ปล้นดวงใจมหาสมุทร บทที่ 2 : ศัตรูร่วมสายเลือด

ปล้นดวงใจมหาสมุทร บทที่ 2 : ศัตรูร่วมสายเลือด

โดย : อสิตา

Loading

ปล้นดวงใจมหาสมุทร โดย อสิตา เธอและเขาเป็นลูกคนละแม่ที่แค่เห็นหน้าก็แทบพุ่งเข้ากัดกันแต่อยู่ดีๆ ท่านทวดที่ไม่ใช่มนุษย์แต่หน้าตาเหมือนโพไซดอนก็มาบอกให้ตามล่าหาเนื้อคู่ให้เจอและทั้งคู่จะตายก่อนวันเกิดครบสามสิบ! ศึกแย่งสมบัติของเจ้าสมุทรก็ว่าหนักแล้ว ยังต้องวิ่งหนีจากความตายอีก เรื่องราวจะเป็นยังไง อ่านออนไลน์ได้ที่อ่านเอา

ฉันทั้งดิ้น ทั้งส่งเสียงอ่อกๆ ในคอตอนถูกลุงล็อกคอจากด้านหลังพาตัวว่ายเข้าฝั่ง

“อิก…อั๊วววว อิกกก” ฉันพยายามบอก ตีแขนปัดๆ

“ลุงไม่ได้ยิน อยู่เฉยๆ สิเล่า!”

แน่ะ ยังจะกล้าดุคุณหนูอย่างฉัน  จิกหัว ดึงผมไงโว้ยคะลุง  ถึงรั้งคอจากด้านหลังนี่จะเป็นท่าช่วยคนจมน้ำที่ถูก แต่กระเดือกฉันร้าวไปหมดแล้ว แขนกล้ามปูที่ยิ่งกว่าคีมเหล็กรัดแน่นขนาดนี้ ขยุ้มผมลากเข้าฝั่งน่าจะพอใช้ได้ ถึงจะหวงแหนผมของตัวเองแค่ไหนก็คงไม่มากกว่ากลัวกระดูกคอหลุด

รู้ตัวอีกทีฉันก็ถึงฝั่ง ดิ้นรนเอาตัวรอดพ้นอ้อมแขนที่หวังดีมาได้ ไอโขลกๆ ขณะรวบรวมแรงคลานหนีลุงอยู่ข้างสระ ไม่รู้ว่าจะจมน้ำหรือขาดอากาศตายเพราะโดนรัดคอกันแน่ ลุง…ต้องไปเรียนมาใหม่โดยด่วน

“ออยดู…จา… อัก…เอินเดือน” สิ้นคำ ลุงก็โยนผ้าใบที่ฉวยมาได้จากแถวนั้นคลุมร่างฉันสวบ ตั้งแต่หัวถึงเท้า ทันเวลาพอดีก่อนพวกสาวใช้ซึ่งได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นจะพากันออกมาผสมโรงเอะอะ

ความลับของฉัน จะให้ใครเห็นร่างตอนเปียกน้ำไม่ได้เลย

จากออกจากบ้านเร็วพลิกเป็นส่อแววจะสาย ถึงจุดนี้สาวๆ ชุดเมดผู้กำลังหงอยว่าตั้งโต๊ะไว้แล้วนายไม่กิน กลับดูพอใจเมื่อได้ระดมกันเป่าผมฉันที่ยังหมาด ช่วยเลือกเสื้อผ้าและหยิบเครื่องสำอางกันจ้าละหวั่น ฉันมองภาพสะท้อนสาวๆ สามคนในกระจกแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าคนไหนชื่ออะไร อยากรู้ แต่ไม่อยากถาม พวกนี้มักอยู่ไม่นาน

ฉันหรี่ตา สาวๆ พากันยิ้มแย้มดีใจที่ฉันยอมให้เข้าห้อง คงยังไม่รู้ชะตากรรม…แม้พวกนางจะไม่ได้เห็นตัวตนฉันตอนเปียกเพราะลุงปูอุ้มขึ้นมาส่งถึงห้องน้ำ แถมรีบตะกายไปช่วยเก็บห้องให้หายรกด้วยความเร็วแสง แต่พวกเจ้าหล่อนคงได้ยินเสียงแหกปากสบถด่าบ้าบอใส่หมาเป็นชุดเต็มสองรูหู อืม คูณกับจำนวนคนแล้วก็นับได้หกรูหู ตั้งแต่วินาทีนั้นฉันก็เริ่มนับแต้มในใจแล้ว ใครเห็นธาตุแท้ซึ่งเผลอแง้มๆ หลุดออกมาจากฝาหอยซึ่งหุบสนิท ก่อนอีกฝ่ายจะทันได้รู้ถ่องแท้ ฉันคนนี้ก็จะชิงปลดคนที่ว่าออกจากตำแหน่งเสียก่อน

ไม่ได้ถีบหัวส่ง มีเงินรับขวัญ แถมงานประจำบริษัทในเครือทำเลไกลหูไกลตา…ผ่านมาและผ่านไป ไม่มีใครที่ฉันยอมให้เข้าถึงตัวตนซึ่งแอบซ่อนไว้ได้ง่ายๆ

พวกนี้ได้เห็นสร้อยมุกเม็ดโตซึ่งฉันสวมไว้ใต้เสื้อเสียแล้ว แต่คงไม่แปลกหรอกมั้ง บ้านเรามีฟาร์มมุก ฉันอาจจะแค่ระแวงเกินไป

แต่คงต้องเก็บพวกนางไว้ใกล้ตัวสักพักเพื่อจับตา

 

…ลุงปูเปลี่ยนชุดเสร็จก่อนจึงเอารถสปอร์ตขาวมุกมาเทียบรอ หน้าตึกฝั่งฉันที่อยู่คือฝั่งใกล้ประตูทางรถออกจากบ้าน

ถ้ามีลุงขับให้ ไม่ว่าใช้รถคันไหนฉันก็ไม่เคยก้าวขึ้นนั่งตอนหลังตามธรรมเนียมที่คนทั่วไปกำหนด เลือกนั่งเทียบข้างคนขับ ให้เกียรติ หรือเรียกแบบวัยรุ่นว่าใจ – ใจ …ช่วงหลังๆ เปลี่ยนมาใช้รถทรงสปอร์ตแบบนั่งสบายเพียงข้างหน้า ถึงมีที่นั่งตอนหลังก็แคบ ไม่เหมาะจะแทรกกายเข้าไป เช่นนี้ก็สามารถนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเคียงคนขับกิตติมศักดิ์โดยไม่ต้องอธิบายออกตัวกับคนนอกให้มากความ

“เช้านี้มีแววฤกษ์ดีสุดขีดเชียวค่ะ ลุงปู” ฉันเอ่ยเสียงต่ำพร่ากว่าปกติ คอแข็ง ไม่ใช่อะไร…ปวดกระเดือก แถมคอก็เคล็ดอย่างหนัก แต่ไม่อยากพูดไป แค่เผลอขู่จะหักเงินเดือนลุงอาจใจเสียไปหนแล้วก็ได้

คนข้างตัวฉันหัวเราะไม่มีเสียงพลางเร่งออกรถ ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ดูเคืองกว่าฉันเสียอีก

“หมาบ้านั่น…”

“จัดการเรียบร้อย” สุ้มเสียงลุงคล้ายเทศกิจจับเหยื่อตัวเด็ดที่ตามล่ามานานยัดเข้ากระสอบได้

ฉันกลืนน้ำลาย จำเพาะเจาะจงว่ามันจะต้องหลุดมาวันนัดสำคัญ แต่ไม่เห็นอยากรู้ว่าลุงจะทำยังไงกับหมานั่น ไม่ถึงกับทารุณสัตว์หรอกกระมัง ถึงลุงจะโหดแต่ก็แอบใจดี คิดว่านะ…

สารถีของฉันยังฟิตปั๋ง เขาตัวเตี้ยแต่ผึ่งผาย กล้ามเป็นมัดๆ ดูคับแน่นจนชุดสูทแทบแตก นี่คงแอบไปฟิตหุ่นเพิ่มอีกแล้ว… คล้ายกับปูตัวงามอยากจะลอกคราบขยายร่างอยู่เสมอ ฉันนับลุงเหมือนญาติสนิทมากกว่าลูกจ้าง เหตุที่เขามาทำงานให้บ้านเรา เห็นเล่าว่าเพราะลุงเคยเป็นหนี้บางอย่างกับคนบ้านนี้ อาจเป็นสินทรัพย์ หรือว่าอาจไม่ใช่ ดูเป็นเรื่องลึกลับที่ไม่ค่อยอยากเอ่ยถึง แต่ลุงมักพูดหน้านิ่งเสมอว่ามาทำงานใช้หนี้อย่างเต็มใจมากๆ

พวกเรามีความลับคล้ายกันแม้ลุงจะลงน้ำแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่ตัวแข็งเหมือนกระดองปูนั่นอย่างไร ลุงน่ะ อยู่บนบกก็ยังแข็ง เราพยายามใช้ชีวิตอย่างธรรมดาๆ ก็เพราะอยากดูเหมือนคนธรรมดา ตามความหมายของฉัน ก็คือเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่หรูหรา สวย ใจดี เก่ง เพอร์เฟกต์ ไม่ง้อผู้ชาย

อาจเพราะผู้ชายในบ้านที่โตมาพร้อมกันทำเอาเข็ดหลาบ

ไอ้เจ้าของหมา ไอ้…ช่างเถอะ!

ฉันพรวดพราดลงจากรถ ก้าวเข้าสู่โรงแรมซึ่งตนเป็นเจ้าของ ในวงเล็บ แม้จะครอบครองไม่เต็มร้อย ที่นี่มีนามเพราะพริ้งเปี่ยมจริตว่า ‘ธาราสวรรค์’ ดีหน่อย ไม่มีมัจฉาอยู่ในชื่ออีก ไม่เช่นนั้นคงแอบคล้ายพวกปลาเส้น ปลาสวรรค์ อาหารว่างสำหรับเคี้ยวเพลิน

ทุกคนล้วนก้มหัวให้ฉันซึ่งเชิดคอระหงสับขาในส้นสูงปรี๊ดก้าวผ่าน ไม่ใช่จิกกระแทกส้นแต่เป็นเบาพลิ้วเหมือนลอยละล่องไปเร็วๆ ฉันไม่เหลียวมองใครที่ทักทายเลย เพียงมองตรงไปเบื้องหน้าตาไม่กะพริบ เปล่า ไม่ได้หยิ่ง…แค่คอเดี้ยง พบว่าหน้าลิฟต์มีเด็กฝรั่งกำลังอาละวาดลงไปนอนตีแปลงคล้ายแม่ไม่ยอมตามใจ แผดเสียงกระแทกรูหูสุดทนทาน เผอิญพวกเราหูดีกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ฉันก้าวเลี่ยงไปโดยไม่เสียการทรงตัว ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาไม่เป็นมิตรจนเด็กผวาไปกอดแม่ เงียบเสียงลง

คติของฉันคือ ไม่เกรงใจเด็ก…รวมถึงแม่ เมินหมา ไม่ฟังวาจาผู้เฒ่า อ้อ เว้นย่าเสียคน

แถมไม่คบเพื่อนพร่ำเพรื่อ ไม่แลผู้ชายซึ่งดาหน้าเข้ามาจีบ เพราะแบบนี้คนจึงชอบว่าฉันใจหิน ก็นะ เรียกว่ารักความเป็นส่วนตัว ไม่อยากใส่ใจอะไรไม่จำเป็น ความถือตัวมันคงแฝงมากับสายเลือดที่ฉันไม่ค่อยต้องการ

บางทีอาจแค่หวั่นใจ ใครเล่าจะมายอมรับความจริงเกี่ยวกับตัวตนที่ซ่อนไว้ของฉัน ผู้คนจากท้องทะเลด้วยกันถือเป็นข้อต้องห้ามในเรื่องการจับคู่สำหรับตระกูลใหญ่ มารุ่นนี้พวกเราไม่อาจมีลูกกันเองได้เสียแล้ว เผ่าพันธุ์กำลังเสื่อมสูญเพราะสภาพแวดล้อม แต่ยังไม่แย่นัก เพราะยามมีลูกกับมนุษย์ปกติ เด็กที่เกิดมาก็ไม่ได้เป็นลูกครึ่งแต่จะเป็นพวกเราเต็มตัว…ร้อยเปอร์เซ็นต์

สุดท้ายฉันจึงไม่เคยพบคนที่ตนพร้อมเปิดใจ ว่ากันว่าชีวิตผกผันดั่งนิยาย ก็ไม่แน่ สักวันอาจมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาพาสาวสวยคนนี้ไปสู่การผจญภัยอย่างใหม่ เจ้าชายของฉัน จะต้องคู่ควรทั้งหน้าตาทั้งฐานะอย่างไม่มีใครเทียบ ก็รู้ตัวนะว่าสวย ภูมิใจมากด้วย หน้ารูปไข่ มีแก้มนิดๆ อย่างที่หลายคนชอบบอก มันเขี้ยว อยากหยิก แต่ฉันไม่ให้แตะง่ายๆ หรอก ช่างภาพนิยามว่ารูปหน้า ‘สวยน่ารักแบบหรูหรา’ ไม่ใช่แค่เหมือนบรรจงปั้นแต่ปั้นยากเป็นพิเศษ ปั้นยังไงให้แพง จมูกโด่งมนได้รูป ปากอิ่มจุ๋มจิ๋ม ผิวผ่องให้ความรู้สึกเนียนนุ่มอ่อนเยาว์ ผมตรงดำขลับยาวเกินสะโพกรึก็เรียงเส้น ตัดกับชุดขาวพิสุทธิ์ที่ชอบสวมใส่ ใครก็สรรเสริญกันทั้งนั้นว่าฉันใส่สีนี้ขึ้น เข้ากับชื่อเล่นซึ่งฟังดูไฮโซสมตัว

สำนักงานใหญ่ของบ้านเราตั้งอยู่ที่ชั้นสิบของโรงแรม ตลอดทางขึ้นมาจวนถึงห้องทำงาน หลายคนล้วนก้มไหว้สวัสดีคุณไข่มุกอย่างนอบน้อม ส่วนคำว่าเจ้าหญิงน่ะมีแค่ย่าเรียกคนเดียว ต้องเป็นคนพิเศษเท่านั้นที่ฉันยอมให้สะกิดปม

“ไง! น้องหญิง หญิงหอยกาบ”

“หอยแม่ร่วง!”

อั้นสบถอย่างคนแก่ไม่ให้ยืดยาวไปกว่านั้น แต่ก็ขาขวิด แทบล้มพังพาบลงไปจูบพรมหน้าห้องผู้บริหาร ยังดีทรงตัวได้ ถึงล้ม…เจ้าของเสียง ไอ้พี่ชายบ้านั่น ‘มัน’ คงไม่ช่วยฉุด และถึงยอมช่วยฉันก็อี๋จนไม่อยากแตะถูกแม้แต่ปลายมือ!

…ย่ารักฉัน ไม่เคยเรียกอย่างนี้สักครั้ง มีแต่ไอ้คนบ้านี่แหละ

ฉันกลั้นใจระงับความปวด หันคอ มองซ้ายมองขวาไม่มีใครจึงใส่เต็มที่เสียงสูงปรี๊ด “อย่ามาเรียกให้ฟังดูราคาถูกนะ! แล้วใครใช้ให้มาทำงานวันนี้ยะ” ฉีกยิ้มหวานแทบถึงรูหูคล้ายแยกเขี้ยวอยากกินหัว ก่อนรีบควักมือถือออกมาเปิดปฏิทินแทบไม่ทัน รู้ดีว่าจำไม่ผิด แค่จะแสดงหลักฐานให้ชัดเจนลงไป “นี่ไง! เบิกตาดูซะ วันที่ 2 ตามที่เราตกลงกันไว้ น้องมาทำงานวันคู่ นาย…เอ๊ย พี่ชายมาทำงานวันขี้” จงใจขยี้เสียงจนน้ำลายแทบกระเซ็น

“…คี่” คนใส่เจลแต่งผมจนเรียบแปล้แต่หน้ายังดูทั้งเฟี้ยวทั้งเหี้ยมเบะปาก ย้ำคำเสียใหม่ คล้ายเถียงกลับ ด้วยรู้ทันความนัยที่ฉันสื่อออกไป

เขาตัวสูง สูงมาก…ผิวอย่างคนชอบออกแดด

อมแดงสมชื่อ เพลิงพระสมุทร

ไม่มีอะไรเหมือนฉันเลยสักอย่าง โครงหน้ายังกับหินโสโครก เค้าหน้ากระด้างเหลี่ยมมุมจัด ก็แค่จมูกโด่ง คางตัดคมคาย ปากหยักแดงระเรื่อ คิ้วเข้มดุ เฮอะ รวมๆ ก็เหมือนคุณชายอยู่หรอก แต่บอกได้เลยว่าอาการโสดเรื้อรังของผู้ชายร้ายๆ คนนี้อาจไม่ได้มาจากความช่างเลือก น่าจะด้วยสีหน้าเหยียดปนหยัน หลอมรวมกับความโกรธขึ้งที่มีอยู่ตลอด จนดู ‘เหี้ยมเกรียม’ ยิ่งรอยแผลเป็นขีดขาวแถวหางคิ้วซ้าย จุดนี้มองทีไรก็สะใจทีนั้น ร่องรอยอันเกิดจากน้ำมือฉันตอนยังเด็ก!

สายตาแทบปะทุของเราประสานอย่างศัตรูคู่อาฆาต ถึงตอนนี้ฉันก็แน่ใจ…เจ้าของหมา จงใจปล่อยหมามาขัดขาฉันให้มาเลต! ไม่แค่นั้นยังเกือบจมน้ำ เกือบโดนรัดคอตาย แต่จะไม่ย้ำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ใจไปกว่านี้ ความลับก็คือเสื้อสีขาวเงินตัวใหม่ที่สวมใส่ออกมาเป็นเสื้อคอตั้ง คอปิด คอแข็งอย่างยิ่ง อาจเพราะซื้อมายังไม่ได้ซักด้วยอีกอย่าง ใช้แทนเฝือกอ่อนดามคอได้อย่างแนบเนียน เพราะไม่มีเวลาแวะไปโรงหมอเลยต้องทนๆ ไปก่อน

“อย่าคิดว่าไม่รู้ หล่อนแอบไปนัดท่านประธานหมิงเอาไว้” เขาเปิดประเด็นด้วยเสียงเย็นเยียบ

คำว่าหล่อนอาจฟังยียวนจิกกัดถ้าคนอื่นพูด ทว่าพอเค้นออกมาจากปากหยักนั้น เสียงต่ำพร่ากดดันกลับยิ่งเหมือนคำรามหนักๆ ฟังน่าสะพรึงคุ้มดีคุ้มร้าย คิ้วสะบัดอย่างคนเจ้าอารมณ์ขมวดแน่นเข้า ก่อนเจ้าตัวจะคำรามขู่ต่อ

“ดีลนี้ราคาแพงนัก ฉันไม่ยอมให้ใครแถวนี้ได้หน้า คว้ากระดูกหวานมันไปนอนดูดเล่นคนเดียว”

“พูดจาน่าเกลียด น้องนะ ไม่ใช่หมาาาาา”

เขาตีหน้าหยันทันที ทำนองว่าถ้าเป็นหมาคงน่ารักสิ ทำเอาฉันกัดฟันกรอดๆ

“ทำเป็นนัดคุยเดี่ยวเรื่องเปิดตัวธุรกิจสวยๆ งามๆ ของผู้หญิง ฉลาดนี่…ช่วงสายก็เชิญแสดงบทบาทเสียให้พอ รอเที่ยงเมื่อไหร่ก็นั่นแหละ กินข้าว พร้อมหน้าพร้อมตา”

คนตัวสูงใหญ่เดินบ่าแข็งทื่อสองมือล้วงกระเป๋าตามสไตล์ เบียดแซงพรวดไปเปิดประตูห้องทำงานตรงข้ามห้องฉัน ผลุบหายเข้าไปด้วยท่าทีไม่แยแส ฉันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตามหลังปีศาจคลั่งที่สิงสู่อยู่อาศัยบนตึกฝั่งตรงข้าม รอให้ได้รู้ก่อนเถอะว่าหมาที่เลี้ยงไว้ถูกลุงปูจัดการไปแล้ว จัดการอะไร…ไม่รู้เหมือนกัน ช่างหัวมันปะไร มีเชื้อบ้าทั้งหมาทั้งเจ้าของ ร่วมบ้านแต่เสมือนมาจากคนละฝั่งฟ้าเขาเขียว ฉันฝั่งสวรรค์ มันนรก เกลียดขี้หน้ากันขนาดนี้อีกฝ่ายก็คงคิดแบบเดียวกัน แทนที่จะแยกไปทำงานเสียคนละมุมเพราะธุรกิจอื่นๆ ก็มากมี…เรากลับคุมเชิง คอยจ้องจับผิด สอดส่องการกระทำของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้!

เรากำลังกัดกันหมายฮุบเหยื่อ ประธานหมิงที่ถูกพูดถึงเป็นหนุ่มใหญ่ผู้ลึกลับ เลือดจีนแต่ถือสัญชาติไทย แถมนานๆ จะยอมปรากฏตัวสักครั้ง คล้ายหอยหลอดซึ่งไม่โผล่มาหากไม่โดนโรยด้วยปูนขาว ฉันหาทางหลอกล่อแทบตายกว่าจะนัดประธานได้วันนี้

แล้วทำไมฉันกับพี่ชายบ้าๆ ต้องพากันแย่งตัวอีตาหมิงน่ะหรือ

ก็เพราะ ตัวละครลับตัวนี้ตัวเดียว แทบจะกุมชะตาชีวิตเราสองคนไว้ในมือ!

ถ้าบอกว่าฉันเป็นหลานรักของย่า ไอ้พี่บ้าก็เป็นหลานปู่ ปู่ย่าซึ่งรู้ว่าหลานไม่ถูกกันจงใจทิ้งเงื่อนไขพินัยกรรมไว้มัดให้เราตัวติดกันเป็นเพรียงทะเลจนวันตาย…คล้ายอยากให้สมานสามัคคีเอาตอนสายเกิน ทั้งที่เลี้ยงดูมาแบบส่งเสริมให้ชังกันเองแท้ๆ โดยระบุชัดเจนเจาะจงว่าห้ามขายหุ้นต่อให้ใครอื่น เราได้สินทรัพย์กันเป็นหุ้นคนละเกือบครึ่งในบริษัทแม่ซึ่งกุมอำนาจบริษัทลูกในเครือเอาไว้ทั้งหมด

อำนาจเกือบครึ่งที่ว่า คือไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์…ทั้งฉันและพี่ชายโรคจิตต่างได้ครอบครองหุ้นจำนวน 49.5% ของทั้งหมด เป็นตัวเลขที่น่าโมโหอย่างที่สุด ทำให้เหมือนถูกล่ามขาติดกัน ฉันจะตัดสินใจอะไรโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากมันก็แทบไม่ได้ และตัวชี้เป็นชี้ตาย…จะเป็นใครไปได้นอกจากหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่หายไป

หุ้นเพียง 1% ตกอยู่ในมือหุ้นส่วนอย่างประธานหมิง

เล็ก แต่ใหญ่ น้อย แต่มาก เป็นอย่างนี้เอง

เราไม่อาจทำสิ่งที่เรียกว่าผลัดกันเลียแข้งเลียขาของอีตาประธานนั่น ประการแรกเพราะพวกเราหยิ่ง อีกอย่าง แม้วันดีคืนดีฉันเคยคิดจะยอมละศักดิ์ศรีเลียบเคียงทำทียื่นลิ้นยาวๆ ออกไปเตรียมเลีย ตานั่นก็จะรีบชักขาหลบเข้าเปลือกไปเหมือนหอยชักตีน หอยเอ๊ยยย ยอมให้เลียง่ายๆ เสียก็ดี สืบไม่รู้เลยว่าเขามีปูมหลังยังไง ไปสนิทสนมกับปู่ตั้งแต่สมัยไหนถึงได้หยิบชิ้นปลามัน คนบ้าอะไร ทำตัวเป็นหนุ่มจ๋า สีชุดสดแสบแต่งตัวจัดจ้านเฟี้ยวฟ้าวเตะลูกตาไม่ดูกาลเทศะ

วุ่นวายแต่เช้า แขกมาถึงคงยิ่งวุ่น!

กระชากประตูห้องตัวเองเปิดเข้าไปอย่างลืมรักษามาด ประตูชะลอบานปิดลงอย่างนิ่มนวล แต่เพราะไม่มีใครมองอยู่ฉันจึงดีดส้นสูงกระแทกปิดมันดังปึ้ก แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้

ก่อนที่ไม่นานกระดาษแผ่นหนึ่งจะถูกสอดตามเข้ามา



Don`t copy text!