บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 57 : ท่องราตรี

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 57 : ท่องราตรี

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

นายโรงสุ่นแสดงเป็นพรานบุญ กำลังรำคู่กับลุงแดงซึ่งเป็นนางมโนราห์ ในแสงสว่างไสวบนเวทีละครหน้าบ่อน

คนร้องหน้าวงดนตรี ร้องตามที่คนบอกบทอีกคนกระซิบบอกตามเนื้อร้องเก่าแก่ ที่คณะนายสุ่นใช้มาตลอด ในสมุดขาวคัดใหม่จากบทละครนอกสมัยโบราณแต่ครั้งกรุงเก่า

“ นายพรานไพร  จึงตอบคำไปมิได้ช้า  ถ้าเจ้าไปถึง พระพารา พระองค์ทรงฟ้า จะปรานี พระสุธนภูบาล ผ่านเกล้า ท่านท้าวเธอสึกออกแต่ชี  พี่ไม่ล่อลวงเลยเทวี เพิ่งสึกแต่ชีออกมาใหม่ ฟังคำพี่ว่าเถิดบุญเหลือ ข้างน่าจะเชื่อพี่พรานไพร พี่มาพบนางที่สระใหญ่ จะพาเจ้าไปยังไอศวรรย์  ถวายพระองค์ผู้ทรงฟ้า เป็นนายของข้ายอดนักธรรม์ อย่าได้ทรหวนมาป่วนปั่น จอมขวัญจะได้เป็นภรรยา เชิญน้องแต่งองค์พระภูษา  ตะวันบ่ายเวลามาจะไป”

 คนดูนั่งดูเต็มทั้งบนพื้น บนม้านั่งแถวยาว และยืนแน่นด้านหลัง บอกให้รู้ว่านายสุ่นยังเป็นที่นิยมเพียงใด เมื่อหายจากป่วยไข้กลับมาแสดงเอง ผู้คนก็พากันมาชมอุ่นหนาฝาคั่ง

ลำจวนในคราบเฉกยืนปะปนในหมู่คนดูด้านหลังสุด สวมหมวกจีนบังหน้า มีเจ้าจีนฮุนผมเปียยาวยืนเคียงข้าง

หญิงสาวไม่วายตื่นตาตื่นใจไปกับลีลารำงามสง่าแข็งแรงของพ่อ ตัดกับลุงแดงที่หวานสะอิ้ง สะดีดสะดิ้ง กระชดกระช้อยน่าเอ็นดู

 “เมื่อนั้น มโนห์รานารีผู้ศรีใส  ได้ฟังพรานป่าว่าพิไร คิดแค้นแน่นใจเป็นนักหนา  เหมือนพระกาลมาผลาญในอกทรวง  ชลนัยน์ไหลร่วงอาบพักตรา  จะเหลียวหน้าหาใครสุดใจอา  แต่นี้แลนาใครจะปรานี  ครั้นจะแข็งตัวไว้ก็ไม่ได้  พรานไพรใจร้ายจะย่ำยี  จะได้อดสูใครจะดูดี เสี่ยงตามบารมีนั้นเถิดหนา  โหรทายชาตาว่าเคราะห์ร้าย กำจัดพลัดพรายได้พรานป่า พระแม่ห้ามปรามลวนลามมา ด้วยกรรมเวรามาตามสนอง คิดแล้วโฉมยงทรงภูษา  น้ำตาเจ้าลงอยู่ฟูมฟองฯ  โอด ฯ”

 ลำจวน ตื้นตัน ปลาบปลื้มภาคภูมิใจ ระคนไปกับอาการอาดูร

ในอดีตกาลครั้งเธอยังเด็ก เคยนั่งพิงอิงอกแม่จำปาที่หน้าเวที จ้องดูพ่อแสดงละครตื่นเต้นตาโตเสมอ  ทั้งยามพ่อร่ายรำ บอกบท สั่งการ หรือกำกับควบคุมตั้งแต่เวลาซ้อม

พ่อแสดงเรื่อมโนราห์บ่อยครั้ง เล่นทีไรคนดูก็จะร้องห่มร้องไห้สะเทือนใจน้ำตาไหลน้ำหมากหก

ส่วนลำจวนเฉกคนนี้ ได้แต่จ้องจับ จดจำทุกเม็ดก้าน ดุจจะประทับตราไว้ในใจเป็นครั้งสุดท้าย

 “พรานป่า  เห็นนางฉายามาร่ำร้อง  พรานจึงโลมเล้าดวงสมร จะโศกาอาวรณ์ไปเลยนา  ว่าแล้วเท่านั้นมิทันช้า  จับเอาย่ามผ้ามาตะพาย จับเอาธนูชัยดังใจหมาย มือซ้ายถือพร้าพานางไป ฯ เชิด ฯ”

นายสุ่นรีบเข้าไปหลังโรงมา มากำกับ ชี้ให้พวกนางกินรีอีกหกตัว ซึ่งเป็นคนละครชายล้วนที่รำตัวนางออกไปรำต่อ ส่วนตัวเอง ย่องไปประจำที่คนบอกบทแทน

เมื่อนั้น หกนางผู้พี่เจ้าทรามวัย หกนางนารีบินหนีไป ทรามวัยมาถึงซึ่งพารา บ้างเปลื้องปีกหาง วางเอาไว้ อรทัยกราบทูล พระมารดา ว่านางโฉมตรูมโนห์รา  ต้องบ่วงนาคาพรานพาไป

 “เมื่อนั้น นางเทพกินรีผู้ศรีใส ฟังลูกทูลแจ้งแถลงไข อรไทนางทรงโศกา ฯ โอด ฯ

กลิ้งเกลือกสือกกายให้ร่ำร้อง ขวัญข้าวเศร้าหมองเป็นหนักหนา  แม่ห้ามแล้วเล่าขวัญข้าวแม่ แสระแนแท้ไม่ฟังคำแม่ว่า… 

 วงดนตรีเล่นส่ง คนร้องน้ำเสียงหวานเข้มบาดจิต นางกินรีหกตัวที่เป็นเด็กกำลังฝึก และตัวเสด็จแม่คืออาผู้ชายอีกคน  ต่างวาดลวดลายสุดฝีมือ

นายละครคนใหม่เป็นพระสุธนหนุ่มน้อยอ้อนแอ้น ไปเตรียมตัวพนมมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างฉาก

นายสุ่นบอกบทไป พลางหยิบจับเครื่องประกอบฉาก เพื่อเตรียมฉากต่อไป มือเป็นระวิง

เจ้าเฉกได้แต่มองอยู่ห่างๆ  น้ำตาหล่อรื้นจนหยาดหยด

 

พ่อค้าชาวจีนฮกเกี้ยน ชงน้ำชาควันกรุ่นมารินให้ลูกค้าที่นั่งจิบชารอบๆม้านั่งเตี้ยๆริมทาง กลิ่นหอมอ่อนระรวยรื่นชื่นใจ

ฮุนผู้สูงใหญ่ เดินเคียงคุ้มครองเจ้าเฉกตัวเล็กกระทัดรัดราวพี่ชายดูแลน้องชาย ปะปนผู้คนที่เดินไปมาในตรอก  ไฟโคมกระดาสีขาวแขวนเรียงสว่างสวยไปทั้งซอย

ปีกหมวกกุ้ยเล้ยที่ฮุนให้ บดบังครึ่งหน้าบนของหนุ่มน้อยไว้ ในมือเธอถือตะพดสั้นๆ เหมือนพวกหนุ่มๆหลายคนที่ถือไว้เป็นเครื่องป้องกันตัวและเป็นของโก้เก๋ไปในเวลาเดียวกัน บนบ่าสะพายย่าม ก้าวย่างองอาจผึ่งผาย

ดวงตาของเฉกเป็นประกายกระจ่าง ส่งพลังอบอุ่น เมื่อเงยขึ้นมองฮุนที่เดินไหล่เบียดกันอยู่

“ นายฮุนได้ทำกุศลกับฉันหนักหนา จนมิรู้จักตอบแทนอย่างไร ”

“ ผมมิได้ลำบากอันใด ผมพอใจที่ได้ทำ ”

“ ยาของหมอบรัดเลย์ได้ผลดีแลเร็วกว่ายากลางบ้านมากนัก ”

น้ำเสียงของเธอแจ่มใส

“ เพียงสองเทียบก็หายดี แต่ก็ต้องยกความดีให้นายสุ่นด้วย ท่านละเลิกสุราลง.. มิเช่นนั้น ก็ไม่มีผู้ใดจะช่วยท่านได้ ”

ฮุนบอกตามจริง

“  นายฮุนฉลาดเฉลียว รู้จักคิดให้พระสงฆ์เป็นผู้สำแดงบทบาท ”

หนุ่มจีนหัวเราะ ยอมรับ

“ เข้าหาคนครอบครัวนายสุ่น เข้าหาโดยพระบุญลือจะดีที่สุดขอรับ อีกอย่าง หลวงพี่ท่านเทศนาเก่ง..น่าจะพูดให้นายสุ่นเชื่อฟังได้ ”

“ ที่จริง..พระบุญลือกับนายสุ่น..เขา..ไม่ถูกกันดอกหนา ”

เฉกเผลอเล่า

ฮุนก้มลงมามองหน้า แววตาฉงน

หนุ่มจำลองจึงนึกได้ว่าไม่น่าหลุดปาก จึงเงียบลงกะทันหัน เสเมินหน้าไปมองสิ่งต่างๆ

ตามเคย ที่ฮุนเป็นฝ่ายแก้ให้

“ คุณคงชื่นชอบละครคณะนี้ จนล่วงรู้เรื่องราวในครอบครัวท่านนายโรงเป็นอย่างดี แต่ผมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอันใดดอก..”

เฉกสะอึก

“ หลวงพี่บุญลือบอกว่าได้อ้างว่าผีลูกสาวท่านที่โดดน้ำตายมาหา แลขอให้ท่านเลิกเหล้า มิฉะนั้น ทุกทีที่ท่านดื่มเหล้า จะมีไฟนรกมาโหมใส่เธอ ที่แท้เป็นเพราะ..นายสุ่นคงรักลูกสาวคนนี้มากนั่นเอง จึงทำให้ตัดใจเลิกเหล้าได้ ”

ฮุนขยี้ซ้ำ

เฉกฝืนฉีกยิ้มกว้าง ทำหน้าซื่อใส

“ ก็ดีซี  ฉันก็จักได้ติดตามชมดูละครคณะนายโรงสุ่นไปได้อีกนาน..”

“ ละครนายโรงสุ่นสนุกสนาน  ตัวแสดงรำงาม แลเพลงก็ไพเราะนัก ผมรู้แล้ว ว่าเหตุใด คุณเฉกจึงเอาใจใส่สนับสนุนนายโรงสุ่นเพียงนี้ ”

ชายหนุ่มอวยเอาใจเสริมเข้าไปอีก ทำให้ลำจวนต้องหุบปากเงียบกริบ

 

แผงลอยนั้นเต็มไปด้วยสีสดใสในแสงโคมสว่างไสว ช่างดึงดูดใจนัก

ของเล่นต่างๆ อย่างดาบไม้ระกำ งูไม้ระกำ  หน้ากากงิ้ว หัวล้าน  หัวโต หน้ากากแป๊ะยิ้มกระดาษสากรุโครงเส้นตอกไม้ไผ่สานทาสี  หุ่นชักสายของพม่าขนาดเล็กๆ  ร่มกระดาษ  ชฎาใบลาน ปลาตะเพียนใบลานสาน พัดใบลานทาสี กลองยาวเล็กๆ ระนาดเล็กๆ เรือจำลอง  แขวน ห้อย จัดวาง เต็มไปหมด

เจ้าเฉกแสนซนเอาไม่เท้าหนีบใต้รักแร้ให้มือว่าง เพื่อหยิบดูงูไม้ระกำที่ขยับเลื้อยได้ตามการร้อยของเชือกไปตามข้อลำตัวงู ที่ทาสีเขียนลายสวยสด ยื่นหลอกแกล้งอาเฮียฮุน

“ ไอ๊หยา!”

ชายหนุ่มตกใจ โดดโหยง

ทำให้เธอหัวเราะชอบใจเสียงดัง เห็นฟันขาวทั้งปากแปลกกว่าสตรีใด

ฮุนหยิบชฎาใบลานทาสีเหลืองๆแดงๆ มาสวม แล้วทำท่าฟ้อนรำตามแบบนายสุ่น

เฉกเจอหมวกครอบหัวแบบแมนจูราชวงศ์ชิงทำจากผ้าแพร มีผมทำด้วยไหมสีดำถักเป็นเปียยาวห้อยเป็นหางข้างหลัง  ลำจวนรีบถอดหมวกใบเดิมส่งคืนให้ฮุน หยิบหมวกแมนจูมาใส่ ผูกสายใต้คางจนแน่นหนาให้หมวกเข้ากับรูปหน้าพอดิบพอดี แล้วหยิบพัดจีนบุด้วยกระดาษสา มาสะบัดคลี่ ทำท่า ลีลาท่าทางวางมาดเหมือนคุณชายที่เคยเห็นจากงิ้ว

ฮุนยิ้ม ชอบใจ ดึงไม้ตะพดที่ลำจวนหนีบ มากวัดแกว่งไปมา เหมือนดาบ

“ คุณชายน้อย..ท่านรู้วิชาการต่อสู้หรือไม่ ”

เฉกหุบรวบพัดให้เป็นอาวุธ แล้วแทงใส่ฮุน

“ ก็ต้องลองดู

ฮุนใช้ตะพดนั้น รบ รับ หลบ ปัดกับพัดของเจ้าเฉก ท่าสวยงาม หมุนตัวสวนกันไปมาเอาอย่างฉากรบของลิเก

ลำจวนสนุกเหมือนที่เคยซ้อมละครเล่นกับเพื่อนๆลูกคนในคณะละครสมัยเด็ก

จังหวะหนึ่ง ฮุนหมุนตัว มายืนซ้อนหลังหนุ่มเฉก แล้วเอาปลายตะพดเคาะเบาๆ ที่จุดตรงข้อศอกเจ้าหนุ่มตัวน้อย ตรงจุดที่ควบคุมเส้นเอ็นนิ้วมือ

หนุ่มน้อยลำจวนสะดุ้ง นิ้วถูกบังคับให้ อ่อนแรง คลายตัวออก ปล่อยพัดกระเด็นหลุดมือ

หนุ่มฮุนยื่นมืออีกข้างมารอรับพัดก่อนตกลงพื้นมาครอบครอง

“ ท่านแพ้แล้ว! ”

หนุ่มจีนร้องดัง

“ นายฮุนทำอย่างไร  เหมือนสายฟ้าฟาดมือฉัน..ชาไปหมดเลย ”

ลำจวนลองกรีดนิ้ว ขยับไปมา

“ แต่เพลานี้หายแล้ว ”

หญิงสาวอุทาน

ฮุนหัวเราะร่า

“ นี่แหล วิชากดจุดของพวกคนจีน  ใช้กดรักษาโรคก็ได้ เช่นท้องผูก ไม่ยอมถ่ายหนักหลายวัน ก็กดให้ลำไส้บีบแลถ่ายออกมาได้  รือนอนไม่ใคร่หลับ ก็กดให้ง่วงจนหลับผล็อยไปได้ ”

“ เป็นเรื่องจริง? ”

“ เป็นเรื่องจริง! ”

ฮุนหน้าขึงขัง

“ ทำเช่นไร ทำให้ดูอีกครั้ง ”

เฉกชูมือของตนขึ้น

ฮุนวางพัดลงในมือหนุ่มน้อย แล้วจับแขนให้ยื่นมาตรงหน้า ใช้นิ้วชี้จิ้มแรงสวนขึ้นที่บริเวณจุดศูนย์รวมเส้นประสาทที่ศอก

เฉกสะดุ้ง นิ้วคลายอ่อนแรง ปล่อยพัดกระเด็นหลุดมืออีกครา

หนุ่มจีนคว้าพัดไว้ได้ หมุนตัวท่าราวพระเอกงิ้ว หันกลับมายิ้มยักคิ้วให้เจ้าเด็กหนุ่ม

ลำจวนเฉกสะบัดมือ จ้องดูนิ้วตนขณะกำแบสลับไปมา ตะลึงในอาการเปลี้ยชั่วขณะที่ให้ความรู้สึกราวสายฟ้าฟาด ขณะที่ฮุนยิ้มกริ่มภาคภูมิใจ

 

ใต้ราวโคมสว่างที่จุดเรียงรายแขวนตามเสาในตรอก สองสหายชายจีนเดินล้อเล่นชนไหล่กันไปมาร่าเริง

ลำจวนเฉกสวมหมวกแมนจูติดเปีย ซึ่งผูกเชือกรัดใต้คางแน่น ถือพัดกระดาษ พัดกระพือช้าๆ กรีดกรายด้วยท่วงท่าคุณชาย ฮุนสวมชฎาใบลาน และถือไม้ตะพดให้ลำจวน ส่วนหมวกกุ้ยเล้ย ฮุนเอาเชือกห้อยคล้องคอตนไปไว้ด้านหลัง

พ่อค้าเต้าฮวยที่วางหาบ ตั้งโต๊ะ ม้านั่งขายเต้าฮวยกลิ่นน้ำขิงหอม ควันฟุ้ง ทักฮุนร่าเริง หันมาทักหนุ่มเฉกด้วย เป็นภาษาฮกเกี้ยน

เธอยิ้มๆ ผงกๆหัวให้

“ เคยกินต่าวโฮ้ยไหม? ”

คุณชายน้อยหมวกแมนจูงง ส่ายหน้า

“ ต่าวโฮ้ย?? ”

“ ลองชิมดูเถิด ”

ฮุนพาหญิงสาวไปที่โต๊ะ ขยับม้านั่งให้ ถอดชฎาใบลาน วางตะพดบนโต๊ะ

ลำจวนนั่งลง เธอดูเหมือนจีนชั้นลูกเจ้าสัว ที่สวมหมวกแพรกลมไว้ผมเปียจริงๆ นั่งลงหลังตรง ท่วงท่าดูสง่า ถือพัด พัดไปมาช้าๆ ใบหน้าเชิด หันปรายตามองรอบข้างอย่างเยือกเย็น

“ คุณเฉกดูราวกับขุนนางจีนเลยขอรับ ”

ชายหนุ่มขำ

คนขายนำเต้าฮวยใส่น้ำขิงควันฉุยมาตั้ง

ลำจวนวางพัดลง มองเต้าฮวยในถ้วย ที่ถูกช้อนตักมาเป็นแว่นๆโค้งๆขาวนุ่ม ในน้ำขิงใสสีน้ำตาลแดงน่ากิน

ฮุนค่อยๆประคองถ้วยขึ้นซดกินให้ดูช้าๆ ระมัดระวังไม่ให้น้ำขิงร้อนเดือดลวกปาก

หญิงสาวทำตาม ชิมดู แล้วรู้สึกชอบ

“ นุ่มมาก แลน้ำขิงนี้ก็รสชาติดี ”

“ น้ำตาลอ้อย กลิ่นหอมดีหนา ”

“ สิ่งนี้ทำจากน้ำถั่วเหลืองคั้นอย่างหนึ่ง รือมิใช่? ”

“ ขอรับ ที่ใช้ทำอาหารคาวต่างๆเรียกว่าต่าวฟู..มีหลายแบบ ”

ฮุนหมายถึงที่คนไทยเรียกว่าเต้าหู้

“ ส่วนนี่ เป็นขนมหวาน..เรียกว่า..ต่าวโฮ้ย ? ”

ลำจวนเฉกถามย้ำคำศัพท์ใหม่

“ ใช่! คุณเฉกจำแม่น ”

“ ต่าวฟู  ต่าวโฮ้ย..”

เธอท่อง หันมา สบตาเขา แล้วชี้ที่โต๊ะ

“ โต๊ะ! ”

หนุ่มน้อยแมนจูหัวเราะ ชอบใจ แล้วชี้ที่ม้านั่ง

“ เก้าอี้! ”

เฉกชี้พัด

“ ซั่ว..”

“ ซั่ว? ”

ฮุนพยักหน้า

เฉกชี้ไม้ตะพด

“ กว๋าย..”

“ กว๋าย? ”

หญิงสาวพูดตาม

ทั้งสองหัวเราะขำกันเอง

เธอชี้ที่ฮุน

ชายหนุ่มยิ้ม

“ นี่เรียกว่า..หลิม กิม ฮุน ”

เขาสบตาเธอตรงๆ

“ หว่า ไอ่ ลู่ ”

ลำจวน ตาโต

“ อะไรนะ?”

ฮุนหลบตา

“ ไม่มีอะไร ”

“ หว่า ไอ่ ลู่…?? ”

เจ้าหนุ่มเฉกทวนประโยคอย่างติดใจ สงสัย

ทว่าฮุนกลับหน้าแดง ก้มลงซด  ‘ ต่าวโฮ้ย ’ ของเขาไปเงียบๆ ไม่กล่าวอันใดอีก

 

เต้าฮวยยังไม่ทันหมดถ้วย เมื่อเสียงผู้คนเอะอะล้งเล้งใกล้เข้ามา  ตามด้วยพวกชายฉกรรจ์นักเลงถือมีดถือไม้ วิ่งหนีใครมาเป็นโขยง กระหืดกระหอบ ตะโกนบอกผู้คนรอบๆ รีบเร่ง

ผู้คนที่เป็นจีนส่วนใหญ่ ที่ยืน เดิน ขาย ซื้อ นั่งกินอาหารจากหาบ รถเข็น ที่ตั้งขายในตรอกนั้น ตกใจ แตกตื่น มองตาม บางส่วนก็รีบเก็บข้าวของ

เฉกมองหน้าฮุน

“ เขาว่าอะไรกัน?”

“ รีบหนีไปๆ เร็วๆๆ ”

ฮุนบอก นั่งกินต่อ ไม่ได้ตื่นตกใจแต่อย่างใด

หนุ่มผมเปียอีกสองสามคนวิ่งตามกลุ่มชายนั้นผ่านไป แต่แล้วคนหนึ่งก็หมุนตัวกลับมา

“ อาฮุน! ”

เขาตะโกนเป็นภาษาจีน

“ หนีเร็วๆ พวกมันมาแล้ว ”

ที่แท้ คนทั้งสาม คือแช ไห่ และซาน

“ อาแช หนีใคร?..หนีอะไร? ”

แชวิ่งกลับมา มองเห็นเฉกเป็นเพียงหนุ่มจีนคนหนึ่ง เขาดึงแขนทั้งฮุนทั้งเฉกสุดแรง

“ ไปเร็วๆ มันจับหมด ”

“ จับอะไร? จับทำไม? ”

สองคนงง อาหารยังอุ่นอยู่ในปาก

ชานวิ่งกลับมาตะโกนอีกคน

“ ไปๆๆๆ เร็ว! ”

แชมองหน้าฮุน ขัดใจ แต่ปล่อยแขนสหาย  รีบวิ่งตามซานไป

ฮุนรีบโยนเม็ดเงินให้คนขาย เฉกหยิบตะพด  ฮุนเก็บพัดใส่ย่าม คว้าชฎาใบลาน ลุกขึ้นเก้กัง ของเต็มไม้เต็มมือ

หมื่นโชค หมื่นเดช หมื่นรวยและนพ ในเครื่องแบบของนครบาล ต่างถือดาบที่เปลือยฝัก วิ่งเงื้อง่า มาแต่ไกล  เห็นชายหนุ่มจีนสองคนยืนเกะกะขวางทาง

“ อยู่นี่สองคน เอาตัวมันไป! ”

โชคกระชากหนุ่มตัวเล็ก ที่มีหางเปียโผล่จากหมวกแพร

“ เฮ้ย อะไร!”

เจ้าจีนตัวใหญ่หันมาเอะอะ

นพเพิ่งเห็นหน้าฮุนถนัด เอาดาบในมือชี้หน้า

“ นึกว่าผู้ใด ไอ้ฮุนนี่เอง เป็นพวกลอบค้าฝิ่นจริงๆด้วย ”

เขาเข้ามากระชากรวบคอชายหนุ่ม

ชฏาใบลานของเล่นร่วงลงพื้น

หมื่นเดชก้าวเหยียบชฎาแหลกคาตีน

“ เอาตัวมันไป! ”

ผู้คนในซอยที่ร่วมเหตุการณ์แต่แรกหันซ้าย หันขวา สบตากัน สื่อความรู้สึกเกลียดชัง

ไม่คาดพ่อค้าเต้าฮวย ก้าวออกมา

“  ไม่ใช่ๆ นี่ลูกค้าอั๊วะ อีไม่ได้ขายฝิ่น อีนั่งกินต่าวโฮ้ยอยู่ดีๆ ”

หมื่นรวย พลันล้วงมือเข้าไปในย่ามฮุน แล้วชูกลักฝิ่นในมือขึ้นแสดง ราวเล่นกล

“ นี่อย่างไร ฝิ่น ใครว่าไม่ใช่? ”

ส่วนหมื่นเดชแย่งตะพดจากมือลำจวน

“นี่อย่างไร อาวุธ! ”

เหล่าคนที่รู้เห็นเป็นพยานต่างพูดไม่ออก ได้แต่กลอกตา

“ ยัดเยียดข้อกล่าวหากันชัดๆ ”

ฮุนร้องเอะอะดัง

หมู่มวลคนค้าคนขายคนผ่านทางในซอยเริ่มออเข้ามารุมดู

ลำจวนที่ตกกะไดพลอยโจนเพราะอยู่ในสภาพจีนหนุ่มและมิอาจเผยตัวตนได้ คิดหาทางหนีทีไล่หัวแทบระเบิด

สามจีน แช ไห่ ซาน กลับย้อนมา แอบสังเกตการณ์อยู่หลังกลุ่มคนมุง

“ ไป..จับได้สองคนแล้ว พอแล้ว เอาตัวไปให้ท่านเจ้าคุณสอบสวน ”

หมื่นโชคมองเห็นพวกจีนชักมาหยุดรวมตัวกันหนาตา จึงตัดบท

แช  ไห่ ซาน ค่อยๆถอย ทว่ารอจังหวะ

ผู้คนพากันหลบรัศมีคมดาบในมือหมื่นโชค แหวกออกเป็นทาง  หมื่นโชครีบลากแขนเจ้าจีนตัวเล็ก ฝ่านำไป  นพ หมื่นรวย ช่วยกันยึดกุมตัวเจ้าจีนฮุนตัวใหญ่ เร่งตามติด

หมื่นเดช มือนึงถือดาบ มือนึงถือตะพด หันมามองรอบระแวงระวังผู้คน คุ้มกันหลังชาวคณะ เพื่อรีบไปให้พ้นจากตรอกแคบ

พ่อค้าเต้าฮวย พวกคนจีนรอบๆ ต่างมองหน้ากัน คับข้องใจ

 



Don`t copy text!