ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” บทที่ 4 : พี่เสือ

ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” บทที่ 4 : พี่เสือ

โดย : ทอม สิริ

Loading

ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” โดย ทอม สิริ นิยายออนไลน์บนเว็บไซต์ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘เจ้าเสือ’ แมวตาเดียวที่พาสารวัตรปวันไปพบกับสาวสวยที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ในห้องพักของเธอเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือเธอคนนี้จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กสาวที่เขากำลังติดตามตัวกลับมา

**************************

ปวัน ขับรถกระบะออฟโรดของเขามุ่งหน้าลงใต้ จุดหมายปลายทางคือกรุงเทพฯ นายตำรวจหนุ่มตั้งใจจะไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสของเพื่อนสมัยมัธยมคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันนานนับสิบปี เขารับปากมันทันทีที่ได้คุยโทรศัพท์กัน เพื่อนจะแต่งเมียทั้งทีเขาก็อยากไปแสดงความยินดี อีกอย่าง งานนี้คงเหมือนงานเลี้ยงรุ่นกลายๆ เพราะเพื่อนสมัยมัธยมนัดกันไปยกชั้น เขาลางานล่วงหน้า ตัดสูทใหม่ ตั้งใจเลือกซื้อของขวัญแต่งงานเตรียมไว้ให้เพื่อนกับเจ้าสาว เช็กสภาพรถเพื่อออกเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร และวันนี้เขาเลือกออกเดินทางแต่เช้ามืด เพื่อจะได้ไม่ร้อน

ปวันเป็นคนในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน ทว่าหลายปีที่รับราชการตำรวจเขากลับต้องไปประจำการที่กรุงเทพฯ หลังสุดเขาถูกส่งขึ้นไปประจำการอยู่ที่จังหวัดทางเหนือถึงสี่ปี เมื่อพ่อของเขาเริ่มแก่เฒ่าและป่วยกระเสาะกระแสะ ปวันทำเรื่องขอย้ายกลับมาบ้านเกิดเพื่อจะได้อยู่ดูแลพ่อได้สะดวก เพราะพ่อก็ไม่มีใคร แม่ของเขาจากไปตั้งแต่เขาเข้ารับราชการใหม่ๆ

ตอนนี้ปวันเพิ่งกลับมาอยู่บ้านเกิดได้ยังไม่ถึงปีเลย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีมาก พ่อดูสดชื่นแข็งแรงขึ้น เพราะการดูแลเอาใจใส่ของเขา ถึงแม้ว่าทั้งบ้านจะมีเพียงปวันและพ่อกับลูกแมวอีกตัว แต่ชีวิตในแต่ละวันในช่วงนี้ก็มีความสุขไปตามอัตภาพ พ่อไม่รู้สึกหงอยเหงาเหมือนตอนที่อยู่บ้านคนเดียว เขาไม่แน่ใจว่าเพราะเขากลับบ้านมาอยู่กับแก หรือเพราะพ่อเพลินกับเจ้าเหมียว แมวจรตัวน้อยที่เพิ่งรับเข้าบ้านมากันแน่

ชายหนุ่มแวะปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันให้เต็มถัง และเข้าไปในร้านกาแฟ สั่งอเมริกาโนร้อนไม่ใส่น้ำตาลกับเฟรนช์ฟรายและเบอร์เกอร์ปลาชิ้นโตสองชิ้นเป็นอาหารเช้า ส่วนมื้อเที่ยงค่อยว่ากันทีหลัง ตอนที่เขาออกมาจากร้านกาแฟ เสียงสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น ชายหนุ่มวางถุงอาหารและกาแฟไว้ตรงกระบะท้ายรถ แล้วล้วงสมาร์ตโฟนออกมาดูหน้าจอ เขาย่นหัวคิ้ว เพราะเป็นหมายเลขที่ทำงานเก่าของเขา สถานีตำรวจที่เมืองเหนือ

“พันตำรวจตรี ปวัน รับสายครับ”

“กรุณารอสักครู่ครับ” มีเสียงโอนสาย แล้วตามมาด้วยเสียงผู้ใหญ่ใจดีที่เขาคุ้นเคย

“ปวัน นี่ผมวสุเองนะ สบายดีไหม”

“สวัสดีครับท่าน ผู้การมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ ท่านถึงกรุณาโทร.มาเองเลย” แม้จะดีใจที่ได้ยินเสียงเจ้านายเก่า แต่เขากลับมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องดี

“เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะ ผมอยากให้คุณมาช่วยทาง สภอ.หน่อย” เสียงทางปลายสายเว้นจังหวะ เหมือนจะเรียบเรียงสิ่งที่จะพูดต่อ “อ่า… คุณยังจำคดีเด็กผู้หญิงหายตัวไปในงานคาร์นิวัลเมื่อสองปีที่แล้วได้ไหม”

นายตำรวจหนุ่มเกือบจะถอนหายใจออกมาดังๆ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ คดีเด็กผู้หญิงหายคดีนั้นเขาเป็นคนดูแลรับผิดชอบ และก่อนหน้านั้นปีหนึ่ง ก็มีเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันหายไปในงานคาร์นิวัลอีกรายหนึ่งด้วยเหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นคดีคนหายต่อเนื่องสองคดีซ้อน ปวันเป็นคนรับผิดชอบทั้งสองคดี ที่สำคัญ เขายังปิดคดีไม่ได้ ไม่มีวี่แววเด็กสาวทั้งสองคนที่หายตัวไปเลย

“ปวัน คุณยังฟังอยู่หรือเปล่า” เสียงผู้การวสุเรียกสติเขากลับมา

“ครับ ผมจำได้ครับ ผู้การ”

“นั่นละ มันเกิดขึ้นอีกแล้ว คราวนี้หนักกว่าเก่า” ท้ายประโยคปวันได้ยินเสียงผู้การวสุถอนหายใจ “มีรายงานขึ้นมาว่า ในช่วงเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเด็กสาวหายตัวไปถึงสี่คน”

“หา…”

“คุณฟังไม่ผิดหรอก สี่คนในสามอาทิตย์ คนล่าสุดเป็นเด็กสาวมัธยมปลาย มีพยานให้การว่าเห็นเด็กมาเที่ยวงานคาร์นิวัล ปรากฏว่าพ่อแม่บอกเธอไม่ได้กลับบ้าน เลยมาแจ้งความคนหายในวันรุ่งขึ้น งานนี้ สารวัตรเป็นเอก เขารับผิดชอบอยู่ แต่ผมคุยกับเขาแล้ว ว่าอยากขอยืมตัวคุณมาช่วย เพราะคุณเคยทำคดีลักษณะนี้ ผมแจ้งไปทางเจ้านายคุณแล้ว เขาว่าคุณลาพักร้อน ผมเลยขอเขาว่าจะโทร.มาถามเอง คุณพอจะช่วยได้ไหม”

“ยินดีครับ ผู้การ”

“ดี” เสียงทางปลายสายบอกว่าโล่งใจ “ผมค่อนข้างร้อนใจนะ ปวัน อยากให้คุณเริ่มงานเลย ดูเหมือนว่าเรื่องเด็กผู้หญิงหายไปนี่มันจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว”

ปวันเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน ถ้ารวมกับคดีที่เขายังปิดไม่ได้อีกสองรายเมื่อสองปีก่อน ก็หมายความว่ามีเด็กผู้หญิงหายไปหกรายแล้ว

“ผมจะขึ้นไปรายงานตัวที่ สภ.อ.วันนี้เลยครับ”

“ดี… ผมฝากด้วยนะ ปวัน”

“ครับท่าน”

หลังจากวางสายจากนายเก่าไปแล้ว ปวันต่อสายถึงเพื่อนรักผู้ที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าว เขาขอโทษเพื่อนที่ติดภารกิจกะทันหัน ไม่สามารถจะไปร่วมยินดีกับเพื่อนได้ และบอกว่าเขาจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนในภายหลัง เมื่อวางสายจากเพื่อน ชายหนุ่มคิดว่าเขาควรจะรีบหน่อย งานสำคัญที่ผู้ใหญ่มอบหมายมารออยู่ตรงหน้า เขาจะต้องเปลี่ยนจุดหมายจากล่องใต้เป็นขึ้นเหนือ กลับไปยังที่ที่เคยคุ้น ชายหนุ่มเอื้อมหยิบถุงใส่อาหารและถ้วยกาแฟอย่างใจลอย ทว่าตอนนั้นเองที่เขาเห็นผ้าใบคลุมรถที่เขาใช้คลุมข้าวของเครื่องใช้ท้ายกระบะขยับ มีอะไรบางอย่างอยู่ใต้ผ้าใบ

“งู?”

ชายหนุ่มวางถุงอาหารและถ้วยกาแฟทันที เขาเหลียวหาท่อนไม้ริมทางเพื่อจะไล่ต้อนมันออกไป ตอนนั้นเองที่มันโผล่ออกมา…

“แง้ววว…”

เสียงลูกแมวร้องเบาๆ ดังมาจากใต้ผ้าใบ ตามมาด้วยจมูกเล็กๆ สีดำ หนวดขาวดุ๊กดิ๊ก ดวงหน้าสีเทา ด่างขาวสะอาดเหมือนสำลีตรงจมูกและปากไปจนถึงหน้าอกและพุง ดูเผินๆ เหมือนใส่เชิ้ตขาวกับทักซิโดสีเทา แถมขนตรงเท้าทั้งสี่ข้างก็เป็นสีขาวเหมือนใส่ถุงเท้า เจ้าแมวน้อยเอียงคอ จ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลที่เหลือเพียงข้างขวาข้างเดียว

“พี่เสือ!”

ปวันถอนหายใจออกมา ทั้งโล่งอกทั้งแปลกใจที่เห็นเจ้าแมวน้อยอายุสี่เดือนที่ชื่อเสือ โผล่มาจากใต้ผ้าใบในกระบะท้ายรถของเขา

“มายังไงวะนี่… เข้าไปนอนใต้ผ้าใบอีกแล้วใช่ไหม ดีนะที่ไม่กระเด็นหล่นอยู่กลางถนนอีกรอบ” ชายหนุ่มพูดกับดวงหน้าใสซื่อ ที่ไม่รู้หรอกว่ามันจะเข้าใจที่เขาพูดหรือเปล่า

“เฮ้อ… เอาไงดีวะ จะกลับไปส่งแกที่บ้านก็ไม่ทันแน่” เขาพูดกับตัวเองพลางอุ้มเจ้าแมวน้อยและหยิบถุงอาหารกับถ้วยกาแฟเข้าไปนั่งในรถ เปิดห่อเบอร์เกอร์ปลา บิปลาเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เพื่อนร่วมทางกินที่เบาะด้านข้างคนขับ ส่วนตัวเองดื่มกาแฟร้อนอึกใหญ่ คาเฟอีนอุ่นร้อนไหลลงคอช่วยให้สดชื่นขึ้นมาก เขากัดเบอร์เกอร์คำใหญ่กินเป็นเพื่อนเจ้าแมวน้อยที่กำลังขย้ำปลาทอดอย่างเอร็ดอร่อย ชายหนุ่มมองดูมัน พลางคิดตัดสินใจ

เมื่อเสือกินปลาอิ่มแล้ว มันยกขาหน้าทั้งสองขึ้นมาเลีย แล้วเริ่มเลียเนื้อเลียตัว เตรียมจะกลับไปงีบต่อ ตอนนี้มันได้เข้ามานั่งรับอากาศเย็นฉ่ำในรถ น่านอนจะตายไป

เสือมานอนใต้ผ้าใบท้ายกระบะตั้งแต่ย่ำรุ่ง แล้วมันก็เคลิ้มหลับไป มาตื่นงัวเงียตอนได้ยินเสียงสตาร์ตรถและรู้สึกว่าพื้นกระบะที่นอนอยู่กำลังสั่น แต่ความง่วงไม่ปรานีใคร มันลืมตาไม่ขึ้นเพราะกำลังนอนอร่อย ก็เลยหลับหูหลับตานอนต่อยาวไป ตื่นมาอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงป๋าปวันคุยโทรศัพท์ มันเลยมุดผ้าใบออกมาดูเผื่อว่าป๋าจะมีอะไรให้กิน เพราะแมวเริ่มหิวแล้ว เวลาหิวป๋าปวันจะมีของอร่อยเตรียมไว้ให้เสมอ

เสือรักป๋าปวันและคุณปู่มากๆ ถ้าไม่ได้ผู้ชายสองคนนี้ มันอาจจะไม่รอดชีวิต แมวน้อยยังจดจำได้ แม้ว่าตอนนั้นมันยังเล็กมาก วันนั้นมันเดินอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันไม่รู้ สิ่งที่เห็นมีเพียงม่านแสงสีแดงฉาน เพราะดวงตาทั้งสองข้างมืดบอด

เสียงรถคันใหญ่วิ่งไปมา เฉียดใกล้จนรู้สึกถึงแรงลมที่ปะทะอยู่รอบตัว ขาทั้งสี่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง แต่มันก็พยายามทรงตัวและวิ่งไปข้างหน้าโดยหวังว่าจะไปให้พ้นจากรถใหญ่พวกนั้น เสียงแตรรถยนต์ดังจนขวัญเสีย ถ้ามันโดนล้อเหยียบเข้าสักล้อคงไม่มีใครได้ยินเสียงกะโหลกมันแตกด้วยซ้ำ เสือไม่รู้ว่าควรจะหลบซ้ายหรือหลบขวา เพราะมันมองไม่เห็น ความเจ็บปวดสาหัสในดวงตาทำให้มันวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้หนทาง

แล้วจู่ๆ ก็มีมือใหญ่ช้อนตัวมันขึ้นจากถนน มือหนึ่งรองไว้ใต้ท้องและหน้าอก อีกมือจับกำแน่นที่ต้นคอของมัน เสือตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันได้แต่ร้องขู่แฟดๆ เสียงดัง

“ใจเย็นๆ ไอ้ตัวเล็ก ฉันมาช่วย ไม่ได้มาทำร้ายแก”

เสียงชายหนุ่มทุ้มนุ่มบอกถึงความเมตตาพูดอยู่ข้างหู สิ่งที่เขาพูดนำความรู้สึกอบอุ่นและมั่นคงอย่างประหลาดแล่นเข้ามาสู่หัวใจน้อยๆ ของแมวตาบอดตัวนี้ มันจึงหยุดดิ้นและเงียบเสียงลง

เสียงเปิดและปิดประตู เขาพามันขึ้นรถที่ภายในเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ อากาศผิดกับข้างนอกราวนรกกับสวรรค์ ที่ข้างนอกนั่นพื้นถนนร้อนเสียจนอุ้งตีนของมันแทบจะพอง

“จับได้เสียที เอาแต่วิ่งปุเลงๆ ไปเรื่อย แกนี่มันทำรถติดยาวเหยียดเลยรู้ไหม ไอ้ขี้เถ้า” อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้น เป็นเสียงของชายชรา กระแสเสียงเปี่ยมเมตตา “เออ… สีมันเทาตุ่นๆ ยังกะสีขี้เถ้าในเตาถ่านวุ้ย อ้าว แล้วนั่นตาเป็นอะไรล่ะ”

“ตามันเจ็บฮะ มีเลือดสดๆ ไหลออกมาจากตาทั้งสองข้างเลย ผมว่ามันมองอะไรไม่เห็น เลยวิ่งเตลิดไป พอได้ยินเสียงดังใกล้ๆ ตัว ก็ตกใจกระโดดหลบเข้าด้านข้าง หัวกระแทกกับแผงกั้นกลางสะพานไปตลอดทาง” เสียงผู้ชายคนเดิมผู้ที่มีกระแสเสียงชวนให้สบายใจ

“น่าเวทนา พาไปหาหมอก่อนเถอะ จะรอดไหมวะเนี่ย ดูสภาพมันกะรุ่งกะริ่งอ่อนแรงเหลือเกิน ท่าจะไม่ได้กินข้าวปลามาหลายวัน”

“ถ้ารอด พ่อจะเลี้ยงแมวเหรอ”

“เออ… กูเลี้ยงมันเอง”

นั่นเป็นคำพูดที่เสือได้ยิน ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำมืด เพราะมันหมดสติไป

 

ปวันเปลี่ยนเส้นทาง จากที่ตั้งใจจะลงใต้ หลังจากรับปากเจ้านายเก่า เขากลับต้องขึ้นเหนือ ชายหนุ่มเหลือบตามองแมวน้อยที่ตอนนี้คลานขึ้นมาหลับสนิทคอพับคออ่อนอยู่บนตักของเขาแล้ว เขาคงต้องหอบหิ้วมันขึ้นเหนือไปด้วยกัน เพราะจะเอากลับไปคืนพ่อที่บ้านก็คงจะไม่ทัน งานของเขาเร่งด่วน และใจของเขาก็ร้อนรนอยากจะทำงานนี้มาก อาจเป็นเพราะมีคดีที่เขาเคยปิดไม่ลง มันเป็นโอกาสที่เขาจะได้แก้ตัว

“พี่เสือเอ๊ย… เอ็งเที่ยวไกลเลยงานนี้” เขาพูดกับแมวน้อย จ้องมองใบหน้าเล็กๆ ของมัน แล้วนึกไปว่ามันคงไม่รอดถ้าเขาไม่จอดซื้อกาแฟ ถ้าเขาไม่เจอมันเสียก่อน แล้วตะบึงรถไปครึ่งวันค่อนวัน มันอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วกระเด็นตกรถลงไปที่กลางถนน เหมือนในอดีตครั้งก่อนที่เขาเห็นมันเดินสะเปะสะปะอยู่กลางสะพานใหญ่ข้ามสี่แยก

ในเวลานั้น แมวน้อยอายุประมาณสองเดือนกว่าเท่านั้น และไม่สบายมาก คุณหมอที่คลินิกรักษาสัตว์บอกกับปวันว่า ดวงตาของมันติดเชื้อ กำลังอักเสบอย่างรุนแรง คุณหมอไม่อาจบอกถึงสาเหตุได้ แต่มันคงจะเจ็บปวดอย่างที่สุด ดูได้จากที่ตัวของมันสั่นเทิ้ม หูลู่ไปด้านหลังและหน้าผากย่นเป็นร่องลึก ดวงตาทั้งสองข้างบวมจนแทบทะลักออกมาจากเบ้า มีน้ำตาไหล แต่ของเหลวที่ไหลออกมาจากดวงตาคือเลือดสดๆ

“มันจะรอดไหมครับหมอ” เขาถามตรงๆ

“ห้าสิบ-ห้าสิบครับ มันอ่อนแรงมาก แต่ที่แน่ๆ ตาซ้ายอาการหนักกว่าข้างขวา น่าจะหมดสิทธิ์แล้ว ผมจะพยายามรักษาตาขวาไว้ให้ได้”

สัปดาห์ต่อมา ปวันไปรับแมวน้อยกลับมาจากคลินิก มันรอดชีวิต แต่เหลือตาขวาเพียงดวงเดียว คุณหมอจำเป็นต้องควักตาซ้ายออก ก่อนที่มันจะเน่าและทำให้ติดเชื้อ แมวน้อยผอม ขนสีเทาและขาวลู่ไปตามหนังหุ้มกระดูก มันอ่อนแอเปราะบาง แต่ก็รอดชีวิตมาได้

“ปู่เรียกแกว่าขี้เถ้า แต่ป๋าจะเรียกแกว่า เสือ ก็แล้วกันนะ ต้องสู้ๆ ให้ชื่อดุๆ หน่อย จะได้รอด ดีไหม พี่เสือ ครับ”

ลูกแมวสีเทาขาวสภาพร่างกายป้อแป้ผงกหัวขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาที่เหลือเพียงดวงเดียว เหมือนจะบอกว่ามันจะสู้เพื่อมีชีวิตอยู่



Don`t copy text!