คดีรักข้ามเวลา บทที่ 3 : ไม่มีใครอยากเป็นเมียรองหรอกนะ
โดย : ณรัญชน์
คดีรักข้ามเวลา โดย ณรัญชน์ เรื่องราวของการเดินทางย้อนอดีต เพื่อไขปริศนาฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งหนทางเดียวที่พิชญาจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้คือสืบหาต้นตอของคดีฆาตกรรม ในชาติภพที่ผ่านมา ‘คดีรักข้ามเวลา’ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์
……………………………………………………..
-3-
บุหลันนิ่งคิดเพื่อเรียบเรียงคำพูดครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเรื่อง “อันที่จริงดวงเล่าผิดไป คุณป้านวลท่านไม่ได้มาทาบทามฉันให้คุณพี่กนกดอก เพราะท่านได้พบหญิงอื่นที่มีคุณสมบัติตามที่ท่านต้องการ และยังมีชาติตระกูลดีกว่าจนฉันเทียบไม่ติด แม่ไพลินเป็นบุตรีของเจ้าคุณปรเมศวร์ ข้าหลวงเมืองพิจิตร ถูกส่งตัวไปอยู่ในวังตั้งแต่เล็ก บังเอิญว่าท่านเจ้าคุณและภรรยามาร่วมงานศพของคุณพี่ทรัพย์ พอคุณป้ารู้ว่าแม่ไพลินเกิดวันเดียวเดือนเดียวกับพระยาอรรถนิติกรเช่นเดียวกับฉัน ท่านก็สนใจ รีบทามทามให้แต่งงานกับคุณพี่กนก แต่คุณพี่กนกไม่รู้เรื่องนี้ เธอจึงมาพูดจากับฉัน ว่าจะสู่ขอฉันไปเป็นภรรยา และยังได้ไปกราบเรียนคุณพ่อของฉันไว้ด้วย”
“อ้าว! เกิดมีผู้หญิงสองคนขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วคุณแม่คุณกนกยอมหรือคะ” พิชญาอุทานอย่างหัวเสีย
“คุณป้าย่อมไม่ยอมอยู่แล้วเพราะท่านพอใจแม่ไพลินมาก อีกทั้งเจ้าคุณพ่อของแม่ไพลินก็เป็นคนใหญ่โต หากบิดพลิ้วกลับคำกับท่าน จะต้องเป็นเรื่องแน่นอน”
“เพราะอย่างนี้นี่เองคุณถึงต้องไปฆ่าตัวตาย” พิชญาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเรื่องของบุหลัน อีนุงตุงนังน่าปวดหัวแค่ไหน
“มิได้ ฉันยังไม่คิดสั้นเพราะเหตุเพียงเท่านี้ดอก แต่เรื่องราวยังมีมากกว่านั้น” รอยยิ้มของบุหลันขมขื่น
“พอคุณพ่อรู้เข้า ท่านก็ไปเจรจากับคุณป้านวล ว่าหากต้องเป็นหม้ายขันหมากอีก ฉันคงอับอายจนสู้หน้าใครไม่ได้ และคุณพี่กนกก็ช่วยพูดอีกแรง คุณป้าจึงสัญญาว่าหลังจากคุณพี่กนกแต่งงานกับแม่ไพลินได้หนึ่งปี ท่านจะมาขอฉันไปเป็นเมียกลางนอก ที่ต้องยืดเวลาไปถึงหนึ่งปี ก็เพื่อไม่ให้เจ้าคุณปรเมศวร์ขุ่นเคือง ที่ลูกเขยพาเมียใหม่เข้าบ้านเร็วนัก”
พิชญาเริ่มงงกับศัพท์แสงแปลกๆ ของคนสมัยโบราณ แต่ก็พอเดาได้ว่าคุณนวลคงจะมาขอคุณบุหลันไปเป็นเมียอีกคนของลูกชาย แบบเดียวกับบรรดาเจ้าคุณที่หล่อนเห็นในทีวี
แน่ละ ในยุคโบราณอย่างนี้ การหาผู้ชายที่มีเมียเดียว คงยากเย็นยิ่งกว่าควานหาเหรียญเงินที่หล่นในตลาด หรือต่อให้หาพบจริงๆ เงินเหรียญนั้นก็คงไม่ใช่ลูกเศรษฐีอย่างคุณกนก
“อันที่จริงฉันเองก็ไม่อยากเป็นเมียรองของใคร แต่ถ้ามันจะช่วยให้พ้นไปจากสภาพทุกวันนี้ ฉันก็ยอม” น้ำเสียงของบุหลันเศร้าสร้อย “คุณพ่อก็ดีใจมากที่จะได้ดองกับครอบครัวคุณป้า ถึงฉันจะไม่ได้เป็นเอกภรรยาก็ยังถือว่าไม่น้อยหน้าใคร หลังจากคุณพี่กนกแต่งงานครบปี คุณป้านวลก็มาพูดจาสู่ขอฉันกับคุณพ่อ แต่คงจะเป็นความอาภัพของฉันเอง จึงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีกจนได้”
ตามธรรมเนียมแล้วเมียรองอย่างบุหลันไม่มีงานแต่งงานใหญ่โตอย่างเมียเอก คุณนวลจึงเพียงแต่หาฤกษ์ดีๆ ให้หมื่นสินส่งตัวบุหลันไปยังบ้านสามีเท่านั้น หลังจากกำหนดวันฤกษ์ดีได้แล้ว บุหลันก็เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนเล็ก หล่อนจึงอดแปลกใจไม่ได้เมื่อบ่าวมาแจ้งว่ามีแขกมาหาที่เรือนใหญ่
ทันทีที่ก้าวขึ้นไปบนชานบ้าน หญิงสาวก็รู้สึกถึงความผิดปกติ คุณพ่อของหล่อนนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด มีชายจีนร่างท้วมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา นั่งอยู่ตรงข้าม หากแต่สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดผิดมารยาทที่แขกพึงกระทำ
เมื่อบุหลันคลานเข้าไปถึงยังไม่ทันจะก้มลงกราบด้วยซ้ำ หมื่นสินก็พูดขึ้นอย่างคนใจร้อน
‘อย่างไรกันแม่บุหลัน เถ้าแก่เอี่ยมคนนี้มาบอกว่าเดือนก่อนเจ้าใช้ให้บ่าวไปซื้อทองหยองที่ร้านของเขา ให้มัดจำไว้นิดหน่อยแล้วเอาของเขามา แต่ไม่ยอมกลับไปจ่ายค่าทองที่เหลือ จริงหรือไม่’
สีหน้าของบุหลันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หล่อนไม่คิดเลยว่าธุระของคุณพ่อจะเป็นเรื่องนี้
‘คงจะมีการเข้าใจผิดกันแล้วละค่ะคุณพ่อ ลูกจะเอาอัฐที่ไหนไปซื้อทอง และลูกก็ไม่เคยพบเถ้าแก่เอี่ยมคนนี้มาก่อนเลยด้วย’
‘ไม่เอาน่าคุณบุหลัน บ่าวของคุณยืนยันเอง ว่าคุณใช้มันไปซื้อเครื่องประดับที่ร้านกระผม จะเอามาใส่ในวันส่งตัวเข้าหอ แล้วพอได้สินสอดจากคุณนายนวล คุณก็จะเอาอัฐมาจ่ายจนครบ’
เถ้าแก่เอี่ยมเอะอะขึ้นบ้าง หน้าตาบอกให้รู้ว่ากำลังข่มอารมณ์เต็มที่ ที่จะไม่กระโจนเข้ามาเค้นคอหล่อน
‘กระผมเชื่อในเกียรติของหมื่นสิน และเห็นแก่คุณนายนวลที่จะมาดองกับคุณ ถึงได้ไว้ใจยอมให้บ่าวของคุณเอาของมาก่อน แต่นี่คุณนายนวลก็ให้ฤกษ์ส่งตัวคุณแล้ว ชาวบ้านรู้กันทั่ว ผมรออยู่เป็นนานสองนานคุณบุหลันก็ไม่ยอมมาจ่ายอัฐที่เหลือเสียที ผิดคำพูดอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน’
บุหลันหน้าตึง ไม่เคยมีครั้งใดในชีวิตที่หล่อนจะรู้สึกว่าถูกหยามเท่าครั้งนี้
‘เถ้าแก่เอี่ยมพูดจาไม่รู้เรื่องเสียแล้ว ฉันบอกแล้วอย่างไรว่าไม่เคยไปซื้อทองของเถ้าแก่ อาจมีใครแอบอ้างชื่อฉันไปหลอกลวงเถ้าแก่ก็ได้ ถ้าจะมาหาความกันพล่อยๆ ฉันไม่ยอมดอกนะ’
‘กระผมไม่ได้หาความ กระผมให้เด็กที่ร้านดูแล้วดูอีก มันยืนยันว่าคนที่ไปซื้อเป็นบ่าวเรือนหมื่นสินแน่ๆ และยังมีจดหมายที่ลงชื่อคุณบุหลันเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย’
จบคำของเถ้าแก่เอี่ยม หมื่นสินก็หยิบกระดาษที่วางอยู่บนตักส่งให้ลูกสาว บุหลันรับมาเปิดอ่าน เมื่อเห็นข้อความเขียนด้วยลายมืองดงามเป็นระเบียบ หล่อนก็เย็นวาบไปทั้งตัว
‘เห็นกับตาตัวเองแล้วใช่ไหมแม่บุหลัน ลายมือที่เขียนจดหมายและลงชื่อเป็นลายมือของเจ้า พ่อจำได้’ หมื่นสินบอกเสียงขุ่น แทบไม่อยากมองหน้าลูกสาว
ในวันเกิดปีหนึ่งของหมื่นสิน บุหลันไม่มีอัฐพอจะซื้อของขวัญดีๆ ให้บิดา แต่หล่อนรู้มาว่าหมื่นสินชื่นชมพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนานักหนา จึงคัดลอกกลอนเฉพาะบทที่บิดาโปรดปราน รวมเป็นเล่มมอบเป็นของขวัญ หมื่นสินถูกใจมากถึงกับตกรางวัลหล่อนเป็นผ้าไหมหลายพับ พอเห็นจดหมายของเถ้าแก่เอี่ยม เขาจึงมั่นใจว่าเป็นลายมือลูกสาว ไม่ผิดแน่นอน
บุหลันน้ำตาปริ่มเมื่อเห็นอาการหมางเมินของบิดา รู้ทันทีว่าไม่มีใครยอมป้องกันศักดิศรีให้หล่อนอีกแล้ว เหลือเพียงตัวหล่อนที่จะต้องปกป้องตัวเอง หญิงสาวจึงกล้ำกลืนความน้อยใจลงไป หันไปเจรจากับเถ้าแก่เอี่ยม
‘ฉันขอบอกอีกครั้งว่าไม่เคยเอาทองของเถ้าแก่มา และจดหมายนี่ฉันก็ไม่ได้เขียน แต่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวฉันเอง ฉันจะยอมให้เถ้าแก่ค้นเรือน ให้รู้กันไปเลยว่ามีทองสักเส้นไหม’
‘เรื่องนั้นถึงไม่บอกกระผมก็ต้องทำอยู่แล้ว’ สีหน้าเถ้าแก่เอี่ยมบอกอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่ศรัทธากับวิธีนี้ ‘แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอกระไรดอกนะ อ้อยเข้าปากช้างแล้วนี่’ เขาพึมพำดังๆ ให้ได้ยินกันทั่ว
เมื่อพาทุกคนไปถึงเรือนท้ายสวน บุหลันก็ยืนรออยู่ข้างนอก ปล่อยให้เถ้าแก่และบ่าวที่เขาพามาช่วยกันรื้อค้นข้าวของ โดยมีนางดวงยืนหน้าบอกบุญไม่รับคุมเชิงอยู่อีกทอดหนึ่ง ค้นกุกกักกันอยู่ไม่นานเสียงร้องอย่างมีชัยก็ดังขึ้น
‘นี่ไงล่ะ ทองของกระผม อยู่ที่คุณบุหลันจริงๆ ด้วย’
เถ้าแก่เอี่ยมประคองห่อผ้าสีแดง วางสร้อยทองเส้นโตพร้อมทับทรวง กำไล แหวน และต่างหูเข้าชุดกัน ออกมาจากเรือนอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นหญิงสาวยืนหน้าซีดราวกับกระดาษ เขาก็ประกาศว่า
‘พบในห้องนอนคุณบุหลัน เห็นหรือยังว่ากระผมไม่ได้ใส่ความ นี่คงคิดว่ากระผมจะไม่กล้าละสิ ถึงได้กล้าท้าให้มาค้น เฮอะ! เป็นลูกผู้ลากมากดีแท้ๆ ทำตัวไม่ผิดกับหัวขโมย’
บุหลันแทบจะแดดิ้นลงไปตรงนั้นด้วยความอดสู หมื่นสินเองก็คงรู้สึกอย่างเดียวกัน จึงกระชากแขนลูกสาวโดยแรง
‘ทำไมทำอย่างนี้แม่บุหลัน งามหน้านักละ ชื่อเสียงทั้งของพ่อและเจ้าได้ป่นปี้คราวนี้เอง’
‘ลูกไม่รู้จริงๆ ค่ะคุณพ่อ ว่าเครื่องประดับพวกนี้มาอยู่ในห้องลูกได้อย่างไร ให้ลูกไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่าลูกไม่เคยซื้อทองจากร้านเถ้าแก่เอี่ยมเลย เป็นความสัตย์จริง’
ริมฝีปากของหญิงสาวสั่นระริก น้ำตารินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าหมื่นสินสะบัดหน้าหนี เขาไม่เสียเวลาเจรจากับลูกสาว แต่หันไปบอกเถ้าแก่เอี่ยมด้วยน้ำเสียงวิงวอน
‘เถ้าแก่ ถือว่าฉันขอละนะ เชิญเถ้าแก่เอาทองกลับไป เงินมัดจำที่ได้ไปแล้วก็ไม่ต้องคืน แต่ขออย่างเดียว อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเลย หากชาวบ้านรู้เข้าฉันคงไม่มีหน้าจะไปพบใครได้อีก ถ้าไม่เห็นแก่ชื่อเสียงของฉัน ก็เห็นแก่ชื่อเสียงของคุณนวลที่จะมาดองกับฉันเถิด’
‘ถ้าคุณนายนวลรู้ว่าลูกสาวท่านหมื่นเป็นคนอย่างนี้ คิดหรือว่าจะได้ดองกัน’ เถ้าแก่เอี่ยมเยาะ ‘อย่าว่าแต่เศรษฐีใหญ่อย่างคุณนายท่านเลย ชาวบ้านธรรมดาอย่างกระผม จะมีใครยอมรับลูกสาวหมื่นสินเป็นสะใภ้หรือไม่ก็ยังไม่รู้’
บุหลันหน้าชา เจ็บแสบไปทั้งตัวราวกับถูกสาดด้วยน้ำกรด ทิฐิมานะเท่านั้นที่ทำให้หล่อนฝืนเชิดหน้าสบตากับฝ่ายตรงข้าม
‘เถ้าแก่จะป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปอย่างไรก็สุดแต่ใจเถิด ฉันจะไม่อ้อนวอนทั้งสิ้น แต่ขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องเลวทรามที่เกิดขึ้นฉันไม่ได้ทำ มีคนใส่ร้ายป้ายสีฉัน’
‘หยุดความกำแหงของเจ้าได้แล้วแม่บุหลัน แล้วกราบขอโทษเถ้าแก่ซะ’ หมื่นสินปราดเข้ามารวบสองมือลูกสาวให้ประกบกัน แล้วกดตัวหล่อนให้ก้มกราบเถ้าแก่เอี่ยม
‘กราบขอโทษเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้กราบ!’
บุหลันสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น หล่อนพยายามฝืนตัวไว้แต่ก็สู้แรงบิดาไม่ได้ ร่างบางถูกผลักล้มลงกับพื้น ศีรษะถูกกดอย่างแรงจนแนบไปกับมือที่กำลังพนม ก้มต่ำจรดพื้นตรงหน้าชายพ่อค้า
เถ้าแก่เอี่ยมมองนิ่ง พอได้มาเห็นเรือนซอมซ่อที่หล่อนพักอยู่ เขาก็นึกเห็นใจหญิงสาวขึ้นมาครามครัน หล่อนคงอยากมีเครื่องประดับมาใส่อวดคนให้สมฐานะบ้างกระมัง เพราะจากสภาพที่เห็น ดูท่าผู้เป็นพ่อคงไม่เหลียวแลลูกคนนี้เอาเสียเลย
‘เมื่อได้ทองคืนมาแล้วก็ถือว่าแล้วกันไป กระผมไม่ติดใจเอาความดอก’ เถ้าแก่ตัดสินใจ ‘ไม่ต้องห่วง กระผมจะกำชับบ่าวให้มันปิดปากให้สนิท คุณบุหลันจะได้ไม่เสียชื่อ ถือเสียว่าเงินมัดจำที่จ่ายมาเป็นค่าความลับนี้ก็แล้วกัน’
เสียงเล่าของบุหลันขาดหายไป ดวงหน้างามเต็มไปด้วยความขมขื่นและอัปยศ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น หญิงทั้งสามนั่งจมอยู่ในแสงสุดท้ายของยามเย็น ด้วยอารมณ์หดหู่เกินกว่าจะปริปากออกมาได้ พิชญานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“ต้องมีคนแกล้งคุณแน่ๆ ถ้าจะโกงจริงๆ ใครที่ไหนจะโง่เขียนจดหมายลงชื่อตัวเองไปซื้อทอง แล้วยังเอาของมาซ่อนไว้ที่ห้องอีก ถ้าไม่บ้าก็ต้องเมาแล้วละ”
“ฉันก็คิดเช่นเดียวกับหล่อน แต่จะทำอย่างไรได้ ฉันไม่มีพยานหลักฐานที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง อีกทั้งทองพวกนั้นมาอยู่ที่ห้องของฉันตอนไหนก็ไม่รู้ ฉันจึงต้องกลายเป็นคนผิด จนคุณป้านวลรังเกียจไม่ยอมรับไปเป็นสะใภ้”
“อ้าว! ก็อีตาเถ้าแก่รับปากว่าจะไม่บอกใครไม่ใช่หรือ แล้วคุณนวลรู้เรื่องได้ยังไงล่ะ” พิชญางง
นางดวงขบฟันแน่น ตาวาวราวกับแม่งูที่เห็นไข่ของมันถูกทำร้ายซึ่งๆ หน้า
“ก็นี่ละเจ้าค่ะคุณพิศ เหตุที่คุณบุหลันเธอต้องไปโดดน้ำตาย ไม่รู้ใครปากบอนไปเล่า คนมันเลยอื้ออึงกันไปทั่ว ว่าคุณบุหลันไปหลอกเอาทองจากร้านเถ้าแก่เอี่ยม พอคุณนวลรู้เข้าก็มาบอกยกเลิกการสู่ขอ บ่าวละเจ็บใจ๊…เจ็บใจ ระยำแท้ คนชั่วมันรังแกกันได้”
“หยุดตีโพยตีพายเถิดดวง มันคงเป็นกรรมของฉันเอง เมื่อจะตายหนีอายก็ยังไม่สำเร็จ แปลว่าโชคชะตากำหนดมาเช่นนี้ ฉันก็มีแต่ต้องก้มหน้ารับกรรมเท่านั้น” บุหลันปลอบบ่าวคนสนิท ท่าทางหล่อนดูปลงตกเสียจนพิชญาละเหี่ยใจ
ผู้หญิงสมัยโบราณนี่นุ่มนิ่มเสียจริง เอะอะก็เอาแต่โทษเวรกรรม ถ้าสาวๆ ในโลกของหล่อนเจอเหตุการณ์อย่างนี้น่ะหรือ ไม่ใครก็ใครต้องแหลกกันไปข้างหนึ่งละ
“ไม่ต้องห่วงนะทุกคน พีชพอจะคิดออกแล้วว่าจะช่วยคุณบุหลันได้ยังไง แต่ก่อนอื่นทั้งสองคนต้องทำตามที่พีชแนะนำก่อน”
สองนายบ่าวตาเป็นประกายทันที นางดวงขยับเข้ามาใกล้พิชญา ท่าทางเหมือนอยากเข้ามาโอบหล่อนด้วยซ้ำ “อะไรหรือคุณพิศ บอกมาเถิดแม่คุณ คนอย่างคุณเดินทะลุต้นไม้ยังทำได้ เรื่องแค่นี้คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงแน่ บ่าวเชื่อ”
พิชญาทำหน้าขึงขัง บอกให้รู้ว่าจริงจังอย่างที่สุด “เรื่องนี้สำคัญมาก ต้องรีบจัดการก่อน แล้วเรื่องอื่นเราค่อยมาว่ากันทีหลัง”
เมื่อบุหลันและนางดวงพยักรับ พิชญาก็ประกาศก้อง ”ต่อไปนี้ทุกคนต้องเลิกเรียกพีชว่าแม่พิศ ไหนพูดซิ พีช” หล่อนลากเสียงช.ช้างยาวเป็นพิเศษ เพื่อให้ทั้งคู่ได้ยินชัดๆ
ผู้ฟังทั้งสองหันไปมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนจะพยายามออกเสียงตามหล่อน
“พิศ”
“พีชชช”
“พิศ”
เฮ่อ! คนสมัยโบราณนี่เป็นอะไรนะ ภาษาอังกฤษง่ายๆ ก็ออกเสียงกันไม่ได้
“พีชชชชชช”
“พิศ”
“พีชชชชชชชชชชชช”
บุหลันชักท้อ “พอเถอะแม่พิศ ฉันกับดวงคงทำตามที่หล่อนสอนไม่ได้ดอก หรือถึงฉันจะทำได้ คนอื่นก็คงเรียกหล่อนว่าแม่พิศอยู่ดี และถ้าหากหล่อนมีชื่อประหลาดผิดจากคนทั่วไป ก็จะเป็นที่ผิดสังเกต ฉันว่าหล่อนใช้ชื่อว่าแม่พิศต่อไปตามเดิมเถิดนะ”
“ นั่นสิคะ บ่าวว่าชื่อนี้ก็เพราะดีออกค่ะ เหมาะกับคนงามอย่างคุณ” นางดวงช่วยสนับสนุน
พิชญาหน้าม่อย รู้สึกเซ็งจนไม่มีอะไรเปรียบ “จะใช้ได้ยังไงล่ะ ก็พิศน่ะชื่อแม่ฉัน” หล่อนสารภาพ “เอางี้ ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยตั้งชื่อใหม่ให้ฉันได้ไหมล่ะ เอาคล้ายๆ พีชนี่ละ จำง่ายดี”
นางดวงทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ส่วนบุหลันก็ตีหน้าแปลกๆ คล้ายจะสงสารแต่ก็กึ่งอยากหัวเราะ หล่อนใช้เวลาสะกดอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “ฉันคิดได้สามชื่อ ผิน ผาด พวง หล่อนชอบชื่อไหนก็เลือกเอาเถิด ฉันว่าเหมาะกับหล่อนทุกชื่อ”
แต่ละชื่อเชยสะบั้นหั่นแหลกชนิดที่ถ้าพี่โจมาได้ยินเข้า พิชญาคงถูกล้อไปจนลูกบวช เมื่อไม่มีทางเลือกหญิงสาวจึงได้แต่ยิ้มแหย แล้วยกให้เป็นภาระของบุหลัน
“คุณเลือกให้ฉันก็แล้วกัน คือฉัน…แบบว่าชอบมากทุกชื่อ ช้อบ…ชอบ จนเลือกไม่ถูกเลยละ”
ลานหน้าวัดที่เงียบสงบในยามปกติ คึกคักเป็นพิเศษในคืนนี้ เพราะมีงานบวชของลูกชายเศรษฐีคนหนึ่ง แน่นอนว่าผู้เป็นพ่อย่อมจะยอมไม่ได้ที่พิธีอุปสมบทของลูกชายจะน้อยหน้าใคร งานนี้จึงจัดอย่างใหญ่โต ตอนเช้ามีการโปรยทานถึงสามชั่ง พอตกค่ำก็จ้างลิเกคณะดังมาแสดง หน้าวัดจึงมีชาวบ้านอุ้มลูกจูงหลานมาดูมหรสพกันเนืองแน่น
ในกลุ่มคนดู หนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งอิงแอบกันอยู่ ฝ่ายหญิงเป็นสาวรุ่นรูปร่างอวบอัด ส่วนฝ่ายชายผิวคล้ำ ร่างกายกำยำอย่างคนใช้แรงงาน ทั้งคู่หัวร่อต่อกระซิกโดยไม่รู้ว่าอากัปกิริยาของพวกตนกำลังอยู่ในสายตาของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ซุ่มดูอยู่ในเงามืดของต้นโพธิ์
“ใช่คนนี้ไหมเถ้าแก่” เสียงนางดวงถามขึ้นอย่างหมายมาด สายตาที่มองแม่สาวร่างอวบเต็มไปด้วยความแค้น
เถ้าแก่เอี่ยมเพ่งมองด้วยสายตาที่ยังคมชัดแม้อยู่ในวัยชรา เมื่อแน่ใจแล้วก็ตอบว่า
“ใช่ คนนี้ละบ่าวที่ไปซื้อทองที่ร้านฉัน หน้าตาอย่างนี้ฉันจำไม่ผิดแน่”
“นี่ไม่ใช่บ่าวของฉัน หล่อนชื่อนางแพง เป็นบ่าวของแม่โฉมน้องสาวฉันต่างหาก” บุหลันพูดเนิบๆ ตามแบบของหล่อน จากนั้นก็หันไปสั่งนางดวง
“ไปเอาตัวมาเดี๋ยวนี้ จะได้สอบถามให้รู้กันไป ว่าใครกันแน่ที่สั่งให้บ่าวไปซื้อทองของเถ้าแก่”
ไม่รอให้เจ้านายเอ่ยปากเป็นครั้งที่สอง นางดวงก็ปรี่เข้าไปหาแม่สาวคนนั้น ซุบซิบกันอยู่ครู่หนึ่งก็จูงแม่แพงมาหาเจ้านายที่รอยืนรออยู่ใต้ต้นไทร
“ได้ตัวมาแล้วเจ้าค่ะ บ่าวต้องขู่ว่าจะจับตัวส่งนครบาลมันถึงยอมตามมา คุณอยากซักถามกระไรก็ถามเถิด มันไม่กล้าโกหกดอก”
ยังไม่ทันที่เถ้าแก่เอี่ยมจะอ้าปาก นางแพงก็ถลามากอดขาเขาไว้ ปล่อยโฮดังลั่น
“เถ้าแก่เจ้าขา อย่าจับบ่าวส่งนครบาลเลยเจ้าค่ะ บ่าวเป็นบ่าวเขา นายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ถ้าจะหาคนผิดก็ไปเอาเรื่องคุณโฉมเถิด เธอเป็นคนสั่งให้บ่าวไปซื้อทอง แล้วให้บอกว่ามาจากคุณบุหลัน ทองหยองที่ได้มาบ่าวก็ไม่ได้เก็บไว้ คุณโฉมเธอสั่งให้เอาไปซ่อนใต้เตียงในห้องคุณบุหลัน แล้วรอให้เถ้าแก่มาพบ บ่าวไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกระไรจริงๆ เจ้าค่ะ”
“นั่นไง นึกแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ แหม! มันน่าตบล้างน้ำนักนังนี่” นางดวงเงื้อมืออย่างมันเขี้ยว ทว่าไม่ได้เข้าไปตบตีอีกฝ่ายจริงๆ กลับปล่อยให้เถ้าแก่เอี่ยมซักถามต่อ
“แล้วจดหมายที่เอามาให้ข้าดูล่ะ นั่นลายมือคุณบุหลันไม่ใช่หรือ”
“จดหมายนั่นคุณโฉมเธอปลอมลายมือคุณบุหลันเขียนขึ้นเจ้าค่ะ เธอเอากลอนอิเหนาที่คุณบุหลันคัดให้คุณพ่อเป็นแบบ บ่าวเห็นเธอหัดอยู่หลายคืน เธอว่าต้องให้เหมือน ไม่อย่างนั้นคุณพ่อจะจับได้”
บุหลันเลื่อนสายตาไปยังเถ้าแก่เอี่ยม “ได้ยินทุกอย่างชัดเจนแล้ว เถ้าแก่ยังคิดว่าฉันเป็นคนทำเรื่องเลวทรามนั่นอยู่อีกไหม”
ผู้สูงวัยกว่ายิ้มแห้ง น้ำเสียงอ่อนอ่อยอย่างเห็นได้ชัด
“กระผมต้องขอประทานโทษจริงๆ ขอรับ ก็เหตุมันชวนเชื่อกระผมก็ต้องเชื่อไปตามที่เห็น แต่กระผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี คุณโฉมเธอเป็นน้องสาวของคุณไม่ใช่รึ แล้วทำไมมาแอบอ้างชื่อพี่สาวคดโกงเอาทองผมล่ะ ทำเหมือนอยากให้คุณเสื่อมเสีย ผิดวิสัยพี่น้องกันนี่นา”
“เรื่องแม่โฉมน่ะช่างเถิดเถ้าแก่” บุหลันตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผิดกับแววตาที่ระอุราวกับมีเปลวไฟลุกกระพืออยู่ภายใน
“เมื่อเถ้าแก่ยอมรับว่าทำผิดพลาด ถ้าอย่างนั้นฉันก็รบกวนเถ้าแก่ช่วยทำกระไรให้ฉันสักอย่าง ถือว่าเป็นการชดเชยก็แล้วกัน”