ข้ามมหาสาคร บทที่ 3 : ล่องเรือ

ข้ามมหาสาคร บทที่ 3 : ล่องเรือ

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

” ข้ามมหาสาคร ” นวนิยายพีเรียด โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เรื่องราวความรักโรแมนติกของสองหนุ่มสาวที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการไปจนถึงความรักชาติรักแผ่นดินและการต่อกรกับชาติตะวันตกที่จ้องจะเข้ามาครอบครอง นิยายออนไลน์อีกหนึ่งเรื่องที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ได้จบลงแล้ว ผู้อ่านใจดี มอบไว้ให้อ่านกัน 5 บทค่ะ และหากใครอยากเก็บไว้อ่านได้บ่อยๆ เท่าที่ต้องการ #ข้ามมหาสาคร นวนิยายโดย กฤษณา อโศกสิน วางจำหน่ายแล้วนะคะ

🛳 ข้ามมหาสาคร โดย กฤษณา อโศกสิน
▪️ นวนิยายแนวรัก-โรแมนติก-พีเรียด
▪️ ราคาปก 340 บาท
▪️ จำนวน 400 หน้า
▪️ รับส่วนลด 15-30% จากโปรโมชั่นปัจจุบัน

▪️ ทดลองอ่าน http://bit.ly/ทดลองอ่านนิยายGROOVE

อาจจะมีเพียงความรักของ ‘กันตัง’ เท่านั้น ที่จะพาเธอฝ่าคลื่นลมแห่งโชคชะตา และเดินทางไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย…

สั่งซื้อได้ที่
▪️ Website : groovebooks.com
▪️ Facebook : bit.ly/สั่งซื้อนิยายGROOVE
▪️ Line@ : https://lin.ee/e2UAsQ3 หรือ @groovepublishing (มี @ข้างหน้าด้วยนะ)

************************

– 3 –

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

ตลอดเวลาแห่งการซักไซ้ชายแปลกหน้า ดูราแลเห็นปลายนัยน์ตาเขาตวัดแวบๆมาที่นาง สะท้อนแววประหลาดอย่างไรมิรู้ ชวนให้นางขนลุกซู่ขึ้นมา ครั้นแล้วจึงเอาแต่มองหน้าดาบกับด่านผู้นั่งตรงข้ามเชิงถาม

‘พี่ว่าชายนี้เป็นใคร’

แต่จะเป็นใครก็ตาม หลวงประกาศบุรีกลับบอกเขา

“ต่อจากนี้ไป ข้าจะมอบให้เจ้าเป็นผู้ช่วยกัปตัน ช่วยงานทุกอย่างในเรือ”

“เรือจะไปถึงไหนขอรับ”

“เจ้าเคยไปไทรบุรีรือไม่”

“เคยขอรับ”

“ไปกี่ครั้ง ตั้งแต่เมื่อไร”

“ตั้งแต่รัชกาลก่อนหน้านี้ขอรับ”

“รัชกาลก่อนหน้านี้คือรัชกาลที่เท่าไร”

“รัชกาลที่ 1 ขอรับ…ปีนี้ดูเหมือนจะเป็นปีที่ 15 ในรัชกาลที่ 2 ของกรุงรัตนโกสินทร์” อีกฝ่ายตอบฉาดฉานจนทั้งดาบแลน้องชายต่างก็ตะลึงมองอย่างอยากรู้ว่าชาวทะเลพเนจรดังเช่นชายตรงหน้า เหตุไฉนจึงมีความรู้ถึงเช่นนี้

“เจ้ารู้ดีมาก รู้มาจากใคร”

“จาก…เอ้อ…ฟังเขาพูดกันต่อๆมาขอรับ” อีกฝ่ายกล่าวคำ “ครูที่เกาะพริ้นซ์ ออฟ เวลส์ ก็ยังรู้นี่ขอรับ เขาบอกบ่อยๆว่า สยามกำลังอยู่ในรัชกาลที่ 2 กระผมก็เลยจำติดใจ…มิหนำซ้ำเขาก็ยังบอกอีกว่า ลูกชายของกษัตริย์สยามองค์นี้ค้าขายเก่ง โดยเฉพาะกับเมืองจีน ติดต่อกับเมืองจีนมาตั้งแต่ยังหนุ่มเด็กๆ”

“บา…” คุณหลวงลากเสียงยาวอย่างแปลกใจ พร้อมกันนั้นก็ทวีความเลื่อมใสในชายต่ำศักดิ์ที่เพิ่งพบใหม่จนเหลือแต่ความยินดี “เจ้านี่ไม่เลวเลยละนะ”

ตาปันจังผู้รอบรู้ก็ยังเงี่ยหูฟังด้วยความทึ่ง

ทุกคนต่างก็ตะลึงจังงังในเรื่องที่เขาบรรยาย

“แล้วเจ้ารู้อันใดอีก”

“ก่อนหน้ารัชกาลที่ 2 ก็คือรัชกาลที่ 1 ใช่รือไม่ขอรับ”

“ใช่สิ” คุณหลวงพยักหน้า ใคร่จะลองภูมิหนุ่มนี้ให้ถึงแก่น แม้นเหมือนกำลังรับคนเข้าทำงาน ชำนาญการใดจักได้รู้กันเพื่อว่าจะได้ใช้งานให้ตรงกับความรู้ความสามารถ “เป็นไรกะรัชกาลที่ 2 เล่า”

“เป็นพ่อขอรับ”

“แล้วอย่างไรอีก”

“พ่อท่านมัวแต่รบ ลูกท่านช่วยรบกับชอบเขียนหนังสือ หลานท่านก็เลยค้าขาย” ชายแปลกหน้าท่าทางก็แปลกตาม ความรู้ที่ขานไขก็ยิ่งนำความแปลกใจมาสู่ทุกผู้ฟังถ้วนหน้าตอบ แม้กระทั่งตาปันจังผู้รอบรู้เรื่องราวของทุกผืนแผ่นดิน ตลอดจนเกาะแก่งน้อยใหญ่เลยไปถึงทะเลชวา ก็ยังอดกังขามิได้ว่าชายนี้คือผู้ใด…ขณะที่ยังคงกล่าวถ้อยร้อยความสืบไป “ในรัชกาลนี้ ท่านก็ให้ลูกท่านกำกับกรมท่าด้วยนี่ขอรับ ใต้เท้าพอจะรู้รือไม่”

“เหตุไฉนข้าจะมิรู้เล่า” คุณหลวงย้อนตอบอย่างนึกสนุก ครั้นแล้วจึงใคร่รุกใคร่รับขับเคี่ยวกับวาจาของหนุ่มผิวสองสีหน้าตาคมคายอย่างใคร่รู้รายละเอียดว่าแท้จริงแล้วเขาคือผู้ใด “ว่าแต่ว่า เจ้าเถ๊อะ รู้ได้อย่างไร”

“กระผมก็ถามไถ่ครูของกระผมขอรับ” อีกฝ่ายตอบขณะยืดกาย มีรอยยิ้มจางๆประดับริมฝีปากแลดวงตาที่มักตวัดมาทางดูราเป็นระยะจนบางขณะพี่ชายคนโตก็ถึงแก่ต้องทำเสียงจึ๊กเบาๆในลำคอ ด้วยรู้สึกขวางนัยน์ตาขึ้นมาพลัน เนื่องจากลึกๆนั้นเขาเองก็รู้ว่าดูรามิใช่น้องแท้ บิดาหรือแม้แต่แม่ของเขาก็อาจเห็นดีเห็นงามตามกันไป…นั่นก็คือให้ได้ครองคู่อยู่ด้วยกัน เพื่อกีดกันคนนอกมิให้มามีส่วนในทรัพย์สมบัติ “ครูเป็นคนอังกฤษขอรับ พูดภาษาสยามได้ค่อนข้างชัด รู้ประวัติศาสตร์กับความเคลื่อนไหวของพระเจ้าแผ่นดินสยามมากกว่าชาวต่างชาติหลายคนที่บางทีก็รู้อย่างผิดๆขอรับ”

“ที่เจ้าคิดว่าถูกคือเช่นไร” หลวงประกาศฯย้อนถาม

เขาชอบนักละ….คนมีความรู้…เพราะเขานั้นก็มิเคยอยู่นิ่ง…ในเมื่อมีตาปันจังอยู่ร่วมหลังคา ไยเล่าจักไม่สนทนากันจนได้ความอย่างกระจ่าง มิว่าตื้นลึกหนาบางเพียงไหน

แต่ชายแปลกหน้าก็ถึงครานิ่ง จนอีกฝ่ายต้องถามซ้ำ

“เหตุไฉนจึงไม่กล้าตอบ”

“ไม่กล้าดอกขอรับ…เพราะมิใช่กิจของกระผม”

“มันคือเรื่องอันใดกัน เจ้าจึงไม่กล้าเอ่ย”

“ขอผัดใต้เท้าไปตอบวันอื่นดีกว่าขอรับ เพราะแท้จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญที่ไพร่ทาสอย่างกระผมจะเอามาพูดพล่อย พอดีพอร้ายก็จะมีความผิดซ้ำเข้าไป”

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะไม่เซ้าซี้” คุณหลวงก็เลยยอมจบ แต่ใจนั้นหาจบไม่ เพียงแต่ชายนี้จะยังรับใช้ต่อไปอีกนาน ไม่จำต้องด่วนคาดคั้น “ว่าแต่ว่า…ที่เจ้าว่าทำงานช่างได้…ก็ไหน…ลองเอ่ยถึงของที่ต้องใช้ในเรือสักอย่างสองอย่างสิว่า มีอย่างใดมั่ง”

“ใช้ในเรือนี้หรือเรือไหนขอรับ”

“เรือนี้ก็ได้”

“สายดิ่งมีใช่ไหมขอรับ”

“มีสิ…คงต้องมี”

“สายซุงล่ะขอรับ”

“ปันจังตอบที”

“ไม่ต้องขอรับ กระผมตอบเอง” อีกฝ่ายขัดขึ้นอย่างคล่องแคล่วแกมแกล้วกล้า เห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญการเดินเรือมาก่อนหน้า ดังนั้นจึงพูดจาชัดเจน “อย่างน้อย  เรือทุกลำต้องมีของสำคัญพวกนี้ขอรับ ไม่มีไม่ได้…คือ สายดิ่ง สายซุง สายวัด กล้องมองไกล หูกรรเชียง ผ้าใบชุบน้ำมันกว้างๆพอจะใช้ทำเต๊นท์กางบนฝั่งได้เวลาที่คนในเรือจะต้องขึ้นบกเป็นพักๆ…แล้วก็ หูกรรเชียง ธง กับเครื่องมือ เช่น มีด ขวาน ฆ้อน ตะปู กล่องไม้ หีบ แห เบ็ด เผื่อไว้ตกปลา อาหารการกิน ยา…ปืนผาหน้าไม้…มีเท่าไรก็ต้องขนไปด้วยเผื่อ…เอ้อ…”

เมื่อถึงประโยคนี้ เจ้าตัวเริ่มอึกอัก

คุณหลวงจึงถามต่อ

“เผื่อเรื่องไร”

“เอ้อ…เผื่อมีผู้ร้ายมาดักปล้นอย่างไรขอรับ”

“เจ้าหมายถึงโจรสลัดเช่นนั้นรึ”

“ผู้ร้ายมีหลายจำพวกขอรับ ไม่เลือกว่ากลุ่มไหน” เขาก็เลยบอกปัด

“เจ้าเคยพบผู้ร้ายพวกนี้รือไม่” คุณหลวงไต่ถาม เพราะต้องการรายละเอียดจากคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง

“เคยเหมือนกันขอรับ”

ทุกคนต่างก็นิ่งฟัง การซักถามจริงจังช่วยให้ความไม่รู้ได้กระจ่าง พร้อมกันนั้นต่างก็จับสังเกตชายแปลกหน้า

ตาปันจังรู้ดี…คุณหลวงผู้นี้มิเชื่อง่าย เนื่องด้วยเคยคุมเรือสำเภาไปค้าขายตั้งแต่รุ่นหนุ่มเป็นต้นมา ถูกเรือโจรสลัดปล้นจนถึงแก่ยิงสู้กันก็ผ่านมาแล้ว ที่จริงนั้น เขากับขุนเทพอักษรก็ห้าวหาญพอกัน ขุนเทพฯ บิดาของดูรานักเลงกว่าก็จริง แต่หลวงประกาศบุรียิ่งยงทางสุขุม ไม่วู่วาม

“เป็นพวกไหนกันบ้าง”

“มีหลายพวกขอรับ…” อีกฝ่ายทำท่านิ่งนึก ขณะที่สายตาทุกคู่กำลังจดจ้องเพ่งจับมาที่เขาเป็นตาเดียว

“มีโจรสลัดตัวใหญ่ๆบ้างรือไม่”

“เอ้อ…ก็…เพียงแต่เฉียดกันไปมาขอรับ” ครั้นแล้วเขาก็ข้ามผ่านไปอย่างรวดเร็ว “กระผมเอง พอรู้ว่าพวกมันกำลังมา ก็หนีแล้วละขอรับ…แต่ก็…พอดีด้วยกันนั่นแหละ…ที่กระผมไปเล่าเรียนที่พริ้นซ์ ออฟ เวลล์ เสียหลายปี ไม่มีเวลามาคลุกคลีกับใครเลยขอรับ เอาแต่เรียนอย่างเดียวเพราะพ่อบอกว่า…ถ้าไม่มีความรู้ทางสู้รบก็ต้องมีความรู้ทางหนังสือขอรับ”

“พ่อเจ้าทำไรจึงส่งลูกไปเรียนสูงขนาดนั้นได้” คุณหลวงวกกลับมาทันใด

ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจเต็มจึงตอบ

“ก็เป็นแค่คนหาปลาเท่านั้นขอรับ เพียงแต่วันหนึ่งเกิดเหตุใหญ่ ชาวอังกฤษคนหนึ่งถูกทำร้ายขอรับ พ่อก็เลยเข้าไปช่วย พาไปรักษา ใช้สมุนไพรนี่แหละขอรับพอกที่แผล แผลก็หายวันหายคืน” เจ้าตัวกลืนน้ำลายลงคอสลับกันไปขณะเล่า “หายดีแล้วก็เลยจะตอบแทนบุญคุณพ่อด้วยการพากระผมไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนบนเกาะเพราะเขาจะเอาไปฝากครูใหญ่ที่นั่นได้ขอรับ จะจ่ายเงินค่าเรียนให้เอง พ่อก็เลยดีใจ ยกกระผมให้ฝรั่งเอาไปสอนขอรับ”

“เจ้ามีพี่น้องรือไม่”

“มีขอรับ”

“กี่คน…ท้องเดียวกันทั้งหมดรืออย่างไร”

“มีสองคนขอรับ กระผมเป็นพี่คนโต รวมเป็นสาม…แต่น้องสองคนเป็นผู้หญิง คนหนึ่งแม่เดียวกัน อีกคนอีกแม่ขอรับ”

คุณหลวงก็เลยพยักหน้า หากก็ถามต่อ

“แล้วเวลานี้พ่อแม่น้องอยู่ไหน”

ชายหนุ่มนิ่งไปอีก…อึดใจเต็ม

“ก็…แยกกันไปขอรับ…แม่ยังรับจ้างหาปลา…แต่พ่อไปกับเรือ…ตอนนี้น่าจะ…อยู่แถวทะเลชวาโน่น กระผมเองก็ไม่รู้แน่ขอรับ”

“แล้วแม่อยู่ไหน”

“เอ้อ…ครั้งสุดท้ายนี่…คงอยู่เกาะถลางละมังขอรับ กระผมเองก็ไม่ได้เจอแม่มาเป็นปีแล้ว” เขาตอบอย่างเห็นได้ชัดว่าตัดบท

 



Don`t copy text!