ขอบน้ำจรดขอบฟ้า บทที่ 2 : พระบรมฉายาลักษณ์

ขอบน้ำจรดขอบฟ้า บทที่ 2 : พระบรมฉายาลักษณ์

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ขอบน้ำจรดขอบฟ้า โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ. 2531 กับการเดินทางครั้งสำคัญของสมุทรไทที่นำพาความมหัศจรรย์มาสู่ชีวิตอันอ้างว้างของเขา นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์

……………………………………………………………….

-2-

 

ย่านที่ปรายเอ่ยถึงก็คือ ย่านถนน ‘ลา รัมบลา’ อันเป็นย่านท่องเที่ยวที่คนร้ายขับรถตู้พุ่งชนคน ตายไป 13 บาดเจ็บอีกนับร้อยเมื่อกลางเดือนสิงหาคม นอกจากนั้น ยังมีแผนจะระเบิดมหาวิหารซ้ำอีก แต่ก็ยังดีที่ตำรวจสเปนตามไล่ล่าจนสามารถวิสามัญฆาตกรรมสองมัจจุราชกลุ่มไอเอสได้ในที่สุด

เกือบหนึ่งเดือนผ่านไป ไม่รู้ว่ากลิ่นอายก่อการร้ายจะยังคงตกค้างให้ผู้คนหวั่นไหวใจสั่นอยู่อีกหรือไม่

แต่ก็ช่างเถอะ…ชายหนุ่มไม่มีกังวล นอกจากบอก

“ยังไงก็ตาม พรุ่งนี้เช้ากูขอเดินดูของเก่าซักครึ่งวัน”

“ตามใจ” อีกฝ่ายตอบกลับ “กะให้มึงออกจากนี่บ่ายถึงโน่นเย็น จะได้เดินดูลาดเลาก่อนปู่ย่าไปถึงพรุ่งนี้…บ่ายครึ่ง…มึงก็ไปรอรับที่สนามบินด้วยละกัน จะได้พาเขาเข้าโรงแรม…ขอบใจมากจริงๆเว้ยไท”

แทบจะไม่ทันสิ้นเสียง สมุทรไทก็หลับสนิท

รุ่งขึ้น เขาตื่นเกือบแปดโมง รีบอาบน้ำ เก็บเสื้อผ้าของใช้ใส่กระเป๋าแล้วลงมากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารเล็กๆที่มีแต่ ขนมปังปิ้ง ไข่ลวก และโยเกิร์ต เพราะกะเช่าแค่นอน เช้าขึ้นก็มีคนนั้นคนนี้มารับ เรียกได้ว่ามีนัดเพียบทุกวัน นอกจากสองสามวันต่อจากนี้ที่เขาเก็บไว้เป็นส่วนตัว

ตั้งใจว่าจะเดินซื้อวัตถุโบราณที่ตัวเองชอบตามตลาดแบกะดินและตลาดตึกแถวสองสามแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือถนนพอร์โทเบลโล ย่านน็อตติ้งฮิลล์แห่งนี้

อากาศต้นกันยายนกำลังสบาย เขาก็เลยเดินเรื่อยไปตามทางเท้าที่มีสินค้าหลากหลายสารพัดสมัยวางเรียงรายอยู่บนผ้าผืนยาว ตลอดทางเท้า 300 เมตร ที่ประจันอยู่กับตึกแถว

ครั้นแล้วโดยพลัน

ณ ผนังตึก ตรงกันข้ามกับสินค้าแบกะดินนั้นเอง

สายตาชายหนุ่มก็ปะทะเข้ากับภาพถ่าย 2 ภาพ ตั้งพิงอยู่คู่กันอย่างแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้

นั่นก็คือภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระปิยมหาราชของปวงชนชาวไทย

ภาพหนึ่งใหญ่ อีกภาพหนึ่งเล็กกว่าแต่ไม่มาก

สมุทรไทตัวสั่นขนลุกซู่ ยืนตะลึงงง จ้องมองอีกอึดใจว่าตาไม่ฝาด จึงปราดเข้าไปยกย้ายพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งมือซ้ายและขวา นำมาวางตั้งไว้ตรงหน้าชายร่างสูงใหญ่ หน้าตาท่าทางดี ดูเหมือนจะมีเชื้อสายยิว นั่งอารมณ์ดีอยู่บนม้าตัวเตี้ย ทอดสายตาไปรอบๆที่มีคนเดินมาถึงประปราย ท่ามกลางสินค้าหลากหลายของเขาที่วางอยู่บนผ้าฝ้ายผืนบางยาวสีน้ำตาลอ่อน มีทั้งเครื่องกระเบื้อง เครื่องแก้ว โลหะประดิษฐ์

“นี่ของคุณหรือครับทั้ง 2 รูป”

“ใช่” อีกฝ่ายพยักหน้า

ชายหนุ่มไม่คิดจะสืบสาวเอาความอันใด ดังเช่นได้มาจากไหน ใครขายให้คุณ…เนื่องด้วยคร้านจะต่อเรื่องให้ยาวออกไป

“ขายเท่าไรครับ ผมจะซื้อทั้งคู่”

“35 ปอนด์” เขาตอบสบายๆโดยไม่ต้องใช้ความคิด

“ตกลงครับ”

 

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

สมุทรไทจ่ายเงินทันใด ต่อจากนั้นจึงรีบหิ้วกลับโรงแรม ตั้งใจว่าเดินดูของเสร็จสรรพแล้วจึงจะไปหาซื้อพลาสติกเม็ดสำหรับห่อของกันแตกได้ หอบไปกับเครื่องบิน พร้อมกับลงเรือเดินสมุทรด้วยกัน

วางตั้งพระบรมรูปไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ พิงกับกระจกเหนือโต๊ะ พลางก็พลิกดูอีกครั้ง ขณะพนมมือถวายอภิวาท

จึงได้เห็นตัวพิมพ์เล็กๆปรากฏอยู่ที่ด้านหลังรูปว่า ‘จอห์น ลูวิส’ อันป็นชื่อห้างสรรพสินค้าชั้นนำของลอนดอน แสดงว่าผู้นำพระบรมฉายาลักษณ์มาใส่กรอบ ต้องเป็นคนที่พักอาศัยอยู่แถบนี้

มิรู้ว่าฝรั่งหรือไทยเป็นผู้ขายเลหลังมา

ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจอย่างโล่งอก ด้วยถือเป็นโชคอันประเสริฐ

ดูเหมือนอากาศที่กำลังสูดลึกๆเข้าปอดจะบริสุทธิ์กว่าทุกวัน

กลับลงมาอีกครั้ง ย่ำต่อไปจนถึงครึ่งทางตึกแถว แล้วจึงย้อนกลับกระทั่งเลี้ยวซ้ายที่มีซอยแยกเข้าไปยังแถวแนวของแผงยกสูงขายของเก่าอีกเช่นกัน แต่ไม่ปูผ้าแบกะดินขายบนทางเท้าเหมือนถนนใหญ่ข้างนอก

ครู่ต่อมา สมุทรไทก็มีจานกระเบื้องเก่าลายใกล้ๆเวอร์ซาเช่ แผนที่เก่าซึ่งเรียกว่า ‘ฟาเธอร์ อินเดีย’ กับรูปเขียนนกและดอกไม้งดงามอีกสองสามรูป หอบกลับโรงแรม นำของบรรจุกระเป๋าแล้วนั่งแท็กซี่ไปยังร้านที่เขาเคยซื้อพลาสติกเม็ดห่อของ กลับมาห่อพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งใหญ่และเล็กเข้าด้วยกันเป็นห่อเดียว มัดด้วยเชือกอย่างเหนียวจนแน่นหนา มีหูหิ้วเรียบร้อย

เสียงปรายก็ดังขึ้น

“กูจองโรงแรมที่มึงจะต้องอยู่ที่เดียวกับปู่ย่า จองเรือบิน จองเรือสำราญ จ่ายเงินหมดแล้วทุกรายการ…เป็นอันว่า บ่ายนี้มึงเดินทางได้เลย กูจองเที่ยว 15.35  น. โอเคไหม”

ชายหนุ่มเกือบจะด่าไอ้เพื่อนบ้าออกไปแล้ว

“ถ้าไม่โอเคล่ะ จะว่าไง”

เที่ยวบินจากลอนดอนไปบาร์เซโลน่ามีทั้งวัน บินแค่ 2 ชั่วโมง 10 นาที ดังนั้น เขาจึงไม่เดือดร้อนกระไรนัก

“ถ้างั้น กูไปสนามบินเดี๋ยวนี้เลยละกัน ไปหาอะไรกินที่นั่น”

“ขอให้มึงเจริญๆนะไท…แต่ขอติงอะไรไว้นี้ด…นิดเดียวจริงว่ะ…ว่า…ไอ้วิชาโบราณคดีกับประวัติศาสตร์ศิลป์ที่มึงเรียนจบมานี่ มันจะช่วยอะไรมึงได้ซักเท่าไหร่วะเพื่อน”

พวกนักธุรกิจก็มักจะ ‘อย่างนี้’ อยู่เสมอ ชายหนุ่มคร้านจะถกเถียง เดี๋ยวคอจะเป็นเอ็นเสียเปล่าๆ

หลายอาชีพทีเดียวที่สมองไม่เคยเก็บเกี่ยวคำว่า ‘ศิลปะ’ เข้าไว้

“อย่าให้สาธยายดีกว่าเว้ย มึงอยากซื้อขายเหล็กอะไรของมึงก็ซื้อขายไป กูเป็นพวกไม่รู้เรื่องพรรค์นั้น”

“มาเป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทเหล็กไทยดีกว่าว่ะ” ปรายตัดบทเชิงออกคำสั่งอีกตามเคย

ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็เช็คเอ้าท์จากโรงแรม 3 ดาวขาประจำ ขึ้นแท็กซี่ไปสนามบิน ส่งกระเป๋าเดินทางลงรางเลื่อนไปแล้ว จึงหิ้วพระบรมฉายาลักษณ์ไปยังอีกแผนกหนึ่ง

เป็นแผนกส่งวัสดุอื่นๆที่มิใช่กระเป๋าเดินทาง

 



Don`t copy text!