ดวงใจระบายสี บทที่ 3 : ประตูบานแรก
โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ดวงใจระบายสี โดย ปิยะพร ศักดิ์เกษม เรื่องราวของใจสกาว หญิงสาวที่เปรียบเสมือนผ้าขาวสะอาด เมื่อเธอตัดสินใจไปเมืองหลวงโลกอย่างนิวยอร์ก สีสันต่างๆ ก็เริ่มแต่งแต้มชีวิตของเธอ สีสันที่มาพร้อมชายหนุ่มสามคนที่กลายเป็นสีสามสีที่ปาดป้ายระบายลงในดวงใจของเธอ… นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอาจ้า
————————————————————————–
๓
พนักงานส่วนใหญ่ในบริษัทไม่มีใครได้รู้ระแคะระคาย เพราะณัฐพรเก็บเป็นความลับเงียบกริบจนถึงวันสุดท้าย หญิงสาวยืนยันไม่จัดงานใหญ่โตครึกโครม ซ้ำยังสามารถทำให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคนรู้สึกเหมือนติดหนี้บุญคุณ ทำให้ทุกคนมองเธอเหมือนเป็นผู้เสียสละ เป็นหญิงสาวผู้หลุดพ้นแล้วซึ่งกรอบหรือกฎเกณฑ์ใดๆ และไม่แยแสเลยกับเรื่องพิธีกรรมฉาบฉวยภายนอก
‘คุณธีเป็นผู้ใหญ่ ตำแหน่งสูง อย่าจัดงานคึกโครมดีกว่าค่ะ คนมากก็เกิดข้อครหา คนน้อยก็จะถูกนินทา นัทเป็นผู้ใหญ่แล้ว อายุสามสิบแล้ว” เธอเพิ่งผ่านวันเกิดปีที่สามสิบมาได้ไม่กี่เดือน
‘นัทไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาพิธีการ… แค่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้เกียรติครอบครัวของนัทก็พอแล้วค่ะ… เรื่องนี้… งานนี้… น้องหนูสำคัญที่สุดนะคะ นัทไม่อยากให้น้องหนูรู้สึกว่านัทสำคัญกว่าแก…’
…เพียงเท่านี้ก็สามารถจับใจสองพ่อลูกไว้ได้ในมือตามที่ต้องการ…
เมื่อณัฐพรกลับจากลาพักแล้วเดินเข้าไปติดต่อเพื่อขอเปลี่ยนคำนำหน้าและนามสกุลที่ฝ่ายบุคคลของบริษัทนั่นแหละ ข่าวการแต่งงานของเธอกับผู้บริหารระดับสูงอย่างธีรชัยจึงแพร่กระจายไปราวไฟไหม้ป่า ส่งผลให้โต๊ะทำงานของเธอถูกย้ายมาตั้งที่หน้าห้องหัวหน้าแผนก ผนังแผ่นบาง ๆ สูงเพียงอกตั้งขึ้นมาล้อมรอบพื้นที่ไว้ให้เป็นสัดส่วน
มันปรากฎขึ้นอย่างรวดเร็วราวเนรมิต
และอีกสองสามวันถัดมาภาพถ่ายวันแต่งงานในกรอบเงินก็ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่โต๊ะทำงานของณัฐพร… รูปถ่ายที่มีเพียงบ่าวสาวนั่งพับเพียบอยู่ด้วยกันกับพื้นมีลูกสาววัยสิบแปดปีของฝ่ายชายนั่งอยู่ตรงกลาง
ด้านหลังบนโซฟาคือผู้บริหารสูงสุดของบริษัทในฐานะตัวแทนครอบครัวของเจ้าบ่าว ส่วนครอบครัวเจ้าสาวก็มีพ่อแม่ ส่วนญาติอีกสองสามคนนั่งอยู่ในแถวด้านหลัง มุมสุดของภาพนั้นคือหนุ่มน้อย… ลูกชายคนเดียวของคุณอาของเจ้าสาวที่มีชื่อว่านพัช…
เสียงสัญญาณประตูอัตโนมัติของระบบรถไฟฟ้าใต้ดินทำให้ใจสกาวละสายตาจากภาพภายนอกหน้าต่าง… ภาพที่เรียงรายผ่านเข้ามาสร้างความเพลิดเพลินจนหญิงสาวใช้เวลาอยู่กับมันนานทีเดียว… ใช้เวลาอยู่กับเส้นทางที่ตัดคร่อมข้ามกันไปมา แนวตึกสูง ถนนเล็กๆ ในตรอกซอกซอย ที่รถไฟทั้งขบวนพุ่งผ่านเหนือศีรษะ
เธอเพลินจนเกือบตกใจเมื่อหันมาแล้วพบว่าชายหนุ่มร่างสูงผิวคล้ำเข้มที่เดินตามเขามานั้นหายไปเสียแล้ว เขาจะออกจากรถไฟไปตอนไหน สถานีใด เธอมิได้รู้ตัวเลย
หญิงสาวเหลือบมองแผนผังและสัญญาณไฟที่เหนือประตู อีกสองสถานีเท่านั้นก็จะถึงสถานีที่อยู่ใกล้กับอพาร์ตเมนต์ที่พักของนพัช
โชคดีที่ชายหนุ่ม… ‘พี่พัช’ ของเธอเป็นคนเขียนหนังสือเก่ง เขาเขียนเล่าทั้งบรรยากาศรอบๆ ที่พักและเล่าเลยไปถึงวิธีการเดินทางไว้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มบอกอย่างละเอียดว่าเมื่อลงจากรถไฟแล้วต้องเดินไปทางไหน ออกประตูอะไร เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวากี่ครั้ง ใจสกาวจึงเดินลากกระเป๋าตรงไปได้ราวคุ้นเคยกับเส้นทาง ราวกับเคยเดินทางตรงมาที่นี่แล้วนับสิบครั้ง
ด้านหนึ่งของถนนคือสวนสาธารณะขนาดเล็กตรงตามคำบอกกล่าวของเขา อากาศปลายฤดูร้อนยังสดใส และต้นไม้ใหญ่ในสวนด้านโน้นก็ยังเขียวขจี เพียงแค่เลี้ยวผ่านแนวตึกสีน้ำตาลแดงเข้าไปไม่ไกลนัก ก็ได้เห็นหมายเลขที่เป็นที่พักของนพัช
จากบาทวิถีก็จะเป็นบันไดหกเจ็ดขั้น ทอดสูงขึ้นไปยังประตูสีขาวตัดกับสีของตัวตึก สองข้างบานประตูและตลอดแนวบันไดที่ทอดสูงเป็นแปลงไม้ประดับที่กำลังออกดอกสะพรั่งงดงาม
ใจสกาวเดินตรงขึ้นไปใช้ฝ่ามือป้องดวงตามองฝ่าเข้าไปในช่องกระจกฝ้า หากก็ไม่เห็นอะไร แต่ด้านข้างประตูมีป้ายเล็กๆ บอกชื่อผู้อยู่อาศัย และชื่อของนพัชก็คือหนึ่งในนั้น หญิงสาวจึงมั่นใจและเบาใจจนเดินกลับลงมาทรุดตัวลงนั่งอย่างสบายที่ขั้นบันได
เมื่อกี้ชายหนุ่มบอกกับเธอว่าอย่างไรนะ… บอกว่าอีกไม่เกินสองชั่วโมงเขาจะเสร็จงาน แล้วจะแวะกลับเข้าบ้านเพียงครู่เดียวเพื่อเอาของมาเก็บแล้วตรงไปรับเธอที่สนามบิน… เพราะฉะนั้น ในนาทีใดนาทีหนึ่งข้างหน้านี่แหละ นพัชคงจะต้องรีบร้อนกระหืดกระหอบเดินเลี้ยวผ่านมุมตึกเข้ามาอย่างแน่นอน
หัวใจของใจสกาวจึงแจ่มใสและปลอดโปร่งไม่ต่างจากอากาศรอบๆ ตัวที่สดใสเบิกบาน… นพัชทำให้เธอสดใส สุขสงบ และปลอดภัย ทั้งยังได้รู้สึกถึงความเป็นผู้หญิงของตนเองมาตั้งแต่แรกพบ
เธอพบกับเขาครั้งแรกก็ในวันแต่งงานของพ่อและพี่นัท… วันนั้นใจสกาวสนุก… มีความสุขอยู่ท่ามกลางความรักที่ทั้งผู้เป็นบิดาและภรรยาใหม่ของเขามอบให้
ตลอดชีวิตของหญิงสาวไม่เคยมีแม่ แม่ของเธอเป็นเพียงภาพถ่าย และอยู่ในถ้อยคำบอกเล่าของบิดากับคุณย่าธีรา หากไม่เคยมีเนื้อมีหนัง มีตัวมีตนที่จะสามารถจับต้องได้
กิจการบ้านเรือนต่าง ๆ หน้าที่ของผู้หญิงในบ้านก็คือหน้าที่ของคุณธีราที่ก้าวเข้ามาดูแลแทน ใจสกาวจึงไม่ทราบเลยว่า หน้าที่ของ ‘แม่’ ในบ้านนั้นเป็นอย่างไร และยิ่งไม่เคยรู้ว่าความสัมพันธ์ของสามีภรรยานั้นซับซ้อนลึกล้ำแค่ไหน
เด็กสาววัยสิบแปดในวันนั้นจึงคิดเพียงว่า ตนเองได้ทำให้คนที่เป็นที่รักทั้งคู่ได้มาพบกัน ได้อยู่ด้วยกัน… แล้วณัฐพร… พี่นัทของเธอนี่แหละ ที่จะทำหน้าที่ดูแลบ้านดูแลเธอแทนคุณธีรา…
เธอมิได้คิด… ไม่รู้… เลยสักนิดเดียวว่า ผู้หญิงที่รักและต้องการเป็นเจ้าของผู้ชายคนเดียวกันไม่ว่าจะในฐานะไหน หากมิใช่สายเลือดเดียวกันโดยตรงแล้ว ไม่มีทางอยู่ร่วมในถ้ำเดียวกันได้
ความเป็นเด็ก ความซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยม ทำให้ใจสกาวไม่เคยได้ยินเสียงซุบซิบจากพนักงานในบริษัท
‘ถ้าคุณธีรายังอยู่ คุณณัฐพรไม่มีทางเข้าติดหรอกนะ คุณธีราต้องมองออก… แต่นี่คุณธีราเสียไป ก็เหลือแต่น้องหนูที่แสนซื่อ… นอกจากแกจะคว้าเอาคุณธีรชัยมาล้างอายได้แล้ว ยังยิ่งกว่าถูกรางวัลใหญ่ที่ได้ลูกเลี้ยงอย่างน้องหนู’
‘ล้างอายอะไร’ เสียงที่ถามไถ่กลับมาถูกกดให้เบาไม่แพ้กัน
‘ก็ก่อนหน้านี้แกคั่วอยู่กับลูกชายเจ้าของ…’ ชื่อบริษัทที่เอ่ยถึงอยู่ในตึกตรงข้ามกันนี้นั่นเอง ‘เขาว่าคบกันมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ แต่ทำไปทำมาผู้ชายไปเลือกแต่งกับลูกสาวเจ้าของกิจการที่เป็นคู่ค้ากันอยู่’
คราวนี้ผู้คนเริ่มตีวงล้อมกันเข้ามาฟังแล้ว
‘ตอนนั้นแกเหมือนผีดิบเลยละ เดินป้อแป้ เป๋ไปเป๋มา เป็นลมแล้วเป็นลมอีกทั้งวัน… เหมือนกับโชคช่วย เหมือนดินฟ้ากำหนดให้คุณณัฐพรแกได้หยามน้ำหน้าแฟนเก่า ทำให้คุณธีรามาเสียไปในช่วงที่คุณณัฐพรแกพอจะตั้งตัวได้ กำลังมองหาช่องทางแก้อาย เลยสบช่องเข้าทางน้องหนูทั้งซื่อทั้งว้าเหว่…’
‘คุณธีรชัยไม่เคยมองใคร ทั้งคุณธีรา… คุณย่าก็คอยเป็นกันชนอยู่… กลัวน้องหนูจะต้องมีแม่เลี้ยงนั่นแหละ’ ใครอีกคนเสริม ‘ที่ไหนได้ กลายเป็นพาคนเข้ามาให้พ่อ… พาเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของตัวเองเพราะความซื่อ เพราะความใจอ่อน เพราะความมองโลก มองคนในแง่ดีแท้ๆ’
แล้วคนที่เริ่มเรื่องก็เสริม
‘นั่นแหละคุณณัฐพรแกเลยได้ตบหน้าแฟนเก่าฉาดใหญ่ๆ ได้คุณธีรชัยก็เหมือนได้ของสำเร็จรูป มีทั้งเงินทั้งเกียรติ ทั้งหน้าที่การงานใหญ่โต ดีกว่ากันเป็นไหนๆ… นี่ได้ยินว่าบริษัทนั้นมาเสนอซองประมูลงานที่บริษัทเราด้วยนะ’
‘รับรองว่าประมูลไม่ได้’ คนที่ล้อมวงกันอยู่พูดด้วยเสียงหัวเราะคล้ายๆ กัน ‘คุณณัฐพรเห็นแกทำท่าหวานๆ อย่างนั้น ทั้งขมทั้งเปรี้ยวเชียวนะ… แกต้องมีวิธีทำให้บริษัทของแฟนเก่าแกร่วงจากวงประมูล แกมีวิธีทำ อย่างแนบเนียนด้วยละ’
ใจสกาวไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้ ไม่เคยแม้แต่จะคิดสงสัย แม้ในยามที่ตนเองได้เข้าเรียนในคณะที่ณัฐพรแนะนำแล้วฝ่ายนั้นบอก ‘เราไปเที่ยวยุโรปกันนะคะ น้องหนู ฉลองที่น้องหนูสอบติด’ เธอก็ไม่เคยคิดสงสัยว่านั่นอาจจะเป็นการฮันนีมูนของณัฐพรต่างหาก
หญิงสาวได้พบกับนพัชในวันงานตามการแนะนำของณัฐพร แล้วหลังจากนั้น เขาก็เข้ามาใกล้ชิดตามคำแนะนำของณัฐพรเช่นกัน
‘พัชเป็นรุ่นพี่ อยู่ปีสามแล้ว มีอะไรน้องหนูถามเขาได้เลยนะคะ และถ้าจะไปไหนก็ใช้พัชได้ ไม่ต้องกวนคุณพ่อ ตอนนี้คุณพ่อเลื่อนตำแหน่งอยู่ในจุดที่งานยุ่งและเครียดมาก’
สาวน้อยเชื่อตามคำพูดของผู้แก่วัยกว่าทุกประการ ยิ่งเห็นว่าผู้เป็นบิดายุ่งจริงตามคำบอกเล่าเธอก็ยิ่งไม่ปรารถนาจะกวนใจ มีอะไรก็เรียกหานพัชตามคำอาสา มิได้รู้เลยว่าเบื้องหลังบานประตูห้องนอนที่ปิดสนิท ณัฐพรกำลังบอกกับธีรชัยว่า
‘น้องหนูโตเป็นสาวแล้ว เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องมีเพื่อนผู้ชาย… เด็กที่สอบเข้ามาได้ เรียนดี สมองดี แต่ร้อยพ่อพันแม่ พื้นเพต่างกันนะคะ ใช่ว่าจะดีทุกคน บางคนสมองดีแต่เกเร บางคนเรียนดีแต่นิสัยกับมารยาทหยาบก็มี…’ เธอพูดอย่างนุ่มนวล ค่อยๆ นวดหลังไหล่ที่แข็งตึงของคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมทั้งวันให้คลายลง
‘…พัชเป็นรุ่นพี่… ให้ดูแล ให้เป็นไม้กันหมาให้จะปลอดภัยกว่าค่ะ และพัชเองก็มีคุณแม่มีเชื้อมีแถวเป็นหม่อมราชวงศ์ คุณพ่อก็เป็นคุณอาของนัท… หรือพัชจะไม่ดีพอคะ’
ณัฐพรย้อนถามอย่างเย้าๆ ฝ่ามือนุ่มและเย็นลูบไล้แผ่วเบามีแต่ความอ่อนโยนและเอาใจใส่ อีกฝ่ายจึงกดร่างเธอให้นอนลงบนเตียง… แล้วคำโบราณที่ว่า นั่งพูดหรือจะสู้นอนพูดก็เป็นจริง เมื่อธีรชัยบอกกับภรรยาใหม่หมาด
‘ลูกพี่ลูกน้อง ของคุณนัทจะดีไม่พอได้ยังไง เอาเถอะผมไว้ใจให้พัชช่วยคุณนัทดูแลน้องหนู’
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของสองพ่อลูกก็ยิ่งอยู่ในมือณัฐพรตั้งแต่วันนั้น ใจสกาวนั้นไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น ยังคงมองโลกทั้งใบเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีแซมดอกไม้งาม อบอุ่นและปลอดภัย ขณะที่ธีรชัยเองความเป็นภรรยาก็ทำให้เขาเกรงใจเธอมากขึ้นทุกวัน
ยิ่งเมื่อในณัฐพรตั้งครรภ์แล้วลาออกจากงาน ‘เพื่อมาดูแลบ้าน ดูแลตัวเอง ดูแลคุณธีรชัย และดูแลน้องหนู’ เรื่องในบ้านทั้งหมดก็อยู่ในมือภรรยา เชื่อตามที่ภรรยาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวันและทุกคำ ‘น้องหนูเป็นลูกสาวคนโตของนัท นัทจะดูแลแกเอง จัดทุกอย่างให้เหมาะสมค่ะ’
อีกหนึ่งปีหลังจากนั้นณัฐพรก็ให้ลูกสาวแก่ธีรชัยอีกคน หนูน้อยได้ชื่อว่าณิศราและผู้เป็นมารดาก็บอกให้ผู้ฟังเชื่อในความจริงใจของเธอจนหมดใจ ‘แกจะชื่อหนูนิดค่ะ เพื่อให้รู้ว่าเป็นน้องของน้องหนู’
อีกหนึ่งปีหลังจากนั้น การงานทำให้ธีรชัยยิ่งมีเวลาน้อยลง การเรียนทำให้ใจสกาวต้องกลับบ้านเย็นย่ำค่ำมืดบ่อยครั้งโดยมีนพัชคอยรับส่งและในที่สุดณัฐพรก็บอก
‘น้องหนูเหนื่อยและเสียเวลากับการเดินทางมากนะคะ นัทไม่อยากให้แกต้องตรากตรำขนาดนี้ เลยไปดูคอนโดเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัยเอาไว้ อยากให้แกไปอยู่ในวันที่มีเรียนค่ะ จะได้มีสมาธิ ไม่งั้นหนูนิดก็กวนแกเหลือเกิน ชวนเล่นตลอดเวลา’
สองพ่อลูกเห็นด้วยกับณัฐพรอีกเช่นเคย สิ่งเดียวที่ธีรชัยยืนยันและจัดการก็แค่การไม่ยอมให้ลูกสาวคนโตต้องอยู่คนเดียว แม่บ้านเก่าแก่ที่เคยเป็นผู้ช่วยของคุณธีราจึงถูกส่งไปอยู่กับใจสกาวที่ห้องชุด หญิงสูงวัยกลายเป็นผู้ดูแลระหว่างที่สองหนุ่มสาวนั่งทำการบ้านหรือรับประทานอาหารด้วยกัน และยังติดรถนพัชไปนั่งรอใจสกาวเมื่อหญิงสาวเข้าห้องเรียน
จากที่ใจสกาวมีเพื่อนในมหาวิทยาลัยน้อยอยู่แล้วก็กลายเป็นยิ่งแปลกแยก…
หากไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หญิงสูงวัยกับหนุ่มน้อยหน้าตาดีก็แพ้ทางกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว นพัชจึงได้รับความรักความเอ็นดูอย่างง่ายดาย
ณัฐพรส่งรถมารับใจสกาวและแม่บ้านกลับบ้านทุกเช้าวันเสาร์แล้วพากลับมาส่งยังตึกสูงใกล้มหาวิทยาลัยในตอนเช้าตรู่วันจันทร์… ไม่มีใครรู้ตัวว่า หญิงสาวกลับกลายเป็นผู้มาเยือนในบ้านของตัวเองไปเสียแล้ว
หลังจากจบการศึกษา นพัชก็เข้าทำงานในบริษัทตรวจสอบบัญชีข้ามชาติและอีกสองปีถัดมาใจสกาวก็จบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เข้าทำงานในสถาบันการเงินใหญ่และเก่าแก่ของประเทศพร้อมๆ กับที่นพัชตัดสินใจเดินทางมาศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา
และใจสกาวก็หาญกล้าอย่างที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ด้วยการเป็นฝ่ายติดตามมาเยี่ยมเยียนเขาถึงที่นี่ให้สมกับที่เขาดูแลเธอมาอย่างดีตลอดเวลาสี่ห้าปี
ในที่สุดร่างสูงเพรียวของนพัชก็เลี้ยวพ้นมุมตึกเดินตรงมา ทว่า เขาไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนกระหืดกระหอบอย่างที่คิดว่าจะเป็นแม้แต่น้อย และที่คาดคิดไม่ถึงมากไปกว่านั้นก็คือ
เขากำลังก้มหน้าคุยกับใครบางคนที่เดินเคียงกันมาอย่างเพลิดเพลิน…
ดวงใจระบายสี โดย ปิยะพร ศักดิ์เกษม เรื่องราวของใจสกาว หญิงสาวที่เปรียบเสมือนผ้าขาวสะอาด เมื่อเธอตัดสินใจไปเมืองหลวงโลกอย่างนิวยอร์ก สีสันต่างๆ ก็เริ่มแต่งแต้มชีวิตของเธอ สีสันที่มาพร้อมชายหนุ่มสามคนที่กลายเป็นสีสามสีที่ปาดป้ายระบายลงในดวงใจของเธอ… นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอาจ้า