ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” บทที่ 2 : ปะจระเข้

ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” บทที่ 2 : ปะจระเข้

โดย : ทอม สิริ

Loading

ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” โดย ทอม สิริ นิยายออนไลน์บนเว็บไซต์ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘เจ้าเสือ’ แมวตาเดียวที่พาสารวัตรปวันไปพบกับสาวสวยที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ในห้องพักของเธอเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือเธอคนนี้จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กสาวที่เขากำลังติดตามตัวกลับมา

**************************

คงเป็นเพราะเพิ่งจะบ่ายสองโมงนิดๆ ทั่วบริเวณงาน คาร์นิวัลการกุศล เพื่อทุนการศึกษาน้องผู้ยากไร้ จึงยังคงโล่งว่าง เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคนเดิน นอกจากพ่อค้าแม่ค้าและเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องเล่นต่างๆ แล้ว ก็มีเพียงหนุ่มสาวไม่กี่คู่ที่เดินดูโน่นดูนี่อยู่ในงาน

แดดยามบ่ายสะท้อนวงล้อชิงช้าสวรรค์เป็นประกายยามที่มันหมุนเคลื่อนไปช้าๆ เหมือนมือที่กวักเรียกผู้คนให้เข้ามาร่วมสนุกกันในงาน อีกแค่สองสามชั่วโมง ทั่วบริเวณสวนสนุกอันกว้างใหญ่นี้ก็จะอบอวลไปด้วยกลิ่นขนม และของกินเล่น อย่างป๊อปคอร์น หมึกย่าง สายไหม และอื่นๆ อีกมากมาย เสียงดนตรีคลาสสิกที่เปิดคลอเบาๆ จากลำโพงตรงโน้นตรงนี้ ก็จะเปลี่ยนมาเป็นดนตรีจังหวะคึกคัก ดังแข่งกับเสียงโฆษกของงานที่ตะโกนเรียกผู้คนให้เข้ามาสนุกสนานกัน

ใกล้กับเครื่องเล่นม้าหมุน ตรงนั้นมีเต็นท์ลายทางขาวแดงสีสดใสที่ใช้เป็นกองอำนวยการชั่วคราว ตัวตลกสองตัวเดินออกมาจากเต็นท์พร้อมปึกกระดาษใบปลิวในมือ คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มวัยประมาณสิบแปดปี รูปร่างผอม แล้วยังสูงโย่งเกินจริง ด้วยการต่อขาไม้ยาวเกือบเมตรไว้ข้างในกางเกงสีฉูดฉาด เข้าชุดกันกับเสื้อตัวตลกโบโซ่ที่ใส่ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแต่งแต้มด้วยสีทาหน้า และติดจมูกกลมๆ สีแดงตามแบบตัวตลก

ส่วนตัวตลกอีกคนนั้น รูปร่างอ้วนกลมและสูงแค่ขนาดเด็กอายุห้าหกขวบ ถ้าเพียงแต่ไม่มีสีสันของเครื่องสำอางหนาเตอะที่ทาพอกไว้บนใบหน้า เราก็จะได้เห็นใบหน้าของหญิงแคระอายุประมาณห้าสิบกว่า ที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของการใช้ชีวิตตรากตรำ นางชื่อ เตี้ย และกำลังมองค้อนโบโซ่หนุ่มน้อยที่กำลังหยุดยืนโทรศัพท์ น้ำเสียงบอกว่าหงุดหงิด เขาชื่อวัชระ ทำงานจับคู่กับนาง เป็นตัวตลกเดินแจกใบปลิวโฆษณาให้ร้านค้าในงาน และทำงานทั่วไปตามแต่เจ้านายจะสั่ง

“อ้าว… ทำไมมาเร็วอย่างนี้ล่ะ เรานัดกันไว้บ่ายสามโมงไม่ใช่เหรอ”

แม้ว่าเด็กหนุ่มพยายามผ่อนเสียง แต่ก็ฟังออกว่าเขาไม่ค่อยชอบใจ นางเตี้ยถอนหายใจดังพรืด รู้เลยว่าทางปลายสายต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน ก็วัยนี้… จะมีอะไรเสียอีกนอกจากผู้หญิง

นางต้องหยุดยืนรอเขาคุยโทรศัพท์ก่อน เพราะเจ้านายบอกให้เดินแจกใบปลิวด้วยกันเป็นคู่ มันดูตลกกว่าแยกกันเดิน เลยพลอยได้ยินเสียงเขาคุยโดยไม่ได้ตั้งใจจะฟังสักนิด

“เปล่า…” เขาลากเสียงอ่อน เอาใจคนทางปลายสาย “พี่ไม่ได้โกรธน้ำฟ้า… ไม่จ้ะ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย พี่เข้าใจน้ำเสมอแหละ มาเร็วไปหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แค่ตกใจนิดหน่อย เพราะยังไม่ทันคุยกับเพื่อนเรื่องฝากงานเลย” เขาปรายตาลงมามองตลกร่างแคระ

นางเตี้ยแหงนขึ้นไปมองหน้า “ใครเพื่อนมึงวะไอ้วัช” นางย่นหัวคิ้ว ถามออกไปพอให้เด็กหนุ่มรุ่นหลานได้ยิน

เขายิ้ม แล้วยกมือไหว้ทั้งที่ถือสมาร์ตโฟนอยู่

“โอเคจ้ะ เดี๋ยวเจอกันหน้าบ้านผีเลยก็ได้ พี่จะรีบไปครับ” วัชระรีบพูดตัดบทแล้วกดวางสาย ก้มลงมายิ้มยิงฟันแหงให้นางเตี้ยที่อายุแก่กว่าหลายรอบ

“โธ่ พี่เตี้ย ผมไม่ได้เจตนาจะตีเสมอพี่นะครับ แค่บอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน มันก็ฟังเข้าใจดีกว่าบอกว่าฝากงานไว้กับยายใช่ไหมล่ะ”

“เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อยนะมึง กูน่ะแก่กว่าแม่มึงอีก เสือกมาเรียกพี่ เดี๊ยะๆ” นางเตี้ยเขย่านิ้วชี้เล็กๆ ใส่ ไอ้เด็กสมัยนี้มันเล่นด้วยไม่ค่อยได้ มักจะลามปาม

“โธ่ ป้าเตี้ย” เขาเปลี่ยนสรรพนามทันที “อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เลยนะป้า ฝากแจกใบปลิวหน่อยได้ไหม แหะๆ” เด็กหนุ่มหัวเราะเอาใจ แล้วทำหน้าขึงขัง “ผมมีธุระต้องไปเคลียร์ด่วนจี๋เลยอะ” เด็กหนุ่มยื่นกระดาษปึกเบ้อเร่อมาให้ตรงหน้า

“ธุระของมึงหน้าตาเป็นไงล่ะ ไม่พามารู้จักกันมั่ง” นางไม่ยอมรับกระดาษใบปลิวปึกนั้น แต่ยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายแทน งานการมันเหนื่อยมันหนัก จะมาฝากกันง่ายๆ ได้อย่างไร

“โธ่ ป้า อย่าอำผมสิครับ คราวนี้จำเป็นจริงๆ นะ เนี่ย… น้องเขามารอผมสักพักใหญ่แล้วละ ถ้าผมมัวแต่แจกใบปลิวกับป้า พอดีอดแดก แน่นอน” เขาทำตาปรอย

“เรื่องของมึง” นางเตี้ยอมยิ้ม นึกสนุกที่เห็นตัวตลกทำหน้าเศร้า

“นะ ป้าเตี้ยสุดสวย ป้าเตี้ยเห็นใจในความรักของเด็กตาดำๆ นะครับ” คราวนี้เด็กหนุ่มจับมือเล็กๆ ผิดขนาดของนาง พลางทำเสียงอ้อนวอน

นางเตี้ยถอนหายใจ สมัยสาวๆ นางก็มีความรัก ถึงแม้จะเป็นรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง เขาจะเล่นเงินมึงหารู้ไม่ก็เถอะ แต่นางก็ยังจดจำความรู้สึกหวือหวาหวามไหวในสมัยวัยรุ่นได้ดี เป็นช่วงเวลาที่นางมีความสุขที่สุดในชีวิต คิดแล้วก็เห็นใจไอ้หนุ่มอยู่ครามครัน นางจึงใจอ่อนเสียอย่างนั้น

“เออ… กูแจกใบปลิวให้ก็ได้วะ แต่กูก็คงเหนื่อยมากเลยนะ…” นางทำท่าหมดแรง

“เงินค่าแรงออก ผมยกให้ป้าเตี้ยหมดเลยครับ ป้าจะไม่เหนื่อยฟรี” เด็กหนุ่มละล่ำละลักตอบ เพราะกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจ

“แน่นะ”

“ชัวร์ป้าบครับป้า ถ้าผมเบี้ยว มาเหยียบยอดอกผมได้เลย” เขายิ้มกว้าง สมใจ

“กูไม่เหยียบให้เสียตีนหรอก กูจะไปฟ้องนังวาสนาแม่มึง ให้มันใช้เงินแทนแล้วด่าสั่งสอนมึงสักตั้งสองตั้ง” นางเตี้ยรู้ดีว่าวัชระกลัวแม่ของมันด่าเป็นที่สุด เพราะนางวาสนาด่าได้ทั้งวันทั้งคืนจนหูเน่าเฉาหูไปเลย

“ถ้าจะฟ้องแม่น่ะนะ ป้าเตี้ยฆ่าผมเลยดีกว่า” เด็กหนุ่มทำหน้าจ๋อย

“เออๆ เอาใบปลิวมา แล้วก็ไปซะที กูรำคาญ” นางแกล้งไล่ แล้วอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มลนลานถอดไม้ต่อขาออก

“ผมฝากป้าเก็บให้ทีนะ” เขาวางไม้ต่อขาลงมาบนปึกกระดาษในมือนาง

“ไม่พ้นกูอีก” นางเตี้ยบ่น แต่เด็กหนุ่มไม่ได้ฟังหรอก เขารูดซิปขากางเกงปลดส่วนที่ต่อให้ยาวออก แล้วรีบวิ่งไปหาธุระของเขาทันที

“ไอ้วัช มึงอย่าไปหลอกใครเขาล่ะ ไม่งั้นกูจะฟ้องแม่มึง” นางตะโกนไล่หลังไป รู้ว่าเขาได้ยินชัด เพราะถึงจะตัวเล็กแต่พลังเสียงดังลั่นทุ่งอย่างนาง อย่างไรก็ได้ยิน เพียงแต่เขาไม่หันมาสนใจเท่านั้น

 

วัชระไม่มีเวลาจะลบเครื่องสำอางบนใบหน้า เขาทำได้แค่ถอดไม้ต่อขาและถอดจมูกกลมๆ สีแดง ใส่มันไว้ในกระเป๋ากางเกงเท่านั้น หมดหล่อไปเยอะเลย แต่น้ำฟ้าเคยเห็นหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่เขาเจอเธอกำลังนั่งร้องไห้อยู่บริเวณด้านหลังฉากของม้าหมุน

น้ำฟ้าเป็นเด็กสาวหน้าตาดีทีเดียว ต่อให้กำลังร้องไห้ ใบหน้าสวยหวานก็ยังดึงดูดเขาให้เข้าไปใกล้ เธอรีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน เขายิ้มให้ น่าจะเป็นเพราะรอยยิ้มเป็นมิตรของเขา และน้ำอัดลมเย็นเฉียบที่เขาส่งให้ ทำให้เธอรู้สึกดีจนยอมพูดด้วย

“รับไปเถอะ กินอะไรหวานๆ เสียหน่อยแล้วเธอจะรู้สึกดีขึ้น ฉันใช้วิธีนี้บ่อยๆ เวลารู้สึกอยากจะนอนแม่งนิ่งๆ ไม่ลุกขึ้นมาดิ้นรนอะไรอีกแล้ว”

เธอยิ้มออกมานิดหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ยื่นมือออกมารับกระป๋องน้ำอัดลม

“อ้อ… เธอคงระแวงใช่ไหม นี่ไง… เห็นไหม กระป๋องยังไม่ได้เปิดนะ ไว้ใจได้ว่าปลอดภัย” เขาหมุนกระป๋องน้ำอัดลมไปรอบๆ คว่ำและหงายมันให้เธอดูก่อนจะยื่นให้เธออีกครั้ง

คราวนี้เธอรับไป และตรวจดูกระป๋องอีกที ก่อนจะเปิดออกดื่มอย่างกระหาย

“ดีขึ้นไหม” เขายิ้มให้ อย่างที่มั่นใจว่าตัวเองจะดูดี

“ฮื่อ” เธอพยักหน้า มองหน้าเขานิ่งๆ เหมือนชั่งใจว่าเขาไว้ใจได้หรือเปล่า เมื่อตัดสินใจแล้วว่าหน้าตาอย่างนี้คงไม่มีพิษมีภัยจึงยิ้มออกมาได้ “ขอบใจนะ”

วัชระมองดูเธอ เขายืนพิงกำแพงที่เป็นฉากอยู่ด้านหลังของเครื่องเล่นม้าหมุน พักขาในท่าสบายๆ และดูเท่ เสียงดนตรีจากเครื่องเล่นดังมาแว่วๆ เมื่อมีคนเดินเครื่องให้ตัวสัตว์ต่างๆ เริ่มหมุนไป ช่วงเวลานี้เครื่องเล่นทั้งหมดในสวนสนุกคงเปิดวอร์มเครื่องกันแล้ว

“เธอนี่ก็ใจเด็ดนะ กินของคนแปลกหน้า” เขาพยักพเยิดไปทางกระป๋องน้ำอัดลมในมือเธอ

“บางที คนแปลกหน้าก็น่าไว้ใจกว่าคนในบ้าน” หน้าเธอกลับมาเครียดอีกครั้ง

“ใครทำเธอเซ็งล่ะ”

“ไอ้เฒ่าหัวงู”

“พ่อเลี้ยง?” เขาเดา และจากอาการแสยะปากทำหน้ารังเกียจของเธอ เขาคิดว่าเดาถูก

“เด็กบ้านแตกละสินะ” เขายิ้มให้ “บ้านคนแตกไม่อยากอยู่ ก็มาเที่ยวบ้านผีไหมล่ะ”

“อะไรนะ” เธอทำหน้างง

“นั่นไง บ้านผีสิง มาเข้าบ้านผี กรี๊ดให้สติแตกกันไปเลย จะได้ลืมโลก”

เขาชี้ไปที่สิ่งก่อสร้างรูปร่างประหลาด หน้าตาเหมือนหินผาก้อนมหึมาที่ด้านบนเป็นใบหน้าของปีศาจที่มีเขาเหมือนแพะ ดวงตาของมันเหลือกถลนจ้องมองลงมา ปากอ้าแสยะยิ้มเห็นลิ้นสองแฉกสีแดงฉาน สิ่งก่อสร้างที่วัชระเรียกง่ายๆ ว่าบ้านผีสิงนี้สูงประมาณสามถึงสี่เมตร และกว้างเท่าตึกแถวสักสิบคูหา ด้านล่างเป็นประตูทางเข้า ทำด้วยไม้ทาสีเลียนแบบบานประตูเหล็กของปราสาทในนิยายสยองขวัญ

“บ้านผี เปิดพรุ่งนี้แล้ว พี่จะพาเข้าฟรี เอาไหม” เขาเลิกคิ้ว

“ทำไมเข้าฟรีได้ล่ะ” เธอมองหน้าเขา

“พี่เป็นพนักงานสวนสนุก กับคนเก็บตั๋วก็ซี้กัน จะเข้าฟรีกี่รอบก็ได้ จะเข้าไปนอนในนั้นยังได้เลย”

“เป็นพนักงานเหรอ”

“ใช่ เป็นตัวตลก” เขายักไหล่แล้วถามออกไปตรงๆ “รังเกียจเหรอ”

“ไม่หรอก ดีสิ มีเพื่อนเป็นตัวตลก จะมีใครสักกี่คนที่ได้มีเพื่อนเป็นตัวตลก” เธอยิ้มให้เขา ยิ้มหวานจนเขาเผลอตัวจ้องมองอย่างที่ไม่อาจละสายตา

“ฉันชื่อน้ำฟ้า เรียกน้ำก็ได้ พี่ชื่ออะไร” เธอถามนั่นละ เขาถึงรู้สึกตัวว่าจ้องเธออยู่

“วัชระ”

“เข้าบ้านผีวันนี้ไม่ได้เหรอ ฉันอยากกรี๊ดใจจะขาด”

“ข้างในยังไม่พร้อม ระบบเสียงยังไม่เสร็จดี เข้าไปวันนี้มันก็ยังไม่หลอนน่ะสิ เอาน่า… มาเจอพี่พรุ่งนี้บ่ายสาม ตรงแถวๆ ทางเข้าบ้านผีนั่นละ พี่สัญญา เที่ยวกับพี่ สนุกลืมโลกเลย”

“สัญญานะ” เธอคาดคั้น “มาถ่ายรูปกันเป็นหลักฐาน” เธอยกสมาร์ตโฟนขึ้นมาแล้วพยักหน้าให้ เขาเดินเข้าไปยืนข้างเธอ ทำหน้าทะเล้นให้กล้อง เธอจึงได้ภาพคู่ของเพื่อนใหม่ และมีฉากหลังเป็นใบหน้ามหึมาของปีศาจบนบ้านผี

“ฉันจะเอาไปโพสต์เป็นหลักฐาน ถ้ามาแล้วไม่เจอพี่วัชละน่าดู”

“ได้เลย แต่ตอนนี้พี่ต้องไปทำงานแล้ว ไว้พรุ่งนี้มาเจอกัน อ้อ… มาคนเดียวนะ พี่พาเข้าบ้านผีได้คนเดียวเท่านั้น ถ้าน้ำพาเพื่อนมาด้วยละก็หมดสิทธิ์เลย”

“โอเค น้ำจะมาคนเดียว”

แล้วเขาก็เฝ้ารอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ วัชระรีบเดินมาตรงประตูทางเข้าบ้านผีสิง เห็นเด็กสาวเดินไปเดินมาอยู่ตรงนั้นคนเดียว บ้านผีสิงเปิดให้บริการวันนี้แล้ว แต่เพราะยังเป็นช่วงเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ ผู้คนจึงยังไม่มาสวนสนุกกัน แถวนั้นจึงค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีใครเลย

วัชระหยุดยืนอยู่ด้านหลังตู้พยากรณ์ดวงชะตาแบบหยอดเหรียญ จ้องมองเด็กสาวจากระยะไกล เธอดูเปราะบาง เหมือนลูกกวางที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่บนลานโล่งแห้งแล้ง ลมจำนวนหนึ่งหอบฝุ่นแดงม้วนตัวผ่านไป

นี่มันฉากหนังสยองขวัญแท้ๆ เลยนี่หว่า วัชระนึกในใจ



Don`t copy text!