ลายรักบนพักตรา : บทนำ
โดย : จรัสพร
ลายรักบนพักตรา โดย จรัสพร เรื่องราวของสามพี่น้องผู้ถือกำเนิดมาในครอบครัวศิลปินทำหัวโขนที่แม้ลวดลายบนหัวโขนจะแสนงดงาม หากชีวิตของสามพี่น้องกลับไม่สวยงามอย่างโขนบนเวที คลื่นลมที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า จะหล่อหลอมให้พวกเขาเป็นไม้แกร่งหรือพังทลาย อ่านออนไลน์กันได้ในอ่านเอา เว็บไซต์ที่มีนิยายสนุกๆ มากมาย
**************************
“การที่เราได้ทำงานที่รักซึ่งสืบต่อมาจากบรรพบุรุษ ตั้งแต่ปู่ทวด มาถึงรุ่นปู่ รุ่นพ่อ จนมาถึงรุ่นเรา ครูว่ามันมีความสำคัญและล้ำลึกยิ่งกว่าการได้รับมรดกที่เป็นทรัพย์สินเงินทอง เพราะมันหมายถึงว่านอกจากจะเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาแล้ว สิ่งนี้ยังเป็นศิลปะประจำชาติของไทยเรา”
เสียงบรรยายจากวีทีอาร์บนเวทีซึ่งปรากฏภาพขณะทำงานของครูช่าง ผู้ทุ่มเทกับการทำหัวโขนเพื่ออนุรักษ์งานหัตถศิลป์สำคัญของชาติเอาไว้ให้ดำรงอยู่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในพิธีประกาศเกียรติคุณ
“ท่านผู้นี้เป็นต้นแบบของการอนุรักษ์การทำหัวโขน ซึ่งเป็นศิลปะประจำชาติให้คงอยู่ต่อไป จึงสมควรที่จะประกาศเกียรติคุณวิศิษฏศิลปินให้แก่…”
พิธีกรประกาศเชิญครูช่างเจ้าของรางวัลวิศิษฏศิลปิน สาขางานหัตถศิลป์ขึ้นไปรับโล่เกียรติยศบนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องจนไม่สามารถจะได้ยินสรรพเสียงใดได้อีก
เสียงปรบมือเงียบลงเมื่อร่างงามสง่าในเดรสผ้ากาบบัวสีครั่งตัดเย็บอย่างประณีต คล้องแขนทั้งสองข้างจากด้านหลังด้วยผ้าไหมน้อยสีเดียวกันยาวกรุยกราย ขึ้นไปรับโล่จากท่านประธานฯ แล้ว ค้อมตัวไหว้อย่างสวยงามแล้วเดินลงจากเวที ไม่มีคำพูดใดนอกจากคำขอบคุณเบาๆ ที่ได้กล่าวกับท่านประธานฯ แม้พิธีกรจะขอเชิญให้กลับขึ้นไปกล่าวอะไรสักเล็กน้อย หากแต่เจ้าของรางวัลปฏิเสธอย่างสุภาพ แล้วเร้นกายหายไปจากงานอย่างเงียบเชียบ
ณ เรือนไม้ริมคลองบางหลวง ร่างหนึ่งก้าวเข้าสู่ห้องทำงานที่เต็มไปด้วยหัวโขน หุ่นหัวต่างๆ มีหีบเครื่องมือ และวัตถุดิบจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบพร้อมใช้งาน ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมระย้ารูปดอกไม้แบบโบราณ มือเรียวงามหากแต่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นประคองโล่เกียรติยศที่เพิ่งได้รับ มาวางไว้บนโต๊ะไม้สีดำทรงครึ่งวงกลมที่หันด้านตัดชิดผนัง ปูด้วยผ้าลินินสีขาวขอบลูกไม้ถักลายละเอียด
บนโต๊ะนั้นมีแจกันปักดอกมะลิซ้อนสีขาวส่งกลิ่นหอมกรุ่น ถัดไปเป็นกรอบรูปเงินฉลุลายเครือเถาขนาดย่อม ภายในเป็นภาพถ่ายของชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ปากคาบบุหรี่ ตรงหน้ามีโต๊ะวางฐานรองหัวหุ่น มือทั้งสองกำลังสาละวนตกแต่งหัวโขนที่ครอบอยู่บนแท่นวาง ถัดจากกรอบภาพนั้นคือโล่เกียรติยศวิศิษฏศิลปินที่มีอยู่เดิม เมื่อนำโล่ที่เพิ่งได้มาวางคู่กันแล้ว ผู้วางก็ถอยออกมาทอดสายตามองโล่ทั้งสองอย่างภาคภูมิใจ
“พ่อจ๋า…ลูกทำได้แล้ว เกียรติประวัติตระกูลช่างทำหัวโขนของเราจะต้องถูกจารึกไว้ และสืบทอดต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
ร่างในชุดผ้ากาบบัวสีครั่งค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งพับเพียบกับพื้นไม้สักขัดมัน แล้วเงยหน้ามองไปที่ชั้นยาวเหนือโต๊ะครึ่งวงกลม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของเศียรครู พระพิราพ พระวิษณุกรรม พระพิฆเนศวร พระพรตมุนี พ่อปู่ฤๅษีนารอด ชั้นที่ลดหลั่นลงมาเป็นหัวโขน พระราม พระลักษมณ์ หนุมาน อินทรชิต พิเภก เรียงกันไว้อย่างงดงาม จากนั้นจึงก้มลงกราบแสดงความเคารพและเทิดทูนอย่างสูงสุด