
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
“ฮะ ฮะ ฮะ” เสียงหัวเราะของคุณหญิงแป้นดังก้องไปทั้งเรือนใหญ่ ดวงตามองเลยไปยังเรือนหลังเล็กที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด “มันสาแก่ใจอีแป้นนัก”
“ลูกไม่น่าเสียรู้นังพี่ดาราเลย” แม่บัวลูบแขนที่ยังเย็นซ่าจนเกือบจะเป็นอาการแสบร้อน เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ “ดูเอาเถอะ ทั้งอับอายบ่าวไพร่ ทั้งเสียหน้า และยังทำให้คุณหญิงแม่เสียแผนอีกต่างหาก”
“ใครใช้ให้แม่บัวเห็นแก่กินล่ะ” แม่ใจอดไม่ได้ “ถ้าไม่กินกะเพราะจานนั้นก็คงไม่เกิดเรื่อง”
“ก็มันทั้งหอม ทั้งน่ากินออกอย่างนั้นใครจะอดใจได้” แม่บัวทำเสียงอุบอิบ
“ก็สมควรแล้ว” แม่ใจส่ายหน้า “นังดาราคงจับทางได้ เลยเอาอาหารมาล่อ”
แม่ใจส่งบ่าวเรือนตัวเองไปสืบจนได้ความว่าผัดกะเพราจานพิเศษที่แม่ดาราทำให้แม่บัวกินนั้น ผสมสมุนไพรจีนที่เรียกว่าหม่าล่า รสชาติจึงเผ็ดร้อนกว่าปกติ เมือไปโดนน้ำมนต์ที่ผสมพิมเสน แม่บัวจึงเป็นคนเดียวที่เกิดอาการแสบร้อนเมื่อถูกน้ำมนต์
“พี่ใจ” แม่บัวหัวขวับไปทางพี่สะใภ้ “พี่ใจมาว่าน้องแบบนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่ช่วยอะไรก็อย่ามาซ้ำเติมกัน”
“เอาละ พอได้แล้ว” คุณหญิงแป้นห้าม “อย่ามัวทะเลาะกันเอง มาช่วยแม่คิดดีกว่าว่าจะจัดการกับแม่ดาราอย่างไร”
คุณหญิงแป้นไม่ชอบหน้าแม่ดารามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เกิดมาไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเท่าแม่หญิงผู้นี้มาก่อน ดูเอาเถิด เป็นผู้หญิงยิงเรือ แต่ทำตัวหน้าไม่อาย เที่ยวซอกแซกติดตามบุตรชายคนโตของเธอไปจนทั่วพระนคร สร้างความขายหน้าให้กับออกพระพินิจธรรมเป็นอย่างมาก นึกแล้วยิ่งเจ็บใจ เพราะตอนที่เธอติดหนี้พนันต้องบากหน้าไปขอให้ออกญาโชดึกฯช่วยเหลือ แล้วฝ่ายนั้นยื่นข้อแลกเปลี่ยนด้วยการให้ลูกชายคนหนึ่งของเธอ มาแต่งงานกับแม่ดารา
คุณหญิงแป้นไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ไม่อาจจะปฏิเสธข้อแลกเปลี่ยนนี้ได้ ถ้าไม่ได้เงินมาจ่ายหนี้พนัน พวกจีนที่เป็นนายบ่อนก็จะมายึดเรือน แต่จะบังคับให้พ่อขามแต่งงานกับแม่ดาราก็ตัดใจไม่ได้ คุณหญิงคิดแผนการอยู่หลายวัน สุดท้ายเลยแก้เกมด้วยการจัดงานให้พ่อขามกับแม่ใจแต่งงานกันแบบด่วนๆ และสลับตัวให้แม่ดาราไปแต่งกับคุณหลวงเข้มผู้เป็นลูกเลี้ยงแทน
สงสารพ่อเข้มก็สงสารอยู่ แต่สงสารลูกแท้ๆของตัวเองมากกว่า คุณหญิงแป้นปลอบใจพ่อเข้มให้อดทน เพราะคิดว่าไม่นานก็คงจะเลิกรากันไป ซึ่งในตอนแรกทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่เธอคิด เพราะแม่ดารากับออกหลวงกำแหงฤทธิรณมีท่าทีหมางเมินไม่สนใจกันและกัน
แม่ดาราไม่ยอมแม้แต่จะให้บอกกับใครๆด้วยซ้ำ ว่าเธอแต่งงานออกเรือนมากับออกหลวงเข้มแล้ว คุณหญิงแป้นยังคิดว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานทั้งสองต้องเลิกรากันไปในที่สุด แต่แล้วทุกอย่างกลับตาลปัตรไปเป็นแบบนี้ได้อย่างไร คุณหญิงแป้นยังงงไม่หาย
แต่เดิมเธอก็ไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับลูกสะใภ้ เพราะเกรงใจออกญาโชดึกราชเศรษฐีมากอยู่
บิดาของแม่หญิงดาราคอยให้เงินช่วยเหลือสนับสนุนมาโดยตลอด แต่ตอนนี้บิดาของแม่ดาราหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ และแม่เนียน แม่เลี้ยงของแม่ดาราก็ยึดอำนาจปกครองเรือนแทนสามีไปเป็นที่เรียบร้อย จึงถึงเวลาแล้วที่คุณหญิงแป้นจะหาทางกำจัดแม่ดาราให้พ้นหูพ้นตาไปเสียที
“ตอนนี้ผีที่มันเลี้ยงเอาไว้ ถูกพ่อหมอจับใส่หม้อถ่วงน้ำไปแล้ว ถึงเวลาเผด็จศึกเสียที…เพราะตอนนี้นังดาราไม่มีใครคอยช่วยอีกต่อไป” คุณหญิงแป้นหมายมั่นปั้นมือ
“ทำไมจะไม่มี” แม่ใจว่า “คุณหลวงเข้มยังไงเจ้าคะ ถึงไม่มีผีคอยช่วย แต่ก็ยังมีผัวช่วยเหลืออยู่อีกคน…คุณหญิงแม่ก็เห็นว่าคุณหลวงทั้งรักทั้งหลงมันจนหน้ามืดตามัว…จะจัดการแม่ดาราได้อย่างไร ถ้าคุณหลวงยังอยู่ทั้งคน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง” คุณหญิงแป้นหัวเราะเบาๆในลำคอ “แม่รู้มาว่า อีกไม่กี่วัน พ่อเข้มจะต้องเดินทางไปราชการที่หัวเมืองเหนือกับท่านเจ้าคุณนคเรศ…ตอนนั้นละเป็นโอกาสเหมาะที่จะจัดการแม่ดาราให้พ้นไปจากเรือนของเราเสียที”
“อุ๊ย” แม่บัวทำตาโต “ถ้านังพี่ดาราไม่อยู่แล้ว ลูกขอห้องที่พี่ดาราอยู่ตอนนี้ได้ไหมเจ้าคะคุณหญิงแม่ ห้องที่ลูกอยู่แคบเกินไปแล้ว ลูกอยากมีห้องใหญ่ๆ ลมพัดเย็นสบาย”
“ได้สิ” คุณหญิงแป้นหัวเราะชอบใจ “อยากได้อะไร แม่บัวก็เอาไปเลย แม่ขอแค่เงินกับเครื่องประดับในกำปั่นเท่านั้น”
“ฉันขอแบ่งเศษๆ เครื่องประดับของแม่ดารา มาไว้ติดตัวสักสองสามชิ้นนะเจ้าคะคุณหญิงแม่ เวลาออกงานกับพี่เข้มจะได้ไม่อายใครเขา” แม่ใจพลอยทำตาโตไปด้วยอีกคน
เธอเคยเห็นเครื่องประดับมีค่าที่แม่หญิงดารานำติดตัวมาด้วย สร้อย แหวน กำไลทองคำประดับอัญมณีในกำปั่นมีมากมายสมกับที่เป็นลูกสาวของท่านเจ้าคุณผู้คุมการค้าระหว่างประเทศ เครื่องประดับพวกนั้นส่งประกายล้อแสงไฟจนแม่ใจตาลายด้วยความอิจฉา
“นึกแล้วอยากจัดการนังพี่ดาราเสียวันนี้เลยด้วยซ้ำ” แม่บัวหมายมั่นปั้นมือ
“เราอดทนกับมันมาตั้งนานแล้ว” คุณหญิงแป้นยิ้มเหี้ยมเกรียม “จะรออีกสักนิดจะเป็นไรไป”
“นั่นสิเจ้าคะ” แม่ใจหัวเราะ “นอกจากจะกำจัดแม่ดาราให้พ้นหูพ้นตาไปได้ พวกเรากำลังจะรวยกันอีกด้วยนะเจ้าคะคุณหญิงแม่ เงินในกำปั่นนั่น ใช้ไปได้สบายๆอีกเป็นสิบปีเลยเชียวละ”
“ใช่” คุณหญิงแป้นนึกวาดภาพภาพตัวเองแบกกำปั่นเงินไปเล่นพนันในบ่อน ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความสุขใจ “เรากำลังจะรวยกันแล้ว…”
กว่าจะกลับจากบ้านหมอคงมาถึงเรือนก็เข้าไต้เข้าพลบ สองข้างทางจากท่าน้ำมุ่งหน้าสู่เรือนหลังเล็กตามไฟสว่างวอมแวม สีหน้าของดาราเรศเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“จะยังไงกันต่อดีเจ้าคะ” แหวนถามนาย สีหน้าของนางบ่าวดูหนักใจไม่แพ้กัน
“ก็คงต้องใจเย็นๆก่อน” ดาราเรศถอนใจเบาๆ ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ เดินขึ้นบันไดเรือนไปก็เห็นสามียืนหน้าบึ้งรออยู่
“ไปไหนมา” ออกหลวงถามเสียงเข้มเหมือนชื่อ ดวงตาคู่ขมจ้องมองดาราเรศแน่วนิ่ง
“ไป…เอ้อ…ไป…” หญิงสาวอึกอัก ไม่รู้จะบอกเขาอย่างไรดี บอกตามตรงว่าไปหาหมอผีมาก็จะเป็นเรื่องใหญ่
“ไปวัดมาเจ้าค่ะ” แหวนตอบไปด้วยปฏิภาณไหวพริบ
“ไปวัด” คุณหลวงชะโงกมาจ้องหน้านางบ่าวใกล้ๆ และแค่นเสียงว่า “โกหก…ไปวัดค่ำมืดป่านนี้เนี่ยนะ”
“ไปจริงๆเจ้าค่ะ ไปทำบุญ” ดาราเรศรีบรับลูกของนางบ่าว
“ทำบุญ” ออกหลวงหันมาจ้องหน้าเมียแทน
“คือว่า” ดาราเรศกรอกตามองบน แบบที่ชอบทำบ่อยๆเวลาที่พูดโกหก “จู่ๆฉันก็คิดถึงคุณหญิงแม่ขึ้นมา เลยชวนนังแหวนไปวัดน่ะเจ้าค่ะ”
“วัดอะไร” ออกหลวงถาม
“วัดมเหยงค์”
“วัดสามปลื้ม”
ดาราเรศและนางบ่าวตอบพร้อมกันโดยไม่ได้ซักซ้อม คำตอบของพวกเธอทำให้ออกหลวงกำแหงฤทธิรณถึงกับหัวเราะหึๆในลำคอ
“ทีหลังไปตกลงกันให้ดีก่อน”
“ตายจริง” ดาราเรศรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอเดินเข้าไปเกาะแขนผู้เป็นสามีแล้วทำเสียงออดอ้อนว่า “คุณพี่กินอะไรแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“ยัง” เขาแกล้งทำเสียงไม่พอใจ
“หิวหรือไม่” ดาราเรศถาม
“ยังจะถามอีก” คุณหลวงแค่นเสียง “หิวจนจะกินแม่ดาราได้ทั้งตัวแล้ว”
“อุ๊ย” ดาราเรศหน้าแดง เธอรัวกำปั้นที่ต้นแขนล่ำสันของผู้เป็นสามีแรงๆ “บ้า บ้า บ้า พูดอะไรเจ้าคะ อายบ่าวไพร่มัน”
“ก็ฉันหิว” คุณหลวงขมวดคิ้วมุ่น “หิวจริงๆ หิวมากด้วย”
“ตายจริง นังบ่าวพวกนี้” ดาราเรศทำทีหันไปเอ็ดบ่าวในเรือนที่นั่งรอรับใช้กันหน้าสลอน “ทำไมพวกหล่อนไม่เตรียมอาหารเย็นให้ผัวข้า ประเดี๋ยวจะสั่งเฆี่ยนให้หลังลายเลย”
“บ่าวเตรียมสำรับไว้แล้วเจ้าค่ะ” นางบ่าวลูกน้องของแหวนตอบด้วยท่าทางลนลาน “แต่คุณหลวงไม่ยอมกินเจ้าค่ะ”
“อ้าว” คราวนี้ดาราเรศหันไปทางสามี
“ก็พี่ไม่อยากกินฝีมือนังพวกนี้” คูณหลวงทำเสียงอ้อน “พี่อยากกินอาหารฝีมือแม่ดารานี่จ๊ะ”
“ได้” ดาราเรศพยักหน้า “เดี๋ยวน้องเขาครัวไปเตรียมให้”
“ดี” ออกหลวงหนุ่มหัวเราะเบาๆในลำคอ “กินเสร็จแล้วจะได้มาชำระสะสางกันต่อว่า…ตกลงแม่ดาราไปทำบุญวัดไหนกันแน่”
“ตายแล้วแม่หญิง” เมื่ออยู่กันลำพังสองคนในห้องครัว แหวนมีท่าทางตกอกตกใจ “ถ้าคุณหลวงซักไซ้ไล่เรียงเราจริงๆ จะตอบอย่างไรดีเจ้าคะ สารภาพไปเลยไหมว่าเราไปตามหาหมอผีมา”
“จะบ้าเหรอ” ดาราเรศส่ายหน้าดิก “บอกไม่ได้เลยนะ”
“แต่คุณหลวงจะต้องซักจนกว่าจะได้คำตอบที่พอใจ” แหวนรู้นิสัยเจ้านายดี
“ไม่เป็นไร” ดาราเรศมองอาหารที่กำลังทำตรงหน้า “กินจานนี้อิ่ม รับรองคุณหลวงลืมแน่นอนว่าจะถามอะไรพวกเรา”
“แม่หญิงกำลังทำอะไรเจ้าคะ” แหวนจ้องมองเนื้อไก่ในหม้อ
“ไก่แช่เหล้า” ดาราเรศตอบสั้นๆ
“ไก่แช่เหล้า” แหวนกะพริบตาปริบๆ มองดูเจ้านายที่กำลังเคล้าเนื้อไก่ให้เข้ากับเกลือ “ไก่กับเหล้า เอามาทำเป็นอาหารได้ด้วยหรือเจ้าคะ”
“อาหารจีนน่ะ” ดาราเรศอธิบาย “ทำง่าย อร่อยด้วย”
“แหวนว่าเมาแน่เลยเจ้าค่ะ” นางบ่าวมองไหเหล้าในมือที่นายสั่งให้ไปหาซื้อมา “ใช้สาโทหมักมานานหลายปีแบบนี้”
ไก่แช่เหล้ามีหลายสูตร ปกติดาราเรศจะใช้เหล้าสามชนิดผสมเข้าด้วยกัน ได้แก่ เหล้ารัม เหล้าจีนและเหล้ากุหลาบ แต่ย้อนเวลามาอยู่อยุธยาในยามนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาของให้ครบตามสูตรดั้งเดิม ดาราเรศเลยต้องประยุกต์เอาจากวัตถุดิบที่มี
เหล้าจีนนั้นพอหาได้จากป่าจีน เหล้ารัมพอหาได้จากหมู่บ้านพุทธเกศ แต่เหล้ากุหลาบนั้นหามีไม่ ดาราเรศเลยแก้ปัญหาด้วยหารใช้สาโทเหล้าพื้นบ้านที่หมักจากข้าวแทน เพราะรสชาติแลกลิ่นหอมพอจะกล้อมแกล้มแทนกันได้
“เมาแน่นอน” ดาราเรศหัวเราะชอบใจ “สาโท รัมและเหล้าจีน ไม่เมาก็ให้รู้กันไป”
“ถ้างั้นทำไมไม่ให้คุณหลวงดื่มเหล้าไปเสียเลยล่ะเจ้าคะ” แหวนมองเจ้านายหย่อนไก่ลงไปในหม้อน้ำเดือดแล้วปิดฝาไว้ ก่อนจะเทเหล้าทั้งสามชนิดลงไปในกะทะที่มีข่าหั่นแว่น ตะไคร้หั่นท่อนและใบเตยหอมมัดรวมกันราวสามใบ
“มันไม่กลมกล่อมนะสิ” ดาราเรศหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แหวน ก่อนจะเล่าต่อไปว่า “ไก่แช่เหล้าปกติกินแล้วไม่เมาหรอกจ้ะ เพราะเวลาเอาเหล้ามาต้มแบบนี้แอลกอฮอล์จะระเหยไปเกือบหมด”
“กอ ฮอ ระ เหย” นังแหวนทวนถ้อยคำประหลาดไปมา
“เอาเถอะ ไม่ต้องสนใจว่าฉันพูดอะไรออกไป” สิ่งที่เล่านั้นยากเกินไปสำหรับนางบ่าว “เอาเป็นว่า ไก่แช่เหล้าสูตรปกติ ไม่ได้ทำให้คนกินเมามายอะไร เพราะเราต้มน้ำผสมเหล้า ทำให้เหล้าหมดฤทธิ์ ก่อนจะเอาไปเทราดไก่ คนกินเลยไม่เมา แต่จะได้รสหวานหอมของเหล้าติดปลายลิ้น แต่ไก่แช่เหล้าสูตรพิเศษที่ฉันลงมือทำวันนี้ พิเศษกว่าครั้งไหนๆ ฉันตั้งใจใส่เหล้ามากกว่าปกติถึงสามเท่า และไม่ต้มจนเดือด เพื่อเหล้าจะได้ไม่หมดฤทธิ์ ที่ทำแบบนี้เพราะคุณหลวงจะได้เมา และจะได้ลืมว่าจะถามอะไรเรา…ทำแบบนี้ เราจะได้ปลอดภัย ไม่ต้องถูกซักถาม เข้าใจไหม”
“อ่อ เข้าใจแล้วจ้ะ” แหวนหัวเราะคิกคัก “มิน่า…แม่หญิงถึงได้เทสาโทลงไปหมดไหแบบนั้น ยังจะเหล้าจีนกับเหล้าฝรั่งอีก…รับรองคุณหลวงเสร็จแน่”
แต่ดาราเรศประเมินสามีผิดไป หล่อนคิดว่าไก่แช่เหล้าสูตรที่เทเหล้าลงไปถึงสามไห จะทำให้ออกหลวงเข้มเมามายหมดสติ ตรงกันข้าม อาหารอร่อยที่บรรจงทำเป็นพิเศษ ทำให้ออกหลวงหนุ่มครึกครื้นกว่าทุกวัน
“ไก่อะไรเนี่ย…อร่อยที่สุด” ออกหลวงหนุ่มกินไก่แช่เหล้าจนเกือบจะหมดจานแล้ว
“ไก่แช่เหล้าเจ้าค่ะ” ดาราเรศอธิบาย แต่เห็นท่าทางเมาของสามีแล้วเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะจำอะไรได้แค่ไหน
“แม่ดารานี่เก่งที่สุด” เขาชม “ทั้งสวย ทั้งเก่ง”
“เพิ่งรู้หรือไง” ดาราเรศอดประชดไม่ได้
“รู้นานแล้ว” ออกหลวงหนุ่มว่า “แต่ไม่อยากชม เดี๋ยวได้ใจ”
“อ้าว เป็นงั้นไป” ดาราเรศส่ายหน้า ไม่ถือสาหาความคนเมา
“เอ้า…ชนจอก แม่ดารา” คุณหลวงชวนเมียกินสาโท
“ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” ดาราเรศส่ายหน้าดิก ต่อให้คอแข็งอย่างไร เจอสาโทเพียวๆไปหลายแก้ว ดาราเรสก็เริ่มจะมึนๆ
“ไหวสิ แม่ดาราจะยอมแพ้พี่หรือยังไง” คุณหลวงบังคับให้ดาราเรศดื่มจนได้ในที่สุด “น่าน…ต้องยังงั้นสิ เมียออกหลวงเข้ม… รินๆ เอาอีกจอกๆ”
“ไม่ไหวแล้วจริงๆเจ้าค่ะ” ดาราเรศอ้าปากพะงาบๆ รู้สึกทั้งเมา ทั้งร้อนในผิวกาย ทั้งที่สายลมเย็น พัดผ่านมาเป็นระยะ เธอหันไปหานังแหวน หมายจะให้ช่วย หากนางบ่าวเมาพับหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“พอเถอะเจ้าค่ะคุณพี่” ดาราเรศเห็นออกหลวงหนุ่มเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเลยรีบบอกเขา “พรุ่งนี้คุณพี่ต้องไปพบท่านเจ้าคุณแต่เช้าไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“แม่ดาราง่วงแล้วรึ” เขาหันมาทางเมีย ดวงหน้าคมสันแดงกว่ายามปกติ ดวงตาหวานเชื่อม รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผิดไปจากทุกวัน
“เจ้าค่ะ” ดาราเรศตัดบทพร้อมกับอ้าปากหาว ถ้าไม่พูดแบบนี้รับรองออกหลวงหนุ่มจะต้องชวนชนจอกต่ออย่างแน่นอน คนอะไร คอแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ เหล่าสามขนานขนาดนี้ปกติต้องพับหลับไปแล้ว แต่ออกหลวงหนุ่มกลับยังนั่งหัวเราะอยู่ได้
“อ้ะ” คุณหลวงยอมลุกจากสำรับอาหาร เดินโซเซไปทางห้องนอนของดาราเรศ “เลิกก็เลิก…ไป…เรากลับห้องนอนกัน”
“นั่นห้องฉัน…ห้องคุณหลวงอยู่โน่นเจ้าค่ะ” ดาราเรศชี้ไปทางหอนั่งที่ออกหลวงกำแหงฤทธิรณใช้เป็นห้องนอนมาตั้งแต่คืนวันส่งตัวเข้าหอ
“จริงด้วย” คุณหลวงยกมือขึ้นลูบศีรษะ ก่อนจะพูดแก้เก้อว่า “งั้นพี่ไปส่งแม่ดาราเข้านอน”
“ไม่ต้อง” ดาราเรศปฏิเสธ หากตัวเองก็ยืนแทบไม่อยู่เหมือนกัน “น้องกลับเองได้”
“ป่ะ…อย่าดื้อสิ” ออกหลวงถือวิสาสะเข้ามาจูงมือดาราเรศ
“ปล่อยน้องนะเจ้าคะ” ดาราเรศปัดป้อง หากรู้สึกอกใจเต้นระรัวแรง “น้องเดินเองได้”
สะบัดมือหลุด แล้วเดินสะเปะสะปะไปข้างหน้า
“เดี๋ยว” ออกหลวงหนุ่มเรียก “ผิดทาง…นั่นหอนั่ง”
“อ้าว” ดาราเรศขยี้ตา เออ…จริงด้วย อะไรจะเมาได้ขนาดนี้ ถึงกับหลงทิศหลงทางเลยทีเดียว
“บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อ…มานี่เลย…” ออกหลวงหนุ่มไม่พูดเปล่า หากรวบเอวของดาราเรศแล้วอุ้มพาดาราเรศ เดินกลับไปยังห้องนอนของเธอ
“บ้า บ้า บ้า” ดาราเรศดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแข็งแกร่ง “ปล่อยนะคุณพี่”
“ไม่ปล่อย” ออกหลวงเข้มหัวเราะเบาๆ “เมาขนาดนี้ เดินกลับห้องตัวเองยังไม่ถูกเลย”
“ม่าย มาววววว” ดาราเรศพยายามเถียง แต่เสียงกลับผะแผ่วไม่พ้นจากลำคอ
ดวงหน้าเธอกำลังวูบวาบร้อนแรง ดาราเรศรู้เลยว่าตัวเองจะหน้าแดงขนาดไหน เหลือบสายตามองดูบรรดาบ่าวไพร่ก็พบว่าทั้งหมดโดนออกหลวงหนุ่มบังคับให้ชนจอกกินสาโท ตอนนี้พากันคอพับหลับไปกันหมดแล้ว
เขาผลักประตูห้องนอนเข้าไปด้วยอาการเร่งร้อน วงแขนแข็งแกร่งกอดรัดเรือนร่างบอบบางของดาราเรศแน่นเข้า ออกหลวงหนุ่มวางเธอลงบนเตียง ดวงตาคู่เข้มคมจ้องมองเมียแน่วนิ่ง
ดวงหน้าคมสันของอยุยาคิ้วต์บอยก้มลงมาจนใกล้ดาราเรศ ปลายจมูกโด่งงามของเขากำลังขยับใกล้แก้มนวลของหล่อนทุกขณะ
พร้อมกันนั้น…ดาราเรศรู้สึกว่า หัวใจของตัวเองเต้นแรง ราวกำลังจะโลดออกจากอก…
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ