ปล้นดวงใจมหาสมุทร บทที่ 4 : มื้ออร่อย ณ วังมังกร

ปล้นดวงใจมหาสมุทร บทที่ 4 : มื้ออร่อย ณ วังมังกร

โดย : อสิตา

Loading

ปล้นดวงใจมหาสมุทร โดย อสิตา เธอและเขาเป็นลูกคนละแม่ที่แค่เห็นหน้าก็แทบพุ่งเข้ากัดกันแต่อยู่ดีๆ ท่านทวดที่ไม่ใช่มนุษย์แต่หน้าตาเหมือนโพไซดอนก็มาบอกให้ตามล่าหาเนื้อคู่ให้เจอและทั้งคู่จะตายก่อนวันเกิดครบสามสิบ! ศึกแย่งสมบัติของเจ้าสมุทรก็ว่าหนักแล้ว ยังต้องวิ่งหนีจากความตายอีก เรื่องราวจะเป็นยังไง อ่านออนไลน์ได้ที่อ่านเอา

ผู้ถูกขานนามก้าวออกมา

“ไหนๆ ก็เปลี่ยนตัวเชฟแล้ว ผมขอโละคอร์สอาหารเดิมทั้งหมดทิ้งให้สอดคล้องกับการนำเสนอ”

รู้สึกได้จากอาการชันตัวกระสับกระส่ายข้างกาย มุกอันดามันคงขนลุก มื้ออาหารนี้อาจไม่ราบรื่นสำหรับเจ้าหล่อนอีกต่อไป ปรายตามองก็เห็นจริงตามนั้น ยัยน้องหน้าถอดสีเป็นหอยกาบขาดน้ำไปเรียบร้อย

“โอ้ววว เนื้อปาใสแจ๋ว ผ้ง…เอ้ย เจ็กช่อบอาหางยุ่งปี่มั่กๆ พี่น้องคู่นี้ ลกสะนิยม ลีๆๆ”

จากที่อ้าปากจะบอกปัดเชฟของเขา สาวผู้รักษาหน้าเป็นที่หนึ่งก็ได้แต่พยักหน้า คอแข็งทื่อแปลกๆ เหมือนหัวทั้งหัวถูกสาปเป็นหินไปแล้ว หึ นังเมดูซ่า

นั่นปะไร เพราะไปทำสนิทสนมกับประธานบ้านี่ไว้มาก แม้น้องสาวปล่อยปลาดิบหรือกุ้งผ่านหน้าไปจานแล้วจานเล่า ประธานหรืออาเจ็กคนใหม่ผู้แสนดีก็เสนอหน้า คีบส่งให้ถึงจาน นังตัวดีจำต้องรับไปด้วยมือที่สั่นไหว น่าสมเพชนัก หุ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เป็นทุกอย่างทำให้คนเรายอมทิ้งศักดิ์ศรีจนหมดรูป

ยามอีกฝ่ายสำลักโอ้กๆ เหมือนติดคอ เขาสวมบทพี่ชายแสนอบอุ่นช่วยลูบหลังลูบไหล่ คนลำบากยังไม่ทิ้งลาย โอบตอบพี่แต่ใช้เล็บจิกแผ่นหลังสุดแรง เขาจึงเมตตาส่งถ้วยชาให้ซดจนกลืนอาหารลงท้องไปได้หนึ่งคำ แปลกแฮะ ไม่ร้อง โดนขนาดนี้ยังเชิดคอทรนงได้อีก ถ้าเป็นแต่ก่อน…ถึงไม่หลุดมารยาท แต่น้ำตามุกต้องหยดสักเม็ดสองเม็ดให้สกปรกรกเลอะเทอะ

ไม่ผิดแน่ สังเกตมาสักพักแล้ว แกร่งขึ้นอย่างนั้นหรือ

ไม่น่า นังเด็กคนนี้มีบางอย่างแปลกไป

“ไอ้หยา อาไข่มุกกิงอาหางทะเลไม่ได้อ่อ เลี้ยวก็ม่ายบ่อก”

“ชะ ใช่ค่ะ พะ แพ้”

“เพิ่งแพ้นี่นา ไม่เห็นรู้…เรื่องนี้พี่จะไม่รู้ได้ยังไง” เขาชิงต่อบทอย่างอารี แน่สิ เรื่องใหญ่ปานนั้นพี่ดีๆ ที่ไหนจะมองข้าม

เพลิงพระสมุทรลอบยิ้มเยาะ ใช่อย่างเอ็งคิดที่ไหนล่ะวะตาแป๊ะ! ทำเป็นรู้เรื่องบ้านนี้ดีหมด…เงือกมีจรรยาบรรณน่ะไม่กินพวกเดียวกัน ต่อให้สัตว์น้ำจืดหรือน้ำเค็ม ถึงจะเคยขายพวกเดียวกันอย่างทำโรงงานปลากระป๋องก็เถอะ เออ ตัวเขาคือข้อยกเว้น ไม่สนแหละ อร่อยลิ้นพ่อฟาดเรียบ ถ้าเนื้อคนอร่อยนี่ก็ว่าน่าลอง

เขามันเถื่อนอย่างที่ยัยน้องว่า แถมปู่เองก็เคยชี้หน้าด่า…ไร้สำนึก! แต่เขาไม่แคร์

จู่ๆ น้องสาวที่นับเป็นอริก็ครางเสียงอ่อนอยู่ข้างกาย “น้องขออะไรแบบว่าพอกินได้หน่อยนะคะ พี่ชาย”

แม่ตัวดีร้องหงิงๆ อย่างชวนเห็นใจ คิดว่าจะสงสารรึ…นังงูพิษ

“ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย พูดจริงๆ”

ฟังแล้วสะอึก จะขัดก็ใช่ที่ ทำท่าจะเอนมาซบไหล่เขาเข้าให้แล้ว เพลิงพระสมุทรเอามือดันหัวน้องสาวไว้ได้ทันท่วงที ออกแรงผลักเบาะๆ ทั้งที่ปากยังยิ้ม ทำทีเป็นช่วยลูบหัวไม่ให้ขัดตาเจ้าของสายตาสอดรู้ผู้คอยจับจ้องทุกวินาที หืม พอจะโยกหัวเล่นเอ็นดูมุกอันดามันกลับทำคอแข็งแถมตาเหลือก ไม่ผิดแน่ บอบช้ำจากการตกสระ

เขาซุ่มมองและเห็นเรื่องราวโดยตลอด จนคิดว่าค่อยออกจากบ้านชิวๆ ก็ทันถมเถ หมาของเขาน่ะเหมือนฮีโร่กู้ระเบิด…แต่เปลี่ยนเป็นกู้ขนม ฝึกหนักมาตลอดจากที่ดมหากับพ่อมันนี่เอง ภารกิจจำเป็นวันนี้เริ่มจากให้ไส้ศึกเอาขนมไปวางล่อไว้ยังจุดที่ต้องการ ปล่อยหมาน้อยหลุดจากรั้วไปกิน มันชอบที่ทางแปลกๆ มันจะยังไม่กลับบ้านในทันทีหรอก จนสุดท้ายได้ออกจากพุ่มไม้มาปะหน้ากับมุกอันดามันพอดิบพอดี

บาดเจ็บภายในงั้นหรือ แต่คติประจำใจเขาคือ ‘คนล้มต้องซ้ำ’

“น้อง เอ่อ…เพิ่งส่งข้อความไปเรียกเชฟมือเอกมาค่ะ”

เพลิงพระสมุทรหัวเราะปนคำรามในคอกับสิ่งมีชีวิตในกำมือที่ไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ แต่ก่อนจะลงมืออย่างใด เสียงประตูบานประกบของห้องอาหารวังมังกรก็เลื่อนเปิดอีกครา

ประธานหมิงถึงกับยืนขึ้นปรบมือ หัวเราะเอิ๊กๆ ชอบใจอย่างยิ่ง

เขาหันขวับไปดู แทบตะลึงเมื่อเห็นคนที่ใครๆ ก็รู้จัก “เจมัวร์ โอลิเวียร่า!” เชฟระดับอินเตอร์เนชันแนลอีกคน ต่างกับเชฟญี่ปุ่นของเขาซึ่งแม้จะดังแต่บุคลิกจืดสนิทเหมือนปลาตาย

แค่มองก็ขนลุก หมอนี่ออกตำราเป็นตั้ง แต่ทำแกงเขียวหวานโชว์ยังเหมือนถั่วลันเตาผัดกะทิ ไม่ว่าอะไรไทยๆ มันคอยจะโยนผักชีปั่นลงไปเป็นกำๆ ไอ้นรกแตก ถือเป็นมนุษย์ไร้จรรยาบรรณ ไร้ความเคารพในวิชาชีพ ไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมโลกเจ้าของเมนู น่าสะอิดสะเอียนอย่างที่สุด! มิน่าถึงตกกระป๋องหล่นมาเข้ามือน้องสาวเขาได้ ถึงกับหมกไว้เป็นตัวสำรอง…ค่าตัวคงไม่แพงแบบกอร์กอน แต่ต้องระวัง กินอาหารฝีมือมันคงอันตรายเหมือนกินขี้ช้าง

ทว่าพออาหารของไอ้เชฟหน้ามึนถูกส่งขึ้นโต๊ะ กลับเป็นอาหารไทยรสดีตามมาตรฐาน จัดจานเล็กๆ มาเหมือนกันสามจาน ลองกินแล้วก็พบว่าผ่าน เพลิงพระสมุทรคิดว่ายอมๆ ไปสักนิด เพราะอริเขาคงไม่ยอมกินสัตว์น้ำดิบๆ อีกแม้แต่ชิ้นเดียว

หึๆ ตัวเขาเองก็มีของที่กินไม่ได้ มุกอันดามันรู้ดี

แต่เท่าที่ใช้จมูกว่องไวดมดู พบว่าไม่มีสิ่งแสลงแต่อย่างใดเลย

จานใหม่หน้าตาชวนกินอย่างประหลาด อยากรู้จริงๆ จานนี้รสชาติมันจะพลาดไหม ต้องรีบกินรีบด่า เพลิงพระสมุทรงับอาหารเข้าไปคำโตแล้วก็ถึงกับชะงัก…มือกำช้อนแน่นจนแทบงอ…ข้างน้องสาวผู้ทำท่าเหมือนหอยใกล้ตายอยู่เมื่อไม่กี่อึดใจก่อนกลับอ้าฝาหอยเจื้อยแจ้ว

“จานนี้เอาใจเจ็ก เห็นชอบหม่าล่าเป็นพิเศษ เลยเดาว่าคงชอบของเผ็ดแบบอื่นๆ ด้วย”

“หว่า…อีฉะหลาดจิงๆ”

นังน้องผีทะเล มันเตรียมเชฟชั่วไว้จัดการเขาถึงสองคนแต่แรกงั้นรึนี่!

“ไม่มีกลิ่นพริกเลยใช่ไหมคะ แต่เผ็ดแบบสติหลุด เครื่องเทศชนิดใหม่จากถิ่นทะเลใต้ แถวๆ ปาปัวนิวกินี”

เขาคนเดียวพูดไม่ออก บ้าฉิบ ศัตรูไม่ได้อ่อนด้อยเท่าที่คิดแต่เตรียมรับมือไว้อย่างคาดไม่ถึง ส่วนไอ้เชฟตัวป่วง มันแอบอัจฉริยะที่คิดเมนูแบบนี้ได้ ไม่รู้ทำไมแสดงออกแต่ด้านงั่งๆ ให้คนดู เขากระดกน้ำที่มีเข้าไปอั้กๆ ยังไม่พอ เอื้อมไปคว้าแก้วน้องสาวมาดื่มด้วย เท่านั้นก็ยังไม่พอ…หัวหูมันร้อนเห่อแดงไปหมด สุดท้ายก็คว้าแก้วของประธานหมิงมาซดไม่ยั้งจนลูกกระเดือกสั่นระรัว

“ว้ายตายแล้ว พี่ชายเผ็ดขนาดนั้นเลยเหรอคะ! น้ำ เร็วเจมัวร์…ขอน้ำ!”

นาทีนั้น เพลิงพระสมุทรลดแก้วลงทันเห็น สิ่งที่ไอ้หน้ามึนแบกวิ่งโร่มาทางเขาไม่ใช่เหยือกน้ำดื่มแต่มาเป็นถัง เขาที่หน้าแดงก่ำกระโจนหลบวูบ ก็ดีกว่ายอมให้แดงเถือกทั้งตัว ถ้าโดนต่อหน้าประธานหมิงจะต้องเป็นเรื่องใหญ่

เขาคนแรกที่จะโดนเต็มๆ หลบพ้นอย่างสวยงาม ถึงตามุกอันดามันเองก็ต้องเอาตัวให้รอดเช่นกัน

“อะจ๊า!” ประธานหมิงพลอยร้องผสมโรงเป็นเจ๊กตื่นไฟ

นั่นไง คงได้เห็นภาพอะไรดีๆ เข้าให้แล้ว น้องสาวเขาน่าจะโดนน้ำเข้าเต็มๆ…เผยโฉมแล้วสิ

“ว้าย อีแม่ยิ้ม!”

สมน้ำหน้า นาทีนี้หล่อนมันแพ้ภัยตัวเอง

พอทรงตัวได้เขาจึงหันไป หวังจะเห็นเจ้าของเสียงกรีดแหลมประสบชะตากรรมไม่พึงประสงค์ต่อหน้าแขก แต่มุกอันดามันที่ถลาตามมาปะทะยังอยู่ในสภาพหมดจดเรียบร้อย ทั้งที่ปกติน้องหอยตัวนี้ต้วมเตี้ยม นับว่านางยังโชคดี

“ไอ้ชิหัยเจมั่ว!”

สรุป ที่หลบไม่ทันมีแต่คนมากวัยอย่างประธานหมิง สุดท้ายเชฟจอมมั่วนิ่มจำต้องถูกลากออกไปอีกคน ประธานเพียงด่าลมด่าแล้งแล้วถอดเสื้อคลุมยาวลายมังกือเหวี่ยงทิ้งอย่างฉุนๆ ชุดแบบอาแปะใส่อยู่บ้านข้างในยังแห้งดี มุกอันดามันกุลีกุจอเข้าไปช่วยเช็ดหน้าเช็ดตา ส่วนเพลิงพระสมุทรกอดอกมอง

ตอนนี้ก็เหลือเชฟมิยาซากิยืนหลบมุมรอคอยคำสั่งจากเขา

ทว่าพอหย่อนก้นลงนั่งกันครบ แขกกลับเป็นผู้ตีระฆังเปิดยกสุดท้าย

“อั๊วะกิงม่ายลงเลี้ยว เข้าเรื่องเลยละกัน” คนพูดดูหมดอารมณ์ละเลียดอาหาร เร่งยิงเข้าเป้าประเด็นที่เก็บซ่อนไว้ในใจ

เขาหรี่ตา มาแล้วสินะ เป้าหมายที่ทำให้ประธานหมิงยอมมาไทย

ทำเป็นเชื่อง ทำเป็นขำ…เฮอะ ดูแววตาก็รู้ มันเองก็ไม่เบา

“มาพ้อมหน้าก้อลี ไม่งั้งอั๊วะก็ต้องหาเวลาคุยอยู่ลี อากงลื้อ…ปู่พวกลื้ออีสั่งเสียล่วงหน้า นั่งคือเหตุผงแท้จิงที่เจ็กมาไทยคาวนี้ กงพวกลื้อฝากนี่ไว้”

ประธานคนสำคัญควักเอาสิ่งหนึ่งออกมาชูข้ามโต๊ะให้ดูสูงๆ ตรงหน้าพวกเขา คล้ายจะให้รับราชโองการ ยาวเพียงคืบ คล้ายม้วนคัมภีร์อะไรสักอย่างสะท้อนวาววับรับแสงจากเบื้องบน

“คัยได้สิ่งนี้ก่อง หุ้ง 1% จาเป็งของลื้อ…แต่แน่นองว่า”

ไม่ต้องรอให้พูดจบ มือของเขาและของมุกอันดามันยื่นพรวดออกไปปะทะเพิ่มเป็นสามเส้า สิ่งในมือประธานกระเด็นลอยคว้างกลางอากาศ ปลิวข้ามหัวพวกเขาไปกลิ้งหลุนๆ บนพื้น

เขาและน้องสาวตะกายตาม ล้มลุกคลุกคลานสี่ขา

คืออิสรภาพ!

คือชัยชนะ!!

คือกุญแจปลดตรวนล่ามขา!!!

คว้าได้คนละข้างก็ยื้อเต็มที่ เขาแรงมากกว่าอย่างเทียบไม่ได้แต่หอยเอ็นดูดบางเวลาที่มันอยากจะเกาะก็จับติดหนึบ ยอมถูกลากติดมากับสิ่งสำคัญด้วย ดูท่าว่าถึงตายก็ไม่ปล่อย เจ้าหล่อนแยกเขี้ยว เขาขู่คำราม กลิ้งเกลือกเอาหน้าผากขวิดกันอย่างชนิดไร้อารยธรรม

คงกัดกันจริงๆ แล้ว ถ้าประธานไม่พาร่างผอมสูงที่ห่อเหี่ยวลงยามไม่มีเสื้อคลุมมาหยุดยืนไพล่หลัง ทอดถอนอย่างระอา

“แย่งกันทำพรื้อ” ดูท่าคนสอนภาษาไทยให้ตาแป๊ะจะไม่ได้มีคนเดียว “ก็แค่จกหมายทำมาดา”

เอ๊า ไหนบอก แค่ได้สิ่งนี้ก็จะได้หุ้นไปครอง หรือว่า…ภาษาไทยไม่แตก!

“อากงลื้ออีสั่งไว้ คัยทำตามที่บอกในน้างได้ก่อง จะได้หนึ่งเปอเซ็งสำคัญ ไม่ยากหลอก…”

คนพูดยิ้มเห็นฟันแหลมเหมือนหนู ย่อกายลงมาบอกความลับที่พวกเขาแสนค้างคา

“คัยแต่งงาน หาเขยหรือสะใภ้เข้าบ้างวังมักฉาล่ายก่อง…ก้อล่ายสมบัติทั้งหมดแหละนา”

 

เพลิงพระสมุทรจำได้ว่าหลังจากนั้นตนเหมือนโดนตีหัว ทั้งเขาและน้องสาวพูดกับประธานแทบจะถามคำตอบคำ จากทีมรุก กลับพลิกร่วงลงมาเป็นทีมรับ ที่แทบจะ…รับไม่ไหว

สาบานได้ เขาไม่เคยคิดเรื่องพรรค์นั้นมาก่อน สำหรับคนจริงจังคนหนึ่ง การค้นพบว่าชีวิตตัวเองเกิดมาแบบเหนือจริงอยู่หน่อยๆ เริ่มแรกก็เอือมระอา แต่ว่าไม่พยายามปฏิเสธ ข่มใจยอมรับและใช้ความแตกต่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

แตกต่างแล้วไง ก็รู้สึกว่าตัวเองยังเป็นคน

แล้วนี่อะไร บ้าบอคอแตก แข่งกันหาคู่! บ้านพ่อมัน!!

…แต่ด่าแบบนั้น ถ้ายังรับรู้ได้วิญญาณบรรพชนคงไม่เป็นสุข เพราะคนสั่งเสียก็คือปู่ พ่อมันของปู่ก็คือทวด

หมดอารมณ์จะขัดขาน้องสาวที่เดินคอแข็งทื่อจากไปเหมือนหุ่น แต่รู้ดี จะวางใจไม่ได้ ต้องรีบลงมือทำอะไรสักอย่างก่อนมุกอันดามัน เขาพาตัวเองเข้าห้องทำงานไปขบคิดอยู่พักใหญ่จึงค่อยลุกกลับบ้านเพราะชักหิว พูดถึงการหาใครสักคนมาอยู่ข้างกายแม่นั่นต้องทำได้ไวกว่าแน่ มีจริต เข้าขั้นสลิดดกถึงขนาดนั้น เรื่องการแสดงเป็นที่หนึ่ง

เขาไม่ชอบพวกผู้หญิงเอาเลย ทำตัวไม่ถูก…

แม้ลักษณะทางกายภาพจะดูดีไร้ที่ติ เชื้อก็น่าจะแข็งแรงวิ่งแซงกันเองเข้าวิน แต่เขาไม่ใช่พ่อพันธุ์ ที่บ้านนี่เลี้ยงหมาลูกแชมป์ประกวดสายพ่อพันธุ์แท้เอาไว้ แล้วดูมันซิ หมามันยังมีอิสระ ถึงหลุดออกไปก็ไม่เห็นเคยไปติดตัวเมียบ้านไหน เอาแต่ตะลอนวิ่งเล่นแบบหล่อๆ สดใส แม้ชาวบ้านได้รู้นิสัยพิลึกของมันแล้วอาจไม่มีใครอยากได้ไปทำพันธุ์ก็เถอะ

ที่สุด เขาตีรถเข้าบ้าน ฝั่งที่เขาอยู่ถึงก่อน…ใกล้กับทางเข้า

ปีกตึกนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ฝั่งน้ำลง ตรงข้ามกับ ฝั่งน้ำขึ้น

รถจอดสนิท เพลิงพระสมุทรซบหน้าลงกับพวงมาลัยครู่ใหญ่ ไม่ได้จิตตก แต่กำลังระงับอารมณ์โมโหคิดวางแผนสะระตะ

จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดัง…คุณเลขาฯ คนเก่ง

ไม่ได้กลับบ้านมาพร้อมกันเพราะอีกฝ่ายรู้ว่าเขาชอบขับรถคนเดียว รูปแทนตัวในสายโทร.เข้าของฝ่ายนั้นก็เหมือนตัวจริงเป๊ะ ผิวขาว หน้าดุ พยายามใส่แว่นเกล้ามวยให้ดูอาวุโสขึ้นไปอีกเพราะอายุอานามจริงๆ หลักแปดสิบ แต่หนังหน้ายังแค่ครึ่งเดียวของอายุจริง ผู้คนจากท้องทะเลนั้นร่างกายมีลักษณะต่างกัน นี่เป็นตัวอย่างของสาวพันปี ทว่าเห็นริมฝีปากดำปี๋นั่นกลับไม่ใช่ลิปสติกแต่อย่างใด

“ป้าหมึก…”

“ทำไมกลับช้าคะ”

“มัวนั่งคิดงานเพลิน”

“แล้วทำไมไม่ลงจากรถคะคุณหนู”

ป้าหมึกก็เองมีมือดูดจ๊วบจ๊าบรุนแรงกว่าเขาเสียอีก ไม่เหมือนหอยที่นานๆ จะทำได้กับสิ่งที่มันอยากเกาะติดถาวร นิสัยเนี้ยบของป้านั้นไม่แปลกเลยถ้าจะใส่ถุงมือถุงน่อง…สิ่งเชื่อมโยงอันบังเอิญนี้ทำเอาความสัมพันธ์ของเราช่างแน่นเหนียว หนึบหนับ ดูดกันไปดึงกันมา พลิ้วไหว ยิ่งเวลาปู่ยื้อคุณหนูปลาดาวที่กำลังจะแล่นหนีออกจากบ้านไม่อยู่ก็ต้องอาศัยมือป้า

“บอกป้ากี่หนแล้วว่าไม่ชอบให้เรียกแบบนั้น” เขาเตือนเสียงต่ำๆ “ให้เรียกคุณชาย!  ผมโตป่านนี้แล้ว”

“ไม่ชอบเรียกค่ะ…หมายังเลียก้นถึงอยู่เลย”

“หมามันเก่ง เขย่งเอา” อดเผลอชื่นชมไม่ได้เมื่อบทสนทนาพาดพิงมาถึงลูกรักสี่ขา ก่อนเอ่ยกลับไปเสียงเข้ม “ถ้าเรียกคุณหนูจะไม่ลงจากรถ”

“ก็ได้ คุณชาย แต่เย็นนี้ป้าต้องเรียนว่า…ของชอบเต็มโต๊ะนะคะ ยำไข่หมึกเป็นยวงๆ ก้ามปูทะเลอบวุ้นเส้น หอยนางรมสดตัวเท่าฝ่ามืออีกสองโหล อย่างอื่นต้องลงมาดูเอง แต่ถ้ายังอยากอยู่ในรถถึงเช้าป้าก็ไม่ว่า”

แน่ะ ป้าไม่วาย จี้ถูกจุดโดยไม่เลือกวิธีการ ปรนเปรอเขาด้วยอาหารซึ่งถือว่าผิดจารีตของตระกูล ถ้าสมัยปู่ยังอยู่ก็ต้องโดนไล่ตะเพิด แต่เขาจะแอบไปกินในครัว อ้างว่าไม่ให้พวกพ้องตายเปล่า

“ว่าแต่โกรธใครมาคะ”

เสียงนั้นเหมือนจะบึ่งรถออกไปฆ่าคนให้ทั้งหน้านิ่งๆ ช่างรู้ดีจริงๆ เลขาฯ คนสำคัญที่เขารัก  รักปานเป็นแม่นม แต่สาวโสดแบบนั้นแทบไม่มีสัญชาตญาณแม่ มีแต่สัญชาตญาณแม่ครูใจร้ายเสียมากกว่า รอบตัวมีแต่คนโหดๆ ช่วยกันเลี้ยงเขามาแบบนี้เอง…แต่คนไหนสุดท้ายก็เอาเขาไม่อยู่ ขนาดปู่ผู้ขึ้นชื่อเรื่องปากแข็งใจแข็งใจแข็งเป็นที่หนึ่งยังถึงกับ ‘แขวนหน้าแข้ง’ ยอมแพ้ คร้านจะไล่เตะหลานชายคนนี้อีกต่อไป

เขาไม่ยอมให้คำตอบที่อีกฝ่ายต้องการ ทว่าตอบอย่างที่อยากตอบ “บนโต๊ะต้องมีอย่างที่บอกจริงๆ นะ ถ้าไม่มีก็รีบสั่งด่วนมาเลย ผมหิว” อยากกินดุระบายอารมณ์อยู่พอดี

พูดกันไม่กี่คำก็วางสาย ครั้นลงจากรถ ไม่เห็นเงาลูกชายเขาจึงผิวปากเรียกหาสองสามที

ทว่า เงียบ

สังหรณ์ข้างร้ายว่าอาจเกิดอะไรกับลูกรักเริ่มทำงาน เงี่ยฟังดีๆ ประสาทหูของเขาพอจะได้ยิน เสียงโหยแผ่วเจือครางหงิงมาจากส่วนหนึ่งของบ้านกว้างใหญ่ หัวใจเต้นรัวแทบโลดกระเด็นกระดอนหลุดจากอก เขาออกวิ่งสุดตัว เหลียวซ้าย แลขวา

“ฮีโร่! ลูกพ่อ อยู่ไหนนนนน!!!”

ทำไม ทำไมไม่ร้องให้พ่อช่วย หรือว่าไม่มีแรงแล้ว

ยามเมื่อถลันไปเห็นภาพนั้น หมาชิบะจอมดื้อของเขาคอตก…มันถูกล่ามโซ่คล้องไว้กับรั้วเหล็กดัดกั้นกลางสะพาน…คงจะ…ตั้งแต่เช้า

เข้าใจผิดไปไกล นังเด็กนั่นไม่เคยเล่นบทนางฟ้าเมตตาสุนัข ไม่เคยแอบใจดีกับมันลับหลังเขา เห็นชัดๆ ว่าเป็นนางมารชั่ว! เขาพุ่งพรวดเข้าไปหมายถอดปลอกคอทิ้งทั้งยวง ปลดพันธนาการให้ลูกชายสุดรัก แม้รู้ชัดถึงสาเหตุการถูกทารุณกรรมครั้งนี้ แต่นี่มันเกินไป! อนิจจา แขนล่ำสันดันติด ลอดผ่านเหล็กดัดไปถอดให้มันไม่สำเร็จ ถึงตอนนี้หมาก็ครวญคนก็คราง อยู่ต่อหน้าแต่เหมือนฟ้ามากั้นรัก เพลิงพระสมุทรเกาะประตูแน่นเหมือนคนคุกซึ่งแค้นจัด อยากหักอยากแหกซี่เหล็กลงคามือ สาบานกับตัวเองซ้ำๆ…เขาต้องทวงแค้นแน่

ทว่า ทันทีที่เสียงรถนังน้องหอยกาบแล่นเข้ามา หมาที่ไร้เดียงสาจดจำได้จึงพลันหันไปหา หูตั้ง ร้องงื๊ดๆๆ ทั้งพาซื่อกระดิกหางระรัว ยินดีในการกลับมาของคนที่เพิ่งทารุณมัน

เจ้าของหมาแสนเจ็บช้ำ ที่ลูกชายมีใจให้คนร้าย

“…อยากเปิดศึกดีนัก พ่อจะเล่นให้น้ำตานองเป็นทะเลเทท่าเลย คอยดู!”

 



Don`t copy text!