ซ่อนรัก บทที่ 1 : เดินทาง
โดย : โสภี พรรณราย
ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
สนามบินสุวรรณภูมิ
หล่อน…นั่งพักรอเวลาในสภาพที่เหม่อลอย
ใบหน้าสวย ตกแต่งเครื่องสำอางบางเบา แต่หล่อนก็ยังดูโดดเด่นทั้งหน้าตา รูปร่างและเครื่องแต่งกายที่เก๋ ดูดี ในสภาพพร้อมจะเดินทางไกล มีบางคนผ่านแล้วยังต้องหันมามองอีกครั้ง เพราะความโดดเด่นของเธอ
หล่อนนั่งเงียบๆนานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
เขา…นั่งอยู่ข้างๆหล่อน ความจริงแล้วเขานั่งอยู่ก่อน มีกระเป๋าล้อเลื่อนใบเล็กสำหรับหิ้วขึ้นเครื่องกั้นไว้อยู่บนพื้น
ตอนหล่อนมานั่ง เขาแค่มองแวบเดียวแล้วก็สนใจกับโทรศัพท์มือถือต่อไป จะบินแล้วเขาก็ยังทำงานอยู่
เมื่อทำงานก็ลืมหล่อนไปเลย หล่อนเองก็มีกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องใบเล็กวางอยู่ข้างๆกระเป๋าของเขา
ผ่านไปเท่าไรแล้วล่ะ
จนได้ยินเสียงรบกวนสมาธิการทำงาน เพราะมีผู้หญิงสองคนวิ่งมา
“เกือบมาส่งแกไม่ทันแล้ว” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ย
และอีกคนก็พูดละล่ำละลัก หอบหายใจแรงเพราะรีบเร่ง
“นี่รีบสุดแล้วนะ ออกจากห้องประชุมก็บึ่งมาเลย”
คนมาส่งเพื่อนสองคน…สองสาว
เขา…ว่าจะไม่สนใจแล้วเชียว แต่เสียงของสองสาวที่พูดกับคนที่จะเดินทางพูดดัง พูดดังจนไม่สนใจก็ได้ยินทั้งหมด
คนเดินทางยังไม่ทันเอ่ยปากอะไรเลย
เขาแค่มองแวบเดียวอีกครั้ง
คนมาส่งคนแรก ตัวเล็กผิวคล้ำ แต่หน้าคม แต่งตัวสุภาพเรียบๆ
คนที่สองสูงโปร่ง ดูเปรี้ยวกับการแต่งตัวและผิวขาว
คนตัวเล็กพูดกับคนจะเดินทางว่า
“ปารีส…แกไม่เป็นไรนะ เปลี่ยนใจไม่บินก็ได้ กลับบ้านกันเถอะ อย่าไปเลย”
คนตัวสูงก็เอ่ยสนับสนุน
“ใช่…ใช่…ปารีส สภาพแกไม่พร้อมเดินทางเลย ยิ่งไปคนเดียวแบบนี้ พวกเราเป็นห่วง”
คนเดินทางชื่อ ‘ปารีส’
อือม…ชื่อเก๋ และเขารู้สึกคุ้นกับชื่อนี้มาก่อน สะดุดทันที
ปารีสยังเงียบ…
สองคนที่มาส่งสลับกันพูด พูดแปลกๆทั้งรั้งไว้ ทั้งพูดปลอบ ทั้งตำหนิบ้าง
“แกจะบ้าเหรอ ผู้ชายคนเดียวทำแกเสียศูนย์ เหมือนแกไม่ใช่ปารีสที่เคยมั่นใจในตัวเองเลย”
“ปารีส…พวกเราสองคนเป็นห่วงแกนะ”
“อย่าไปเลย กลับบ้านเรานะ”
ผู้ชายคนเดียวตัดหางปล่อยวัดไปเลย” แล้วหัวเราะ
แต่คนจะเดินทางกลับไม่ขำ
หล่อน…คนจะเดินทางชื่อปารีส
ใช่สิ ชื่อนี้มีความหลัง พ่อแม่ไปฮันนีมูนและท้องหล่อนที่ปารีส หล่อนชื่อนี้ตามบัตรประชาชนเลย
ส่วนเพื่อนอีกสองคน เพื่อนรักตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล ชั้นประถม มัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย
สามสาวเพื่อนรัก
คนตัวเล็ก ผิวดำ หน้าคม ชื่อกุลวดี
คนสูงกว่า ผิวขาว เปรี้ยวกว่า ชื่อหฤทัย
เรียนจบ ทำงานแล้วยังซื้อคอนโดอยู่ด้วยกัน สามสาวไม่เคยมีความลับต่อกัน สนิทยิ่งกว่าพี่น้อง
“นี่…นี่ เป็นใบ้หรือไง จะให้เราสองคนพูดเป็นคนบ้าหรือ” หฤทัยเขย่าแขนเพื่อน
แล้วปารีสก็ถอนยาว เอ่ยปาก
“แกก็รู้นิสัยฉัน ตอนนี้ เวลานี้ ฉันไม่อยากอยู่เมืองไทย ปล่อยฉันไปเถอะ”
“แกจะไหวเหรอ คนเดียว”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยเดินทางคนเดียว ฉันก็เดินทางบ่อยๆ”
“แต่สภาพจิตใจแกตอนนี้ แกอ่อนแอสุดๆ อกหักหมาดๆ”
อ่อนแอ…เพราะอะไร
อกหัก ?
เจ็บปวด…ทรมาน และเสียความรู้สึก
อุเทน…คนรักที่วางแผนจะแต่งงานกันปีหน้า
นี่ก็ปลายปีแล้ว เดือนธันวาคม ปลายเดือน…ว่าจะแต่งวันวาเลนไทน์
สิบสี่ กุมภาพันธ์
แค่เดือนเศษเอง…แค่นั้นจริงๆ
แต่…สองวันก่อนเขากลับแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง
จะเป็นสาวไหนก็จะไม่เจ็บปวดเท่ากับเป็นรัศมี
สาวใหญ่วัยสี่สิบห้า เจ้าของร้านเพชร ‘เพชรรัศมี’
ปารีสกับอุเทนทำงานที่เพชรรัศมี
สองปีที่หวานชื่น ไร้สัญญาณเตือนรักขม ข้ามขั้นแต่งงานกะทันหันกับหญิงอื่น
เสียแรงเคารพเป็นเจ้านาย
เจ้านายสาวใหญ่กับลูกน้องหนุ่ม
ปารีสลาออกทันที เดินทางออกจากประเทศไทย ไปให้ไกล…ไกลเพื่อจะลืมบาดแผล
รัศมีให้เงินลาออกมาสิบล้าน กับการทำงานแค่สามปี
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเงินซื้อตัวอุเทนก็ได้
รับสิ…สิบล้าน ไม่รับก็โง่
ถึงหล่อนไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่สิบล้านจะเอาไปใช้…ใช้…และใช้ระหว่างเดินทางครั้งนี้
“อ่อนแอแล้วจะกลายเป็นพลัง ให้ฉันไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวจริงๆ”
“เราเป็นห่วงแก” หฤทัยพูดด้วยแววตาห่วงใย
“ขอบใจพวกแกสองคน”
“ยังดีที่แกไปหลายประเทศ และจะไปฝรั่งเศสด้วย พ่อแม่แกอยู่ที่นั่น แกไปอยู่กับท่านสักระยะก็ดีนะ”
“ต้องดูก่อน แต่จะแวะไปเยี่ยมท่านแน่นอน แต่ไม่อยู่ยาวหรอก”
“เราอยากไปเป็นเพื่อนแกจังเลย”
“ไม่ต้องหรอก ช่วงปลายปี บริษัทแกสองคนงานเยอะมาก ไม่ควรลางานตอนนี้”
“ใช่จ้ะ ฉันลาไม่ได้จริงๆ เป็นเลขาเจ้านาย ปลายปีเพชรขายดีด้วย” กุลวดีพูด
ทั้งกุลวดีและหฤทัยทำงานบริษัทเดียวกัน บริษัทเพชรอนันต์ที่มีสาขานับสิบๆทั่วห้างในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
“แกสองคนกลับไปได้แล้ว ดึกแล้ว ฉันต้องเข้าข้างในแล้ว” ปารีสไล่เพื่อน
“เราเพิ่งมา”
“บอกว่าไม่ต้องส่งก็ไม่เชื่อ”
“ได้ไง เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“รู้ว่ามีแกสองคนเป็นเพื่อน ฉันปลื้มมาก ถ้าไม่มีแกฉันคงรู้สึกแย่กว่านี้”
มองตากันสามคน ความจริงแล้วแทบไม่ต้องพูดอะไรก็อ่านใจกันออก
“เดินทางปลอดภัยนะ” กุลวดีกล่าว
“ติดต่อมาตลอดล่ะ คุยได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย” หฤทัยว่า “ฉันไม่ปิดมือถือ ไลน์มาก็ยังดี รายงานตัวกับเราตลอด”
“ไป..ไป…ไปเลย” ปารีสโบกมือ “อยากอยู่คนเดียวยังมากวนอีก”
สองสาวโคลงศีรษะและผละไป รู้นิสัยปารีส ชอบปากแข็งเป็นประจำ ก่อนผละไปกุลวดียังพูดว่า
“สบายใจแล้วรีบกลับมาล่ะ”
ปารีสอยู่ตามลำพังแล้ว มองนาฬิกาข้อมือ สี่ทุ่มเศษ เครื่องบินหล่อนจะออกราวตีหนึ่ง
หญิงสาวลุกขึ้นยืน ใจโหวงๆชอบกล เบลอๆลากกระเป๋าใบเล็ก ก้าวไปได้สองสามก้าวก็ต้องชะงักกับเสียงเรียก
“เดี๋ยวคุณ…คุณ”
หล่อนหันขวับ ขมวดคิ้ว เพราะกับคนเรียกไม่รู้จักกันเลย
“คะ”
“คุณลากกระเป๋าของผมไป”
“เหรอคะ”
หล่อนมองกระเป๋าที่ลาก สีดำสนิท กับอีกใบใกล้ตัวคนพูดเป็นสีเทาดำ
ของหล่อน สีเทาดำ
โอ๊ย เบลอขนาดนี้เลยเหรอยัยปารีส โก๊ะๆเปิ่นๆอีกแล้ว
“ขอโทษค่ะ” หล่อนลากกลับมาคืน แต่แทบไม่มองหน้าเขา ลากกระเป๋าตัวเองจากไป
แต่เขามีโอกาสมองหล่อนชัดๆ
เพราะนั่งอยู่ใกล้ จึงมีโอกาสได้ยินทั้งหมด
สรุปว่าเพราะมีปัญหาเรื่องผู้ชาย เรื่องความรัก อกหัก
หล่อนสวยขนาดนี้ ยังมีปัญหาเรื่องความรักอีก
แล้วหล่อนจะหนีความรักไปไหนล่ะ
ไปหลายที่ สุดท้ายเท่าที่ฟัง พ่อแม่หล่อนอยู่ที่ฝรั่งเศส
ก็ดีนะถ้ามีผู้ใหญ่อยู่ด้วยในช่วงนี้
ปารีส…ชื่อปารีส
คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่นานมาแล้ว ชื่อเก๋แบบนี้ไม่มีทางที่เขาจะลืมได้
หล่อนเดินผละไปนานแล้ว เขายังนั่งอยู่ทำไม
คิดถึงใบหน้าหล่อนทำไม
เขา…วิศร์ หนุ่มวิศวะที่ถนัดการออกแบบทุกอย่าง และรับงานเฉพาะอยากทำ เขาไม่รับงานใหญ่ผูกมัด ชอบรับงานออกแบบสารพัด โดยร่วมกับเพื่อนรักชื่อบรม จบด้านวิจิตรศิลป์ เปิดบริษัทรับงานอิสระ เน้นออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นหลัก
วิศร์เป็นคนชอบเดินทาง ทุกปีต้องเดินทางไปทั่วทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ เพื่อพักผ่อนและดูสินค้าต่างๆในโลกกว้าง
บรม…ไม่ชอบเดินทาง ส่วนวิศร์สองสามเดือนก็ต้องออกเดินทางแล้ว ต้องไปดูตลาดสินค้าเมืองนอก การออกแบบต่างๆเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
ชีวิตคือการเดินทางแท้ๆ
วิศร์นั่งริมหน้าต่าง
ใกล้เวลาเครื่องออกแล้ว จึงเห็นว่าผู้โดยสารไม่เต็ม น้อยมาก มองผ่าน ผู้โดยสารราวห้าสิบเปอร์เซนต์
เขาใช้บริการการบินไทย ซึ่งจะบินตรงจากกรุงเทพฯไปกรุงโรม อิตาลีเลย
ปกติเขาใช้บริการหลายสายการบิน บางสายการบินต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง ครั้งนี้อยากนอนพักยาวๆทีเดียว ไปถึงโรมเช้าพอดี
ข้างที่นั่งเขาไม่มีผู้โดยสารอื่นอีก ดีทีเดียวจะได้นอนสบายๆคนเดียว แต่วิศร์คิดผิด เพราะผู้โดยสารคนสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา
หล่อน
คนที่ชื่อปารีส
หล่อน…คนที่คุยกับเพื่อนสองคน หล่อนมีปัญหาความรัก กำลังจะหนี
ดูใบหน้าหล่อนไม่สู้จะมีความสุขสักเท่าไร
ปารีสอยากนั่งริมหน้าต่าง ดูเหมือนที่นั่งริมหน้าต่างมีคนยึดหมดแล้ว
และบังเอิญที่นั่งหล่อนติดกับเขา
วิศร์คิดว่าจะยิ้มให้หล่อนเป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างเดินทาง แต่หล่อนไม่สนใจใรรอบด้าน ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
พนักงานบนเครื่องบินเสิร์ฟเครื่องดื่ม
หลังจากนั้นก็บริการอาหารเย็น
วิศร์ทานได้น้อย เวลานี้ไม่ใช่เวลาทานอาหาร แต่มองข้างๆหล่อนกินหมดเกลี้ยงถาด ไม่ว่าจะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย ขนมปัง อาหารจานหลัก รวมผลไม้และของหวาน
เห็นตัวเล็กๆแต่กินจุพอควร
อิ่มแล้ว หล่อนลุกไปห้องน้ำ ถือถุงไปด้วย มีสบู่ มีแปรงและยาสีฟันหลอดเล็กๆแบบพกพา
เขารีบลุกตาม เพราะนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง จะได้ไม่รบกวนถ้าหล่อนกลับมา
วิศร์ทำธุระเสร็จกลับมาก่อน สักครู่หล่อนก็กลับ
ไฟบนเครื่องบินปิดสลัวให้ผู้โดยสารพักผ่อน แต่หล่อนดูจะนอนไม่หลับ นั่งกระสับกระส่าย
ชายหนุ่มรู้สึกง่วง เอนตัวสบายๆเล็กน้อย เขาเกือบหลับแล้วแต่ยังสนใจผู้หญิงที่นั่งข้าง
ไม่รู้อะไรนะ ทำไมสนใจผู้หญิงที่นั่งข้างเหลือเกิน
เวลาผ่านไปนาน…
วิศร์สะดุ้งตื่นเพราะมีอะไรบางอย่างอยู่ที่ต้นแขน
ศีรษะหล่อนเอนซบ
ในที่สุดหล่อนก็นอนหลับจนได้ ศีรษะเอนมาเต็มๆเลย
เขาอยากขยับตัวก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวหล่อนตื่น
รู้จักกันก็ไม่ใช่ มาก็ไม่ได้มาด้วยกัน แต่เขากลับเต็มใจให้หล่อนพิงพัก
วิศร์ขำตัวเอง
วิศร์นายเป็นอะไร
แพ้ความสวยของหล่อนหรือ ไม่น่าใช่ อดีตคนรักของเขาก็สวยมาก หรือเห็นใจหล่อน อกหักหนีไปนอก ไม่รู้สินะ ปัญหาของเจ้าหล่อนต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่ หญิงชายจะเลิกกันต้องมีเหตุผล
เลิกทั้งยังรักมันเจ็บปวด แต่เวลาจะรักษาบาดแผลใจได้แน่นอน เหมือนที่เขาเคยผ่านมาแล้ว…