ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 29 : ที่นี่ที่ไหน

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 29 : ที่นี่ที่ไหน

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

กรผกามารศรีมารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เพราะว่าลำคอของหล่อนแห้งผาก เนื้อตัวร้อนรุมราวกับถูกสุมอยู่ในกองไฟ

หล่อนพยายามชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างรถตู้ที่ติดฟิล์มมืดสนิท เพื่อดูว่าคนร้ายที่จับตัวเธอมานั้นกำลังจะพาตัวของเธอไปที่ไหน หากมองออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นอะไร นอกจากท้องฟ้าที่เพิ่งจะรุ่งสางกับต้นยางที่ขึ้นกันแน่นขนัด

เสียงร้องไห้กระซิกๆ ของเด็กสาวสองสามคนใกล้ๆ ตัว ทำให้กรผกมารศรีต้องยันกายลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก

ในรถตู้มีหญิงสาววัยรุ่นอีกสี่ห้าคนถูกจับมาพร้อมกันกับหล่อน ทุกคนล้วนถูกมัดมือมัดเท้าและมีท่าทางตื่นกลัว หลายคนถูกซ้อมจนหน้าตาฟกช้ำดำเขียว ดวงหน้าซื่อๆ และดวงตาหวั่นหวาดบอกให้กรผกามารศรีรู้ว่า เด็กสาวเหล่านี้ล้วนถูกลักพาตัวมา ไม่ได้มีใครยินยอมพร้อมใจมากับรถแม้แต่น้อย

“เกิดอะไรขึ้น” หล่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“พวกเราโดนจับตัวมา” เด็กสาวคนหนึ่งกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงสั่นระริก

“จับตัว…จับมาทำไม และจะจับไปไหน” กรผกามารศรียังไม่หายงุนงง

“จับไปขายน่ะสิ” เด็กสาวอีกคนหนึ่งว่า

“แล้วทำไมพวกเราไม่หนีล่ะ” กรผกามารศรีตั้งคำถาม

“จะหนีได้ยังไง” เด็กสาวคนแรกทำท่าทางบุ้ยใบ้ “พวกมันคุมตัวเราเข้มขนาดนี้ ไม่มีทางจะหนีรอดไปได้หรอก”

“เอ้า…ส่งเสียงอะไรกันพวกเอ็งน่ะ ประเดี๋ยวเหอะ”

เสียงรถตู้จอดพรืดลงที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พร้อมกับชายฉกรรจ์คนหนึ่งหันมาส่งเสียงตะคอก

“เอ้า…ลงไปเข้าห้องน้ำกันได้ อีกประเดี๋ยวเราก็จะข้ามชายแดนไปต่างประเทศ แล้วอย่าลีลาให้มากนักนะโว้ย” ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนล่ำสันผู้นั้นขู่เสียงกร้าว “อย่าแม้แต่จะคิดหนี เพราะถ้าพวกเธอหนีไปก็ไม่มีทางรอด และถ้าพวกเราจับพวกเธอได้อีกครั้ง รับรองว่าคราวนี้ จะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม”

พวกมันแก้มัดให้กับเด็กสาวทุกคนรวมทั้งกรผกามารศรีด้วย หากเวลาลงไปเข้าห้องน้ำนั้น พวกมันควบคุมให้ลงไปทีละคน

ไม่มีใครคิดจะหนี เพราะทุกคนรู้ดีว่าหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าหนีไปแล้วพวกมันตามจับได้ กรผกามารศรีเชื่อแน่ว่าพวกมันจะต้องทำร้ายพวกหล่อนอย่างแสนสาหัส

เมื่อมาถึงคิวที่กรผกามารศรีจะลงไปเข้าห้องน้ำนั้น หญิงสาวจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังจับไข้อย่างหนัก หญิงสาวรู้สึกปวดรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย ปวดศีรษะจนแทบจะระเบิด แข้งขาไม่มีแรง พอก้าวลงไปจากรถจึงล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“เฮ้ย ลงไปนอนอะไรตรงนั้น ทำเป็นสำออยนะอีนั่งนี่ เอ้า ลุกๆ ไม่มีเรี่ยวแรงหรือไงวะ” ชายฉกรรจ์คนที่คุมตัวหล่อนลงมาใช้เท้าเขี่ยๆ กรผกามารศรีด้วยความหมั่นไส้

“ฉัน…ไม่…สบาย” เสียงของกรผกามารศรีแผ่วเบาจนแทบไม่หลุดรอดพ้นริมฝีปาก

“เฮ้ย เฮียธง สงสัยอีนี่มันไม่สบายจริงๆ ด้วย ตัวร้อนจี๋เลย” ชายฉกรรจ์คนนั้นหันไปทางพี่ชายของวิกกี้

ธงชาติลงมาจากรถตู้ แล้วตรงเข้ามาดูอาการของกรผกามารศรีก็เห็นว่าหญิงสาวไม่สบายจริงๆ ท่าทางของหล่อนมีไข้สูง อาการดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

“สงสัยมันโดนฝนเมื่อวานนี้น่ะเฮีย” พวกมันคนหนึ่งออกความเห็น

“กระหม่อมบางจริงนะแก” ธงชาติทำหน้าเยาะหยัน

“ผมว่าต้องทิ้งมันไว้ฝั่งไทยก่อนนะเฮีย” คนขับรถที่เพิ่งเดินกลับมาจากห้องน้ำออกความเห็น “ขืนพามันไปด้วยจะเป็นภาระ ดีไม่ดีเจ้าหน้าที่ตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองสงสัย จะยิ่งไปกันใหญ่”

“งั้นพวกมึงพาอีพวกบนรถไปส่งก่อน เดี๋ยวจะเสียงานเสียการ เพราะเรานัดกับทางโน้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” ธงชาตินิ่งคิดไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด “อีนังนี่…ข้าจะคุมตัวเอาไว้ที่นี่ก่อน ให้มันกินยาพักผ่อนสักวันสองวัน แล้วพวกเอ็งค่อยย้อนกลับมารับตัวมันไปส่งซ่องอีกเที่ยวหนึ่งก็แล้วกัน”

แล้วธงชาติก็ลากตัวหล่อนกลับขึ้นรถ และให้คนขับรถขับตระเวนหาโรงแรมเล็กๆ เช่าห้องสำหรับให้กรผกามารศรีพักจนกว่าอาการจะดีขึ้น

ธงชาติไปจ้างผู้หญิงชาวบ้านแถวๆ นั้นมาคอยดูแลหญิงสาว เพราะกรผกามารศรีตัวร้อนมาก จะต้องเช็ดตัวและคอยพยาบาลดูแล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ธงชาติทำไม่เป็น

กรผกามารศรีสะลึมสะลือด้วยพิษไข้อยู่ภายในห้องพัก ขณะที่หญิงชาวบ้านคนนั้นช่วยเช็ดตัวให้กับเธอ

“โอ๊ย เป็นไข้สูงยังอยากจะมาเที่ยว ไม่รู้จักให้หายดีเสียก่อน” ผู้หญิงคนนั้นบ่นพึมพำ

“ช่วย…ฉัน…ด้วย” กรผกามารศรีพยายามขอความช่วยเหลือ

“ก็กำลังช่วยเช็ดตัวอยู่นี่ไงล่ะ” เจ้าหล่อนคนนั้นว่า

“ไม่ใช่…ช่วยฉันด้วย…ฉันถูกจับตัวไปขาย” กรผกามารศรีเห็นว่าภายในห้องมีแต่หล่อนกับผู้หญิงคนนั้น จึงกล้าเล่าความจริงทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟัง

“หา อะไรนะ” ผู้หญิงคนนั้นทำท่าตกใจ “ไหนไอ้ผู้ชายคนนั้นบอกฉันว่าเมียมันไม่สบาย จ้างให้ฉันมาช่วยเช็ดตัวดูแลให้ ที่จริงมันจับตัวเธอไปขายเหรอ”

“ใช่” กรผกามารศรีพยายามเปล่งวาจาออกมาจากลำคอที่แห้งผากด้วยพิษไข้ “ช่วยฉันด้วยนะพี่”

“แล้วจะทำยังไง” หญิงคนนั้นมีท่าทางวิตกกังวล “ฉันน่ะอยากช่วยเธออยู่หรอก แต่ถ้าฉันพาเธอหนีไป จะพากันซวยละไม่ว่า หนีพวกนี้น่ะไม่มีทางหนีพ้นหรอก หูตาของพวกมันยังกับสับปะรด ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังมีลูกตั้งหลายคน”

“งั้นพี่ช่วยโทรศัพท์ไปเบอร์นี้ได้ไหม บอกเขาว่าฉันอยู่ที่ไหน ขอให้เขามาช่วยฉันก่อนที่พวกมันจะส่งฉันไปต่างประเทศ” กรผกามารศรีจดเบอร์โทรศัพท์มือถือของเก่ง…ทอมสาวขาใหญ่ประจำสลัม ยื่นส่งให้กับผู้หญิงที่ธงชาติจ้างมาพยาบาลหล่อน

“ก็ได้” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าตกลง หลังจากนิ่งไปอึดใจหนึ่ง “เห็นว่าเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน ฉันจะช่วยสักหนเอาบุญ แต่ถ้าถูกจับได้ละก็ ห้ามเธอพาดพิงมาถึงฉันเด็ดขาดนะ”

 

ตึ๊ดดดดด…ตึ๊ดดดดดดดด

เสียงโทรศัพท์มือถือของเก่งดังแข่งกับเสียงรถยนต์ที่กำลังแล่นด้วยความเร็วราวกับติดจรวด ความที่มือถือของเธอเป็นรุ่นโบราณเก๋ากึ๊ก ควรจะไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์มากกว่านำมาใช้งาน ทุกคนที่นั่งอัดกันอยู่ในรถตู้ของสารวัตรอาคมจึงไม่ได้ยิน

ตึ๊ดดดดด…ตึ๊ดดดดดดด

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้คนที่ได้ยินเป็นคุณนายกิมเฮียงที่เป็นห่วงลูกชายจนต้องตามมาในขบวนด้วย เธอได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นในรถก็เลยสงสัยว่าอาจจะมีใครสักคนผายลมขึ้นมา ก็เลยโวยวายว่า

“ใครตดวะ”

“ไหน…ไหน…ใครตด ฉันเปล่านะยะ” คุณหญิงสายหยุดรีบปฏิเสธโดยอัตโนมัติ

“เปล่าฮะ เสียงมือถือผมเอง” เก่งงัวเงียลุกขึ้นมากดรับสาย “โหล…โหล…ที่นี่ที่ไหนครับ”

“แล้วกูจะไปรู้เรอะว่าที่นั่นที่ไหน” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนตอบมาดังลั่น

“อ้าว แล้วโทรมาทำไมล่ะครับ” เก่งชักหงุดหงิดเพราะอดนอนมาทั้งคืน

“คนชื่อกรผกามารศรีเขาให้โทรมาน่ะสิ เขาถูกจับตัวมา บอกให้ไปช่วยด้วย ตอนนี้กำลังอยู่ที่…ตื้ดดดดด…ตื้ดดดดดดดดด”

หญิงคนนั้นยังไม่ทันจะได้บอกสถานที่ว่ากรผกามารศรีถูกจับตัวไปไว้ที่ไหนก็บังเอิญรถตู้เข้าสู่จุดอับพอดี สัญญาณมือถือเลยหลุดไป

“เขาส่งข่าวน้องกรผกาครับ” เก่งรีบบอก

“อยู่ที่ไหน” ทุกคนหันมาถามโดยพร้อมเพรียงกัน

“ไม่รู้ครับ สายหลุดไปเสียก่อน” เก่งทำหน้ามุ่ย พยายามจะโทร.กลับไปที่หมายเลขเดิมก็ปรากฏว่าไม่มีคนรับสาย

“ไหนเบอร์อะไร” สารวัตรอาคมเกิดไอเดียเด็ด

เก่งดูหมายเลขโทรศัพท์ในเครื่อง แล้วบอกกับสารวัตรหนุ่มรูปหล่อ สารวัตรอาคมได้ฟังดังนั้นก็รีบกดวิทยุในรถติดต่อกับตำรวจกองปราบที่เป็นลูกน้องให้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ทันที ครู่ใหญ่ต่อมา ลูกน้องของสารวัตรหนุ่มก็ติดต่อกลับมา พร้อมกับรายงานพิกัดและสถานที่ของโทรศัพท์สาธารณะเครื่องนั้น

“สุไหงโกลก” สารวัตรหนุ่มอุทาน ก่อนจะหันมาบอกกับทุกคนว่า “คุณกรผกามารศรีคงจะถูกกักตัวเอาไว้แถวชายแดนครับ เราต้องรีบไปถึงที่นั่นให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หวังว่าเราคงจะไปทันเวลาก่อนที่พวกมันจะส่งคุณกรผกามารศรีข้ามไปต่างประเทศนะครับ”

รถตู้ของกรมตำรวจวิ่งตะบึงโดยไม่หยุดยั้ง ด้วยความที่เป็นรถตู้ซึ่งมีสมรรถนะที่ดีเยี่ยม จึงเดินทางได้อย่างรวดเร็ว และสามารถไปถึงบริเวณตู้โทรศัพท์ที่มีคนโทร.ไปแจ้งเบาะแสเรื่องกรผกามารศรีก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันถัดมา

ทันทีที่ถึงสถานที่แห่งนั้น ตำรวจทั้งหมดที่เดินทางมาพร้อมกับสารวัตรอาคม ร่วมกับตำรวจท้องที่ซึ่งสารวัตรอาคมประสานงานล่วงหน้ามาแล้ว ก็กระจายกำลังกันแยกย้ายเพื่อค้นหา ในที่สุดทุกคนก็มาชุมนุมกันอยู่หน้าโรงแรมขนาดเล็กซึ่งดูแล้วน่าสงสัยที่สุด

สารวัตรอาคมโบกมือส่งสัญญาณให้ตำรวจกระจายกำลังกันปิดล้อมโรงแรมพร้อมกับส่งเสียงตะโกนก้องว่า

“ปล่อยตัวคุณกรผกามารศรี แล้วมอบตัวเสียเถอะ พวกเรารู้แล้วว่าแกอยู่ในนั้น ขณะนี้ตำรวจปิดล้อมแกเอาไว้หมดแล้ว”

ปัง!



Don`t copy text!