บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 56 : โล่งไปที

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 56 : โล่งไปที

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

 

ดวงเอ๋ย ดวงไต้สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู

ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้                   จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี

ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว             พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี

อันนรกตกใจไปไยมี                 ยมบาลกับพี่เป็นเกลอกัน

เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง            จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน

แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน                 นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา

พอดึกๆสักหน่อยนะน้องแก้ว                พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา

โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา           เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน

คุณพุ่มยิ้มอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลินใจ ในฐานะผู้ฟัง ส่วนลำจวน ก็คึกคะนอง ออกหน้าตาท่าทางสุ้มเสียงลีลา ราวกับกำลังเล่นละคร ในฐานะผู้อ่าน

ส่วนนางเต็มที่นั่งฟังอยู่ด้วย เผลอหลุดหัวเราะไปกับเขาอยู่หลายคิก กลับรีบตีหน้าเคร่ง

ส่วนนายหมายเพิ่งย่องเข้ามาถึง  ตกตะลึงเล็กน้อย กับเนื้อหาล่อแหลม ออกจะโลนๆนั้น

“ คุณคะ ให้คุณเฉกอ่านเรื่องแบบนี้ จะดีรือคะ? ”

“ ไม่ดีอย่างไร? ”

นายหญิงขมวดคิ้ว ด้วยทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่โตๆด้วยกันแล้วทั้งหมด เรื่องแค่นี้ ไม่เห็นน่าจะมีอันใดให้หวั่นระวัง

“ เรื่องของพวกขอทาน คนชั้นต่ำ ไม่เห็นจะรื่นหูตรงไหน ไม่มีสิ่งใดสวยงามน่าชมสักนิด ”

คุณพุ่มกลอกตา

สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด  งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า  พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ   คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย      จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ  หูกลวงดวงพักตร์หักงอ ลำคอโตตันสั้นกลม  สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว  โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม  เสวยสลายาจุกพระโอฐษ์อม  มันน่าเชยน่าชมนางเทวี..”

เธอท่องออกมายาว

“..สวยงามออกหนา ”

เธอแกล้งยั่ว

ทำให้บ่าวผู้ภักดีทำหน้าหมดปัญญา

“ คุณละก้อ..”

“ ข้าชอบมากเชียวแหล นางเต็ม  เรื่องอื่นๆ มีแต่เรื่องราวของกษัตริย์ นักรบ รือนางฟ้าเทวดาสูงส่ง มีแต่นางเอกแรกรุ่นดรุณีวัยกำดัดทำดวงตาชะม้อยชะม้ายราวกวางน้อยไร้เดียงสา ทว่าจริตจะก้านมารยาแง่งอนค้อนควักยั่วชาย น่ารำคาญนัก ”

“ กระผมชอบขอรับ ผมชอบที่เขาพรรณนาของใช้ของคนทั่วไป บ้านช่อง ข้าวของ อาหารการกินของชาวบ้านร้านตลาด..อาทิเช่น..แล้วตักเอาข้าวกล้องมาสองแล่ง ค่อยประจงลงใส่กะบะแดง  กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว..ผมว่า..ผู้แต่งท่านนี้มิใช่คนหยาบช้าอันใดเลย ทว่าละเอียดประณีตทุกถ้อยคำด้วยซ้ำไป”

‘ คุณเฉก ’ ออกความเห็น

“ เห็นดีเห็นงามกันไปใหญ่ เรื่องผิดศีลธรรมแท้ๆนะเจ้าคะ บัดสีบัดเถลิง ”

นางเต็มค้อนหลานชายอุปโหลกของนาย

“ เจ้าเฉกมันรักจะเป็นนักหนังสือ..มันต้องได้อ่านหนังสือดีทุกประเภท  ดูเถิด..เจ้าเฉก  ในหนังสือแทบทุกเล่ม พระนางทั้งหลาย ต่างอ้างเอาความดีงาม รือเป็นวงศ์เทวัญอสัญแดหวา  เทพเจ้าอุ้มสม บุพเพสันนิวาส เนื้อคู่ตุนาหงัน..แล้วมาทำเรื่องบัดสี เรื่องบาปกรรม ทำศึกสงครามรบราฆ่าฟันราษฎร  ชิงนาง ชิงชู้กัน อ้างว่าตนประเสริฐเลิศเลอสารพัด แต่ในเรื่องนี้..กลับเปิดเผยกิเลสตัณหา โลภ โกรธ หลง ตะกละ เห็นแก่ตัว ขลาดแลเขลา..อันมนุษย์ทุกผู้ทุกนามมิได้แตกต่างกัน  ซื่อๆ ตรงๆ หายากที่ใครจักคิดแต่งได้เช่นนี้ ”

คุณพุ่มแสดงความเห็น

“ แต่อิฉันว่า..ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง อุตริเอาคำเจ้าคำนายมาใช้กับเรื่องชาวบ้าน เอาบทละครอิเหนา พระราชนิพนธ์ของทูลกระหม่อมแผ่นดินกลาง ที่เป็นละครชั้นสูงในวัง..มาล้อเลียนเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องชายฮินดูสองคนต่อยตีกันแย่งหญิงมลายูคนเดียวกัน  ที่ตลกขบขันอื้อฉาวในหมู่ชาวตลาด ตลกโปกฮาสัปดี้สีปะดนสิ้นดี สมควรโดนพระราชอาญามากกว่า ไม่ควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่างนะเจ้าคะ ”

นางเต็มร้อนใจจริงจัง

“ หากอิฉันรู้ว่าผู้ใดเขียนเรื่องนี้ อิฉันจะไปแจ้งนครบาลให้จับไปเอามะพร้าวห้าวตบปาก ”

ทำเอาทั้งคุณพุ่ม ลำจวน รวมทั้งนายหมายระย่อไปตามๆกัน

วงอ่านหนังสือสลายตัว คุณพุ่มออกมาพรวนดินในกระถางดอกไม้ริมแพ ลำจวนตักน้ำในแม่น้ำขึ้นมารดน้ำต้นไม้ ส่วนนายหมายเปลี่ยนกระถางที่ต้นไม้เติบโตจนรากคับกระถางเก่าไปแล้ว

“ นางเต็มมันเป็นผู้ดีเก่าเหง้าผู้ดี เคยเป็นชาววังรังกะตุ๋ยเห็นหมามุ่ยเป็นถั่วแระ หมั่นไส้นัก..ทำเป็นหูบาง..อะไรนิดอะไรหน่อยก็ทนฟังมิได้ ”

“ แกเป็นกุลสตรีน่ะขอรับ กระผมว่า เรื่องระเด่นลันไดนี้  น่าจักเขียนแล้วงำเอาไว้สำหรับอ่านแลฟังกันเล่นๆในหมู่บุรุษมากกว่า ”

ลำจวนตัดสิน

คุณพุ่มมองอย่างสนใจ

“ เจ้าคิดเช่นนั้นรือ? ”

“ อย่างท่านอาลักษณ์ภู่..กระผมคิดว่าท่านเขียนกลอนสำหรับสตรีฟัง เช่นบทรำพึงรำพัน ตัดพ้อต่อว่า.. รือสั่งสอนต่างๆ รือบอกว่าตนเองอาภัพปานใด ก็ดูเหมือนกับว่าจะเขียนให้ลอยลมไป..ให้ความนัยไปเกี้ยวพาราสีสตรีบางท่าน ให้ได้ยินแล้วหวั่นไหวใจอ่อนต่อท่าน แม้แต่เรื่องนิทานพระอภัยมณี ..คนฟังก็มักจะเป็นสตรี ที่จะฟังแล้วเคลิ้มฝัน

แต่อย่าง..ลิลิตตะเลงพ่ายของท่านพระ  ท่านเขียนให้กุลบุตรที่สูงส่งด้วยคุณธรรมเช่นกันกับท่านอ่าน ไม่มีแม้แต่คำเดียวที่จักผิดพลาดบกพร่องให้ติฉินได้

แต่ระเด่นลันไดนี้ เหมือนเอาไว้อ่านแล้วหัวร่อขบขันกันอย่างห่ามๆหน่อย สตรีลางนางฟังแล้วอาจรู้สึกเคืองระคาย ”

คุณพุ่มล้างมือ

“ ที่เจ้าพูด ไม่แน่ว่าผิดรือถูก แต่ก็น่าคิดอยู่ ข้าจักบอกให้ ว่าคนเขียนระเด่นลันไดนั้น คือคุณพระมหามนตรี ทรัพย์..เป็นข้าราชการตำรวจใหญ่โตท่านหนึ่ง ที่ถวายรับใช้ใกล้ชิดเบื้องยุคลบาทที่ทิมตำรวจในวังนั่นเอง ”

“ นั่นปะไร ท่านต้องเป็นคนองอาจปราดเปรื่องผู้นึงเทียวขอรับ ”

“ อย่าไปบอกใครเทียวล่ะ บัดเดี๋ยวนางเต็มจะไปแจ้งนครบาลมาจับท่าน ”

คุณพุ่มกับหลานเฉกหัวเราะกันอย่างขบขันเป็นที่สุด

หลังจากเธอเดินเข้าเรือนไปและนายหมายชะแง้มองส่งจนมั่นใจแล้ว ว่านายหญิงจะไม่กลับออกมาอีกแน่ จึงเลียบเคียงเข้ามาใกล้อย่างมีเจตนา

“ อันใด..นายหมาย? ”

คุณเฉกรู้ที

“ เจ้าฮุนหางเปีย..ฝากข้อความสำคัญให้กระผมมาบอกคุณเฉก ”

หนุ่มหน้ามนร้อนใจ มองซ้ายขวา กลัวใครได้ยิน ขยับเข้าใกล้ ลดเสียงเบา

“ ว่า..? ”

“ เป็นเพียงความสั้นๆว่า..”

นายหมายคิดทบทวน แล้วท่องออกมาอย่างตั้งใจ

“   ‘พระหลวงพี่ที่วัดทอง ได้นำยาจากโอสถศาลา ไปมอบให้โยมพ่อแล้ว  นอกนั้นก็สุดแท้แต่โยมพ่อเอง..’   แค่นี่แหลขอรับ ”

ใบหน้างามสะอาดนั้น ฉายแสงกระจ่างออกมาด้วยยิ้มกว้างขวาง ดวงตาเป็นประกายแจ่มเจิด

 

“ ขอบใจมา นายหมาย ขอบใจ..”

 

เช้าวันออกพรรษา ในสวนลึกริมคลองบางกอกน้อย

เรือพระ เณร จากหลายวัด พายผ่านท่าน้ำแต่ละบ้าน รับบาตรชาวบ้านชาวสวน ใช้เวลายาวนานกว่าวันอื่น เพราะญาติโยมพร้อมใจกันออกมาทำบุญมากกว่าธรรมดา

หม่อมน้อย ประคองนายสุ่นให้ใส่บาตรพระบุญลือ และพระ เณรอีกหลายรูป ที่พายเรือตามๆกันมาเป็นทิว

ข้าวต้มมัดจำนวนมาก ทั้งอย่างหวานอย่างคาว เป็นอาหารที่ทุกบ้านทำกันมาทั้งเพื่อทำบุญและทำทาน จ่ายแจกแลกกันกิน ตามประเพณีออกพรรษาแต่ก่อนเก่า

ในเรือของพระบุญลือ มีข้าวต้มมัดเป็นกองพะเนิน  รวมทั้งดอกไม้ ธูปเทียน

มีเรือของศิษย์วัดที่พายตามมารับของใส่บาตรจนเพียบอีกหลายลำ

“ หลวงพี่ สบายดีรือเจ้าคะ? ”

หม่อมน้อยทักทาย

“ เจริญพร ไม่เจ็บไม่ไข้อันใด คุณโยมหม่อมน้อยสบายดี ”

“ สบายดีค่ะ ขอบพระคุณหลวงพี่มาก ฉันรู้ว่าพ่อเป็นเพียงโรคแผลในกระเพาะ มิใช่ฝีในท้อง ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยล่ะค่ะ ”

พระบุญลือพิจารณาดูร่างกายโยมบิดาเลี้ยง ที่ช่วยยกตะกร้าผลไม้ลงวางในเรือศิษย์วัดที่ตามมา

“ โยมนายสุ่น..สีหน้าสดใสขึ้นมาก ”

นายสุ่นเฉยเมยห่างเหินตามเคย

“ ก็..ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อยแล้ว ”

“ ประเดี๋ยววันนี้อิฉันจะไปฟังเทศน์นะเจ้าคะ ”

คุณนายนอบพินอบพิเทากว่าเคย

“ เจริญพร..โยม ”

นายสุ่นยังไม่หยุดช่วยแม่จำปาและนางทิมยกของลงเรือศิษย์เป็นเข่งๆ ได้แก่ข้าวสาร อาหารแห้งเป็นต้น

ดึกสงัด ลมสงบ ทว่าอากาศเย็นลงมาก แพคุณพุ่ม หนาวยะเยือกจนสตรีผู้เป็นเจ้าเรือนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา  เธอกระพริบตา แปลกใจ ที่เห็นแสงสว่างลอดเข้ามาทางช่องใต้ประตู แม้จางบางเบา แต่ก็ผิดสังเกต

คุณพุ่มเอาผ้าห่มไหล่ เปิดมุ้ง เดินจรดฝีเท้าเบา ผ่านมุ้งนางเต็ม ที่นอนอยู่ด้านปลายเท้า

ที่ห้องด้านหน้า ลำจวนเอาผ้าห่มมาทำกระโจมคลุมตัวไว้กับตะเกียง ก้มโค้งมุดหัวทำอะไรอยู่ดูประหลาด

คุณพุ่มปราดเข้าไป กระชากโปงกระโจมนั้นออก

ลำจวนนั่งก้มต่ำ ตาแทบติดหนังสือที่กำลังคัดอยู่

หญิงสาวสะดุ้งโดดขึ้น แล้วยืนตัวแข็งทื่อ

สตรีผู้อาวุโสยืนเท้าสะเอว ก้มลงดู

“ พระอภัยมณี..”

เธอเอ่ยได้ทันที เมื่ออ่านคำกลอนที่ปรากฏ

“ ขอรับ ”

ลำจวนรับ ด้วยหลักฐานคาหนังคาเขา

“ ไปคัดเอกสารที่กรมพระคลังมหาสมบัติอย่างเดียว ไม่พอกินหรือไร ถึงยังแอบลักลอบ รับจ้างเจ้าเมฆทองคัดนิทานอยู่เช่นนี้ ”

“ มิได้รับจ้างขอรับ ”

ลำจวนเสียงอ่อย ทรุดหมอบลง

“ อย่างไรกัน ”

“ กระผม..คัดให้เพื่อให้นายฮุนเอาไปเขียนรูป..มอบให้ท่านอาลักษณ์ มิได้คิดค่าจ้างค่าออนอันใดขอรับ ”

คุณอาพุ่มของเจ้าเฉกอ่อนใจ

“ ข้าห้ามเจ้ารับจ้างคัดให้มัน.. ดังนั้น เจ้าจึงรับเขียนให้เปล่าๆ..เจ้าเฉก..เจ้าเฉกเอ๋ย..เจ้านี่มัน..ช่างเหลือเกินนัก

สตรีงามวัยถอนใจยาว มองดวงหน้าเล็กเผือด ที่มีดวงตาละห้อย มองมาอย่างสำนึกผิด ทว่าก็มิได้คิดจะกลับตัวกลับใจแม้แต่น้อย ด้วยเหนื่อยใจจนไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว

 

ต้นมะเดื่อใหญ่ ออกผลระย้อยระย้าในสวน ริมน้ำ

สามศิษย์คงแป๊ะ คือฮุน หนุ่มสักขาลาย และชายหนวดเคราเฟิ้ม กระโดดข้ามท้องร่องมาหยุดยืนชะเง้อดู

“ ต้นนี้แหล กำลังเหมาะ ”

หนุ่มสักขา ชักมีดคมที่พกมาออกจากปลอก แล้วสับฉับเข้าไปตรงลำต้น

พี่หนวดนำไม้แหลมเกลาเป็นรางเล็กๆที่เตรียมมา เสียบไปในรอยสับนั้น ให้เป็นเส้นทางนำน้ำยางไหลตามรางไม้ลงมา

ฮุนเอาภาชนะกระบอกไม้ไผ่ แขวนรองรับน้ำยางมะเดื่อที่ไหลมาตามลำรางนั้น

ยางมะเดื่อเป็นน้ำสีขาว หยดหยาดไม่หยุด ดุจเลือดของต้นไม้

หลังจากออกพรรษาแล้ว ย่างเข้าหน้าหนาว เป็นช่วงเหมาะสมสำหรับกรีดยางมะเดื่ออุทุมพร  ที่น้ำยางไม่ใสเหลวอย่างช่วงหน้าฝน เพื่อนำไปใช้ในการปิดทองภาพเขียน

ขั้นตอนจากนั้นก็นำยางมะเดื่อไปกรองเอาฝุ่นผงออก ผสมกับน้ำต้มสุกที่คลายร้อนแล้ว คนให้ไม่เหลวไป ไม่หนืดไป

ครูพุดทาน้ำยางนั้นไปบนลายบนผนัง ที่เว้นขาวไว้สำหรับปิดทอง หลังจากที่ลงสีต่างๆในภาพเสร็จหมดแล้ว และปล่อยให้ยางแห้งหมาดพอดีก่อน

จากนั้นฮุนจึงลงมือปิดทองคำเปลวที่วางไว้เป็นตั้งๆ แผ่นทองอยู่ระหวางแผ่นกระดาษสา ที่ตัดเหลี่ยม ผูกตอกไว้เป็นมัดๆ

ฮุนหยิบแผ่นกระดาษที่ประกบแผ่นทองข้างในแบะออก แล้วกดปิดทองไปบนภาพที่ครูพุดทายางที่หมาดแล้วอย่างประณีต ใช้นิ้วรีดให้ทองติดสนิทเรียบร้อยดี เสร็จแล้วจึงใช้แปรงปัดทองส่วนเกินออก

คงแป๊ะที่สวมแว่นสายตายาว ตัดเส้นภาพ เช่น เครื่องทรงลายต่างๆ เขียนทับลงไปบนภาพที่ปิดทองแล้วอีกทีอย่างแม่นยำ คมชัด ด้วยแปรงหนวดหนูที่เรียวแหลมคมกริบ

เสร็จงาน ฮุนนั่งยอง จัดระเบียบอุปกรณ์ที่ทำสะอาดเสร็จแล้ว เรียงรายเป็นหมวดหมู่ เตรียมเก็บกลับเรือนครู

งานที่วัดของท่านเจ้าคุณนครบาลของเขาสิ้นสุดลงเสียที

เสียงการเคลื่อนไหวและเงาคนที่ทอดทะมึนมาบังแสงรอบตัว ทำให้ฮุนเงยขึ้นมอง

เจ้าคุณอินทรากับเหล่าหัวหมื่นทั้งคณะนั่นเอง ที่ยืนรายล้อมกันอยู่

“ ดูราวกับว่า..ลื้อหายหน้าหายตาไปในระยะหลังๆนี้  นึกว่าลื้อจักไม่กลับมาให้เห็นหัวอีกแล้วเสียอีก ”

นี่คือคำทักของท่านเจ้าคุณผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่

ฮุนเงยหน้า ยิ้มสุภาพ แล้วก้มศีรษะลงอย่างอ่อนน้อม

“ กระผมก็ยังคงมาอยู่หนาขอรับ สุดแต่ครูคงจะเรียกใช้ ”

“ เช่นนั้นรือ แล้วหากวันใดคุณหลวงไม่เรียก เจ้าไปไหนเสีย ”

“ หนีหน้า เพราะเกรงเจ้าคุณท่านจะฟันแขนขาดตาย เช่นไอ้เม้งปืนสามสี่กระบอกนั่นรือ? ”

ถ้าปากไม่ดี คงจะไม่ใช่นพ พี่ชายลำจวน

“ รือเมาฝิ่นอยู่ ”

หมื่นเดชรับลูก

“ เสพนิดๆหน่อยๆ ไม่ว่า อย่าค้าก็แล้วกัน ”

หมื่นรวยขำขัน

“ เห็นว่ามีก๊วนขี้ยากุลีที่อู่เรือต่างๆอยู่ไม่น้อย ”

หมื่นโชคเอ่ยลอยๆ คล้ายหารือ

ความสงบรำงับ เยือกเย็นไม่หวั่นไหวของหนุ่มผมเปีย เหมือนจะยั่วยุทุกคนตรงนั้น

“ กระผมมิได้หนีหน้า มิได้ยุ่งเกี่ยวกับฝิ่น กระผมไปทำงานที่ท่านครูมอบหมาย ”

“ ท่านครูลื้อทำงานให้อั๊วะ แต่ยอมให้ศิษย์เอกอย่างลื้อ..ไปๆมาๆขาดๆหายๆ เช่นนี้  แล้วเมื่อใดงานจะเสร็จ จนออกพรรษาแล้ว ภาพของคุณหลวงวิจิตรฯ ท่านรอจะเปิดผ้าประชันงานอยู่วันสองวันนี้แล้ว แต่ของคุณหลวงเสนีย์ฯสิ เพิ่งปิดทอง..เพราะลูกน้องเหลวไหลอย่างนี้นี่เองรือ ”

เจ้าคุณอินทราก้าวใกล้เข้ามา อย่างมีเจตนาคุกคามชัดเจน

“ ขอประทานโทษ ที่มาขัดจังหวะ ..ท่านเจ้าคุณ ”

เสียงเข้มห้าวหนักนั้น คือเสียงของคุณหลวงเสนีย์บริรักษ์ ที่ทำให้ทุกคนต้องหยุด หันไปมอง

คงแป๊ะยืนยิ้มละไมละมุน มีแว่นตากรอบทองคาดไว้บนศีรษะดูกวนสายตาไม่น้อย มีครูพุดยืนข้าง ถือข้าวของส่วนตัวของครูเต็มมือ

“ ไอ้ฮุน..คือศิษย์เอกกระผมจริง..แต่..มันมิใช่ลูกน้องกระผมอีกต่อไปแล้ว ผมให้มันออกไปแล้ว ”

“ มันทำผิดอันใด รือขโมยข้าวของครูไปขายแลกฝิ่น ”

นพกระเหี้ยนกระหือ

“ คุณหลวงไล่มันออก..เช่นนั้นรือ?”

เจ้าคุณฉงน อยากรู้อยากเห็นยิ่ง

คงแป๊ะเดินเข้ามา ดึงแขนฮุนให้ลุกขึ้น ยืนขึ้นเสมอตนและเสมอคนอื่น ครูพุดเข้ามายืนขนาบฮุนอีกข้าง โอบบ่าอย่างภาคภูมิใจ

“ คุณหลวงเสนีย์ฯพูดว่า..ให้ออก มิได้พูดว่า ไล่ออกหนาขอรับ ”

คงแป๊ะวางอารมณ์ราบเรียบ

“ กระผมทราบมาว่า…มีคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง พากันมาทาบทามจะดึงมันไปรับใช้ โดยเอาตำแหน่งช่างหลวงมาล่อ อย่ากระนั้นเลย ไหนๆ มันจักได้มีบุญวาสนาเป็นช่างหลวงแล้ว กระผมขอเป็นผู้สนับสนุนมันให้มันได้เป็นช่างหลวงด้วยตัวของมันเอง ไม่รบกวนผู้ใดเลยน่าจะดีกว่า ”

“ อย่างไรรือขอรับ? ”

เจ้าคุณถาม สีหน้าเห็นขัน

“ ฮุนได้ไปถวายงานรับใช้เบื้องยุคลบาท เป็นช่างเขียนภาพผนังที่วัดที่พระเจ้าอยู่หัวเอง..ทรงโปรดบูรณะเองที่บางยี่เรือ โบสถ์ไม่ใหญ่โตนัก..แลเป็นงานค่อนข้างปัจจุบันทันด่วน มันจึงต้องรีบไปทำ ส่วนที่มันไปเสาะหากรีดยางมะเดื่ออยู่งกๆ นำมาให้กระผมปิดทองนี้ กระผมก็ใช้ความเป็นครู ไปดึงมันมาจากงานด่วนของมันงานนั้น ต้องขอบน้ำใจมันเสียด้วยซ้ำ ”

คงแป๊ะตบบ่าศิษญ์โปรดป้าบๆ

“ อ้าว..เช่นนั้น..อ้ายฮุนมันก็นับว่ามีบุญคุณแก่กระผมด้วยน่ะซี ที่อุตส่าห์สละเวลา ทิ้งงานวัดโน้น แวะมาช่วยงานที่วัดนี้  อั๊วะซาบซึ้งในน้ำใจของลื้อมาก ฮุน..ขออนุโมทนาสาธุหนา ”

เจ้าคุณเปลี่ยนท่าทีเป็นตรงข้าม

ฮุนรีบก้มศีรษะโค้งต่ำ

“ กระผมยินดีรับใช้ท่านเจ้าคุณเสมอขอรับ ”

คงแป๊ะรีบปิดงาน

“ แลกระผมก็จักทำงานของกระผมสำเร็จเรียบร้อยในพรึ่งนี้ อ้ายฮุนผู้นี้จักไม่มาเกะกะให้ใครรำคาญตาอีก ”

ช่างเขียนชื่อกระฉ่อน มองกวาดตาดู นพ หมื่นโชค หมื่นเดช หมื่นรวยอย่างเห็นขัน

“ ผู้ใดไม่ชอบหน้าฮุน โปรดสบายใจได้ ”

“ ไม่มีผู้ใดไม่ชอบหน้าศิษย์คุณหลวงเสียหน่อยนะขอรับ ”

นพออกตัวแรง

“ นั่นซี.. อ้ายฮุนมันเป็นคนดี ไม่น่าจะมีใครอยากหาเรื่องดอก ”

ครูหันไปยิ้มกว้างเป็นพิเศษกับเจ้าคุณ

“ หากท่านเจ้าคุณจะให้มีการเปิดผ้าประชัน ให้คนมาทำบุญกันในวันทอดกฐินแรมแปดค่ำนี้เสียเลยก็จะดีนะขอรับ ”

เจ้าคุณพลันยิ้มเบิกบานสดใสปานกัน ถึงกับเข้าจับแขนคงแป๊ะบีบแรง แทบจะโอบร่างช่างเขียนใหญ่เข้าไปกอด

“ ดีๆๆ เอาๆๆ งานกฐินปีนี้ วัดเราจะได้ยิ่งใหญ่กว่าใคร กว่าทุกวัด จักเป็นที่กล่าวขานไปอีกนานเทียว ”

ดูเหมือนท่านจะอิ่มอกอิ่มใจ จนไม่เหลือบแลมาที่ฮุนอีก

 

นวลนั่งเกล้าจุกให้ลูกอยู่หน้าคันฉ่องในแสงตะเกียง นางปุก ทาสที่คุณนายน้อมให้มาช่วยรับใช้แบ่งเบางานเลี้ยงลูก กำลังปูที่นอน เมื่อเจ้าคุณอินทราเดินมาหยุดหน้าห้อง

นวลหันไปเห็นเจ้าคุณ แปลกใจ

“ คืนนี้..ฉันอยากนอนห้องนี้ ”

นางปุก สบตานวล แล้วรีบมาจูงหนูแดงออกไป

เจ้าคุณเข้ามา นั่งลงเคียงนวลถึงหน้าคันฉ่อง มองเข้าไปสบตากับเงาของเธอ

 

“ งานทอดกฐิน แรมแปดค่ำ  วัดของพี่จะฉลองอย่างยิ่งใหญ่มโหฬาร แม้แต่งานกฐินหลวง ตามพระอารามสำคัญ..ก็สู้ไม่ได้ ”

“ มีอะไรจะใช้น้อง..คุณพี่สั่งมาได้เลยนะคะ น้องจะรับใช้เต็มที่ ”

นวลอ่อนหวานเอาใจไม่เคยเปลี่ยน

เจ้าคุณลูบโลมเนื้อตัวหญิงสาว อันที่จริง นวลก็ยังนับว่าสาวอยู่มาก อีกนานหลายปี กว่าจะถึงสามสิบ

“ พี่สบายใจแล้ว พี่จะลืม..เรื่องทุกข์ร้อนเก่าๆให้สิ้น ”

นวลกอดรัด ลูบไล้สามี

“ คุณพี่ทุกข์อะไรรือคะ? ”

เจ้าคุณถอนใจ สลัดความรำคาญที่เมียคนนี้ช่างถามสะกัดอารมณ์ที่กำลังไหลรื่น

“ ทุกข์ทั้งนั้นแล แต่พี่ไม่เสียใจอีกแล้วที่ลำจวนตาย พี่ได้ทำกุศลไปมากอุทิศให้มัน แลทั้งอ้ายจีนฮุน ชู้รักเก่าของมันแต่วัยเด็กพี่ก็จะอโหสิให้เป็นทาน เป็นอันว่า..เลิกแล้วต่อกันไปที ต่อจากนี้ ก็คงไม่ต้องเห็นหน้ามันอีก ”

นวลเคืองขึ้นมาวูบ จนป่านนี้ เจ้าคุณยังคำนึงถึงลำจวนมันอีก!

“คุณพี่คะ..ถามหน่อย..น้องมีอันใดด้อยไปกว่านางลำจวน ”

เธออดไม่ได้จริงๆ น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจทะลักไหล

ท่านเจ้าคุณใจยวบ ประคองหน้านวลมาซับน้ำตา สะท้อนใจนัก

“ ไม่มี..ไม่มีจ้ะ  พี่เผลอหลงผิดไปเอง เป็นเรื่องหลงเท่านั้น อันที่จริง ..มันหามีดีอันใดไม่ ”

เจ้าคุณกล่าวหนักแน่น ดุจตอกย้ำให้ตัวเองด้วย

“ นวลต่างหาก ที่งามนัก ในบรรดาลูกสาวนายสุ่น ไม่มีใครเทียบนวลของพี่ดอก ”

 

ข้าราชการชายที่ทำงานพระคลังในวัง ทยอยเดินออกมาจากประตูเทวาภิรมย์ เพื่อกลับบ้านทางท่าขุนนาง

เฉกเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หนุ่มน้อยเดินเลียบริมน้ำ มุ่งหน้าไปทางตรอกข้างวังท่าพระ แต่แล้วก็ต้องหยุดฝีเท้า เมื่อเห็นชายจีน ที่ยืนไพล่หลัง ดักรออยู่

“ ฮุน..”

หนุ่มเฉกดีใจออกนอกหน้า

ส่วนฮุนยิ้มกว้าง

“ ค่ำนี้..คณะนายสุ่นจะมาเปิดโรง..เล่นละครเรื่องใหม่ที่บ่อน ”

เฉกมีท่าราวจะกระโดดโลดเต้น

“ นายโรงสุ่น..หายป่วยแล้วรือ? ”

“ น่าจักค่อยยังชั่วขึ้นมาก เห็นว่าจะเล่นเรื่องพระสุธน มโนราห์  คุณเฉกอยากไปดูไหม? ”

หนุ่มเปียยาวก้มลงมา รอคำตอบที่คาดว่าจะตกลงแน่ๆ

ลำจวนตาวาว ดวงตาสุกใสยิ่งกว่าดาวทุกดวง

“ พระสุธน มโนราห์..”

ฮุนยิ้มจนตาปิด

“ คุณชอบรือมิใช่? ”

“ ชอบซี..”

ชายไทยตัวกะทัดรัด กับชายจีนตัวโตเบ่อเริ่ม หัวเราะต่อกระซิกคิกคัก อย่างมีความสุขเป็นที่สุด เดินเคียงกันไป สายลมจากแม่น้ำพัดเย็นสบาย

 



Don`t copy text!