รักในรอยน้ำตา บทที่ 4 : แผนขั้นต่อไป
โดย : ปิ่นฟ้า
รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco
กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่รินรดาเตรียมงานสอนพิเศษเสร็จเรียบร้อย เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเป็นกนกอรโทร.เข้ามา เธอรีบรับสายโดยเร็ว
“นี่อร ไม่น่ารีบกลับบ้านเลย ทำให้ฉันต้องไปกับพี่ต้นสองคนเนี่ย” เสียงต่อว่าต่อขานทำให้กนกอรหัวเราะคิกคักดังมาทางสายโทรศัพท์
“ฉันขอโทษนะระริน ที่บ้านมีเรื่องด่วนจริงๆ ก็เจ้าอุ๋งอิ๋งน่ะสิ ไม่รู้เป็นอะไร คุณแม่บอกว่าพยายามเรียก แต่เรียกยังไงก็ไม่ยอมลุก ไม่ตื่น ไม่หือไม่อือ คุณแม่ก็ตกใจนึกว่าหมาตายเลยรีบโทรตามฉันกลับบ้านจะให้พาไปหาหมอ แต่แกรู้อะไรไหม พอฉันกลับถึงบ้าน เจ้าอุ๋งอิ๋งตัวแสบก็ลุกมากระดิกหางอ้อนใหญ่เลย คุณแม่ก็เลยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงโมโหอุ๋งอิ๋งยกใหญ่ แถมยังบ่นอีกว่าเจ้าอุ๋งอิ๋งเดี๋ยวนี้สำออยแกล้งตายเก่ง ไม่รู้ไปเรียนมาจากไหน เนี่ยเมื่อเย็นคุณแม่ก็ยังงอนเจ้าอุ๋งอิ๋งอยู่เลย ฉันต้องเป็นคนเอาข้าวให้กิน”
“ตายแล้ว มีแบบนี้ด้วยเหรอแก หมาเนี่ยนะแกล้งตายเป็นด้วยเหรอ”
“น้อยไปสิแก วีรกรรมนี่อย่าให้พูด มีเรื่องได้ทุกวัน นี่ขนาดบางแก้วผสมเทอร์เรียนะ ถ้าหากเจ้าอุ๋งอิ๋งเป็นบางแก้วแท้ ฉันละไม่อยากจะนึก คงจะแสบยิ่งกว่านี้แน่ๆ” กนกอรเล่าวีรกรรมสัตว์เลี้ยงแสนรักให้รินรดาฟัง ทำให้อีกฝ่ายลืมความขุ่นมัวที่จะต่อว่าเพื่อนไปชั่วขณะ จนกระทั่งอีกฝ่ายทักขึ้นมา
“ว่าแต่แกเถอะระริน วันนี้ไปทำบัตรนักศึกษากับพี่ต้นเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ไม่เป็นยังไง วันนี้เจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเกาะแขนพี่ต้น แล้วเขาก็แนะนำว่าฉันเป็นคนที่เขากำลังจีบ เป็นว่าที่แฟนในอนาคต บ้าชะมัด”
“อะไรนะ พี่ต้นถึงขนาดประกาศออกไปแบบนั้น แสดงว่าพี่เขาต้องชอบแกมากแน่ๆ ผู้ชายน่ะ ถ้าพูดแบบนี้ออกไป แสดงว่าเขาสนใจเรามากจนไม่แคร์ผู้หญิงคนอื่น แบบนี้แกสบายใจได้เลย”
“สบายใจที่ไหน ผู้ชายอะไร จู่ๆ ก็มาโมเมแนะนำฉันแบบนั้น ฉันไม่โอเคเลยสักนิด ไม่ได้รู้จักอะไรกัน แค่คุยไม่กี่คำ แล้วมาแนะนำแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน” คำต่อว่าของรินรดาทำให้อีกฝ่ายชะงักไปนิด
“เออ ก็จริงของแกนะระริน แต่ว่าฉันก็มองไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน มองยังไง ก็ดูเหมือนพี่ต้นเขาจะจริงใจกับแกนะ ถึงได้ประกาศออกไป”
“จริงใจเหรอแก จริงใจแบบไหนกัน ถึงได้ขอให้ฉันช่วยแกล้งเป็นแฟนปลอมๆ เพื่อกันพวกผู้หญิงที่เข้ามาจีบพี่เขาออกไปน่ะแก”
“อะไรนะ แกล้งเป็นแฟนปลอมๆ งั้นเหรอ แล้วแกได้ตอบรับหรือเปล่าล่ะ”
“บ้าเหรอ ฉันไม่ยอมทำเด็ดขาด ใครจะยอมก็ยอม ฉันไม่ยอม ขืนฉันทำแบบนั้นคนก็เข้าใจผิดสิว่าเป็นแฟนกับพี่ต้น อีกอย่างฉันไม่อยากให้คนเข้าใจผิดคิดว่ามีแฟนแล้ว เพราะไม่อยากเป็นเป้านิ่งให้ใครมาสนใจ ฉันอยู่ของฉันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
“นี่ระริน ฉันถามจริงๆ นะ แกไม่รู้สึกอะไรกับพี่ต้นบ้างเหรอ แบบชอบสักนิดอะไรแบบนี้” กนกอรซัก
“ไม่ ฉันไม่ชอบ” รินรดาตอบทันควัน
“หึ ที่ไม่ชอบนี่ แกไม่ชอบพี่ต้นหรือว่าไม่ชอบผู้ชายกันแน่” คำถามย้อนกลับของเพื่อนรักทำให้หญิงสาวชะงักไป ก่อนจะถามต่อ
“นี่ระรินฉันถามหน่อยเถอะ ไม่ใช่แค่พี่ต้นหรือเปล่าที่แกไม่ชอบ ตั้งแต่ฉันรู้จักแกมา ไม่เคยเห็นแกเคยชอบผู้ชายคนไหนเลย อย่าว่าแต่ชอบเลย พอขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย แกก็แทบจะไม่มองด้วยซ้ำ ขนาดเพื่อนผู้ชายก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะคบหา นี่ถามจริง แกเป็นโรคกลัวผู้ชายหรือเปล่าวะ”
“ฉันไม่ได้เป็นโรคกลัวผู้ชายนะแก แต่ฉันไม่รู้จะคุยทำไม ยิ่งเวลาผู้ชายเข้ามาจีบ ฉันรู้สึกรำคาญมากกว่า สู้เอาเวลาคุยกันไปอ่านหนังสือหรือทำงานหาเงินดีกว่าเยอะ”
“ระริน อย่าหาว่าฉันยุ่งเลยนะ แกทำอย่างกับว่าผู้ชายทุกคนบนโลกเป็นเชื้อไวรัสที่จะต้องระวังตัวอย่างนั้นแหละ อีกอย่างเมื่อตอนกลางวัน ฉันดูเดี๋ยวเดียวก็พอรู้ว่าพี่ต้นเขาดูชอบและสนใจแกมากนะ พี่เขาถึงเข้ามาจีบแก แล้วทำไมแกไม่ลองเปิดใจให้พี่เขาดูบ้างล่ะ แกรู้ไหมพี่ต้นนี่ฮอตขนาดไหน ดีกรีเดือนมหาลัยเลยนะ แถมยังเรียนเก่ง ฐานะทางบ้านก็ดี ผู้หญิงคนไหนก็อยากได้เป็นแฟน มีแต่แกนี่แหละที่ไม่สนใจ”
“ถ้าดีแสนดีขนาดนั้น ทำไมแกไม่เอาเองล่ะ จะมายุให้ฉันทำไม”
“แหม…คุณเพื่อนคะ ก็ถ้าพี่ต้นมาจีบฉัน ฉันก็คงจะ Say Yes ตั้งแต่วันแรกแล้วละ แต่พี่เขาไม่ได้เข้ามาจีบฉันไง เขามาจีบแก ฉันในฐานะเพื่อนก็อยากให้แกได้คบกับคนดีๆ ฉันว่าแกลองคบพี่ต้นดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่นาจริงไหม”
“แกนี่นะ คนหล่อ เรียนเก่ง ฐานะทางบ้านดีแล้วยังไง มันก็แค่เปลือก ผู้ชายก็เหมือนกันหมดแหละ…”
น้ำเสียงรินรดากลืนหายไปในลำคอ ขณะที่ภาพของพ่อแม่ในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำ
‘อีปราง มึงไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับเมียกู’
จักรกฤษณ์พูดจบก็ฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของปรางทิพย์ฉาดใหญ่ ทำให้เธอถลาล้มลงไปกองที่พื้นบ้านเช่าเก่าๆ จนริมฝีปากแตกมีเลือดซึมออกมา หยาดน้ำตาไหลเปื้อนแก้มทั้งรักทั้งแค้นใจในตัวสามี ก่อนจะลุกขึ้นมาได้ก็ต่อว่าอย่างไม่ลดละ
‘ทำไมกูจะขึ้นเสียงไม่ได้ กูเป็นเมียมึง กูจะด่าจะว่า จะทำยังไงก็ได้’
‘กูไม่เคยนับว่ามึงเป็นเมีย เมียที่กูรักมีคนเดียวคือเพ็ญ มึงรู้เอาไว้ด้วย’ จักรกฤษณ์พูดจบก็จูงมือจันทร์เพ็ญออกจากบ้านพร้อมเสื้อผ้าในกระเป๋า ทำให้ปรางทิพย์ถลาไปกระชากกระเป๋าอีกฝ่ายแล้ว ขว้างทิ้งพลางชี้หน้าด่ากราด
‘มึงจะไปไหน กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น’
‘กูจะไปอยู่กับเมียกู ถอยไป’ จักรกฤษณ์พยายามผลักปรางทิพย์ออกไปให้พ้นทางก่อนจะดึงกระเป๋ากลับมา
‘มึงจะทิ้งกูไปอยู่กับอีเมียน้อยแบบนี้ไม่ได้ มึงสองตัวมันหน้าไม่อาย มึงกล้าพาเมียน้อยเข้ามาหยามกูถึงในบ้านแบบนี้ ไอ้ไม้ จิตใจมึงมันทำด้วยอะไร มึงยังเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่าวะไอ้ไม้ ไอ้สารเลว ไอ้ผัวเฮงซวย…’
ด้วยความโกรธจัดจักรกฤษณ์เงื้อมือถลาจะเข้าไปตบปรางทิพย์อีกครั้ง ขณะที่รินรดาในวัยเจ็ดขวบที่ยืนกอดเสาแอบมองดูเหตุการณ์อยู่ก็รีบถลาวิ่งเข้ามากอดมารดาไว้แน่นพลางอ้อนวอนขอร้อง
‘พ่อจ๋า อย่าตีแม่ อย่าตีแม่เลยนะพ่อ…’
หากห้วงความคิดของเธอก็ต้องสะดุดลงเมื่อเสียงของกนกอรดังมาทางสายโทรศัพท์
“ระริน ระริน แกยังอยู่หรือเปล่า แกยังฟังฉันอยู่หรือเปล่า ทำไมเงียบไปล่ะ ระริน”
“ฟัง…ฟังอยู่”
“ฉันก็ตกใจว่าทำไมจู่ๆ เงียบไป เอาเป็นว่า ฉันอยากให้แกลองเปิดใจให้พี่ต้นดูบ้างก็ไม่เสียหายนะแก ถึงยังไงเขาก็เคยยืมหนังสือให้แก ก็น่าจะเป็นคนใช้ได้นะ”
“ไม่รู้สิ เพิ่งรู้จักกัน มันยังดูไม่ออก คงต้องมองกันยาวๆ”
“อืม งั้นก็แล้วแต่แกแล้วกัน”
รินรดาคุยกับกนกอรอีกไม่กี่ประโยคก่อนที่จะวางสายไป ดวงตาคู่สวยทอประกายแข็งกร้าว
‘ไม่มีวัน ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาทำร้ายหัวใจฉันเด็ดขาด’
รินรดาตั้งใจแน่วแน่ เธอจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับแม่ของเธอเป็นอันขาด ไม่มีวัน!
สองเดือนต่อมา รินรดามัวแต่ยุ่งกับงานสอนพิเศษให้เด็กนักเรียนโดยใช้สถานที่โต๊ะม้าหินต่างๆ ใต้ร่มไม้ภายในมหาวิทยาลัยและการเรียนทำให้เธอยุ่งเสียจนไม่ได้สนใจเรื่องอื่น แม้เธอจะเห็นว่าในทุกที่ที่เธอไปมักจะเห็นร่างสูงของสรวิชญ์ปรากฏตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงบ่อยๆ
ด้วยความบังเอิญหรืออะไรบางอย่าง รินรดาทักทายตามมารยาท ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหลายต่อหลายครั้ง หรือบางครั้งเธอก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นทำให้อีกฝ่ายหน้าเสีย ได้แต่มองตามหลังไปอย่างผิดหวัง
สรวิชญ์นอนก่ายหน้าผากคิดหนักอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ทุกกลเม็ดเคล็ดลับที่เขาเคยใช้กับผู้หญิงทุกคนสำเร็จ บัดนี้เขาไม่สามารถใช้กับรินรดาได้เลย ไม่ว่าจะดอกไม้ช่องามที่เขาอุตส่าห์เลือกให้ด้วยตัวเอง แทนที่เธอจะรับไว้ หญิงสาวกลับยกให้เพื่อนสนิทแทนเสียนี่ หรือแม้แต่อาหารมื้อหนึ่งที่เขาถือวิสาสะออกค่าอาหารให้ แต่เธอกลับนำเงินมาคืนเขาแทน
ยิ่งเข้าใกล้ เธอยิ่งถอยห่างทำให้สรวิชญ์กลุ้มใจหนักกว่าที่เคย เพราะยิ่งเวลาผ่านเลยไป เขาก็กลายเป็นตัวตลกในกลุ่มเพื่อนสนิทที่พากันดูถูกฝีมือจีบสาวที่ตกลงจนแทบไม่หลงเหลือเขี้ยวเล็บคาสโนวาอีกต่อไป
“เฮ้อ…”
สรวิชญ์ทอดถอนใจเมื่อนึกถึงความล้มเหลวของตนที่ผ่านมา
“จีบแบบผู้หญิงคนอื่นไม่ได้ งั้นคงต้องใช้วิธีไม่เหมือนคนอื่นสินะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏที่มุมปาก ก่อนยกโทรศัพท์โทรหาเอกวิทย์เพื่อนสนิท
“ไอ้เอก กูมีเรื่องให้มึงช่วยนิดหน่อยว่ะ”
“ช่วยอะไรวะไอ้ต้น”
“ช่วยกูวางเบ็ดล่อปลา…”
คืนนั้นเอกวิทย์ตบปากรับคำยอมทำตามแผนการที่อีกฝ่ายวางไว้ ตัวเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า สรวิชญ์จะจีบรินรดาได้อย่างที่พูดไหม
เช้าวันหนึ่งขณะที่รินรดากำลังเร่งรีบไปเรียน หญิงสาวมัวแต่กำลังคิดกังวลอยู่กับวิชาที่จะต้องสอบเก็บคะแนนวันนี้ โดยไม่ทันระวังตัว จังหวะที่เธอกำลังเดินข้ามทางม้าลาย รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังขับมาด้วยความเร็วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกำลังพุ่งเข้าชนเธออย่างจัง
“กรี๊ด…”
หญิงสาวก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างบางถูกใครบางคนฉุดกระชากดึงออกมาจากกลางถนนได้ทันท่วงที ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นจะทันถึงตัว ทำให้รินรดาล้มไปกองที่ทางเท้าข้างทางในอ้อมกอดของใครบางคน
“น้องระริน เป็นยังไงบ้างครับ”
เสียงนุ่มทุ้มคุ้นหูเรียกสติเธอกลับคืนมา พอรินรดาหันมามองใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ก็เห็นสรวิชญ์ที่กำลังมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
“พี่ต้น!”
“น้องระริน เจ็บตรงไหนบ้างไหมครับ” เขาพูดพลางช่วยประคองเธอลุกขึ้นแล้วสำรวจตัวเธอเป็นการใหญ่
“ขอบคุณมากนะคะพี่ต้น แต่ระรินไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” แม้เธอจะตอบออกไป หากใบหน้างามยังคงมีแววตื่นตระหนกอยู่ในที
“นี่น้องระรินกำลังจะไปเรียนใช่ไหมครับ ให้พี่ไปส่งไหมครับ รถพี่จอดอยู่ตรงนี้เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ต้น ระรินไปเองได้ เดินอีกแค่นี้เองเดี๋ยวก็ถึงแล้ว ขอบคุณมากนะคะ ระรินขอตัวก่อนนะค่ะ”
พูดจบ หญิงสาวก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสสนทนามากไปกว่านี้ เธอก็รีบจ้ำอ้าวเดินจากไป ขณะที่หัวใจเริ่มสั่นไหวอย่างประหลาด ตรงกันข้ามกับสรวิชญ์ที่มองตามรินรดาไปจนลับสายตา แววตาเป็นประกายด้วยความพึงพอใจก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือโทร.หาเอกวิทย์อีกครั้ง
“ไอ้เอก วางเบ็ดตกปลาเรียบร้อยแล้วว่ะ ดูท่าว่า…ปลาจะติดเบ็ดของกูเสียด้วย เดี๋ยวคืนนี้กูเลี้ยงเหล้า”
หลังจากรินรดาเรียนเสร็จ เธอเดินออกมาพร้อมกับกนกอร ใบหน้าของหญิงสาววันนี้มีแววครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนอีกฝ่ายสังเกตเห็น
“ระริน เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมวันนี้เข้าห้องเรียนสายล่ะ เกือบสอบเก็บคะแนนไม่ทันแล้วไหมแก”
“นั่นสิ เกือบไปจริงๆ พอดีฉันเกือบโดนรถชนตอนที่กำลังข้ามถนนตรงหน้าคณะน่ะสิ”
“อะไรนะ เกือบโดนรถชนเหรอ แล้วนี่แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหมแก แล้วทำไมเพิ่งมาบอกล่ะ”
กนกอรสำรวจไปที่ร่างกายของเพื่อนรักก็ไม่พบบาดแผลหรือแม้แต่รอยถลอกใดๆ มีเพียงรอยเปื้อนของฝุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกแก ไม่เจ็บอะไร พี่ต้นเป็นคนช่วยไว้น่ะ”
“อะไรนะ! พี่ต้นเป็นคนช่วยแกไว้เหรอ ตายแล้ว โชคดีนะที่พี่ต้นมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นแกน่าจะเจ็บตัวมากกว่านี้ แทนที่แกจะได้มาเข้าห้องสอบแกก็อาจจะได้ไปเข้าโรงพยาบาลแทน นี่ระริน แกไม่คิดบ้างเหรอว่า มันบังเอิญจริงๆ หรือว่า…นี่อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสระหว่างแกกับพี่ต้นก็ได้นะ”
“บุพเพบ้าบออะไรกันอร มันก็แค่บังเอิญมากกว่า”
“บังเอิญอะไรกัน แกไม่คิดบ้างเหรอว่าความบังเอิญมันใช้ได้แค่ครั้งเดียวนะ แต่นี่พี่เขาช่วยแก สองครั้งแล้วนะ ครั้งแรกที่บัตรนักศึกษาหาย แล้วพี่ต้นก็เป็นคนยืมหนังสือให้แก มาครั้งนี้แกเกือบจะโดนรถชนอีก พี่เขาก็เป็นคนช่วยแกไว้ นี่ถ้าไม่ใช่บุพเพสันนิวาสจะเรียกว่าอะไรล่ะ ฉันว่านะ…ถ้ามีอีกครั้งที่สาม ฉันฟันธงได้เลยว่า แกกับพี่ต้นต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ แกคิดดูสิ ใครมันจะบังเอิญมาช่วยเหลือแกในเวลาที่เดือดร้อนได้ถึงสองครั้งกันล่ะ ฉันว่ามันหายากมากนะแก”
คำพูดของกนกอรแม้จะดูเกินจริงไปบ้าง แต่เธอก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าลึกๆ แล้ว รินรดาก็เริ่มรู้สึกดีกับสรวิชญ์ขึ้นมาทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว อาจจะเป็นเพราะความบังเอิญที่เขาช่วยเธอไว้ในครั้งที่สองก็เป็นไปได้
บ่ายวันนั้นหลังจากรินรดาเรียนวิชาสุดท้ายของวันเสร็จ เธอก็ขลุกตัวอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุด
ขณะที่เธอกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ หางตาของเธอก็เห็นร่างสูงของสรวิชญ์เดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกมุมหนึ่งห่างจากเธอพอสมควร
รินรดายอมรับว่ากว่าสองเดือนที่ผ่านมา เธอเห็นหน้าชายหนุ่มบ่อยขึ้นในหลายสถานที่ที่เธอไป ในช่วงแรกเธอก็รู้สึกแปลกใจ แต่ระยะหลังก็เริ่มกลายเป็นความเคยชิน จนบางครั้งเธอก็แอบรู้สึกไม่ได้ว่า เขาอาจจะคอยสะกดรอยตามเธอก็เป็นไปได้
แต่ความคิดลบก็ค่อยๆ จางหายไป เมื่อเขาไม่มีทีท่าว่าจะพยายามเข้าใกล้หรือคุกคามทำให้เธอรำคาญใจเหมือนในช่วงแรก เช่นในครั้งนี้ ขณะที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด เขาก็เข้ามานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดเดียวกัน หากเขาก็ไม่ได้พยายามเข้ามาใกล้ชิดหรือตีสนิทเธอมากกว่านี้ จนทำรินรดารู้สึกคุ้นชินและอบอุ่นใจไปโดยไม่รู้ตัว
แม้กระทั่งในทุกวันขณะที่เธอเดินกลับหอพัก หางตาของเธอก็เห็นเขาคอยเดินตามเธออยู่ห่างๆ จนกระทั่งเธอเข้าห้องพักและเปิดไฟในห้องพักแล้ว พอมองลงไปก็ยังเห็นเขาเงยหน้ามองขึ้นมายังห้องของเธออีกพักใหญ่ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
‘พี่ต้นทำแบบนี้ไปทำไมนะ’
รินรดาได้แต่รำพึงกับตัวเอง แม้เธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพยายามทำตลอดมา หากเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เธอเริ่มรู้สึกดีและอบอุ่นใจทุกครั้งเมื่อมองไปแล้วเห็นเขายังอยู่ในสายตา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 24 : หัวใจรัก (จบบริบูรณ์)
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 23 : ให้ทุกข์แก่ท่าน...ทุกข์นั้นถึงตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 22 : กรรมตามสนอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 21 : เส้นขนาน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 20 : เริ่มต้นชีวิตใหม่
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 19 : หย่า
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 18 : เจรจา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 17 : โรงพยาบาล
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 16 : คนที่เลือก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 15 : มิตรภาพ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 14 : กาลเวลาผันผ่าน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 13 : กลับตัวแต่ไม่กลับใจ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 12 : โอกาสครั้งที่สอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 11 : ลมหายใจที่ปลิดปลิว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 10 : เรื่องไม่คาดฝัน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 9 : หอพัก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 8 : แก้ไขหรือแก้ตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 7 : ความจริง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 6 : คำเตือน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 5 : แผนลับ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 4 : แผนขั้นต่อไป
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 3 : สรวิชญ์
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 2 : ชีวิตใหม่ของรินรดา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 1 : งานศพ
- READ รักในรอยน้ำตา : บทนำ