
มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 6 : พฤติกรรม ‘อย่างว่า’
โดย : เนียรปาตี
มาลัยใบพฤกษ์ นิยายออนไลน์สนุกๆ มีให้อ่านออนไลน์ที่อ่านเอา โดย เนียรปาตี เรื่องของแพทย์หนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้าน ชอบช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยจิตใจเมตตา หากโลกอีกใบของเขากลับตรงข้าม ความรักที่มีต่อเพศเดียวกันกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่พาชายหนุ่มออกเดินทางไปในเส้นทางที่โลดโผน ซับซ้อน ซ่อนเร้น สุดท้ายแล้วความรักที่แท้จริงคืออะไรกันแน่
หล่อนถามไปอย่างนั้นเอง ตามประสาคนเจนสังคมที่ต้องทำให้บรรยากาศรื่นเริงไปได้เรื่อย ๆ เรื่องในครอบครัวที่ไม่ลึกซึ้งมากนัก บางครั้งก็เป็นหัวข้อที่ดีในการชวนคุย ทว่าก้องภูและสาธิตคล้ายมีอะไรติดคอ เป็นวัวสันหลังหวะ คำพูดของอุษณีย์พรเหมือนนกกาบินโฉบมาให้เสียวสันหลัง หากก็อ้อมแอ้มตอบไปว่า
“รถติดมาก เย็นวันศุกร์น่ะ แล้วรถคุณหมอก็เกิดดับกลางทาง”
สาธิตแทบอ้าปากค้างเมื่อได้ยินก้องภูเล่าเรื่อย ๆ โดยไม่ได้นัดกันมาก่อน
“ดีนะคะที่พี่ก้องไปกับคุณหมอ” อุษณีย์พรว่า หันมาทางสาธิต “เครื่องบินยังซ่อมได้ เครื่องรถนี่เรื่องเล็กค่ะ”
ใจชื้นขึ้นหน่อยเมื่อนึกว่าเสื้อผ้าของเขากับก้องภูเปื้อนและมีรอยยับ อันเกิดจากกิจกรรมที่ทำร่วมกันที่บันไดหนีไฟ ช่วยสร้างความน่าเชื่อว่ารถเสียจนต้องลงมาเปิดกระโปรงแก้ไขเครื่องยนต์
เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดำเนินต่อไป แต่สาธิตอยากให้มื้อนี้จบเร็ว ๆ เสียที
แยกย้ายกันตอนสามทุ่ม สาธิตขับรถไปส่งเมฆฉายกลับแฟลต
“คุณแต่งแบบนี้ สวยดีนะ เหมือนผู้หญิง”
“แล้วคุณชอบไหมล่ะ?”
สาธิตหันมามองอีกครั้ง คราวนี้เพ่งพิศ
“ผมไม่ชอบผู้หญิง คุณก็รู้” นิ่งไปแล้วจึงว่า “แต่คุณแต่งแบบนี้ก็สวยดี ผมชอบ”
เมฆฉายมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ความคิดวนเวียนอยู่แต่ถ้อยคำของเขา…สวยดี ผมชอบ…มันแปลว่ายังไงนะ แปลว่า หล่อนสวย เขาชอบที่หล่อนแต่งแบบนี้ แปลว่าเขาชอบที่หล่อนเป็นผู้หญิง หรือว่าเขาชอบในตัวหล่อนแบบที่ตนเองเป็น
หยุดมโน! อีฉาย…บอกตัวเองแล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าด้วยความเสียดาย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้แต่งหญิงสวย ๆ แบบนี้อีก
ล้มตัวลงนอน เหนื่อย แต่นอนไม่หลับ ความคิดฟุ้งซ่านไปยังชายหนุ่มสองคนที่เจอวันนี้
เมฆฉายคิดว่าสังหรณ์ของตัวเองไม่น่าพลาด กะเทยเซนส์แรงจะตาย
เมื่อสาธิตกับก้องภูกลับมาที่โรงแรมด้วยกันอีกครั้ง สังหรณ์ของคนไม้ป่าเดียวกันบอกว่า สองคนนี้มีอะไร ๆ อยู่
สาธิตกลับถึงห้องแล้วมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจก หน้าตาเหนื่อยล้าราวผ่านอะไรมามากมายเหลือเกินในวันนี้ อาบน้ำคงดี น่าจะช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก เขาจึงค่อย ๆ ปลดกระดุม ถอดเสื้อและกางเกง ทว่าก่อนโยนลงในตะกร้าสำหรับซัก ไม่วายยกเสื้อขึ้นมาดมสูดกลิ่น
น้ำหอมที่เขาใช้ปนกับกลิ่นกายของก้องภู
อาบน้ำแล้วผ่อนคลายก็จริง แต่กลับตาสว่าง…อันที่จริง เพราะความคิดฟุ้งซ่านต่างหาก
ก้องภูยังจำเขาได้…ถ้าเขายังไม่มีพันธะ สาธิตอาจจะเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายนั้นจะคิดตรงกัน
ในความเป็นแพทย์เจ้าของคลินิกความงาม ทายาทโรงแรมระดับห้าดาว และกลุ่มไฮโซ สาธิตไม่อาจหนีพ้นคำซุบซิบทำนองว่า ‘ใช่หรือไม่’ ‘เป็นหรือเปล่า’ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ปิดบังว่าตนเองมีรสนิยมแบบไหน…ถ้าใครจะไปรู้เรื่องอะไรมา
แต่เสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นเป็นได้แค่ข่าวลือ เพราะไม่มีใครกล้ายืนยันว่าเห็นเขามีพฤติกรรม ‘อย่างว่า’ ชอบกินท่อนอ้อยมากกว่าหอยนางรม กลับกัน นายแพทย์สาธิตคือชายที่ดูเรียบกริบทุกกระเบียดนิ้ว แม้จะสำอางไปบ้างอย่างที่คนพยายามนิยามลักษณะเช่นนี้ว่า ‘หนุ่มเมโทร’ ก็สอดคล้องกับไปกับอาชีพเขาที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คนดูดีขึ้น
ในปีก่อนหน้านี้ เขายังเป็น ๕๐ หนุ่มในฝันของของสาว ๆ ที่จัดเป็นประจำโดยนิตยสารชื่อดัง
หลังเวทีประกวด หนุ่มในฝันบางคนก็ควงคู่ไปกินกันเอง
หากทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียง…เสียงซุบซิบ ไม่มีหลักฐาน
ความกระหยิ่มใจว่าก้องภูจำเขาได้…จำเรื่องในอดีตได้ ทำให้สาธิตคิดต่อไปถึงรสรักสองครั้งล่าสุดที่ผ่านมาด้วยกัน ครั้งแรกที่ห้องน้ำปั๊ม…มันเหมือนฝันร้าย ไม่ละเมียดละไม ดิบ ห่าม ไร้ความสุนทรีย์ ครั้งที่สองที่บันไดหนีไฟ…เขายอมรับว่าตัวเองสมยอมมากขึ้น คงเพราะวินาทีก่อนหน้านั้นได้รู้แล้วว่าก้องภูจำเขาได้ มิใช่คนแปลกหน้ากันอีกต่อไป ตรงนี้เองกระมังที่กลายเป็นความไว้ใจจนยอมตาม
ยิ่งตอนที่ขับรถออกมาจากโรงแรม ด้วยความเป็นห่วงว่าก้องภูจะขยับรถได้ไหม มีรถปิดท้ายอยู่หรือเปล่า ทำให้สาธิตสังเกตรถที่จอดริมทางเท้าแล้วก็พบว่ารถของก้องภูจอดเป็นคันแรก ซึ่งแปลว่าต่อให้มีรถมาจอดต่อท้ายอีกกี่คัน เขาก็ขับออกไปได้อยู่ดี และขณะอยู่ที่โรงแรม ก้องภูมิได้เสียบชาร์จแบตเตอรีโทรศัพท์ ซ้ำยังวิดีโอคุยกับลูกสาวอีกหลายนาทีโดยเครื่องไม่ดับกลางคัน
ทั้งหมดนี้ทำให้สาธิตสรุปเอาว่ามันเป็นแผนการของก้องภู พี่ก้องหาเรื่องที่จะอยู่กับเขาตามลำพัง
ความฝันถึงรูปร่าง หน้าตา และรสชาติของพี่ก้องที่ ‘พิเศษ’ อาจจะดำเนินไปอีกไกล ถ้าไม่มีดวงหน้าของเมฆฉายเข้ามาแทรก
เขาประหลาดใจทีเดียวเมื่อพบว่าเมฆฉาย ‘แต่งหญิง’
หล่อนจะนึกสนุกยังไงก็ไม่รู้ละ แต่เขาไม่ชอบ…ยอมรับว่าหล่อนสวยดี แต่เขาไม่ชอบ
แม้จะเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงาม ความพึงพอใจคือเห็นลูกค้ากลับไปด้วยความพอใจว่าหน้าใสขึ้น ดูดี และมั่นใจมากขึ้น แต่สาธิตก็ไม่ชอบถ้าคนที่เขารู้สึกดี ๆ ด้วย…อันอาจจะนำไปสู่ ‘จุดนั้น’ จะกระตุ้งกระติ้งจริตไหวพราวไปทุกอิริยาบถ
พูดจริง ๆ ก็คือ เขาสนใจเมฆฉาย…บ้าง เพราะอะไรก็ไม่รู้ สาธิตให้คำตอบตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมสนใจ
ไม่ใช่เรื่องบนเตียงแน่ ๆ เพราะถ้าสาธิตจะหา ‘ขาจร’ สักคนหนึ่ง จะเลือกที่หุ่นดีแค่ไหน หน้าตาโซนใด เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่สำหรับเมฆฉาย ถ้าความสัมพันธ์ของเขากับฝ่ายนั้นจะพัฒนาไปจนถึงกอดกันบนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เมฆฉายต้องเปลี่ยนตัวเองอีกมาก…เพื่อเขา
ก็ขนาดว่าแต่งหญิงทำจริตพราว เขาก็ยังสนใจเมฆฉายอยู่ดี
งานแต่งงานเศรษฐีอินเดียกินเวลาห้าวัน เมฆฉายและเอกอนงค์เป็นข้อยกเว้นที่ไม่ต้องเข้าค่ายกักกันของอุษณีย์พร ไม่ต้องแสตนด์บายที่โรงแรมเหมือนทีมงานฝ่ายอื่น ๆ เพราะงานดอกไม้ไม่ถือว่าสร้างความเสียหายหลายล้านในความคิดของผู้จัดงาน ทั้งสองจึงมาอยู่ที่งานเช้ากว่าปกติ และกลับหลังงานเลิก แม้จะดึกแค่ไหนก็ตาม
พฤกษ์เป็นสารถีรับส่งภรรยา แม้ว่าเอกอนงค์จะเป็นปกติดีแล้ว…ในความคิดของพฤกษ์และหมอสาธิต หล่อนไปค้างอ้างแรมที่ไหน ๆ ก็ได้กับสามี แต่หล่อนไม่อยากค้างที่โรงแรมทิพย์พิมาน
ส่วนสาธิตก็รับส่งเมฆฉายเหมือนเดิม พอใจว่าเมฆฉายไม่นึกสนุกแต่งหญิงขึ้นมาอีก แต่เขาก็ไม่ได้สังเกตว่า เมฆฉายพิถีพิถันในการแต่งกายมากขึ้น ยังเห็นว่าฝ่ายนั้นแต่งตัวปอน ๆ เชย ๆ อยู่เหมือนเดิม
คืนนั้น…เมฆฉายคิดหนักทีเดียวว่าจะทำให้หมอสาธิตสนใจตัวเองได้อย่างไร
เขาเห็นท่าทางที่สาธิตกับก้องภูแสดงออกเหมือนคนมีระยะห่างในความสัมพันธ์แล้วสะกิดใจ…มันไม่ใช่ มันดูเฟค…ความคิดจะค้นหาว่าสองคนนี้มีอะไร หรือไปทำอะไรกันมาก็มีอยู่ แต่อีกความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมาก็คือ ถ้าจะทำให้สาธิตหันมามองตนเองบ้าง เมฆฉายต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง
แล้วก็นึกถึงก้องภูเป็นต้นแบบ…พี่ก้องดูแมนและกริบ ในความกริบนั้นมีความดิบบางอย่างแทรกอยู่
วันถัดมา เมฆฉายจึงค้นเสื้อผ้าที่จะทำให้ ‘แมน’ ขึ้นมาสวมใส่ มั่นใจเมื่ออกจากห้อง แล้วก็ใจฝ่อลงเมื่อนั่งในรถคู่กับสาธิตไปที่โรงแรม
มันเหมือนเอาเสื้อสองตัวมาแขวนคู่กันแล้วเห็นชัดว่าไปด้วยกันไม่ได้ ตัวหนึ่งค้นจากกระบะในตลาดนัด ขณะที่อีกตัวหนึ่งเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นจากแบรนด์หรู
เมฆฉายจนใจที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้น เพราะถ้าคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วเป็นเงินมหาศาลทีเดียว ความคิดที่จะปรับรูปโฉมตนเองจึงตกไป พร้อม ๆ กับที่สังเกตสาธิตจนถึงวันสุดท้ายของการจัดงานว่าเขาไม่ได้ไยดีมากนัก มารับส่งอย่างเป็นหน้าที่ มีบทสนทนาที่รู้ว่าเป็นไปตามมารยาท แต่ไม่มีช่วงใดเลยที่เขาถามไถ่หรือแสดงความรู้สึกอย่างใดเป็นพิเศษ
ลงจากรถแล้วสาธิตก็ขับออกไป จบสิ้นกันที…เมฆฉายบอกตัวเอง
เสร็จจากงานนี้ก็คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว เดินกลับเข้าแฟลตไปอย่างเหงาหงอย
ผิดกับสาธิตที่ใจเต้นเมื่อเห็นสายเรียกเข้าที่หน้าจอ เบอร์ที่เขาไม่บันทึกชื่อ แต่รู้ว่าเป็นเบอร์ของก้องภู
ตลอดเวลาที่อุษณีย์พรจัดงานวิวาห์ที่โรงแรม ทำให้สาธิตรู้ว่าอาชีพของหล่อนเปิดช่องให้สามีมีเวลาสนุกสนานบนวิถีของเขา ก้องภูโทร.หา บอกว่าเป็นอีกเบอร์หนึ่งที่ไม่มีคนรู้ นัดหมายไปพบที่หนึ่ง สาธิตก็ไป วันต่อมาเขาก็นัดอีก แต่เปลี่ยนที่…นัดทุกวัน เปลี่ยนที่ทุกวัน
จนสาธิตสรุปได้ว่า พี่ก้องชอบกิจกรรม ‘เอาท์ดอร์’
ครั้งหนึ่งสาธิตโน้มน้าวให้เขาเข้าม่านรูดจนได้ แต่ครั้งนั้นก็ผ่านไปเหมือนซังกะตาย เหมือนคนกินอาหารป่าร้านประจำเพราะติดใจรสชาติแซ่บซี้ด ถึงอกถึงใจ ตักเข้าปากคำใดก็ให้ซู้ดปากอยากตักเติมเข้าไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งก็พบว่าพ่อครัวฝีมือตก เมนูที่เคยโปรดรสชาติไม่เป็นสับปะรด ครั้งนั้น…ทั้งสาธิตและก้องภูไปถึง ‘จุด’ เช่นทุกครั้ง หากไม่อิ่มเอม
ก้องภูเงียบหายไป สาธิตกระวนกระวายทีเดียวว่าพี่ก้องคงโกรธ งอน และอะไรอีกหลายอย่างที่อาจแปลได้ว่า เขาไม่อยากติดต่อด้วยอีก
จนเมื่อก้องภูติดต่อมาอีกครั้ง แจ้งที่นัดหมาย สาธิตก็รีบบึ่งไปไม่อิดออด
ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน อาคารร้าง ริมทางด่วน หรือแม้แต่ในสวนสาธารณะ อาหารป่าที่พี่ก้องเคยปรุงได้แซ่บถึงเครื่อง ก็เสิร์ฟได้ถึงใจทุกครั้ง
จนสาธิตกลัวว่าตัวเองจะ ‘ติด’ การปิกนิกนอกสถานที่เหมือนพี่ก้อง
ก้องภูหายไปหลายวันเพราะต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด เมื่อเขาบอกว่าจะไป ‘สัมมนา’ สาธิตก็รู้อีกว่านอกเหนือจากสัมมนา ก้องภูต้องไปสำรวจโลกแน่ ๆ จึงย้อนเล่นก่อนจากกัน
“ขอให้สัมฯ ให้สนุกนะครับ” เขาจงใจรวบคำอย่างมีความหมาย
ครั้นเห็นหน้าก้องภูตึงไป…นิดเดียวเท่านั้น ก็ไม่เย้าอีก
ช่วงเวลาไม่นานสาธิตก็รู้ว่าสำหรับพี่ก้อง…แหย่มากไม่ได้ แล้วความรู้นี้ก็แปรเป็นความกลัว กลัวว่าถ้าก้องภูไม่พอใจ เขาจะตัดฉับแล้วหายไปดื้อ ๆ อย่างไม่อาลัยอาวรณ์เลย
สาธิตกลัวพี่ก้องจะหายไปอีก เขาไม่ได้ชอบกิจกรรมปิกนิกกลางแจ้งเท่าไหร่ แต่เขา ‘ติด’ ก้องภู
พอก้องภูไม่ติดต่อนัดหมาย สาธิตก็เบื่อหน่าย ขยายไปเป็นเซ็ง
เขาทำใจได้ว่าก้องภูอาจจะไปทำอะไร ๆ กับใครอื่นเมื่อว่างเว้นจากการสัมมนา หรือแม้แต่ช่วงเวลาพัก เขาอาจจะเกี่ยวพนักงานโรงแรมเข้าไปสำรวจห้องน้ำหรือลานจอดรถก็ได้ เป็นไปได้ทั้งนั้น สาธิตจึงปลอบใจตัวเองว่า ก็ดีเหมือนกัน ได้พักผ่อนร่างกายบ้าง
นึกแล้วก็อยากจะผ่อนคลายให้สบายตัว แต่ขี้เกียจขับรถไปฟิตเนส แม้แต่จะลงไปใช้ฟิตเนสของคอนโดก็ไม่อยากลงไป เปิดน้ำร้อนจนเต็มอ่าง โปรยเกล็ดสบู่ลงไปตีจนขึ้นฟอง นอนแช่หลับตา กลิ่นหอมช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลาย น้ำร้อนทำให้เส้นสายที่ตึงแข็งคลายลง
หากก็ยังไม่สบายตัวเต็มที่
หยิบโทรศัพท์มาเลื่อนดูหน้าจอ มีรูปชายหนุ่มมากมายปรากฏในโปรแกรมที่เขาเปิด บางรูปเห็นหมดทั้งหน้าตาไปจนอาวุธขนาดเขื่อง บางคนอวดแต่เรือนร่าง ปิดหน้าและส่วนสงวนไว้ด้วยแถบสีหรือสติ๊กเกอร์ บางคนก็ประกาศว่าอาวุธของตนนั้นใหญ่โตมโหฬารพอ ๆ กับปืนใหญ่หน้ากระทรวงกลาโหม สาธิตปัดผ่านอย่างไม่สนใจ เขาประเมินว่าแบบนี้เป็นสินค้าชั้นเลว
หยุดที่ภาพหนึ่งคล้ายภาพแฟชั่นในนิตยสาร
เป็นภาพเรือนร่างกำยำของชายหนุ่มเอี้ยวตัวอวดกล้ามเนื้อสวย ใบหน้าเห็นเพียงริมฝีปากใต้หนวดและเคราบาง ทว่ากระตุ้นอารมณ์ให้อยากสัมผัสปากนั้นด้วยปากเขาเอง ต่ำกว่ากล้ามหน้าท้องที่เรียงกันเป็นลูกคือชั้นในสีขาว แสงเงาทำให้เห็นรอยโค้งนูนที่ส่วนปลายจวนจะพ้นขอบกางเกงออกมาอยู่รอมร่อ
สาธิตติดต่อไปยังช่องทางที่เจ้าของรูปประกาศไว้ คุยกันไม่นานก็ตกลงนัดหมาย
เขาไม่ขอดูหน้า ไม่ถามซอกแซกถึง อย นน สส ซึ่งย่อมาจาก อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ที่คนอย่างเขา…กลุ่มคนอย่างเขาใช้ถามกันเป็นคำถามเบสิกสำหรับคุยกับคนแปลกหน้าเพื่อนัดกันมามีเซ็กส์
สำหรับสาธิต เขามองว่านี่คือความตื่นเต้นอย่างหนึ่ง เหมือนแกะห่อของขวัญ
ถ้าบังเอิญพบกันแล้วไม่ถูกใจ ไม่ว่าจะด้วยหน้าตาหรือรูปร่างไม่ตรงปก อันเรียกกันสั้น ๆ ว่า ‘ไม่เทสต์’ สาธิตก็มีวิธีเชิญกลับไป โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกว่าถูกไล่ หรือเสียเวลาที่ต้องเดินทางมาพบ
สาธิตแช่ตัวในอ่างอาบน้ำคอย ‘หมอ’ ด้วยใจเต้น จนความร้อนของน้ำคลายไป
หนึ่งชั่วโมงพอดีที่ฝ่ายนั้นส่งข้อความมาว่า ผมถึงแล้วครับ
สาธิตใช้โทรศัพท์ในห้องน้ำแจ้งไปที่เคาน์เตอร์ว่าจะมีคนมาพบ ให้เขาขึ้นมาหาที่ห้องได้เลย เพราะที่คอนโดต้องแตะคีย์การ์ดผ่านประตูและลิฟต์ขึ้นชั้นห้องพัก
ผมอยู่หน้าห้องแล้ว…ข้อความส่งเข้ามือถือพร้อมกับเสียงเพลงกริ่งดัง
สาธิตยังอยู่ในห้องน้ำ ส่งข้อความกลับไปว่า
เปิดประตูเข้ามาเลย ผมปลดล็อกให้แล้ว นั่งคอยที่เก้าอี้ก่อน
ส่งข้อความแล้วก็กดปุ่มคลายล็อกประตูที่ห้องน้ำ สักพักข้อความก็เข้ามาอีก
ผมอยู่ในห้องแล้วนะครับ
คอยเดี๋ยว…สาธิตพิมพ์ตอบกลับไป
ล้างตัวคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างแล้วจึงเดินออกไปจากห้องน้ำ
ผู้เป็นแขกเห็นเจ้าของห้องเดินออกมาก็ยกมือไหว้ ท่าทางประหม่า สาธิตไม่เสียเวลาคิดว่า เขาประหม่าจริงหรือแกล้งทำ การพบกับคนแปลกหน้าครั้งแรก มันก็ต้องทำความรู้จักกันใหม่ บทสนทนาเดิม ๆ ถูกดึงมาใช้แทบจะกลายเป็นท่องสคริปต์
‘มาจากไหน รถติดไหม’
‘คอนโดผม หายากหรือเปล่า’
“จะอาบน้ำก่อนไหม ผมเรียบร้อยแล้ว” สาธิตถาม
“ก็ดีครับ อันที่จริงผมอาบมาแล้ว แต่ข้างนอกฝุ่นเยอะ ล้างตัวสักหน่อยก็ดีครับ จะได้นวดพี่สบายใจขึ้น”
“เชิญ” เจ้าของห้องผายมือไปยังห้องน้ำ “ผ้าเช็ดตัวอยู่ในนั้น ใช้ได้เลย”
ชายหนุ่มผู้เป็น ‘หมอ’ เข้าห้องน้ำไปแล้วสาธิตก็นั่งคอย ระหว่างนั้นก็นึกพอใจว่าเด็กหนุ่มแต่งตัวดี เสื้อผ้าของเขาแม้มิใช่ยี่ห้อดัง แต่มีรสนิยมดีที่จะจับมาแต่งให้ตัวเองดูดี…เหมือนคนรู้จักแต่งตัวทั่วไปใส่กัน ไม่ประกาศว่าฉันเล่นกล้ามมานะ หรือที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กขาย
การแต่งกายอย่างคนทั่วไปนี่แหละ ที่สาธิตสบายใจและสะดวกใจที่นัดเขามาถึงห้องพัก เพราะไม่อาจพ้นสายตาของคนที่นี่ได้ อย่างน้อยก็ รปภ. และพนักงานที่เคาน์เตอร์
ครั้งหนึ่งคนที่เขานัดมาพบด้วยการแต่งกายที่ประกาศว่ามีรสนิยมแบบไหน และให้บริการชนิดใด พบกันแล้วเขาก็ควักเงินให้เป็นค่าเสียเวลา ด้วยเหตุผลว่า มีงานด่วนเข้ามาพอดี
สิ่งที่สาธิตไม่เคยทำกับคนที่นัดก็คือ ปิดมือถือ บล็อกช่องทางการติดต่อ เหมือนที่หลาย ๆ คนทำกัน จนคนที่ ‘รับงาน’ ต้องแคปหน้าจอมือถือประจานในโลกโซเชียล
‘หมอ’ ออกมาจากห้องน้ำ มีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่าง
สาธิตพอใจ ที่รูปถ่ายกับตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน
“นวดเลยไหมครับ พี่จะนวดไทย นวดครีม หรือนวดออยล์” เขาหมายถึงนวดน้ำมัน
“เราถนัดแบบไหนมากกว่ากันล่ะ”
“แบบไหนก็ได้ครับ แล้วแต่ลูกค้าชอบ ผมเรียนนวดมา ได้ใบเซอร์ พี่จะดูไหมครับ” เขาบอกเพื่อจะยืนยันว่าเขานวดเป็นจริง ๆ มีสถาบันรับรอง ไม่ใช่นวดชนิดเอาน้ำมันลูบ ๆ แตะ ๆ พอเป็นพิธี แล้วก็เข้าสู่บทอัศจรรย์
“ไม่ต้องให้ดูหรอก นวดไทยก่อนละกัน แล้วค่อยนวดออยล์”
“ได้ครับ” เด็กหนุ่มกวาดตามองรอบห้อง แล้วจึงถาม “นวดตรงไหนดีครับ”
“ในห้องพี่ละกัน”
เด็กหนุ่มพยักหน้าอีกครั้งแล้วตรงไปที่เตียงนอน เปิดกระเป๋าดึงผ้าผืนใหญ่ออกมาปู สิ่งนี้เป็นรายละเอียดที่สาธิตพอใจ หมอนวดหลาย ๆ คนไม่เตรียมพร้อม นัดมาถึงห้องแล้วก็ถามนั่นนี่วุ่นวาย
‘พี่มีผ้าปูไหมครับ หรือนวดได้เลย’
‘พี่มีน้ำมันไหมครับ’ หรือ ‘น้ำมันผมหมดพอดี พี่ซื้อให้หน่อยสิครับ’
ผิดกับรายนี้ เมื่อเด็กหนุ่มเชิญให้นอนคว่ำบนเตียง ข้าง ๆ มีขวดน้ำมันหลายกลิ่นรายเรียงให้เขาเลือก
“พี่จะเปิดเพลงไหมครับ หรือชอบนวดเงียบ ๆ”
“เปิดเพลงก็ได้”
เขาจึงเปิดเพลงเบา ๆ จากโทรศัพท์ของตัวเอง สร้างบรรยากาศให้เหมือนสปา แล้วปลดผ้าเช็ดตัวออก เหลือเพียงชั้นในสีขาวตัวเดียว กดนิ้วลงที่ฝ่าเท้าของสาธิต เริ่มชวนคุย
“พี่นวดบ่อยไหมครับ?”
“ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่นะ ถ้าว่างถึงได้นวด”
“แสดงว่าพักนี้พี่ไม่ค่อยว่าง เส้นพี่ตึงมากเลย” นิ้วมือของเขาไล่ขึ้นไปที่น่อง “พี่ชอบนวดหนักหรือเบาครับ เลือกน้ำหนักได้นะ”
“นวดหนักได้เลยครับ”
สาธิตตอบ รู้จากสัมผัสที่ฝ่ายนั้นกดนิ้วลงไป แล่นไล่ไปตามเส้นสายในกายร่าง เขาก็รู้ว่าเด็กหนุ่มนวดเป็นจริง ๆ ลำพังถ้าเขาจะรับอาชีพนวดเพื่อสุขภาพอย่างเดียวก็คงไม่ลำบากนัก เพียงแต่รายได้อาจไม่ทันใจเท่ากับบริการอย่างนี้
“ขอโทษนะครับพี่ ขอถามว่า พี่จะนวดอย่างเดียว หรือเสริมด้วยครับ”
เพราะราคาค่านวดต่างกัน ถ้านวดอย่างเดียวก็ราคาหนึ่ง แต่ถ้า ‘เสริม’ ก็ควรตกลงกันให้แน่ว่าเสริมได้ถึงระดับไหน บางคนเสริมแค่ภายนอก บางคนเสริมจนจุใจ ทว่าต้องจ่ายเพิ่มสำหรับบริการเสริม
“ฟูลคอร์สเลยละกัน” สาธิตว่า
“ได้ครับพี่”
“เราชื่ออะไร ยังไม่ได้ถามเลย”
“ชื่อโฟล์กครับ”
“ชื่อน่ารักดี” สาธิตตอบเท่านั้นแล้วก็เงียบไป
เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรอีก ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ เขาถือคติว่า ถ้าลูกค้าไม่ชวนคุยไม่ต้องพูด เพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่งเป็นคนช่างคุย เรียกว่าจ้อน่าจะถูกกว่า เพราะพอเริ่มนวดก็ชวนลูกค้าคุยจากเรื่องนั้นผ่านเรื่องนี้จนกลายเป็นรำคาญ ลูกค้าสั่งให้หยุดนวดแล้วไล่กลับไปดื้อ ๆ
โฟล์กจึงไม่ชวนคุย อีกอย่างเวลานวดเป็นเวลาผ่อนคลาย ถ้ามัวแต่ถามตอบปัญหาร้อยแปด หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว ทั้งที่ครั้งนี้อาจเป็นครั้งเดียวที่ได้พบกัน บทสนทนาเหล่านั้นก็ไม่มีความหมายอะไรเลย สู้ให้ลูกค้าได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ดีกว่า
สาธิตพอใจกับการนวดของโฟล์กที่นวดเป็นจริง ๆ และระหว่างนวด เด็กหนุ่มก็มีศิลปะในการสัมผัสที่จะ ‘เฉียด’ ไปมาในจุดยุทธศาสตร์ที่อาจปลุกอารมณ์ให้ซ่าขึ้นมาได้ ทว่าไม่เร่งเร้าเอาเป็นเอาตาย หมอนวดบางคนรีบทำเวลา มั่นใจว่า ‘ปลุก’ ได้แล้วก็จัดบริการเสริมทันที…ให้เสร็จ ๆ ไป
ทว่าโฟล์กไม่ทำอย่างนั้น เขานวดอย่างพิถีพิถัน มือและน้องชายในกางเกงตัวจิ๋วเฉียดเบา ๆ พอกระตุ้นอารมณ์ให้ลุกซู่เป็นระยะ ไม่เร่งรีบจนลน หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเขาจึงว่า
“นวดไทยเสร็จแล้ว ผมนวดออยล์ต่อให้เลยนะครับ”
ครั้นสาธิตครางตอบเบา ๆ เด็กหนุ่มก็ชโลมน้ำมันลงไป กล้ามเนื้อที่เกร็งแน่นผ่อนสบายคลายตัวจนรู้สึกได้ อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยที่อารมณ์ค่อย ๆ ไต่ระดับ สัมผัสจากเนื้อแนบเนื้อทำให้สาธิตรู้ในนาทีหนึ่งว่า โฟล์กมิได้ใส่ชั้นในอีกแล้ว เขาโถมตัวลงมาทั้งร่าง ใช้กายเขาเบียดนวดแทนการใช้นิ้วที่เรียกกันว่า B2B หรือ Body to body สาธิตบิดตัวไปตามจังหวะ โดยไม่ทันระวัง โฟล์กก็ยึดล็อกตัวเขาไว้…ด้วยอาวุธของเขา
เวลาไม่มีความหมายอีกต่อไป
โฟล์กให้บริการเสริมแก่ลูกค้าอย่างเต็มที่ด้วยความเต็มใจ เกร็งตัวกันไปทั้งคู่ในวินาทีสุดท้ายก่อนระเบิดสิ่งที่อั้นในกายออกมา ซบหน้าซุกซอกคอเพื่อผ่อนคลายอีกหลายนาที กว่าสองร่างจะแยกออกจากกัน
เด็กหนุ่มนั่งรถเมล์กลับด้วยใจเป็นสุข มีลูกค้าติดต่อมาอีกสองสามราย แต่วันนี้โฟล์กไม่รับงานอีกแล้ว รายเดียวก็เกินพอทั้งค่าจ้าง อิ่มเอมเต็มอารมณ์
‘ลูกค้ารายล่าสุด’ ให้ ‘ทิป’ มากกว่าที่ตกลงกันไว้ แสดงว่าพอใจบริการ
โฟล์กเองก็พอใจลูกค้ารายนี้เหมือนกัน เขาไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่เคยผ่านมา
ปกติแล้วเมื่อรับงาน โฟล์กไม่เคยเลือกลูกค้าว่าจะแมนหรือสาว อ้วน ผอม หรือหุ่นดี ทุกคนได้บริการนวดเหมือนกัน เพียงแต่บริการ ‘เสริม’ โฟล์กจะเลือก หากลูกค้าไม่ถูกเทสต์ เขาจะให้บริการเสริมแค่ภายนอก หรือถ้าจะเสริม ‘ภายใน’ เขาก็แกล้ง ‘เสร็จ’ เพื่อจบงาน หากเจอลูกค้าเรื่องมากต้องการหลักฐานว่าถึงจุดสุดยอดแล้วจริง ๆ เขาก็เรียกเงินเพิ่มเพื่ออวดหลักฐานไม่ว่าจะอยู่ในถุง บนตัว บนหน้า หรือในปากของลูกค้า
แต่รายล่าสุดนี้ โฟล์กมีอะไรกับเขาอย่างรู้สึกว่า อยากมีอะไรกับคนนี้ ไม่คิดว่าเป็นการให้บริการ
จอดลงที่ป้ายหนึ่งแล้วยังต้องเดินต่อไปอีกหลายนาทีกว่าจะถึงหอพักที่เขาและเพื่อนเช่าอยู่ด้วยกันเพื่อแชร์ค่าห้อง เปิดประตูเข้าไป เพื่อนของเขาในกางเกงในตัวเดียวกำลังโยกย้ายอยู่หน้าโทรศัพท์ แสดงว่ากำลัง ‘ไลฟ์’ เพื่อเรียกเงิน ชวนคน ‘เข้ากลุ่ม’ ท่าทางโยกย้ายไปมาวนเวียนอยู่แค่เป้า แกล้งเปิดวับแวมให้เสียวไส้ แต่ไม่ถอดจริง จนกระทั่งจบ จึงลงมานั่งข้าง ๆ
“ชวนคนเข้ากลุ่มได้อีกเท่าไหร่” โฟล์กถาม
“ก็ได้มาเยอะแหละน่า นายล่ะ ไปนวดมาเหรอ”
“อือ ลูกค้าเจ้านี้ดี”
“ทิปหนักละสิ หรือว่าเด็ด ถ้าคราวหน้าเขาเรียกอีกก็ชวนฉันด้วยสิ เขาชอบโฟร์แฮนด์รึเปล่า” คนพูดหมายถึงนวดสี่มือ หรือการนวดพร้อมกันโดยใช้หมอนวดสองคน
“ไม่รู้สิ แต่คนนี้ฉันหวง”
“อีดอก” หวงก้างแม้กระทั่งเพื่อน
“เมื่อกี้เจอเจ๊เปิ้ล แกเตือนเรื่องค่าเช่าห้อง” โฟล์กว่าขณะที่เพื่อนลุกออกไปราวไม่อยากฟัง จึงต้องตะโกน
“ที่พูดนี่ได้ยินไหม อีอาร์ม!”
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 25 : ใครคนนั้น…
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 24 : เพราะตัดทิ้งราคาเลยตก
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 23 : หน้าใหม่คนคุ้นเคย
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 22 : กลายพันธุ์
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 21 : ครอบครัวอีกฝ่าย
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 20 : แฟนปลอมๆ
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 19 : เพื่อนเก่า-เพื่อนหลาน
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 18 : I am what I am
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 17 : ดูตัว
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 16 : เด็กอีหมอ
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 15 : ประจันหน้า!
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 14 : ผู้ช่วยคนใหม่
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 13 : ไอ้ทาส!
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 12 : อนามัยกับดัดจริตมันใกล้กันนิดเดียว!
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 11 : Mister Rainbow Guy
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 10 : กะเทยไม่ใช่โรคติดต่อ!
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 9 : ชีวิตคู่ของสองหนุ่ม
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 8 : after party
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 7 : ซาวน่าล่าคู่นอน
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 6 : พฤติกรรม ‘อย่างว่า’
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 5 : ถ่านไฟเก่า
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 4 : เพราะเขาคือ…คนแรก
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 3 : เพื่อนร่วมสถาบัน
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 2 : เมฆฉาย
- READ มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 1 : รสชาติอาหารป่า