ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” บทที่ 3 : หลอนผีหรือหลอนยา

ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” บทที่ 3 : หลอนผีหรือหลอนยา

โดย : ทอม สิริ

Loading

ซีรี่ส์แมวตาทิพย์ “แม่มดมืด” โดย ทอม สิริ นิยายออนไลน์บนเว็บไซต์ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘เจ้าเสือ’ แมวตาเดียวที่พาสารวัตรปวันไปพบกับสาวสวยที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ในห้องพักของเธอเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือเธอคนนี้จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กสาวที่เขากำลังติดตามตัวกลับมา

**************************

“กรี๊ดดดดดดดดด…”

น้ำฟ้าไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวได้ดังขนาดนั้น ทั้งที่รู้อยู่ว่าบ้านผีสิงเป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้นมาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโลงศพ ศพผี มัมมี่ ผีแหวกท้อง หรือจะตัวอะไรที่มันโผล่ออกมา หรือที่มันหล่นลงมาโดนตัวเธอก็ตามเถอะ แต่ด้วยบรรยากาศเย็นยะเยือกแปลกๆ มันทำให้เธอหนาวสันหลังขึ้นมาถึงต้นคอ

เป็นความเย็นที่ไม่ใช่เย็นแบบเครื่องปรับอากาศ น้ำฟ้าบอกไม่ถูกว่าทำไมเธอรู้สึกว่าความเย็นยะเยือกนี้ มันบีบรัดหัวใจของเธอจนเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วยังความมืดที่ห่มคลุมอยู่รอบตัวอีก ความมืดมิดเหมือนทะเลน้ำหมึกทำให้ระแวงว่าเธอกำลังเดินไปหาอันตราย หรืออันตรายนั้นกำลังหายใจรดต้นคอเธออยู่

“พี่วัช” เด็กสาวเหลียวมองไปด้านหลัง สงสัยว่าเขาเดินตามเธอมาหรือเปล่า ทำไมถึงเงียบนัก

เขาไม่ตอบ เธอจึงหยุดเดินแล้วหันหลังไปเพ่งมอง ถึงได้เห็นเงารางๆ

“หึ หึ นึกว่าจะเก่ง กรี๊ดซะหูดับไปเลย” เขาเยาะเย้ย

“พี่วัชอะ ก็มันตกใจนี่ จู่ๆ ไอ้ตัวอะไรเละๆ นั่นก็ตกใส่หัว เป็นใครจะไม่กรี๊ดล่ะ” เด็กสาวยังรู้สึกขยะแขยงอยู่เลย เมื่อครู่มีอะไรบางอย่างตกลงมาจากขื่อเตี้ยๆ ตอนที่เดินผ่าน เธอเห็นไม่ชัดว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่ามันถูกห่ออยู่ในผ้าขาวกระดำกระด่าง ลักษณะเหมือนใบหน้าเละๆ นั่นสัมผัสผิวหน้าเธอ มันเปียกหยุ่นคล้ายเมือกและมีกลิ่นเหม็น ทำให้เธอรีบปัดมันกระเด็นออกไปอย่างแรง

“หันไปมองทางดีๆ สิ ทางมันแคบนะ ระวังล้ม”

“มันมืดด้วยเนี่ย ต้องยื่นมือออกไปคลำทาง ทำไมพี่วัชไม่มาเดินนำหน้าล่ะ”

เขาไม่ตอบอีกแล้ว น้ำฟ้าได้ยินแต่เสียงหัวเราะในลำคอ คงอยากจะแกล้งให้เธอกลัว เด็กสาวคร้านจะหันไปมองเขาอีก เลยตั้งใจเพ่งมองทาง ข้างในนี้มืดมาก ยกเว้นตรงทางแยกที่จะพรางไฟไว้ให้พอเห็นว่าเป็นช่องเป็นหลืบเข้าไปและมันมีทางแยกอยู่มากมายเหมือนเขาวงกต จนทำให้เด็กสาวสงสัยว่า จะมีใครเคยหลงอยู่ในนี้แล้วหาทางออกไปไม่ได้บ้างไหม อาจจะเป็นเธอนี่ละที่เป็นคนแรก

กลิ่นของอะไรบางอย่างลอยอยู่ในอากาศอับทึบ อาจจะเป็นกำยานชนิดหนึ่งละมั้ง คนออกแบบบ้านผีคงตั้งใจใช้กลิ่นต่างๆ ช่วยสร้างบรรยากาศด้วย บางทีเดินๆ ไป เธอก็ได้กลิ่นเหมือนตอนที่อยู่โรงพยาบาล และเมื่อเดินไปในบางตอนก็ได้กลิ่นเหม็นเหมือนเลือดเน่า แต่นี่มันกลิ่นอะไร เธอนึกไม่ออก คงเพราะไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อน

ความมืดทำให้ใจสั่น เพราะไม่รู้ว่าจะพบเจออะไรข้างหน้า และเมื่อมองไม่เห็น คนเราก็เริ่มสร้างจินตนาการขึ้นมา มันหลอนเสียยิ่งกว่าอะไร ยิ่งเสียงไวโอลินบรรเลงเดี่ยวท่วงทำนองพลิ้วไหวบาดใจดังมาจากลำโพงที่ซ่อนไว้ ผสมผสานไปกับเสียงลมพัดผ่านช่องแคบของผนังถ้ำยิ่งทำให้น้ำฟ้าขนลุก

ตอนที่น้ำฟ้าเดินไปอีกสองสามก้าว ร่างหนึ่งก็แกว่งมาจากด้านข้าง มันไหววูบผ่านหน้าของเธอ หญิงสาวผงะและมองตามว่ามันคืออะไร ร่างของชายคนหนึ่งแขวนคอลงมาจากขื่อด้านบน ดวงตาเหลือกถลนแทบจะหลุดออกมา และลิ้นสีเขียวอมเทาช้ำเลือดช้ำหนองพองคับปาก เมื่อเห็นชัดเธอก็กรีดร้องออกมา

“กรี๊ดดดดดด…”

เด็กสาวทนความหวาดกลัวที่แล่นเข้าจับหัวใจไม่ไหว เธอหันไปหาวัชระที่ควรจะเดินอยู่ด้านหลังของเธอ

“พี่วัช”

แต่เขาไม่อยู่ตรงนั้น ทั่วบริเวณนั้นมีเธอยืนอยู่ลำพังเพียงคนเดียว!

“พี่วัช!!” คราวนี้น้ำฟ้าตะโกนเรียก เสียงของเธอสั่นเพราะเสียขวัญ

มีเพียงเสียงหวีดหวิวของลมตอบกลับมา ดูเหมือนสรรพสำเนียงใดๆ พากันเงียบไปหมดอย่างน่าแปลก ความเงียบนี่ละตัวดี มันทำให้หวาดระแวงยิ่งกว่าเสียงดังๆ เสียอีก เด็กสาวเหลียวหน้าเหลียวหลัง พยายามเพ่งสายตาฝ่าความมืดที่ห่มคลุมอยู่รอบตัว

“พี่วัช อยู่ไหนเนี่ย ชักจะไม่สนุกแล้วนะเว้ย”

กรี๊ดดดดด…

เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังเสียดประสาทขึ้นในวินาทีที่เธอเห็นเขายืนอยู่ข้างๆ ใกล้เสียจนเธอผงะผวา เด็กสาวเกือบจะเซล้มลง ถ้าไม่ได้วัชระฉุดแขนไว้

“เสียงใครน่ะ”

“ก็เสียงจากลำโพงน่ะสิ ทำยังกะไม่เคยเที่ยวบ้านผีสิง เขาก็ปล่อยเสียงกรีดร้อง เสียงตึงตัง เสียงร้องโหยหวนออกมาเป็นระยะๆ นั่นละ ปอดเหรอ?” ท้ายประโยคเธอได้ยินเสียงหัวเราะในคอเหมือนจะหยัน ทำให้น้ำฟ้ารู้สึกโกรธและอับอาย

“บ้าเหรอ ฉันก็แค่ตกใจ ไม่ได้ปอดซะหน่อย” เธอพยายามทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนความกลัว

“งั้นก็ดีแล้ว น้ำยืนรอพี่อยู่ตรงนี้แป๊บหนึ่งได้ไหม” เขาเอ่ยถามมาจากความมืด เธอเห็นตาขาวของเขารางๆ มันเป็นประกายเวลาเขาขยับตัว

“พี่วัชจะไปไหน”

“พี่ปวดฉี่ ว่าจะหาที่ปล่อยตามหลืบตามซอกในนี้ละ อั้นจนรอให้ถึงทางออกไม่ไหวแน่ ประตูทางออกยังอยู่อีกไกลเลย จะย้อนกลับไปประตูทางเข้าก็ไกลพอกัน”

“อี๋… สกปรก ฉี่ในนี้มันก็เหม็นแย่สิ”

“ในนี้มันมีสารพัดกลิ่นอยู่แล้ว เพิ่มอีกสักกลิ่นจะเป็นไรไป”

“ว้า… แล้วจะให้ฉันยืนรออยู่เนี่ยน่ะเหรอ” เด็กสาวใจเสีย เธอมองเห็นหน้าเขาบ้างไม่เห็นบ้าง เพราะความมืดหนาหนักที่อยู่รอบตัว

“ไหนว่าไม่กลัวไง”

“ฉันไม่ได้กลัว”

“งั้น… ถ้าน้ำขี้เกียจรอ ก็เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก่อนก็ได้ เดินไปตามทางหลัก ไม่ต้องเลี้ยวซอกไหน เดี๋ยวพี่เสร็จแล้วจะวิ่งตามไป อูย… ไม่ไหวละ พี่ขอตัวแป๊บเดียวนะ”

เด็กสาวได้ยินฝีเท้าเขาเดินเร็วๆ ย้อนกลับไปตามทางที่เดินมา แถวนั้นมีซอกหลืบและทางแยกอยู่หลายแห่ง เขาคงจะเลือกทำธุระสักแห่ง เธอตัดสินใจยืนรอเขาอยู่ตรงที่เดิม เด็กสาวไม่แน่ใจว่าถ้าเธอเดินไปก่อน จะหลงเดินเลี้ยวเข้าทางแยกไหนไปหรือเปล่า ถ้าเขาตามมาแล้วไม่เจอ เธอคงจะซวยแน่ๆ

 

อันที่จริงวัชระปวดปัสสาวะนิดหน่อย ไม่ถึงกับจะทนอั้นไม่ได้อย่างที่บอกเด็กสาวไป แต่ที่เขาอยากยิ่งกว่าการปลดปล่อยปัสสาวะก็คืออยากเล่นยา เขาพกมันเข้ามาในนี้ด้วย เข็มกับสายยางรัดแขน อยากลองมานานแล้ว ว่าถ้าเล่นยาในบรรยากาศแบบบ้านผีสิงมันจะเป็นยังไง อีกอย่างในนี้ลับตาคนดีมาก ไม่มีใครมาเห็นเขาแน่

เด็กหนุ่มเดินย้อนกลับมาตามทางที่เดินผ่าน เมื่อครู่เขาหมายตาทางเลี้ยวไว้แห่งหนึ่ง ตรงนั้นมีหุ่นผู้หญิงแต่งเป็นศพสวมชุดนอนสีขาวเปื้อนเลือดนอนตายอยู่บนเตียง ไส้ไหลออกมากองที่พื้น เลือดเหนียวข้นนองไปทั่ว เขาคิดว่าคงไม่มีใครเดินผ่านหุ่นตัวนั้นมาเลี้ยวเข้าทางแยกตรงนี้แน่ และเมื่อเขาเดินเข้าไปมันก็ช่างเหมาะเจาะ ใครไม่รู้ทิ้งที่นอนเก่าไว้หลังหลืบลับตาคนตรงนั้น วัชระเดินไปทิ้งตัวลงบนฟูกเก่าขาดส่งกลิ่นหืน ควักเข็มกับสายยางรัดแขนออกมาจัดการตัวเองทันที

น้ำฟ้าคงจะรอได้ เขาตั้งใจว่าจะนั่งพักสักครู่ แล้วก็จะเดินกลับไปหาเธอ เล่นยาแล้วคงเที่ยวกับเธอสนุกขึ้นอีกชัวร์ อย่างน้อยก็คงจะมีอีกหลายนัดที่จะได้สนุกกัน ก่อนที่เขาจะส่งมอบเธอให้นาย…

ยาออกฤทธิ์ซ่านไปทั่วร่าง วัชระหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับยมทูตที่วิ่งพล่านอยู่ในสายเลือดและทั่วร่างกายของเขา เขาจะไม่คิดอะไรทั้งนั้น เด็กหนุ่มหลุดโลกไปแล้ว

 

น้ำฟ้ายืนรออยู่ตรงนั้น หนาว… เธอรู้สึกว่ามวลอากาศรอบตัวเย็นเฉียบ มันเย็นชืดๆ ทำให้เธอขนลุก วัชระหายไปนาน มันนานเกินไปแล้วสำหรับการไปปัสสาวะ หรือเขาจะหลงเดินเลี้ยวไปทางอื่นตอนขากลับมา หรือเขาจะไปออกทางอื่น แต่เขาบอกกับเธอว่าทางออกมีทางเดียวนี่นา แล้วพนักงานสวนสนุกอย่างเขาก็ไม่น่าจะเดินหลง ไม่อย่างนั้นจะนำทางลูกค้าได้ยังไงล่ะ

ช่างเถอะ… จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เธอรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว เสียงลมอื้ออึงหวีดหวิว เสียงกรีดร้องของผู้หญิง เสียงหัวเราะบ้าคลั่งของผู้ชาย สารพัดเสียงที่ปล่อยมาตามลำโพง มันบีบรัดให้ขมับของเธอเต้นตุบ ปวดหัวปวดตัวเหมือนจะเป็นไข้ วัชระน่าจะกลับมาพาเธอออกไปจากที่นี่เสียที

“น้ำฟ้า…” เสียงเรียกดังมาจากหลืบด้านหน้าไกลออกไป

“พี่วัช พี่วัชหรือเปล่า” เด็กสาวตะโกนถามออกไป เธอย่นหัวคิ้วด้วยความงุนงง ก็เสียงนั้นดังมาจากหลืบด้านหน้า แล้วถ้าเป็นวัชระ เขาเดินผ่านเธอไปถึงหลืบตรงนั้นได้ยังไงโดยที่เธอไม่เห็น หรือจะเป็นคนอื่น

แต่ใครล่ะ ที่จะรู้จักชื่อของเธอ?

“พี่วัช อย่าเล่นอะไรบ้าๆ นะ ฉันไม่สนุกด้วยแล้ว อยากออกไปจากนี่แล้วนะ” เด็กสาวร้องตะโกนออกไปพลางเดินไปยังจุดที่เธอคิดว่าวัชระแอบซ่อนอยู่

“พี่วัช กลับกันเถอะ” น้ำฟ้าพูดพลางชะโงกหน้าเข้าไปมองหลังหลืบมืด

ไม่มีใคร วัชระไม่ได้อยู่ตรงนี้ แล้วเขาจะไปทางไหนได้ ระยะทางไม่ไกล เธอรีบเดินโดยมองมาที่หลืบตลอดเวลา เขาไม่มีทางออกจากตรงนี้ไปที่อื่นโดยที่น้ำฟ้าไม่เห็น เป็นไปไม่ได้

เด็กสาวเหลียวมองไปรอบตัว เธอต้องเพ่งสายตาฝ่าความมืดที่หนาแน่นชวนอึดอัดหายใจไม่ออก ตรงทางเลี้ยวนั่นมีแสงสว่างเรืองๆ เหมือนกับว่าถัดออกไปจะเป็นทางออกหรือแหล่งแสงอะไรสักอย่าง เธอเห็นเงาดำเลือนรางของใครบางคนวูบไหวทาบไปกับผนังถ้ำ

“นี่… ถ้าจะเล่นหลอกกันอย่างนี้ บอกเลยว่าน้ำไม่ชอบ” เธอตะโกนออกไป หงุดหงิดเสียจนคิดในใจว่า ถ้าจับได้ว่าเขาจงใจแกล้ง เธอจะด่าเขาแรงๆ เด็กสาวรีบวิ่งตามเงานั้นไปในทันที โดยไม่สนใจว่าทางโค้งแยกนั้นมันนำไปที่ใด

 

วัชระเดินมาถึงจุดที่เขาบอกให้เธอรอ แต่น้ำฟ้าไม่อยู่ เขาตะโกนเรียกชื่อเธออยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องและเสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังตอบมาจากลำโพงเท่านั้น

“สงสัยจะขี้เกียจรอ สาวๆ สมัยนี้แม่งใจร้อน จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้เดี๋ยวนี้ หึ…” เขาแค่นเสียงด้วยความเซ็งนิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มไม่แคร์หรอกว่าเธอจะรอหรือไม่รอ หรือกระทั่งว่าจะได้เจอเธออีกหรือเปล่า หน้าตาอย่างเขา เดี๋ยวก็มีสาวๆ แวะเวียนเข้ามาเล่นด้วย

วัชระหัวเราะ ดวงตาล่องลอยเคลิบเคลิ้มไปตามฤทธิ์ยา เขาเดินตรงไปตามทางที่นำสู่ทางออกได้สักครู่ ตอนที่อีกประมาณห้าสิบเมตรจะถึงทางออก เขาเห็นแสงสว่างส่องลอดมาจากผ้าม่านพลาสติกใสที่ปิดปากถ้ำแล้ว มีใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อวัชระเพ่งมองย้อนแสงออกไปจึงจำได้ เขาเอ่ยทักทาย

“อ้าว นึกว่าพี่รอเก็บตั๋วอยู่ตรงทางเข้าเสียอีก เมื่อกี้ผมพาเพื่อนมา ยังไม่เห็นพี่มา เลยเข้ามาก่อน” เขายิ้มให้ชายร่างใหญ่ แต่งตัวแต่งหน้าเป็นพวกซอมบี้ผีตายซาก

“กูมารอมึงอยู่ตรงนี้ไง” เสียงตอบมาจากชายร่างใหญ่ วัชระมองย้อนแสงเลยเห็นหน้าเขาไม่ถนัด รู้แต่ว่าเขายิ้มให้

“มารอผมทำไม แล้วนี่พี่เห็นเพื่อนผมเดินออกมาหรือยัง เด็กผู้หญิงหน้าหวานๆ น่ะ”

“กูเห็นแล้ว แต่เธอไม่ได้มาออกตรงนี้หรอก เธอมีทางของตัวเอง มึงก็มีทางที่ต้องเป็นไปเหมือนกันว่ะ คนที่ทำงานชุ่ยๆ อย่างมึงต้องโดนเตือนเข้าสักที มึงมันชอบทำให้นายโมโห รู้ใช่ไหมว่าเวลานายโมโหมันไม่ดีเอามากๆ เลย ฮ่าๆ” ชายคนนั้นอ้าปากหัวเราะ เสียงนั้นแปร่งพร่า สักพักเดียวมุมปากที่กระดกขึ้นด้วยอาการหัวเราะ กลับตกลงมาแล้วแยกออกเป็นอาการอ้ากว้าง มันอ้าค้างอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง มีเสียงเหมือนของเหลวกำลังเคลื่อนตัวออกมาจากลำคอของเขา

วัชระย่นหัวคิ้วเพ่งมองภาพตรงหน้า สิ่งที่เขาเห็นทำให้ต้องถามตัวเองว่า ยาที่เสพเข้าไปเมื่อครู่มันแรงกว่าทุกครั้งหรือเปล่า เขายกมือขึ้นขยี้ตา แล้วเพ่งมองภาพนั้นอีกครั้ง

ชายร่างใหญ่ยืนโงนเงน ใบหน้าหันมาทางวัชระ แสงสว่างยามบ่ายตรงทางออกสาดส่องเข้ามา เขาเห็นทุกอย่างชัดแจ๋ว ริมฝีปากที่อ้ากว้างนั้นค่อยๆ อ้ามากขึ้นอย่างช้าๆ เสียงของเหลวเคลื่อนตัวดังมาจากปากที่กำลังเปิดกว้างแน่นอน ดูเหมือนริมฝีปากนั้นจะอ้ากว้างมากเกินกว่าคนที่มีขากรรไกรจะทำได้ มันเหมือนงูเหลือมที่สามารถอ้าปากได้กว้างเท่าที่ต้องการ เพื่อกลืนกินหมาหรือกวางสักตัว มันจะเป็นไปได้ยังไง!

“เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย!?” วัชระร้องออกมา

เขาก้าวถอยหลัง รู้สึกว่าขนบนหัวพองตัวตั้งขึ้นมา แข้งขาอ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น ทว่าดวงตาไม่อาจละไปจากภาพตรงหน้าได้เลย เมื่อวัชระมั่นใจว่าเขาเห็นมือของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาจากปากของชายร่างใหญ่ เขาเห็นเล็บยาวกับข้อนิ้วปุ่มโปนข้างหนึ่ง มันโชกชุ่มไปด้วยเลือดและเศษเนื้อแดงๆ ตามมาด้วยมืออีกข้าง ข้อมือ และลำแขนที่ผุดออกมาจากปาก ที่ตอนนี้มุมปากทั้งสองข้างปริขาดไปถึงหูแล้ว ภาพนี้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และยังคงดำเนินต่อไป วัชระหายใจไม่ออก หัวใจของเขาเต้นแรงเร็ว จนอาจจะหยุดไปในนาทีใดนาทีหนึ่ง

เสียงอะไรบางอย่างฉีกขาด พร้อมกับมือและแขนคู่นั้นดันฉีกปากออกจากกัน ร่างใหญ่โตนั้นบัดนี้ถูกฉีกจากภายในไปครึ่งตัวแล้ว และสิ่งที่ทำอย่างนั้นกำลังผุดขึ้นมาจากภายในร่างกายของเขา มันฉีกปอดและกระเพาะอาหาร ดันร่างผอมหนังหุ้มกระดูกออกมาจากร่างของชายคนนั้น เหมือนก้าวออกจากเสื้อผ้าเก่าตอนที่ถอดมันออก ทิ้งอวัยวะของเจ้าของร่างร่วงลงสู่พื้นที่นองไปด้วยเลือดสดส่งกลิ่นคาวคลุ้ง

วัชระร้องออกมาไม่เป็นภาษา เมื่อเห็นเขาหงิกงอเหมือนเขาแพะของมันที่ติดอยู่ด้านบนกะโหลก ต่ำลงมาคือใบหน้าของเจ้าสิ่งนั้น ดวงตาของมันเรืองแสงสีแดงก่ำและจ้องตรงมายังเด็กหนุ่ม ปากอ้ากว้างแสยะยิ้มเห็นลิ้นสองแฉกตวัดไปมาและฉ่ำเลือด

“อ๊ากกกกกก…” วัชระร้องสุดเสียง

คนขายสายไหมที่กำลังปั่นละอองน้ำตาลให้เป็นใยบางๆ นึกแปลกใจที่เห็นเด็กหนุ่มวิ่งร้องโวยวายออกมาจากประตูทางออกบ้านผีสิง เขาหันไปพูดขำๆ กับลูกค้าหนุ่มที่กำลังรอสายไหม

“อ่อนว่ะ ฮ่าๆๆ”



Don`t copy text!