รักในรอยน้ำตา บทที่ 1 : งานศพ

รักในรอยน้ำตา บทที่ 1 : งานศพ

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

 

งานศพของปรางทิพย์ถูกจัดขึ้นที่ศาลาวัดแห่งหนึ่งในตัวเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีดอกไม้ประดับพอให้เห็นเป็นพิธี แขกเหรื่อที่มางานก็เพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้นกันกับลูกค้าประจำของร้านข้าวแกงที่อุดหนุนกันจนสนิทสนม

ส่วนจักรกฤษณ์สามีของผู้ตายซึ่งควรจะเป็นเสาหลักในการจัดการงานศพให้ภรรยาก็เงียบหายไปเป็นอาทิตย์ตั้งแต่ก่อนที่ปรางทิพย์จะเสียชีวิต ไม่มีใครรู้ข่าวหรือติดต่อได้ ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างตกไปที่พรพรรณผู้เป็นน้องสาวที่รีบลางานกลับมาพิษณุโลกหลังจากรู้ข่าวร้ายของพี่สาวตัวเอง

พรพรรณใช้เงินเก็บที่มีเพียงน้อยนิด รวมกับเงินของเพื่อนบ้านที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจัดการงานศพด้วยความเวทนาผู้ตายกับลูกสาวตัวน้อยที่จู่ๆ ต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าแม่เช่นนี้

หลังจากพระสวดอภิธรรมศพเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงแขกในงานไม่กี่คนที่ยังนั่งสนทนากันอยู่บนศาลาวัด รินรดาสวมชุดสีดำเก่าๆ นั่งมองรูปถ่ายของมารดาที่กำลังส่งยิ้มให้อยู่หน้าโลงศพ แววตาของเด็กหญิงทั้งเศร้าสร้อยและแดงก่ำหลังจากผ่านการร้องไห้มาหลายต่อหลายครั้ง

พรพรรณมองหลานสาวอย่างเวทนา ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หากยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยสิ่งใด เด็กหญิงก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน

“น้าอ้อย รูปนี้แม่ดูสวยจังเลย น้าอ้อยรู้ไหม เมื่อก่อนตอนแม่ยังอยู่ แม่แทบจะไม่เคยยิ้มให้หนูเลย ส่วนใหญ่แม่จะยิ้มให้แต่ลูกค้า ส่วนหนูนานๆ ครั้งแม่ถึงจะยิ้มให้ หนูชอบแม่ในรูปนี้จัง แม่ดูใจดี ไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนที่แม่ยังอยู่กับหนู หนูชอบแม่แบบนี้จ้ะน้าอ้อย”

แววตาเป็นประกายของหลานสาว ทำให้พรพรรณถึงกับถอนหายใจออกมา พลางปรายตาไปมองภาพถ่ายของพี่สาว

“ริน แม่เราน่ะ เมื่อก่อนสมัยสาวๆ เป็นผู้หญิงสวยมากเลยนะ ไม่มีใครสวยสู้แม่เราได้เลย ผู้ชายมารุมจีบเช้าถึงเย็นถึงจนหัวกระไดบ้านแทบไม่แห้ง แต่สุดท้ายพี่ปรางก็เลือกมันเป็นผัว ช่างเป็นเวรกรรมจริงๆ บางที…หากพี่ปรางเลือกคนอื่นเป็นผัว ชีวิตอาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะ” ประโยคสุดท้ายแผ่วเบา

อาจเป็นเพราะพรพรรณเห็นชีวิตครอบครัวของพี่สาวที่ทุกข์ยาก จึงทำให้เธอพลอยขยาดไม่อยากจะแต่งงานหรือมีครอบครัว จนไม่ยอมเปิดใจให้กับผู้ชายคนไหนเลยสักคน แม้แต่จักรกฤษณ์สามีของปรางทิพย์ ที่เธอรับรู้มาตลอดว่า เมื่อก่อนปรางทิพย์คิดว่าตัวเองเลือกผู้ชายที่ดีที่สุดมาเป็นสามีแล้ว แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าสุดท้ายผู้ชายที่คิดว่าดี พอลายออกก็กลายเป็นแมงดาดีๆ นี่เอง

“น้าอ้อยจ๋า แล้วแม่จะรู้ไหมว่าหนูสอบได้ที่หนึ่ง หนูเอาเกรดวางไว้หน้าโลงศพแม่ แม่จะรู้ไหมจ๊ะน้า”

คำถามของเด็กน้อยทำเอาคนเป็นน้าถึงกับน้ำตาซึมขึ้นมาอีกครั้ง

เธอมองไปยังพานหน้าโลงศพที่มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ก็ให้สะท้อนใจ

“ริน น้าว่า ต่อให้แม่เราตายไปแล้ว แม่ก็ต้องรู้ว่าหนูเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนมากแค่ไหน รินอย่าลืมสิ ตอนแม่ยังอยู่ หนูก็ตื่นแต่เช้ามาช่วยแม่เตรียมทำกับข้าวไปขายที่ตลาดทุกวันก่อนไปโรงเรียนไม่ใช่หรือ พอกลับมาถึงบ้านก็ยังช่วยทำงานบ้านอีก น้าว่าแม่คงภาคภูมิใจในตัวหนูมากอยู่แล้วละลูก”

ดวงตากลมโตของเด็กหญิงมองน้าสาวด้วยความแปลกใจ

“จริงหรือจ๊ะน้า แม่ภูมิใจในตัวหนูจริงๆ หรือจ๊ะ”

“จริงสิ คนเป็นแม่น่ะ ยังไงก็ต้องภูมิใจในตัวลูก รักลูกอยู่วันยังค่ำ”

“ถ้าแม่รักและภูมิใจในตัวหนูจริงๆ แล้วทำไมแม่ถึงเอาแต่ดุด่าหนูล่ะจ๊ะน้า”

คำถามไร้เดียงสาทำเอาพรพรรณถึงกับลมหายใจสะดุด

“ดุด่าเหรอ”

“จ้ะน้า แม่เอาแต่ดุด่าว่าหนูทุกวัน ต่อให้หนูพยายามทำดีแค่ไหน แม่ก็ไม่เคยชมหนูเลย น้ารู้ไหมจ๊ะ…ที่หนูตั้งใจเรียนหนักขนาดนี้เพื่อจะได้เป็นที่หนึ่งของห้อง หนูแค่อยากให้แม่ภูมิใจในตัวหนู ยิ้มให้หนูบ้าง ถ้าจะให้ดีหนูอยากให้แม่ชมหนูบ้างน่ะจ้ะน้า”

เสียงแผ่วเบาของเด็กหญิง ทำเอาพรพรรณตื้อในอก เธอดึงร่างเล็กมากอดด้วยความสงสาร พลางหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งก่อน สมัยที่เธอเคยมาพักอยู่ที่บ้านของพี่สาวในช่วงตกงาน

ปรางทิพย์มักหลุดปากเล่าให้เธอฟังบ่อยครั้งยามเมื่อเหล้าเข้าปากว่า…

พ่อของจักรกฤษณ์เป็นคนจีนส่วนแม่เป็นคนไทย ทางครอบครัวคาดหวังให้เขามีลูกชายไว้สืบสกุล กอปรกับปรางทิพย์ไม่ใช่ผู้หญิงที่พ่อแม่ต้องการให้แต่งงานด้วย การที่เธอมีลูกชายคนแรกจึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวของเขายอมรับได้

นอกจากนี้เคยมีหมอดูทำนายดวงปรางทิพย์ไว้ว่า หากเธอได้ลูกชายคนแรก ครอบครัวจะเจริญรุ่งเรืองถึงขั้นเป็นเศรษฐี แต่ถ้าหากเธอมีลูกสาวคนแรกจะนำพาให้ครอบครัวตกต่ำยากจนเข็ญใจ ทั้งสองจึงต้องการให้ลูกคนแรกเป็นผู้ชายเท่านั้น

แต่แล้วความฝันก็พังครืน…

เมื่อปรางทิพย์คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง ทั้งที่เธออุ้มท้องลูกแฝด แต่คนที่มีชีวิตรอดกลับมีเพียงรินรดา ขณะที่ฝาแฝดเพศชายเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์สร้างความผิดหวังให้สองสามีภรรยามาก และดูเหมือนว่าคำทำนายของหมอดูก็จะมีเค้าความจริงขึ้นมา เพราะหลังจากที่รินรดาลืมตาดูโลก เธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะ ทำให้พ่อแม่ต้องเสียเงินพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง

แม้แต่ปรางทิพย์เอง หลังจากคลอดลูก เธอก็มีอาการป่วยจากภาวะหลังคลอด ทำให้เธอหงุดหงิดจนมีเรื่องทะเลาะกับสามี กอปรกับพ่อแม่ของจักรกฤษณ์เสียชีวิตลงหลังจากรินรดาคลอดได้ไม่นาน เงินทองที่เคยมีก็ร่อยหรอลงไปทุกวัน ทำให้ต้องขายบ้านหลังเดียวที่มีแล้วย้ายไปเช่าบ้านซอมซ่ออยู่ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า รินรดาคือตัวซวยที่นำความโชคร้ายและทำให้ครอบครัวตกต่ำตามคำทำนาย เลยพานทำให้ทั้งสองเกลียดขี้หน้าลูกสาวมากขึ้นไปอีก

‘อีริน อีตัวซวย เพราะมึงคนเดียว ชีวิตกูถึงได้ลำบากขนาดนี้’

‘พี่ก็อย่าไปโทษลูกเลย มันยังเด็กอยู่จะไปรู้อะไร ถ้ามันจะซวยก็ซวยเพราะตัวเองนะพี่ปราง ไม่ใช่ลูกหรือคำทำนายบ้าบอนั่นหรอก’ พรพรรณค้าน

‘เพราะมันนั่นแหละตัวซวย กูไม่น่าให้มันเกิดมาเลย ทำไมนะคนที่ตายไม่เป็นอีริน แล้วให้ลูกชายกูรอดแทน ชีวิตกูจะได้ดีกว่านี้’

หลังจากนั้นปรางทิพย์และจักรกฤษณ์ก็มีปากเสียงทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวัน ทำให้เขาเริ่มเผยธาตุแท้ของตัวเอง เขากลับไปเล่นการพนันโดยไม่คิดจะปกปิดอย่างที่ผ่านมา หนักเข้าเลยทำให้ตัวเองเสียงานเสียการจนต้องถูกไล่ออกจากงาน แม้จักรกฤษณ์จะหันมาขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อหารายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง หากก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้าน กอปรกับระยะหลังมานี้ เขามักทำตัวยุ่งอยู่เสมอไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ยิ่งทำให้ภาระการเลี้ยงดูลูกสาวส่วนใหญ่ตกเป็นหน้าที่ของปรางทิพย์

ยิ่งปรางทิพย์เครียดและหงุดหงิดมากขึ้นเท่าไร เธอก็เริ่มหันเข้าหาขวดเหล้ามากขึ้นเท่านั้น นานวันเข้า เธอจึงป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หลายครั้งที่พอเธอเมามักขาดสติพลั้งมือทำร้ายร่างกายลูกสาวจนได้รับบาดเจ็บ ทำให้พรพรรณที่เห็นเหตุการณ์ ต้องคอยช่วยหลานตัวน้อยให้รอดพ้นจากเงื้อมือแม่แท้ๆ

คนเป็นน้าจึงพอเดาออกว่าในช่วงที่เธอไม่ได้อยู่ด้วย หลานสาวจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เธอเองยังต้องระเห็จออกมา เพราะไม่อาจทนกับคำค่อนแคะดูถูกของพี่เขยที่คอยพูดจาหาเรื่องว่าเธอเป็นปลิงมาคอยดูดเลือดเกาะครอบครัวเขากิน

พอหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องของเธอก็กลายเป็นชนวนทำให้พี่สาวกับพี่เขยต้องทะเลาะเบาะแว้งกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ นั่นจึงเป็นฟางเส้นสุดท้าย ทำให้พรพรรณตัดสินใจย้ายออกจากบ้านไปตายเอาดาบหน้า แต่ก็ยังติดต่อกับปรางทิพย์อยู่เสมอเพราะเป็นห่วงพี่สาว จนกระทั่งได้รับข่าวร้ายจากเพื่อนบ้านที่โทร.มาบอกนั่นเอง เธอจึงต้องรีบมา

พรพรรณนั่งเคียงข้างหลานสาวมองรูปหน้าโลงศพอยู่พักใหญ่ ไม่นานนักเสียงรถยนต์คุ้นหูก็ดังแว่วมาและจอดตรงหน้าศาลาที่จัดงาน พรพรรณหันไปมองคนมาใหม่ก็ต้องเบิกตาค้าง เมื่อเห็นจักรกฤษณ์ปรากฏตัวในเสื้อยืดสีแดงกางเกงยีนส์เดินอาดๆ ขึ้นมาบนศาลาวัด ตามมาด้วยผู้หญิงรูปร่างหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง แต่งชุดสีสันแสบตาอุ้มเด็กผู้ชายอายุประมาณห้าขวบ เดินตามเขามาติดๆ

ผู้คนที่ยังอยู่บนศาลา ต่างหันมองคนทั้งสามเป็นตาเดียว แต่ยังไม่ทันที่พรพรรณจะได้ทำสิ่งใด รินรดาก็เป็นฝ่ายลุกพรวดวิ่งตรงเข้าไปหาจักรกฤษณ์พร้อมกับกอดขาไว้แน่นราวกับหาที่พึ่ง ขณะที่ปากก็พร่ำบอกกับผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ

“พ่อ…พ่อมาแล้ว พ่อกลับมาอยู่กับหนูใช่ไหมจ๊ะ”

จักรกฤษณ์ก้มมองเด็กน้อยชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองจันทร์เพ็ญที่ยืนเคียงข้างเขา เมื่อเขาเห็นสายตาขุ่นเขียวไม่พอใจของฝ่ายหญิง จักรกฤษณ์ก็รีบผลักไสร่างเล็กของรินรดาออกไปให้พ้นกาย จนลูกสาวเสียหลักเกือบจะล้มลง หากพรพรรณไม่คว้าตัวไว้เสียก่อน

“ไอ้ไม้ มึงเป็นพ่อประสาอะไรวะ นี่ลูกมึงทั้งคน ทำไมผลักลูกแบบนี้ รินไม่เป็นไรนะลูก” ประโยคท้ายเธอหันมาถามหลานสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะรั้งร่างเล็กให้ห่างออกมาจากจักรกฤษณ์โดยที่ตัวเองเป็นคนออกหน้ารับแทน

“กูไม่เคยนับว่ามันเป็นลูก นี่ต่างหากชาวีลูกชายของกู”

วาจาเย้ยหยัน พร้อมกับเน้นย้ำคำว่า ‘ลูกชาย’ โอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ ทำให้พรพรรณถึงกับควันออกหู

“ไอ้ไม้! กูก็พอรู้จากพี่ปรางมาบ้างว่ามึงมีเมียน้อย นี่น่ะเหรอเมียน้อยของมึง สวยไม่ได้ขี้เล็บพี่สาวกูสักนิด หึ คนตาต่ำ”

พรพรรณมองจันทร์เพ็ญอย่างเหยียดหยาม ขณะที่อีกฝ่ายอุ้มลูกไว้แนบอกส่วนใบหน้าเชิดขึ้นอย่างไว้ตัว

“อีปรางพี่มึงมันตายห่าไปแล้ว ตอนนี้เพ็ญไม่ใช่เมียน้อยกู เขาเป็นเมียหลวงต่างหาก รู้ไว้เสียด้วย ต่อไปมึงอย่าได้มาดูถูกเมียกู”

“อ้อ…ชื่อเพ็ญเหรอ แหม…ชื่อก็เพราะ หน้าตาก็ดี แต่ทำไมไม่มีปัญญาหาผัวเองล่ะ ต้องมาแย่งผัวคนอื่นเขาแบบนี้ นี่…กูจะบอกให้เอาบุญนะ เมียน้อยยังไงก็เป็นเมียน้อยอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เมียหลวงเขาตายไปแล้ว แต่มึงไม่มีวันลบคำว่าเมียน้อยออกไปจากชีวิตมึงได้หรอก มันจะกลายเป็นตราบาปว่ามึงไปแย่งผัวเขามา ส่วนลูกมึงก็เป็นแค่ลูกชู้ อย่ามาสำคัญตัวผิด”

“อีอ้อย อีปากหมา เพ็ญอย่าไปฟังมันนะ สำหรับพี่เพ็ญไม่ใช่เมียน้อย เพ็ญคือผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก ส่วนอีปรางพี่ไม่เคยรักมันเลย”

จักรกฤษณ์ออกหน้าปกป้องเมียใหม่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนกระทั่งว่าตนมางานศพของปรางทิพย์

“ถุย! พูดออกมาได้ ไม่เคยรักพี่กูเลย แต่ดันเอากันจนมีลูกกับพี่กูเนี่ยนะ ใครเชื่อก็โง่ตาย แต่กูขอถามมึงหน่อยเหอะ นี่ไอ้ไม้ มึงเป็นผู้ชายแบบไหน ถึงได้กล้าพาเมียน้อยกับลูกมาในงานศพเมียหลวงแบบนี้ อย่างน้อยพี่ปรางก็เคยเป็นเมียมึงนะ เมียที่อยู่กินกับมึงมาก่อนตั้งแต่มึงยังมีแต่ตัว เมียที่คอยช่วยมึงทำมาหากิน เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ศพก็ยังไม่ได้เผาตั้งอยู่ทนโท่ กูว่าดีไม่ดีที่พี่ปรางฆ่าตัวตายก็เพราะมึงนี่แหละไอ้ไม้ เพราะมึงมีเมียน้อย พี่ปรางเสียใจเลยคิดสั้นฆ่าตัวตาย มึงนี่แหละทำให้พี่กูตาย มึงทำกับพี่กูได้ยังไง พี่ปรางรักมึงมากขนาดไหนมึงยังกล้าทำ” พรพรรณชี้หน้าจักรกฤษณ์โกรธจัดเนื้อตัวสั่นเทา

“ขนาดมางานศพเมียทั้งที พวกมึงยังกล้าใส่ชุดสีแดงมางานเนี่ยนะ แล้วกูก็อยากรู้เหมือนกันว่า อีกะหรี่นี่เป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ถึงได้หน้าด้านไร้ยางอาย แย่งผัวเขาไปกกกอดจนมีลูกด้วยกัน มึงก็ยังกล้าอุ้มลูกกระเตงมาเยาะเย้ยศพเขาถึงที่นี่ มึงสองตัวนี่มันช่างเลวระยำสมกันเหมือนผีเน่ากับโลงผุ กูขออวยพรขอให้พวกมึงฉิบหาย ตายตามพี่สาวกูไปอย่างหมาข้างถนนในเร็ววันทีเถอะ” พรพรรณด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า

“อีอ้อย! อีฉิบหาย พี่สาวมึงฆ่าตัวตายเองมาเกี่ยวอะไรกับกู กูไม่ได้ไปฆ่ามันเสียหน่อย ส่วนมึงนะอีอ้อย อีปากหมา อีปากปลาร้า กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงถึงยังไม่มีผัว ก็เพราะปากมึงเป็นอย่างนี้ไง ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอา ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้ผู้หญิงปากอย่างมึงเอาไปเป็นเมียหรอก ใครได้ไปก็เป็นเสนียดตัวเอง กูจะบอกให้นะ พี่สาวมึง ทั้งขี้เหล้า ทั้งปากหมา อยู่ไปก็รกหูรกตา ตายๆ ไปเสียได้ก็ดี กูจะได้หมดเวรหมดกรรม”

ท้ายประโยคพาดพิงถึงคนตาย ยิ่งทำให้พรพรรณเดือดปุดๆ แทบจะถลาเข้าไปตบหากมีคนคอยฉุดห้ามได้ทัน

“ไอ้ไม้! ถ้ามึงจะมาที่นี่เพื่อมาด่าคนตายละก็ มึงมาทางไหน ไสหัวไปทางนั้น กูไม่อยากให้คนเสนียดจัญไรอย่างพวกมึงมาเหยียบงานศพของพี่ปราง มึงไปเลยนะไอ้ไม้ ไป๊ ไสหัวไปให้พ้น”

“เออ…กูก็ไม่อยากมาเหยียบงานศพให้เป็นเสนียดติดตีนกูหรอก แต่ที่กูมาเนี่ย กูมาเอาเงินของกูเว้ย อีอ้อย…มึงเอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้”

จักรกฤษณ์โต้กลับพร้อมกับแบมือทวงเงินพรพรรณดื้อๆ ทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

“เงิน! เงินอะไรของมึง กูไม่เคยติดหนี้อะไรมึง จะมาทวงเงินอะไร”

“เงินซองทำบุญงานศพยังไงล่ะ กูเป็นผัวมัน เงินนั่นมันต้องเป็นของกู”

จบประโยค พรพรรณก็แค่นหัวเราะดังลั่นศาลาก่อนจะชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างดูถูกดูแคลน

“อ๋อ…ไอ้ไม้ นี่มึงถึงกับหอบลูกเมียมางานศพพี่ปราง เพราะอยากได้เงินคนตายเนี่ยนะ โถ…ไอ้หน้าตัวเมีย ที่แท้มึงก็ยังไม่ทิ้งสันดานแมงดา ตอนพี่ปรางยังอยู่มึงก็แอบลักเงินของพี่ปรางไปเลี้ยงอีเมียน้อยนี่ อย่าคิดนะว่าพี่ปรางไม่รู้ พี่ปรางรู้และเล่าให้กูฟังหมด นี่พอตอนพี่ปรางตายไปแล้ว แมงดาอย่างมึงก็คงไม่มีปัญญาหาเงินเอง จนต้องมาแบมือขอเงินเป็นขอทานแบบนี้ น่าสมเพช เงินใส่ซองกูจ่ายค่าใช้จ่ายงานศพไปหมดแล้ว และต่อให้มีกูก็ไม่ให้มึงหรอกไอ้แมงดา มึงดูปากกูนะ กู-ไม่-ให้”

“โกหก อีอ้อยมึงโกหก กูไม่เชื่อมึงหรอกว่าเงินจะไม่มี งานศพทั้งที ยังไงมันก็ต้องมีเงินบ้างล่ะวะ อีปรางคนรู้จักมันเยอะจะตาย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เหลือเงินเลย กูไม่เชื่อ มึงแอบอมเงินงานศพเอาไว้ใช้เองใช่ไหม มึงมันก็เลว อีหน้าเงิน งานศพพี่สาวทั้งคนมึงก็ยังอมเงินเอาได้ มึงอย่าลืมนะ มึงเป็นแค่น้องสาว ก็แค่คนนอก เงินทุกบาททุกสตางค์มันต้องเป็นของกู ผัวอย่างกู ไม่ใช่น้องสาวอย่างมึง” จักรกฤษณ์ประกาศลั่นกลางศาลา

“แหม…ที่อย่างนี้มาลำเลิกความเป็นผัวขึ้นมาเลย แล้วตั้งแต่พี่กูเสียไป มึงหายหัวไปไหนมาล่ะ ถึงได้เพิ่งโผล่หน้ามาเอาตอนนี้ แล้วมาหาว่ากูเป็นคนนอก ได้ในเมื่อมึงเป็นผัว มึงมาก็ดีแล้ว นี่รายการค่าใช้จ่ายงานศพต่างๆ มึงก็เป็นคนจ่ายแล้วกัน”

พรพรรณขยำกระดาษรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ ในมือแล้วปาใส่หน้าพี่เขยเต็มแรง

“อีอ้อย! อีผีเปรตนี่”

จักรกฤษณ์แทบจะถลาพุ่งตัวเข้ามาต่อยพรพรรณ แต่โดนพวกผู้ชายที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาจับตัวเอาไว้เสียก่อน

“กูไม่ใช่เปรต พวกมึงต่างหาก พวกเปรตขอส่วนบุญ!”

พรพรรณด่ากราดอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับถลาเข้าไปถีบจักรกฤษณ์จนหงายหลัง ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายกันชั่วขณะ ก่อนที่ป้าจุจะรีบตะโกนบอกจักรกฤษณ์เสียงดัง

“ไอ้ไม้ กูว่ามึงรีบพาเมียน้อยกับลูกมึงกลับไปก่อนเถอะ ถ้าไม่เห็นกับคนตาย ก็คิดเสียว่าเห็นแก่ไอ้รินลูกมึงบ้างเถอะนะ”

คำนั้นทำให้คนฟังหันไปมองลูกสาวที่ยืนมองมาน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร แต่ทว่าเขากลับขัดหูขัดตาเมื่อเห็นลูกคนนี้ ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกแต่เป็นตัวซวยที่เขาไม่ต้องการ

“พี่ไม้ เรากลับกันเถอะนะพี่ ฉันอายเขา”

หญิงสาวข้างๆ รีบกระซิบบอก เมื่อสายตาของชาวบ้านรอบข้างที่มองมาอย่างดูถูกและหันไปซุบซิบนินทากัน

“เออ…วันนี้กูจะกลับไปก่อนก็ได้ คอยดูนะ กูจะต้องกลับมาเอาเงินของกูให้ได้ มึงคอยดูอีอ้อย”

เขาชี้หน้าขณะที่ตัวเองรีบพาลูกเมียเดินจากไปอย่างหัวเสีย

“แน่จริงมึงอย่าไปสิ ไอ้ไม้ ขี้ขลาดนี่หว่า ไม่แน่จริงนี่หว่าไอ้ไม้”

ทันทีที่พรพรรณหลุดจากการฉุดรั้งของป้าจุได้ เธอก็รีบถลาวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายที่กำลังเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ

ทว่าทันทีที่สายตาของพรพรรณเหลือบไปเห็นรถกระบะคันเก่าของจักรกฤษณ์กับปรางทิพย์ โดยด้านหลังกระบะมีรถมอเตอร์ไซค์และข้าวของต่างๆ เต็มรถ หญิงสาวก็ปรี่เข้าไปหาทันที หากคราวนี้มีลุงอ้นสามีของป้าจุเป็นคนช่วยรั้งไว้ไม่ให้เข้าไปทำร้ายร่างกายจักรกฤษณ์ได้

“ไอ้ไม้ นั่นมึงจะขนข้าวของไปไหน”

“ถามได้ กูก็ย้ายไปอยู่กับลูกเมียกูสิวะ”

“แล้วบ้านหลังนั้นล่ะ”

“บ้านเช่านั่น มีคนผูกคอตายทั้งคน ใครอยากจะอยู่ก็อยู่ กูไม่อยู่เด็ดขาด”

“แล้วไอ้รินลูกของมึงล่ะ”

พรพรรณหันมาหารินรดาที่เดินตามมาด้านหลังตาละห้อย ขณะที่อีกฝ่ายหันไปถามจันทร์เพ็ญที่นั่งรอในรถ เมื่อเห็นเธอส่ายศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ เขาก็รีบตอบทันที

“ใครอยากได้ก็เอาไป กูไม่เอาไปอยู่ด้วยหรอกเดี๋ยวก็ได้ซวยทั้งบ้าน”

“ไอ้เลวไม้ มึงเป็นพ่อประสาอะไร ข้าวของพวกนั้นมึงยังมีปัญญาขนไปได้ แต่นี่ลูกของมึงทั้งคน มึงจะทิ้งขว้างเหมือนไอ้รินมันไม่ใช่ลูกได้ยังไงกัน พี่ปรางก็ตายไปแล้ว มึงเป็นพ่อ มึงก็ควรจะรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกสิ”

ยังไม่ทันที่พรพรรณจะพูดจบดี รินรดาก็ถลาวิ่งเข้าไปกอดขาของบิดาไว้แน่น

“พ่อ พาหนูไปด้วยนะ หนูอยากไปอยู่กับพ่อ”

เด็กหญิงเงยหน้ามองคนเป็นพ่อน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเสียแม่ไปคนแล้ว ตอนนี้พ่อก็จะทิ้งอีกคน หัวใจดวงน้อยแทบแหลกสลาย

“มึงไปอยู่กับกูไม่ได้ กูเลี้ยงมึงไม่ได้ อีอ้อยมึงเป็นน้า มึงอยากเลี้ยงก็เลี้ยงไปสิ กูไม่เลี้ยง อีลูกคนนี้ กูยกให้”

“พ่อ พ่อจ๋า ให้หนูไปด้วยนะ หนูอยากไปอยู่กับพ่อจริงๆ หนูสัญญา หนูจะไม่ดื้อไม่ซน หนูจะเป็นเด็กดี ทำตามที่พ่อบอกทุกอย่าง หนูจะขยันทำงาน พ่อให้หนูไปอยู่กับพ่อด้วยคนนะพ่อนะ ฮือๆ”

“เอ๊ะ! นี่มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง กูบอกว่า กูไม่อยากให้มึงไปอยู่ด้วย แล้วก็จำใส่สมองไว้ด้วยว่ากูไม่เคยมีลูกอย่างมึง ไป๊…ไปให้พ้น”

จักรกฤษณ์กระชากขาออกจากการเกาะกุมของลูกสาวอย่างแรงจนรินรดากระเด็นล้มลงกับพื้น

“ริน!”

พรพรรณรีบถลาเข้าไปหาหลานด้วยความเป็นห่วง เปิดโอกาสให้จักรกฤษณ์พอขึ้นรถไปได้ก็รีบขับออกไปทันที

“พ่อ…พ่อจ๋า อย่าไป พาหนูไปด้วย หนูไม่เหลือใครแล้ว”

รินรดาร้องตะโกนสุดเสียง พลางวิ่งไล่กวดตามรถกระบะที่กำลังขับออกไปนอกวัดอย่างเต็มกำลังจนสุดท้ายขาก็สะดุดล้มหน้าคะมำอย่างแรง เธอเงยหน้าตามไฟท้ายรถกระบะที่แล่นหายลับไปนอกประตูวัด

“พ่อจ๋า…ฮือๆ อย่าทิ้งหนู อย่า…ฮือๆ”

เด็กหญิงร่ำไห้จนแทบจะขาดใจ ทำเอาพรพรรณที่วิ่งตามหลานสาวมาด้วยความเป็นห่วงถึงกับทนไม่ไหวต้องรีบรั้งตัวหลานมากอดไว้แนบอก

“น้าอ้อย พ่อไม่รักหนูแล้วใช่ไหม ถึงได้ทิ้งหนูไว้แบบนี้ พ่อเขามีลูกใหม่ พ่อเลยไม่อยากมีลูกอย่างรินแล้วเหรอน้าอ้อย”

คำถามอย่างไร้เดียงสาทำเอาคนใจแข็งอย่างพรพรรณถึงกับน้ำตารื้นออกมา

“ริน ไม่เป็นไรนะลูก ถึงไม่มีพ่อแต่รินก็ยังมีน้า ต่อไปนี้รินไปอยู่กับน้านะ น้าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้รินเอง นะลูกนะ”

“จริงเหรอจ๊ะน้าอ้อย น้าจะไม่ทิ้งรินไปอีกคนใช่ไหมจ๊ะ”

“ไม่ทิ้งหรอก น้าสัญญา” พรพรรณยื่นนิ้วก้อยให้เด็กหญิง

รินรดามองหน้าน้าสาวทั้งน้ำตา ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของน้าสาวเป็นการทำสัญญาระหว่างกัน ก่อนจะโผกอดพรพรรณแน่นแล้วร้องไห้ออกมา

ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะตายไปแล้ว แม้ว่าพ่อจะทิ้งและไม่ยอมรับเธอเป็นลูก แต่อย่างน้อยรินรดาก็ยังมีน้าสาวที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอ เด็กหญิงมองไปทางประตูวัดที่พ่อหายลับไป โดยหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ในวันนี้ได้ฝังลึกลงในใจเธอจนยากจะลบเลือน

 



Don`t copy text!