รักในรอยน้ำตา บทที่ 3 : สรวิชญ์
โดย : ปิ่นฟ้า
รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco
สรวิชญ์ หรือต้น รุ่นพี่ชั้นปีที่สอง ในวัยยี่สิบปี เขาเรียนคณะเดียวกับรินรดา ตั้งแต่หญิงสาวเข้ามาเรียนในคณะ ความงามของเธอก็เป็นที่โจษจันในหมู่รุ่นพี่หนุ่มๆ แต่สรวิชญ์กลับไม่ได้สนใจเธอแต่แรก เพราะในมหาวิทยาลัยผู้หญิงสวยมีมากมายกว่าผู้ชายรูปหล่ออย่างเขาที่มีดีกรีเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัย ไม่ว่าเขาจะต้องการสาวสวยคนไหน เพียงแค่เขาชายตามอง หรือแสดงออกว่าชอบนิดหน่อย พวกเธอก็แทบจะวิ่งเข้าหาโดยที่เขาไม่ต้องลงทุนจีบเลยด้วยซ้ำ
แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เล่นตัวขึ้นมาอีกหน่อย ถ้าเขาสนใจก็เพียงแค่คอยเอาอกเอาใจ พูดจาหวานหู หรือเปย์เงินให้เธอไม่กี่ครั้ง แค่นี้ก็ทำให้พวกสาวๆ ยอมเป็นแฟนเขาแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขายอมหยุดกับพวกเธอได้เลยสักคน เพราะพอคบๆ กันไป พวกเธอแต่ละคนก็ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเสียจนน่ารำคาญ บางครั้งถึงขั้นตามหึงหวงตบตีกันจนเขาเบื่อหน่าย
ทว่ารินรดากลับต่างออกไป เท่าที่เขาสังเกตดู ไม่ว่าจะมีผู้ชายแสดงตัวเข้าไปจีบเธอมากสักเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่สนใจใครเลยสักคน วันๆ เธอเอาแต่เรียนกับทำงาน จนใครๆ ก็พูดกันอย่างสนุกปากว่า รินรดาเป็นผู้หญิงเย่อหยิ่งจีบยาก ดีไม่ดีอาจจะตายด้านไปแล้วก็ได้
“พวกมึงคอยดูนะ กูนี่แหละจะเป็นคนจีบผู้หญิงเย่อหยิ่งแบบรินรดาให้ติดเอง ไม่เชื่อคอยดู”
สรวิชญ์ประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจต่อหน้าเพื่อนๆ ขณะที่เขาเริ่มกรึ่มๆ ได้ที่ แต่กลับโดนเอกวิทย์ปรามาส
“มึงแน่ใจเหรอวะไอ้ต้นว่าจะจีบน้องระรินติดน่ะ ขนาดกูยังจีบไม่ติดเลยนะ”
“ก็นั่นมันมึงไงไอ้เอก แต่มึงดูเบ้าหน้ากูสิครับ นี่ใคร สรวิชญ์เดือนมหาลัยเชียวนะเว้ย กูไม่เชื่อหรอกว่าน้องระรินจะไม่หลงความหล่อของกู ผู้หญิงก็เหมือนกันหมดแหละชอบผู้ชายหล่อๆ”
“ไอ้ต้น มึงก็อย่ามั่นอกมั่นใจให้มันมาก ผู้หญิงบางคนเขาอาจจะไม่ได้มองคนที่ความหล่ออย่างเดียวก็ได้ ไม่งั้นน้องระรินคงจะมีแฟนไปนานแล้ว มึงไม่สังเกตเหรอว่า คนที่เข้าไปจีบน้องเค้าแต่ละคน หน้าตาก็ดี ดูมีฐานะกันทั้งนั้นเลยนะเว้ย” เจตต์ท้วง ทำให้สรวิชญ์ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก
“ไอ้เจตต์ หมายความว่ายังไงวะ”
“กูก็หมายความว่า บางทีน้องระรินอาจจะชอบผู้ชายนิสัยดี ซึ่งกูว่าผู้ชายเจ้าชู้ป้อผู้หญิงไปเรื่อยแบบมึงเนี่ย คงจีบน้องระรินเขาไม่ติดหรอก”
“พวกมึงก็คอยดูแล้วกัน กูไม่เชื่อหรอกว่ากูจะจีบไม่ติด”
“เออ พวกกูจะคอยดู ถ้ามึงจีบน้องระรินติดนะ พวกกูจะเลี้ยงมึง แต่ถ้ามึงจีบไม่ติด มึงต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงพวกกู” เอกวิทย์ท้าทาย ทำให้สรวิชญ์รับคำท้าโดยไม่ลังเล
“ได้”
ยิ่งจีบติดยาก ยิ่งท้าทาย ยิ่งกระตุ้นความอยากเอาชนะของสรวิชญ์มากขึ้นไปอีก เขาไม่สนหรอกว่าหญิงสาวจะเป็นคนอย่างไร แต่กิตติศัพท์ความงามและจีบยากของเธอ ผู้ชายแต่ละคนต่างรู้กันเป็นอย่างดี แล้วมีหรือที่คนอย่างสรวิชญ์จะพลาดที่จะลองเล่นเกมนี้ดูสักครั้ง
สรวิชญ์เริ่มดำเนินการตามแผน เขาเริ่มสืบหาข้อมูลของหญิงสาว จนได้รู้ว่ามีสถานที่ไม่กี่แห่งที่รินรดาชอบไปบ่อยๆ ในทุกวัน นั่นก็คือ ห้องเรียน โรงอาหาร กับห้องสมุด โดยมีกนกอรเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเงาตามตัว บางทีเขาอาจจะต้องเข้าทางเพื่อนสนิท หรืออาจจะต้องหัดทำตัวเป็นเด็กเรียนหัดเข้าห้องสมุดเสียบ้างเพื่อหาโอกาสให้หญิงสาวได้เห็นหน้าเขาบ่อยขึ้น
ชายหนุ่มได้แต่คิดว่า ความหล่อเหลาของเขาที่หญิงสาวทั้งมหาลัยต่างอยากเป็นแฟนจะทำให้สะดุดตารินรดา จนอยากเป็นแฟนกับเขาขึ้นมาบ้าง ทว่าดูเหมือนเขาจะคิดผิดถนัด เพราะกว่าสองสัปดาห์ที่เขาพยายามปรากฏตัวในสถานที่ต่างๆ ให้รินรดามีโอกาสได้เห็นหน้าเขาบ่อยๆ แต่แทนที่เธอจะสนใจเขามากขึ้น กลับกลายเป็นว่าหญิงสาวเดินสวนผ่านเขาไปราวกับเขาเป็นเพียงอากาศที่ไร้ตัวตน
ทำให้สรวิชญ์รู้สึกเสียเซลฟ์และเสียหน้าอย่างแรง จากตอนแรกเขาเพียงแค่อยากจะเอาชนะคำท้าทายของเพื่อน แต่พอเขาได้สัมผัสถึงความยากของสาวเจ้า รวมถึงความเย่อหยิ่งและไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย ความอยากเอาชนะก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว
สรวิชญ์ได้แต่คิดว่า หากวันใดที่เขาได้เธอมาครอบครองจนเบื่อแล้ว เขาก็จะทิ้งเธอไปเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ
ผู้หญิงก็คือผู้หญิง จะใจแข็งหยิ่งเล่นตัวไปได้นานแค่ไหนกัน
หลังจากสรวิชญ์มาถึงร้านประจำที่มีเอกวิทย์กับเจตต์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่เขานั่งลงบนเก้าอี้ ชายหนุ่มก็ยิ้มแก้มปริออกมาอย่างมีชัย
“ไอ้เอก ไอ้เจตต์ วันนี้กูได้เบอร์น้องระรินมาแล้วโว้ย กูชนะ มื้อนี้พวกมึงต้องเลี้ยงกู”
“อะไรวะไอ้ต้น มึงโกหกหรือเปล่า” เอกวิทย์ถามกลับอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ
“กูไม่ได้โกหก กูได้มาจริงๆ นะเว้ย” สรวิชญ์นำโทรศัพท์มือถือมาอวดเบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวให้เพื่อนทั้งสองดู หากเจตต์กลับเป็นฝ่ายค้านขึ้น
“ไอ้ต้น น้องเขาให้เบอร์โทรมาเฉยๆ แต่ไม่ยอมรับโทรศัพท์มึงหรือเปล่าวะ มึงอย่าลืมสิ ขนาดพวกกูพยายามจีบน้องยังไง แม้แต่พูดกับพวกกูยังนับคำได้”
“ไม่หรอกมั้ง กูว่ายังไงน้องเขาก็ต้องรับสายกู เพราะกูเป็นรุ่นพี่ที่ทั้งหล่อและแสนดีขนาดนี้”
คำพูดหลงตัวเองของเขา ทำให้เอกวิทย์เกือบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่จนต้องค้านขึ้นโดยเร็ว
“เดี๋ยวนะไอ้ต้น นี่กูหูฝาดไปหรือเปล่า มึงเนี่ยนะรุ่นพี่แสนดี”
“ก็ใช่น่ะสิ พวกมึงไม่เชื่อใช่ไหม ถ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวกูลองโทรหาน้องระรินเดี๋ยวนี้เลย”
ว่าแล้วสรวิชญ์กดโทร.ออกหารินรดาทันที เพียงไม่กี่อึดใจเจ้าของเบอร์โทรก็รับสายเขา
“สวัสดีค่ะพี่ต้น”
“สวัสดีครับน้องระริน”
“พี่ต้นมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่แค่อยากโทรมาถามว่า น้องระรินกินข้าวเย็นหรือยังครับ นี่พี่กำลังกินข้าวอยู่ น้องระรินมากินข้าวกับพี่ไหม พี่ไปรับได้นะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ระรินกินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ ต้องขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงสาวพูดตัดบทก่อนจะวางสายไป ทิ้งให้อีกฝ่ายหน้าเจื่อนไปนิดก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วคุยโวอวดเพื่อนดังเดิม
“นี่พวกมึงเห็นไหม น้องระรินรับสายกู กูว่านะน้องเขาเริ่มมีใจให้กูแล้วละว่ะ”
สรวิชญ์คุยข่มพลางตักข้าวใส่ปาก ทำให้เพื่อนทั้งสองเห็นแล้วหมั่นไส้
“น้อยๆ หน่อยไอ้ต้น เออ…กูยอมรับว่ามึงเก่งที่ขอเบอร์โทรน้องเขามาได้ แต่แค่มึงได้คุยกับน้องเขาไม่กี่คำ มึงจะมาคิดเองเออเองว่าน้องระรินเริ่มมีใจให้มันก็ไม่ใช่ป่าววะ ตกลง…น้องเขาจะมากินข้าวกับมึงไหมล่ะ”
“น้องระรินไม่มาว่ะ น้องเขาบอกว่ากินข้าวแล้ว”
สรวิชญ์พูดเสียงเบา ทำให้เพื่อนทั้งสองก็หัวเราะกันครืน
“แหม น้องเขาบอกว่ากินข้าวแล้ว แสดงว่าเขาปฏิเสธแบบสุภาพ เหมือนที่กูเคยโดนเลย แบบนี้มึงจะคิดว่าน้องเขาเริ่มมีใจให้ไม่ได้นะไอ้ต้น” เอกวิทย์สรุป
“นั่นสิ เพราะฉะนั้นมื้อนี้ต่างคนต่างจ่ายเว้ย ว่าแต่…ไอ้ต้น มึงไปทำยังไงถึงได้เบอร์โทรของน้องมาวะ ไอ้เอกคอยเทียวไล้เทียวขื่ออยู่ตั้งนานยังไม่เคยได้เลย ผู้หญิงอะไรเล่นตัวชะมัดยาด”
แทนคำตอบ สรวิชญ์ยิ้มอย่างเป็นต่อ ก่อนหยิบบัตรนักศึกษาของรินรดาออกมาอวดเพื่อนทั้งสอง
“กูก็แค่เก็บได้ ก็เลยสวมบทเป็นรุ่นพี่ใจดี ใช้บัตรตัวเองยืมหนังสือให้น้องระรินก็แค่นี้เอง” คำตอบไม่คาดคิด ทำเอาคนฟังถึงกับส่ายหัว
“ไอ้เวรต้น นั่นไม่ได้เรียกว่ารุ่นพี่ใจดี นั่นเรียกว่าเจ้าเล่ห์ แทนที่มึงเก็บบัตรน้องเขาได้แล้วจะคืน กลับมาใช้วิธีสกปรกแบบนี้ มันดูไม่ดีเลยนะเว้ย” เจตต์ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“ไอ้เจตต์ ถ้ากูคืนบัตรนักศึกษาน้องระรินไป กูก็คงได้แค่คำขอบคุณ แต่ถ้ากูยืมหนังสือให้น้องเขาแทน กูก็ได้เบอร์โทรศัพท์มาไง แล้วยังได้สานต่อมีเรื่องให้คุยกับน้องระรินมากขึ้นอีก ถึงมันจะเจ้าเล่ห์ไปบ้าง แต่สำหรับกูก็ถือว่าคุ้ม”
“ถ้าเกิดน้องระรินรู้เข้า ภาพลักษณ์รุ่นพี่แสนดีมันจะไม่เหลือเลยนะเว้ย”
“นั่นสิ กูว่ามึงเอาบัตรนักศึกษาไปคืนน้องเขาเถอะว่ะ” เอกวิทย์สนับสนุนเจตต์อีกแรง
“ไม่ละ กูมีวิธีของกู แต่น้องระรินจะไม่มีวันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ถ้ามึงสองคนไม่ปากสว่างพูดออกไปก็จะไม่มีใครรู้” สรวิชญ์ยิ้มมุมปากก่อนจะเก็บบัตรใส่ไว้ดังเดิม
“มึงนี่มันเหลือร้ายจริงๆ ว่ะไอ้ต้น”
เอกวิทย์พูดกลั้วหัวเราะกับสิ่งที่เพื่อนได้ทำลงไป ขณะที่เจตต์ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอา
วันรุ่งขึ้นตอนกลางวันที่โรงอาหารของคณะ ขณะที่รินรดากับกนกอรกำลังนั่งกินข้าว ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ สรวิชญ์ก็เดินเข้ามาทักทายคนทั้งสอง ทำให้กนกอรที่เคยแอบปลื้มอีกฝ่ายซึ่งมีดีกรีเป็นถึงเดือนของมหาวิทยาลัยแทบกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น ขณะที่รินรดากลับยิ้มเพียงเล็กน้อยพร้อมกับยกมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีค่ะพี่ต้น”
กนกอรแทบจะเก็บอาการปลื้มไว้ไม่อยู่ ขณะที่ร่างสูงถือวิสาสะนั่งลงข้างหญิงสาวอย่างจงใจ ทำให้รินรดาต้องขยับห่างออกมาอย่างไว้ตัว
“น้องระริน วันนี้เดี๋ยวพี่พาไปทำบัตรนักศึกษานะครับ”
คำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอากนกอรที่ไม่รู้เรื่องราวถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“บัตรนักศึกษาอะไรเหรอระริน”
“ไม่มีอะไรหรอกแก เมื่อวานจะยืมหนังสือห้องสมุด แล้วบัตรนักศึกษาหาย พอดีพี่ต้นเห็นเข้า เลยช่วยยืมหนังสือให้ฉันน่ะ”
“อ๋อ…”
“ที่จริงพี่ต้นไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ เดี๋ยวระรินไปกับอรก็ได้”
สรวิชญ์คิดอยู่แล้วว่าหญิงสาวจะต้องหาทางปฏิเสธจนได้ เขาจึงเตรียมตัวมาอย่างดี
“ลำบากที่ไหนกันล่ะครับ อีกอย่างพี่เกรงว่า ถ้าพี่ไม่ไปกับน้องระรินด้วย น้องอาจจะทำแค่บัตรนักศึกษา แต่ไม่ได้เอาหนังสือไปคืนอย่างที่พูดน่ะสิ ไม่เป็นไรนะครับ บ่ายนี้พี่ว่างเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนเอง”
“เอ๊ะ!”
“แต่ระรินจะไปกับอรค่ะ พี่ต้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ระรินจะเอาหนังสือสามเล่มไปคืนและจะใช้บัตรของตัวเองยืมแทนค่ะ จะได้ไม่รบกวนพี่”
จังหวะที่คนทั้งสองกำลังโต้เถียงกัน กนกอรมองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา เสียงโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวก็ดังขึ้น ชั่วขณะหนึ่งที่กนกอรคุยโทรศัพท์กับปลายสายด้วยน้ำเสียงร้อนรนก่อนจะวางสาย
“ระริน ฉันคงไปกับแกไม่ได้แล้วละ แม่โทรมาให้รีบกลับบ้านน่ะ ไม่รู้มีเรื่องอะไร พี่ต้นคะ อรฝากเพื่อนด้วยนะคะ”
“ได้ครับน้องอร ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พี่จะดูแลเพื่อนเราให้อย่างดีเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะพี่ต้น ฉันไปก่อนนะแก” พูดจบกนกอรก็รีบผุดลุกไปทันที
“ยัยอร เดี๋ยวสิ…”
“ไม่เป็นไรนะครับน้องระริน เดี๋ยวพี่พาน้องไปเอง”
“พี่ต้นคะ ระรินไปคนเดียวได้ค่ะ”
หญิงสาวพยายามหลบหลีกด้วยความอึดอัด หากอีกฝ่ายถือวิสาสะเอื้อมมือมาหยิบหนังสือตรงหน้าหญิงสาวขึ้นมาถือไว้
“ไม่ได้หรอกครับ พี่เพิ่งรับปากเพื่อนเราไปเมื่อกี้นี้เอง ว่าพี่จะพาน้องระรินไปทำบัตรนักศึกษาใหม่ ถ้าพี่ปล่อยให้น้องระรินไปคนเดียว พี่ก็กลายเป็นคนผิดคำพูดสิครับ”
สรวิชญ์ส่งยิ้มละมุน ขณะที่รินรดามองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร หากหนังสือในอ้อมแขนเขาเตือนให้เธอสะกดกลั้นความไม่พอใจไว้ แล้วพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
‘ยัยอรนะยัยอร ทำไมจะต้องมีติดธุระด่วนอะไรเอาตอนนี้ก็ไม่รู้’
สรวิชญ์พารินรดาไปจัดการทำบัตรนักศึกษาใหม่จนแล้วเสร็จ ขณะที่เขากับเธอเดินเคียงกันไปที่ห้องสมุด ชายหนุ่มพยายามแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาชอบเธอด้วยใจจริง แต่แทนที่หญิงสาวจะรู้สึกภูมิใจที่ได้มีเขาคอยเอาใจแบบนี้ รินรดากลับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเมื่อมีสายตาหลายคู่ของผู้หญิงในมหาวิทยาลัยต่างจับจ้องมาที่เธออย่างไม่เป็นมิตร
“ต้นคะ เด็กนี่ใครเหรอคะ”
ชนิศาตรงเข้ามากอดแขนชายหนุ่มพยายามแสดงความเป็นเจ้าของอย่างออกนอกหน้า ทำให้สรวิชญ์รีบแกะมือออก แล้วไปยืนโอบบ่ารินรดาเบาๆ ก่อนจะตอบกลับว่า
“น้องระรินครับ นี่กีต้าร์เพื่อนคนละคณะของพี่ครับ ส่วนนี่น้องระริน คนที่ผมกำลังจีบอยู่ ว่าที่แฟนในอนาคตครับ” สรวิชญ์รวบรัดหน้าตาเฉย ทำเอาทั้งสองคนมีสีหน้าต่างกันไป
“อะไรนะ! คนที่กำลังชอบเหรอต้น” ชนิศาเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าผลุนผลันเดินจากไปทันที
คล้อยหลังชนิศา รินรดาขยับตัวออกมาจากแขนที่โอบไหล่ของสรวิชญ์พร้อมหันมาตำหนิเขาโดยเร็ว
“พี่ต้นคะ ทำไมพี่ต้นแนะนำแบบนั้นล่ะคะ เราไม่ได้เป็นอะไรเลยสักหน่อย มันไม่สมควรนะคะ” เสียงแข็งหน้าตึงของหญิงสาว เขารู้ได้ทันทีว่าวิธีรวบรัดแบบนี้คงจะใช้กับเธอไม่ได้ เขาจึงรีบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นใจ
“พี่ขอโทษครับน้องระริน ที่พี่ทำไปเพราะว่ากีต้าร์เขาชอบพี่น่ะครับ แล้วพยายามเข้าหาพี่ แต่พี่คิดกับเขาแค่เพื่อน ขืนพี่ไม่ทำแบบนี้ กีต้าร์คงจะไม่ยอมปล่อยพี่ง่ายๆ แน่เลยครับ พี่ต้องขอโทษน้องระรินอีกครั้งนะครับ” แววตาหมองเศร้าของเขา ทำให้รินรดาอดใจอ่อนไม่ได้
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ อันที่จริง ถ้าเจอแบบนี้พี่ต้นน่าจะพูดกันตรงๆ ก็ได้นี่คะ ไม่เห็นจะต้องมาทำแบบนี้เพื่อให้คนอื่นเข้าใจระรินผิดเลย”
พูดจบหญิงสาวก็เดินหนีไป ทิ้งให้สรวิชญ์เกาศีรษะตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะรีบเดินตามไปทันที จนกระทั่งรินรดาจัดการคืนหนังสือและยืมใหม่มาเป็นชื่อของตัวเองเรียบร้อย
“ขอบคุณมากนะคะพี่ต้น”
“พี่ยินดีครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วยอะไรสักเรื่องได้ไหมครับ”
“ช่วยเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ครับ”
“ได้สิคะพี่ต้น ในเมื่อพี่ช่วยระรินยืมหนังสือ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ระรินยินดีตอบแทนค่ะ”
“น้องระรินทำได้แน่นอนครับ เรื่องที่พี่จะขอให้ช่วยไม่ได้ยากอะไรเลย”
“แล้วจะให้ระรินช่วยอะไรหรือคะ”
“คือพี่มีเรื่องกลุ้มใจมากเลยครับ พี่คิดแล้วคิดอีกไม่รู้จะทำยังไงดี พอดีช่วงนี้มีสาวๆ พยายามเข้ามาจีบพี่บ่อยมากจนพี่รำคาญ พี่เลยอยากให้น้องระรินช่วยแกล้งเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ แค่แฟนปลอมๆ น่ะ”
“อะไรนะคะ แฟนปลอมๆ เหรอคะ ระรินไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้หรอกค่ะ ระรินว่าพี่ต้นให้ระรินช่วยอย่างอื่นเถอะนะคะ อีกอย่างระรินไม่ชอบให้คนมาเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับพี่ต้น ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ขอโทษด้วยนะคะ”
“น้องระรินอย่างเพิ่งรีบด่วนปฏิเสธสิครับ ลองกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมครับ พี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาสักหน่อย ก็แค่บางเวลาเพื่อให้พวกผู้หญิงเข้าใจว่าระรินกับพี่เป็นแฟนกัน ผู้หญิงพวกนั้นจะได้ไม่เข้ามายุ่งกับพี่น่ะครับ”
เขาทำน้ำเสียงเศร้าสร้อย แววตาอ้อนวอนเต็มที่เผื่อจะทำให้อีกฝ่ายใจอ่อน
“ระรินขอพูดอะไรตรงๆ สักอย่างได้ไหมคะ ระรินคิดว่าผู้หญิงชอบพี่ตามจีบก็ส่วนหนึ่ง แต่พี่ต้นไปทำตัวยังไง ถึงทำให้ผู้หญิงพยายามเข้าหาไม่หยุด ไม่ใช่ว่าพี่ไปให้ความหวังไม่เลือกเหรอคะ พวกผู้หญิงเขาอาจจะคิดว่า เพราะมีหวังเขาถึงพยายามทำยังไงล่ะคะ สำหรับวันนี้ขอบคุณมากนะคะพี่ต้น ระรินขอตัวก่อนค่ะ”
พูดจบรินรดาก็เดินผละไป ทิ้งให้สรวิชญ์มองตามด้วยความหงุดหงิดที่หญิงสาวไม่ได้ใจอ่อนกับลูกไม้ของเขาเหมือนคนอื่นๆ
ไม่สิ นอกจากจะไม่ใจอ่อนแล้ว ดูเหมือนจะไม่แยแสเขาเลยด้วยซ้ำ!
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 24 : หัวใจรัก (จบบริบูรณ์)
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 23 : ให้ทุกข์แก่ท่าน...ทุกข์นั้นถึงตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 22 : กรรมตามสนอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 21 : เส้นขนาน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 20 : เริ่มต้นชีวิตใหม่
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 19 : หย่า
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 18 : เจรจา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 17 : โรงพยาบาล
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 16 : คนที่เลือก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 15 : มิตรภาพ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 14 : กาลเวลาผันผ่าน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 13 : กลับตัวแต่ไม่กลับใจ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 12 : โอกาสครั้งที่สอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 11 : ลมหายใจที่ปลิดปลิว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 10 : เรื่องไม่คาดฝัน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 9 : หอพัก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 8 : แก้ไขหรือแก้ตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 7 : ความจริง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 6 : คำเตือน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 5 : แผนลับ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 4 : แผนขั้นต่อไป
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 3 : สรวิชญ์
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 2 : ชีวิตใหม่ของรินรดา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 1 : งานศพ
- READ รักในรอยน้ำตา : บทนำ