแล้วหรือเกินแล้วหรือไม่ก็ไม่แน่ ช่างมิได้รู้จักย่อท้อ

ส่วน  ‘เจ้าเฉก ’ ตัวดี ก็มองสู้ตาเธอยืนยันความบริสุทธิ์อย่างแข็งขัน

คุณพุ่มก้มพลิกอ่านสมุดต้นฉบับอีกครั้งคร่าวๆ

“ หนังสือนิทานคำกลอนของหลวงสุนทรโวหารฯภู่เรื่องนี้ เป็นที่ชื่นชอบมาก มีผู้ว่าจ้างให้คัดกันทั่วไป แต่ไม่เคยเห็นว่าคนจีนก็ชอบอ่าน นายเมฆดูจะมีเป้าหมายจำเพาะเจาะจงอื่นใด หรือไม่ ”

เธอดักคอพ่อหนุ่มผู้แสนพากเพียร หาเส้นทางอันแนบเนียนมาสู่เจ้าลำจวนจนได้

“ มีขอรับ ”

นายฮุนกล่าวอาจหาญ

ไม่เพียงคุณพุ่ม ทั้งลำจวน นางเต็มจนถึงนายหมายถึงกับเขม้นมอง ตะลึงกับคำตอบ

“ กระผมเป็นช่างเขียน..”

คนแพท่าพระทั้งหมดพากันงุนงง

“ กระผมได้อ่านนิทานนี้แล้วได้ลองเขียนตัวภาพขึ้น..”

ชายหนุ่มหยิบสมุดข่อยกระดาษขาวส่วนตัวออกมาเปิดแผ่ออกเบื้องหน้าคุณพุ่ม

เธอพิจารณาดูแล้วก็ถึงแก่เงียบงันไป

ภาพแรก คือร่างลายเส้น พระอภัยมณีขนาดครึ่งตัว ขณะกำลังเป่าปี่

ภาพต่อมา นางผีเสื้อสมุทรขนาดเต็มตัว เป็นสตรีสัดส่วนอวบอัดอะร้าอร่าม สูงใหญ่เคียงภูเขาริมทะเล

“ กระผมอยากจะลอง..ประดิดหนังสือนิทาน..ที่มีภาพประกอบด้วย..จึงคิดจะมาจ้างให้คัดนิทานนี้ ด้วยลายมืองาม แลจะให้เว้นพื้นที่ว่างไว้สำหรับวาดภาพในแต่ละฉากสำคัญขอรับ ”

สตรีอาวุโสมองหน้าฮุน คาดไม่ถึง ตื่นตาตื่นใจเหลือจะกล่าว

ลำจวนเฉกเองก็ถึงกับจนมุม นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะมาไม้นี้

 

เวลาสาย ที่วัดภายใต้อุปัฏฐากท่านเจ้าคุณอินทรา  คงแป๊ะคลี่แผ่นกระดาษข่อยสีขาวนวลแผ่นใหญ่ที่ใช้ร่างแผนงานวาดภาพ ลงกลางโต๊ะวางข้าวของชั่วคราวใต้ร่มไม้ข้างพระอุโบสถ เพื่อแจกแจงแบ่งหน้าที่ให้เหล่าศิษย์

“ ข้าจักเพิ่มขบวนช้างม้าให้มากขึ้นกว่าที่เคยเขียนไว้ในภาพก่อนๆ ให้การสงครามดูอึกทึกครึกโครม โกลาหล ..อ้ายพุด เอ็งต้องคิดช้างคิดม้าที่ละเอียดพิสดารออกไป เช่นเดียวกับสี..ที่จักต้องจัดจ้านสดเข้มยิ่งขึ้น..อ้ายฮุนมันคงต้อง..”

เมื่อเอ่ยนามนั้น คงแป๊ะก็หยุดกึก ด้วยเจ้าตัวยังไม่ปรากฏหัวมาให้เห็น

“ แล้วอ้ายฮุนยังไม่มาอีกรือ จนจะเพลอยู่แล้ว อ้ายพุด..อย่างไรกัน? ”

“ มันไม่ได้บอกอันใดหนาขอรับ วันวาน..เพิ่งพบกัน ก็รับแล้วว่าจะรีบมา ”

ครูพุดบอกได้เท่านั้น

“ อ้ายนี่..เหลวไปได้อย่างไร? ”

ท่านคงแป๊ะออกจะผิดหวัง

“ รือมัวแต่เพลินอ่านนิทาน ”

ครูพุดรำพึงกับตัวเอง

“ อ่านนิทาน!?!? ”

ท่านครูงง

“ นิทานพระอภัยมณีของท่านภู่แลขอรับ เมื่อวานมุมานะตามไปขอซื้อถึงบ้านสวนบางพลัด ”

“ กระนั้นเชียวรือ..อันใดของมันอีกเล่า อ้ายนี่..พิกลขึ้นทุกที ”

ยังไม่ทันมีใครได้เอ่ยอันใด เสียงที่ดังกร่างกว่าหัวหมื่นคนอื่นๆของเจ้าคุณนครบาล ด้วยชอบอวดศักดากว่าใคร ก็พูดจาลั่นๆเข้ามาเสียก่อน

“ สนุกแน่ขอรับ กั้นผ้าประชันอีกเถิด ญาติโยมจะได้สนุกสนานกันประมูลลงขันทำบุญ..กระผมลงข้างคุณหลวงวิจิตรเจษฎา แล้วนี่มีใครลงฝั่งคุณหลวงเสนีย์บริรักษ์บ้างล่ะ? ”

คงแป๊ะและเหล่าศิษย์หันไป เห็นเจ้าคุณอินทรากับเหล่าบริวารเดินเข้ามา

คณะคงแป๊ะพากันยืนรับ แล้วต่างฝ่ายต่างพนมมือไหว้และรับไหว้ สูงบ้างต่ำบ้างลดหลั่นกันไปตามลำดับฐานะและความอาวุโส

เจ้าคุณกวาดตามองเพียงครั้งเดียว เห็นว่าฮุนไม่ได้อยู่ตรงนั้น

“ นึกว่าจะมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียอีก ”

ท่านไม่เก็บออมสิ่งที่อยู่ในใจ

“ มิได้นัดแนะกันดอกขอรับ ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าคุณหลวงวิจิตรฯจะมาวันนี้หรือไม่ ”

คงแป๊ะชักใบ ให้เรือเลี้ยวไปอีกทาง

“ กระผมหมายถึง..ศิษย์ของคุณหลวง..มีหายไปบางคนรือไม่? ”

เจ้าคุณหาได้ลดละ

หากคงแป๊ะก็ยังคงทำตาใส เล่นบทคนซื่อ ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง

“ ก็ทยอยๆมาตามลำดับงานของแต่ละคนแลขอรับ ผู้ใดยังไม่ต้องทำอะไรเพลานี้ ก็มาเพลาอื่น ”

เจ้าคุณหัวเราะหึ ไม่ต่อความยาว เดินนำเหล่าบริวารเข้าไปทางด้านสังฆาวาสเพื่อว่ากล่าวธุระปะปังอื่นต่อไป

เมื่อฮุนมาถึง พร้อมประคองหีบไม้ใส่ของบางอย่าง ทำท่าสลักสำคัญเข้ามา ครูคงแป๊ะจึงทำตาขวางใส่

“ อ้ายฮุน มึงไปที่ใดมา? ”

เจ้าหนุ่มเปียรีบโอ้อวดเสียงใส

“ เมื่อเช้ากระผมไปเจียดยาให้กงที่บ้านซินแสหลี่ พบน้ามุดช่างแกะหลวง แกบอกว่ามีเศษงาช้างจากโรงแกะที่เขาทิ้ง ครูเคยสั่งให้แกเก็บสะสมไว้ให้ อยู่ที่บ้าน ให้ผมตามไปเอามาขอรับ ”

คงแป๊ะดีใจ เปลี่ยนสีหน้าทันที

“ งั้นเอ็งรีบเผาเลย สีดำจากงาช้างเผานี้ดำงามนัก ”

ส่วนครูพุด แอบสบตาฮุนอย่างรู้ทันในความเจ้ากลเอาตัวรอดไปได้อีกครา

ฮุนก้มหน้าก้มตาบดผงสีดำขลับงามเป็นเงาในโกร่งบดขนาดใหญ่อย่างเอาจริงเอาจัง ค่อยๆร่อนฝุ่นสีดำผ่านตะแกรงกรองให้ได้ผงละเอียด แล้วประจงเทลงในโหลแก้วเก็บสีฝุ่นอย่างทะนุถนอม

ทดลองละลายผสมกาวกระถินกับน้ำอุ่นจัดในเปลือกหอยกาบ จากนั้นลองแตะฝุ่นสีดำขลับเป็นเงานั้นลงละลายผสม

ใช้พู่กันหนวดหนูแหลมเรียวบาง จุ่มสีดำงาช้างเผา กรีดลายเส้นลงบนกระดาษสา เพื่อดูเนื้อสีที่ได้

เมื่อมีเงาคนทาบลงมาบนแผ่นกระดาษ ชายหนุ่มจึงหันไปอวด

“ ท่านครูขอรับ..สีงาเผานี้งามเกิน..”

แล้วฮุนก็สะดุ้งแทบล้มลงก้นจ้ำเบ้า

คนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่คือเจ้าคุณอินทรา ไม่ใช่คงแป๊ะ

หนุ่มจีนผมเปียไหว้ท่วมหัว

“ นั่นสีอันใด? ”

ท่านเจ้าคุณสนใจจริงจัง

“ สีดำงาช้างขอรับ ”

“ งาช้าง..? ”

“ ขอรับ..งาช้างเผา ”

“ ไหน..ขอชมหน่อยซี ”

ฮุนส่งกระดาษที่วาดเส้นให้ท่านเจ้าคุณรับไปชมดู

ท่านเจ้าคุณฉวยพู่กันจากมือฮุนไป

“ ขอดูสีด้วยซี ”

ฮุนหยิบจานสีเปลือกหอยขึ้นมาถือรอรับ

เจ้าคุณอินทราลองเอาปลายพู่กันคนสีให้ขนแปรงอุ้มน้ำพอเป็นเนื้อหา ป้ายลงไปในกระดาษ แล้วท่านก็หัวเราะเบาๆ พอใจ

“ แตกต่างไปจากดำอื่นๆ

“ ขอรับ ”

ฮุนก้มศีรษะสนอง

เจ้าคุณพิจารณาสีหน้าท่าทางเจ้าเปียยาว มันดูสงบ ผ่อนคลาย ไม่มีความอึดอัด ตื่นกลัว หรือลนลานเลิ่กลั่กเป็นพิรุธแม้แต่น้อย

“ เอ็งอยากเป็นช่างหลวงรือไม่ ตัดเปีย ตัดปี้ มาเป็นข้าราชการกับเขา ข้าช่วยเอ็งได้หนา ”

น้ำเสียงเมตตา น่านิยมนับถือยิ่ง

ฮุนพยายามเดา ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

“ อายุอานามเอ็งมันใช่น้อย ฝีมือเอ็งก็ใช่ชั่ว จักอยู่เป็นสมุนเขา บดสี เผางา ให้เขาใช้ไปอีกนานเพียงไร”

แท้จริงแล้ว อาจจะเป็นการวัดความทะเยอทะยาน และความพอใจในฐานะของตนหรือไม่ก็เป็นได้ อย่าหวังว่าจะได้ความนัยใดๆ

“ ลูกศิษย์ก็ต้องรับใช้ครู ตราบเท่าที่ท่านเมตตาใช้งานขอรับ ”

“ อ้าว..เช่นนี้แล้ว  ไม่ว่าจะเขียนกันอีกสักกี่วัด กี่โบสถ์ ผู้คนก็จะเรียกว่า..งานของช่างเขียนคงแป๊ะ หลวงเสนีย์บริรักษ์ร่ำไป ไม่มีชื่อ..นายฮุนจีนกับเขาสักทีซี ”

ผู้อาวุโสและยิ่งใหญ่ทั้งฐานะ อำนาจวาสนา แกล้งยั่วยุคนที่น่าจะอ่อนด้อย เปราะบางกว่ามาก

“ ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ท่าน ก็ย่อมได้บารมีของครูท่านคุ้มหัวเสมอขอรับ ”

ฮุนยืนยันด้วยท่าทีอิ่มเอมพอแล้วกับสถานะที่เป็น

“ แล้วทรัพย์สินเงินทองเล่า เป็นลูกน้องเขาจักได้ค่าจ้างค่าออนสักเท่าใดกัน ไม่ปรารถนาเป็นเศรษฐีกับเขาบ้างรือ? ”

ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครบาลดุจเหยี่ยวที่บินวนรอให้เจ้ากระต่ายทุ่งที่หมอบนิ่งขยับเขยื้อนร่าง เพื่อจะได้พุ่งลงไปโฉบด้วยกรงเล็บแหลมคม

“ นอกจากงานหลวงที่ทำกับครู ก็มีงานราษฎร์ ที่คนมาจ้างเนืองๆขอรับ งานประตู บานแผละ ตามวัดวาอารามของชาวบ้าน   งานตู้พระธรรม หีบลายรดน้ำ ลายกำมะลอ เหล่ามรรคนายก อุบาสก อุบาสิกา ท่านเศรษฐีต่างๆมาจ้างทำถวายพระ ท่านครูก็ให้ศิษย์รับทำกันเองตามความถนัดของแต่ละคนไปขอรับ ”

ฮุนบรรยายละเอียดลออ

“ เช่นนั้น เอ็งก็คงมีข้าวของเงินทองสะสมอยู่บ้างกระมัง ”

เจ้าคุณนึกถึงสมบัติที่ลำจวนแต่งติดตัว หากใครได้ปลดเปลื้องเอาไป ก็น่าจะเลื่อนฐานะได้ไม่น้อย

“ ไม่มีดอกขอรับ แค่คนหาเช้ากินค่ำ ”

กูมีเวลาให้มึงซักได้ทั้งวันนั่นแหล.. ฮุนคิด

“ แล้วลูกเมียเล่า? ”

ฮุนตอบ ก้มหน้า สงบเสงี่ยม

“ ไม่มีขอรับ ”

เจ้าคุณมองฮุนเงียบๆ พยายามจะอ่านให้ทะลุว่าคำตอบที่ได้นั้นจริงเท็จเพียงไร

นพโผล่มาพอดี ปรี่เข้ามาอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

“ ท่านเจ้าคุณขอรับ มันพูดจามีพิรุธใช่รือไม่ขอรับ จับมันไปไต่สวนเลยหรือไม่ขอรับ? ”

เจ้าคุณหันไป ส่งสายตากำกับ

ทว่าพี่ชายลำจวนหาได้ตะหนักสำเนียกไม่

“ จักให้กระผมลากคอมันไปบัดเดี๋ยวนี้เลยไหมขอรับ? ”

เขากลับยิ่งคึกคักคันไม้คันมือ

ขณะที่ฮุนทำตาปริบๆ เอียงคองง สงสัย ไร้เดียงสายิ่ง

เจ้าคุณระอิดระอาในความบ้องตื้นของพี่เขยที่กลายมาเป็นลูกสมุนจนเสียแผนไปสิ้น

“ เจ้านพ..เมากระท่อมหรือไร ไป..กลับ! ”

ว่าแล้วท่านก็หันหลัง เดินลิ่วออกไป

พ้นจากสายตาของเจ้าคุณอินทรา ฮุนกลายเป็นอีกคน ไม่ใช่กระต่ายน้อย แต่เป็นหมาใหญ่ ลุกยืนขึ้น เผชิญกับนพ

เพียงเหยียดหลังตรงเต็มตัว ร่างที่สูงใหญ่หนากว่ามาก ก็ทำให้นพกลายเป็นลูกหมาไปได้ในฉับพลัน ลำพังตัวต่อตัว ยากนัก ที่จะต่อกร

นพอ้ำอึ้ง รีบหันขวับ วิ่งตามเจ้าคุณไปให้ทัน

ฮุนแสยะ หมาข้างถนนจนตรอกที่จริงแล้วมันพร้อมที่จะขบกัดฉีกทึ้งศัตรูทุกเมื่อ เพียงแต่หมาที่ฉลาด อาจรู้จักใช้สมองมากกว่าใช้เขี้ยวเล็บ

 

หลายวันต่อมา ในลำน้ำยามบ่ายแก่  เรือน้อยใหญ่ถึงสำเภาแล่นขึ้นล่องเรื่อยเอื่อยเฉื่อยยามแดดร่มลมตก

ในแพท่าพระ คุณพุ่มนั่งร้อยมาลัยพู่กลิ่น มีนางเต็มช่วยตามเคย เสียงลำจวนดังฟังชัด อักขระวรรคตอนสมบูรณ์แบบ แถมท่วงทำนองลีลาเร้าอารมณ์ อ่านหนังสือพระอภัยมณีให้สมาชิกทุกคนในแพฟัง ดังเป็นเวลาสำราญของครอบครัว

สามมาณพนิ่งคิดผิดประหลาด

หรือภูวนาถนึกอางขนางหนี

จะทอดทิ้งน้องไว้ก็ใช่ที

เหตุจะมีสักสิ่งนึกกริ่งใจ

แล้วพากันย่างย่องมองเขม้น

ก็พอเห็นรอยเท้าที่ยาวใหญ่

มายั้งหยุดสุดสิ้นเพียงต้นไทร

แล้วกลับไปหายลงในคงคา

อันรอยนี้มิใช่รอยมนุษย์

ต่างวิมุติหมางจิตคิดกังขา

หรือยักษีผีเสื้อแกล้งมารยา

มาลักพาภูวไนยเอาไปกิน

ศรีสุวรรณเห็นจริงก็ใจหาย

ระทวยกายลงกับท่าชลาสินธุ์

พระเนตรนองนัยนาดั่งวาริน

กันแสงสิ้นเสือกซบสลบไป ฯ

คุณพุ่มเสียบดอกไม้ลงบนเข็มมาลัยยาวช้าๆ ตั้งใจสดับทุกถ้อยคำ

นางเต็มปลิดกลีบดอกไม้ เคลิ้มสงสารศรีสุวรรณ ผู้อ่อนไหวและอ่อนล้า

นายพวงหนุ่มน้อย ตาโตตื่นเต้น

นางทองใบนั่งเจียนหมากวางเรียงไว้อย่างสวยงาม อ้าปากหวอ

นายหมายนั้น อึดอัด ฮึดฮัด ขัดข้อง มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครหนุ่มๆในเหตุการณ์

 

ทันทีที่จบหน้านี้ คุณพุ่มก็วางงานลง พู่กลิ่นสำเร็จเสร็จลงพอดี

“ พอแค่นี้ก่อน เจ้าเฉก ”

ลำจวนเงยขึ้นมา สีหน้าขัดแย้ง

“ อ้าว..”

ผู้ฟังคนอื่นดูผิดหวังทั่วกัน

“ ยังเหลืออีกทั้งเล่มนาขอรับ น่าจะอ่านให้จบ ”

เจ้าพวงหลานชายที่เป็นลูกพี่ชายต่างมารดาคนหนึ่งของคุณพุ่ม ส่งเสียงค้าน

คุณอาพุ่มยิ้มขำ

“ เจ้าพวง.. ต้องพูดว่า..เหลืออยู่เพียงแค่เล่มเดียว หากอ่านจบเสียหมดวันนี้แล้ว วันพรุ่งนี้ ก็ไม่มีอันใดให้ฟังแล้วหนา ”

“ แต่ผมอยากอ่านให้จบ ”

เจ้าเฉกตัวดีงอแงบ้าง

“ นั่นสิเจ้าคะ อิฉันก็อยากฟัง..”

นางเต็มร่วมออกเสียงกับเขา

“ หัดห้ามอกห้ามใจเสียบ้างเถิด มีอยู่เพียงสามเล่ม ค่อยๆประหยัดอ่านไปวันละนิดละหน่อย มิเช่นนั้น เป็นธุระข้า ต้องไปหาเล่มสี่ ห้า หก มาให้พวกเจ้าอีก ”

ประมุขของแพดุ แต่เป็นการดุอย่างใจดีมาก

“ ทั้งหมดมีกี่เล่มจึงจะจบเรื่องขอรับ? ”

นายหมายอยากรู้จริงจัง

คุณพุ่มหัวเราะอย่างขบขันแกมชื่นชมเอ็นดูต่อทั้งท่านผู้ประพันธ์และหมู่ผู้อ่าน

“ ตอบไม่ถูกดอก ดูเหมือนท่านภู่ท่านจะแต่งไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้นเพราะผู้คนชื่นชอบนัก เรียกร้องให้มีตอนต่อไปอีกเรื่อยๆ เพลานี้ก็ตักเข้าไปยี่สิบกว่าเล่มแล้วกระมัง ”

“ เยี่ยมยอดจริงๆ..”

เจ้าเฉกกำหมัด ดวงตาลุกโชน

“ อย่างไรรือ? ”

คุณพุ่มสงสัย

“ เป็นนักแต่งนิทานที่แต่งเรื่องออกมาได้เรื่อยๆด้วยหัวคิดตนเองไม่มีที่สิ้นสุด ”

เจ้าเฉกฮึกเหิมเหมือนได้รับพลังมาเสริมแรงใจ

“ จริงของเจ้า เจ้าเฉก ท่านภู่นี่วิเศษนัก เจ้าคิดดูเถิด เรื่องนิทานต่างๆ ที่ละครนอก ละครในเอามาแต่งบทแสดงกันอยู่ ล้วนแล้วแต่เอามาจากเรื่องโบราณเก่าแก่ เรื่องพื้นบ้านบ้าง ชาดกบ้าง หรือเล่าสืบต่อกันมาแต่ครั้งกรุงเก่าบ้าง จากของชาติอื่นก็มี..แต่ท่านภู่..ท่านคิดเรื่องขึ้นมาของท่านเอง ไม่ซ้ำผู้ใด มิได้แปลงเอามาจากคัมภีร์ของแขก ฝรั่ง จีน จาม ชวา เขมร มอญใดๆเลย ”

 

ที่หน้าแพ ชายร่างสันทัดผู้หนึ่ง ก้าวขึ้นจากเรือที่จอดเทียบอย่างเงียบกริบ มายืนข้างประตูห้องด้านหน้า โดยไม่มีผู้ใดได้ยิน

คุณพุ่มยังคงมุ่งมั่นชี้แนะแนวทางให้ศิษย์เอกต่อไป

“ เจ้าคัดลอกนิทานพระอภัยมณีไป แล้วลองพินิจพิจารณาถ้อยคำของท่านภู่ ว่าเพราะเหตุใด กลอนของท่านจึงเป็นกลอนครูที่ไม่ว่าผู้ใดก็พากันเอาอย่าง ”

“ กระผมสังเกตเห็นประการหนึ่งว่า..ท่านอาลักษณ์ภู่จะเล่นเสียงของอักษรเดียวกันล้อกันไปในวรรคเดียวกันเสมอขอรับ ”

ที่แท้ ชายผู้มาเยือนอย่างไม่มีผู้ใดสังเกตนั้น คือตัวท่านอดีตอาลักษณ์แผ่นดินกลางนั่นเอง บัดนี้ ยืนฟังคนทั้งสองพูดคุยถึงตนเองด้วยความแปลกใจเป็นที่สุด

“ อย่างไร? ”

“ อย่าง..”

เจ้าเฉกก้มลงอ่าน

“ พระเนตร นอง นัยนาดั่งวาริน ”

เสียงอ่านยกตัวอย่าง เน้นหนักตรงเสียงพยัญชนะตัวน.หนู

“ ท่านอาลักษณ์ภู่เล่นกับเสียงน.หนู เนตร นอง นัยนา  รือ..กันแสงสิ้นเสือกซบสลบไป ”

เจ้าหนุ่มน้อยหน้าตาผ่องผุด เกลี้ยงเกลา เน้นแรงตรงเสียงส.และซ.

“ ท่านภู่เล่นกับเสียงสอ.แลซอ. กันแสง สิ้น เสือก ซบ สลบ ”

เจ้าตัวอดรนทนต่อไปไม่ไหว ยิ้มเต็มหน้า ก้าวเข้ามาปรากฏตัว

“ ดูเหมือนจะได้ยินชื่อภู่ๆๆดังขรมอยู่ในแพนี้..ชะรอยจะมีผู้ใดนินทาเราอยู่เป็นแม่นมั่น ”

ทุกคนหันมาด้วยความตกใจ

ท่านภู่กำลังทำท่าราวพระเอกลิเก ที่ใช้มือป้องปากกล่าวรำพึงความในใจกับผู้ชม

ขณะที่เหล่าบริวารงงงันพรึงเพริด คุณพุ่มกลับลุกขึ้น ตื่นเต้น ดีใจ เหมือนเด็กเห็นผู้ใหญ่ที่รักสนิท  เธอยืนพนมมือ ไหว้ก้มหัวต่ำอย่างนับถือยิ่ง ทั้งทางด้านวัยวุฒิ และคุณวุฒิ

“ ท่านอาลักษณ์ภู่!! นี่มาได้อย่างไรคะ  เงียบเชียบราวกับเทวดาอุ้มมา ”

บุรุษยอดนักกลอนรับไหว้สตรียอดนักสักวา ทั้งสองต่างก็หัวเราะให้กัน

ลำจวนตะลึง รู้สึกเหลือจะเชื่อได้

เธอได้พบเจอท่านภู่อย่างใกล้ชิดจริงๆแล้วหรือนี่!

สายน้ำไหลเอื่อยลง เมื่อใกล้สายัณห์ ด้วยเป็นโมงยามที่น้ำนิ่งในวันนั้น

ลำจวนในคราบหลานชายหนุ่มน้อยของเจ้าบ้าน ยกน้ำร้อนน้ำชามาวางอย่างกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วว่องไง

คุณพุ่มและสุนทรภู่ นั่งกินหมากพลางคุยกันไปเบาๆที่มุมรับแขกสบายๆ ร่มสนิทแล้ว ในเวลานี้ ด้วยตะวันคล้อยต่ำลงมาก

นางเต็มนั่งพัด เฝ้าไม่ห่าง ตาจับจ้องเขม็ง ไม่ยอมให้นายหญิงได้อยู่ลำพังกับบุรุษใดให้ผู้คนนินทาว่ากล่าวได้ เช่นเดียวกับนายหมาย ที่นั่งรักษาการณ์ขึงขังอยู่ด้านหน้าแพ

“อิฉันจักไม่เข้าประชันสักวาในคืนลอยพระประทีปเพ็ญเดือนสิบสองกระไรได้  งานนี้จักขาดบุษบาท่าเรือจ้างไปได้รือคะ ท่านอาลักษณ์ ”

คุณพุ่มตอบคำสนทนาของผู้มาอย่างเหนือความคาดหมาย เธอหัวเราะขันทว่าเจือความเคารพ

“ ข้อที่กระผมกลัว ก็คือ..คุณจักไม่ยอมญาติดีกับองค์อิเหนา ”

คุณพุ่มวางหน้าเรียบเฉย

“ ไม่ว่าท่านผู้ใดมารับบทอิเหนา อิฉันจักญาติดีหรือจิกตี ก็สุดแล้วแต่ว่าจักจับเอาบทตอนใดมาเล่น อิฉันมีหน้าที่ให้กลอนพาไป ”

“ หากเป็นอิเหนาพระองค์เดิมเล่า ”

อดีตอาลักษณ์หยั่งเชิง

ลำจวนเฉกนั่งอยู่ไม่ไกล ทำทีเป็นรอปรนนิบัติ แต่ตั้งใจฟังหูผึ่ง ตามองหน้าสุนทรภู่แป๋วอย่างลืมตัวเพราะบุคคลที่ตนเฝ้าติดตามและท่องจำกลอนของท่านมาตั้งแต่เป็นตัวเป็นตน มานั่งพูดจา มีเลือดมีเนื้อ ใกล้ขนาดจะเอื้อมมือไปจับก็ได้ อยู่เพียงนี้เอง

“ โธ่ คุณหลวงสุนทรโวหารเจ้าคะ.. อิฉันไม่เอาความเก่าโบรมโบราณมาเป็นอารมณ์ดอกค่ะ

คุณพุ่มยิ้มเยือกเย็น

“ เช่นนั้นก็โล่งอกไปที ”

“ ดิฉันจักเล่นสักวาเพื่อถวายในหลวงทอดพระเนตร ไม่มีเรื่องอื่นใดจะมาสำคัญไปกว่านี้ดอกค่ะ ”

คุณอาคนงามของเจ้าหลานหนุ่มน้อยยิ้มหยิ่ง

“ ทูลกระหม่อมฟ้าน้อยของกระผม ทรงตั้งพระหฤทัยว่าปีนี้จะทำให้คล้ายสมัยก่อน ”

ท่านภู่ค่อยๆแย้มพราย

“ แต่ในหลวงท่านโปรดให้ทำกันเล็กๆมาหลายปีแล้วหนาคะ ทรงปรามว่าที่เคยทำกระทงลอยพระประทีปกันโดยพิสดาร มีกลไกใหญ่โต ประกวดประชันไม่ยอมแพ้กันเลย เช่นลางกระทง เอาวงมโหรีขึ้นไปนั่งบรรเลงในกระทงทั้งวง  รือแทบจะชะลอเขาพระสุเมรุ ป่าหิมพานต์ทั้งป่ามาลอยในน้ำ มีกลไกเคลื่อนไหวไขลานต่างๆนั้น ท่านทรงห้ามใครทำอีก เพราะไม่มีพระราชประสงค์ให้สิ้นเปลืองเงินทองสุรุ่ยสุร่ายกันไปเปล่าๆนะคะ ”

คุณพุ่มแย้ง

“ทูลกระหม่อมท่านก็มิใช่จะมีพระประสงค์ให้เหมือนเดิมในแง่แข่งขันความใหญ่โตทางวัตถุดอก แต่เป็นเรื่องของความสนุกครึกครื้นรื่นเริง ทรงโปรดให้กระผมมาเป็นทูตเชิญคุณพุ่ม..กรุณาช่วยมาเป็นนางเอกสักวาเหมือนเดิม..”

คุณพุ่มยิ้มละมุน แฝงแววยั่วเย้ย

“ ทางหลวงสิทธิ์นายเวรเธอมาเชิญแล้วค่ะ..แลอิฉันก็รับปากรับคำเธอไปแล้ว ”

สุนทรภู่อดหัวเราะไม่ได้

“ อ้อ..ที่แท้..คนเด็กหนุ่มรุ่นใหม่เขาแอบมาเชิญคุณเสียก่อนแล้วนี่เอง ”

“ มิได้แอบ ‘ใครๆ’  เขาก็มาเชิญอิฉันอย่างสง่าผ่าเผย..ด้วย ‘ตนเอง’  ”

ลำจวนจับได้ ถึงนัยยะอันเหน็บแนมที่ฝากไปถึงเจ้านายที่ทรงใช้ท่านภู่มาคราวนี้

ทว่าท่านภู่ทำเหมือนไม่รู้สึก ยิ้มปีติ

“ เช่นนั้น งานคราวนี้ กระผมกับคุณพุ่ม คงได้ลับคารมกัน เพราะกระผมก็คงต้องหมอบรับใช้อยู่ในเรืออิเหนานั่นแล

“ ท่านอาลักษณ์กรุณาออมมือให้กับดิฉันด้วยก็แล้วกัน อิฉันไม่ลืมเลย..ที่ท่านอาลักษณ์เคยหมอบบอกสักวาอยู่ในเรือพระองค์เจ้าสังข์ครั้งกระโน้น ”

คุณพุ่มหมายถึงพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระราชโอรสรูปงามดุจพระสังข์ทอง ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปแล้ว

“ ท่านอาลักษณ์มาในผ้าเหลืองด้วยซ้ำ แต่คารมคมปลาบกว่าผู้ใด อิฉันก็กลัวท่านอาลักษณ์อยู่ผู้เดียวนี่แหล ”

ลำจวนมองดูท่านผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างตื่นเต้นตาโต กระหายนักที่จะได้ดูงานเล่นสักวาอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง

พอดีท่านภู่มองมา เห็นประกายตาเจ้าเด็กหนุ่ม ที่สว่างจ้าเหมือนแสงชวาลาดวงใหญ่

มันรีบก้มหน้าหลบ เมื่อถูกจับได้

แต่ความสนใจของท่านครูกลอนได้เกิดขึ้นแล้ว

 



Don`t copy text!