กลิ่นมาลี บทที่ 4 : นางทาสคนใหม่

กลิ่นมาลี บทที่ 4 : นางทาสคนใหม่

โดย : SUDA

Loading

กลิ่นมาลี นวนิยายจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 2 โดย SUDA เมื่อหญิงสาวสวยแห่งกรุงศรีอยุธยาปรารถนาเพียงชีวิตที่เรียบง่าย แต่ชาติกำเนิดที่คลุมเครือ ทำให้เธอการถูกขายให้กับโรงชำเราบุรุษ ชีวิตของเธอจะเป็นเช่นไร เธอยังคงเหมาะกับชายที่เธอรักหรือไม่ นวนิยายคุณภาพอีกเรื่องที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

“แม่แย้ม นี่มันเรื่องกระไรกัน”

แม่อิ่มเดินออกมาจากหลังครัว เมื่อมองเห็นมาลีกำลังนั่งรับแขกอยู่จึงเดินมาหาแม่แย้มและจีนหนุ่มเฝ้าซ่อง แม่แย้มพลันถอนหายใจเบาๆ ท่าทางดูเคร่งเครียดไม่ต่างกันนัก “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆ ชายคนนั้นก็ให้ข้าเรียกแม่มาลีออกมาหา”

“แล้วเอ็งก็ทำตามสั่งอย่างนั้นรึ”

“ก็ใช่น่ะสิ” แม่แย้มเอ่ยตอบทันที “แต่ข้ามิได้บังคับแม่มาลีให้รับแขกสักหน่อย ข้าเพียงเรียกออกมาหาเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้”

“แล้วนี่แม่มาลีเป็นกระไรไป ร้อยวันพันปีข้าก็ไม่เคยเห็นออกมารินเหล้าให้แขกเช่นนี้” หญิงสาวสองคนต่างยืนนิ่งแอบมองน้องสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจีนเฝ้าซ่องที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันจะถอนหายใจท่าทางเบื่อหน่าย “พวกเอ็งมีกระไรทำก็ไปทำเถิด มายืนสงสัยอยู่ได้”

“เอ๊ะ! เอ็งนี่” แม่อิ่มยืนเท้าสะเอวใส่ท่าทางเอาเรื่อง “ก็ข้าเป็นห่วงน้องข้ามันผิดด้วยรึ!”

“พวกเอ็งเชื่อข้าเถิดว่าแม่มาลีมิได้ถูกบังคับให้ไปนั่งรินเหล้าให้พ่อหนุ่มคนนั้น นางเต็มใจไปของนางเอง”

เมื่อเห็นท่าทีมั่นใจของหนุ่มจีนเฝ้าซ่อง ทั้งแม่อิ่มและแม่แย้มจึงหันสบตากันด้วยความงุนงง “เอ็งพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”

“ก็วันนั้นข้าพาแม่มาลีออกไปเลือกซื้อผ้าที่ตลาดป่าชมภู ข้าจำได้ว่าชายผู้นี้เดินมาส่งนางถึงท่าน้ำ” หนุ่มจีนเฝ้าซ่องเอ่ยอธิบายพลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ ท่าทางเจ้าเล่ห์

“ก็ไม่แน่ดอกหนา…ชายผู้นี้อาจเป็นคนแรกที่ได้ชำเรานางก็ได้”

————
เวลาผ่านไปราวชั่วยามแล้ว แต่มาลีก็ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมให้เขากลับ เธอทั้งรินเหล้าให้เขาและทั้งกินเองเสียจนเกือบหมดสองไห ดวงหน้างามที่เคยแดงระเรื่อเพราะเลือดฝาดตามธรรมชาติ บัดนี้กลายเป็นแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา อีกทั้งนวลแก้มยังมีหยดน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย

“คุณหลวงอยู่กับข้าอีกสักพักมิได้หรือเจ้าคะ” มาลีเอ่ยขอร้องทั้งที่เมามายอยู่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยแตะต้องของมึนเมาเพราะไม่ได้รับแขก เมื่อได้มากินครั้งแรกเพียงไม่กี่จอกก็ทำให้เมามากกว่าใคร และยิ่งมาดื่มจนเกือบหมดสองไหเช่นนี้จึงทำให้สติเริ่มเลือนหาย

“พอเถิดแม่มาลี”

ออกหลวงชาญภูเบศร์คว้าเอาจอกเหล้าออกจากมือหญิงสาวแล้วกุมมือเธอไว้ “เป็นแม่หญิงแท้ๆ เหตุใดจึงทำตัวเช่นนี้เล่า”

“เพราะข้าเป็นหญิงนครโสเภณี จึงต้องทำตัวเช่นนี้น่ะสิเจ้าคะ” มาลีเอ่ยเสียงสั่นเพราะกำลังขาดสติ ภาพที่มองเห็นเริ่มเลือนรางและร่างกายอ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ สุดท้ายออกหลวงชาญภูเบศร์จึงต้องดึงร่างเธอมาซบไหล่เขาไว้มิให้เธอหงายหลังลงพื้น

แต่เมื่อก้มลงมองแม่หญิงในอ้อมอกก็เห็นว่าเธอหลับไปเสียแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เผลอยกมือลูบเรือนผมงามด้วยความเวทนาสงสาร เขาปล่อยให้เธอหลับไปได้เพียงครู่เดียวก็มีจีนเฝ้าซ่องคนหนึ่งเดินเข้ามาหา

“เชิญนายท่านกับแม่หญิงพักผ่อนด้านบนเถิดขอรับ”

“พักผ่อน…ด้านบน?” ออกหลวงชาญภูเบศร์ทวนคำ ก่อนจีนเฝ้าซ่องผู้นั้นจะพยักหน้าแล้วส่งยิ้มมีเลศนัยให้ “เชิญด้านบนเถิดขอรับ”

ออกหลวงชาญภูเบศร์นิ่งเงียบไปนาน เพียงมองจากสายตาจีนเฝ้าซ่องก็รู้แล้วว่าด้านบนที่ว่านั้นหมายความว่าอย่างไร ชายหนุ่มหันมองบันไดทางขึ้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะช้อนร่างเล็กของแม่มาลีไว้ในอ้อมอก แล้วอุ้มเธอเดินขึ้นบันไดไปทันที

“ประเดี๋ยวก่อน ประเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ!” แม่แย้มกับแม่อิ่มที่มองอยู่เมื่อเห็นดังนั้นก็เดินปรี่เข้ามาหาทันทีด้วยความตื่นตระหนก “ข้าขอพูดคุยกับน้องข้าสักครู่เถิดเจ้าค่ะ”

ออกหลวงชาญภูเบศร์มิได้เอ่ยคำใด แต่เมื่อเขายืนนิ่งอยู่แม่แย้มจึงรีบปลุกน้องสาวในอ้อมอกเขาทันที เธอเขย่าร่างแม่มาลีหลายครั้งพลางเอ่ยเรียกให้คืนสติ แต่มาลีกลับสะดุ้งขึ้นมาเพียงเล็กน้อยแล้วขยับกายกอดชายหนุ่มไว้แน่นกว่าเก่า

“แม่มาลี! แม่มาลีตื่นประเดี๋ยวนี้!”

“ปลุกนางขึ้นมาทำไมหรือแม่หญิง…”

เห็นเขาถามเช่นนั้นแม่แย้มก็หน้าเจื่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของน้องสาว สุดท้ายจึงตัดสินใจเกาะวงแขนของชายหนุ่มไว้ แล้วเบียดกายเข้าใกล้ท่าทีออดอ้อน “แม่มาลีเมาหลับไปเช่นนี้คงปรนนิบัติท่านได้ไม่ดีนัก ได้โปรด…ให้นางไปพักผ่อน แล้วให้ข้าคอยรับใช้ท่านแทนนางได้ไหมเจ้าคะ”

หญิงสาวส่งสายตาขอร้องอ้อนวอน แต่ออกหลวงชาญภูเบศร์กลับส่ายหน้าปฏิเสธแล้วกระชับร่างบางที่เขาอุ้มอยู่ให้แน่นขึ้น ก่อนจะเดินก้าวขึ้นบันไดไปช้าๆ

ชายหนุ่มก้มลงมองมาลีที่กำลังหลับตาพริ้มราวกับกำลังหลับฝัน ในใจเขายิ่งร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเก่า ที่แท้เธอก็เป็นหญิงในโรงรับชำเราบุรุษ…เธอเป็นหญิงที่ทอดกายให้ชายทั้งพระนครได้คลายเหงา หากเขาจะเป็นหนึ่งในชายพวกนั้นคงไม่แปลกดอกกระมัง

เมื่อขึ้นไปสุดบันไดออกหลวงชาญภูเบศร์จึงกวาดสายตามองโดยรอบ อาคารชั้นสองของโรงรับชำเรานี้ทำจากไม้ทั้งหลัง ตกแต่งอย่างชาวจีน แบ่งเป็นห้องหับเล็กๆ เป็นสัดส่วนไม่ต่างจากเรือนคนจีนทั่วไปที่เขาเคยเห็น

แต่สิ่งที่แตกต่างคือภาพที่เขาได้เห็นตรงหน้า…

ชายหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นกิจกรรมด้านบนทั้งหมด ชายฉกรรจ์ตัณหากลับกำลังร่วมเสพสังวาสอยู่กับหญิงรับชำเรา หลายคนกระทำรุนแรงราวกับหญิงนั้นมิใช่คนแต่เป็นเพียงเครื่องบำบัดความใคร่ มีทั้งเสพสมอย่างปิดประตูมิดชิดได้ยินเพียงเสียงเล็ดลอดออกมา และร่วมประเวณีทั้งที่เปิดประตูทิ้งไว้ให้มองเห็น บ้างก็ชายสองหญิงหนึ่ง บ้างก็ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง บ้างก็มีหญิงคนเดียวแต่ชายมากกว่านั้น เสียงครวญครางด้วยความเสียวซ่านและเจ็บปวดของแม่หญิงดังระงมไปทั่วจนเขาแทบทนฟังไม่ไหว

ออกหลวงชาญภูเบศร์รีบหันหลังกลับลงมาทันที สายตาจ้องมองแม่หญิงที่กำลังหลับใหลในอ้อมอกของตนเอง เมื่อนึกว่าในแต่ละวันเธอต้องพบเจอสิ่งเลวร้ายใดบ้าง ในใจก็นึกเวทนาเสียจนน้ำตาเอ่อ

นี่มันเรื่องกระไรกัน…

——————-

ออกหลวงชาญภูเบศร์ตัดสินใจพาแม่มาลีลงมาด้านล่างโดยเร็ว เมื่อแม่แย้มเห็นเขาเดินลงมาถึงด้านล่างจึงรีบเข้าไปหาด้วยความดีใจ

“ท่าน! ท่านเปลี่ยนใจแล้วหรือเจ้าคะ”

“พานางไปพักทีเถิด” ออกหลวงชาญภูเบศร์วางร่างของมาลีนั่งลงบนเก้าอี้แล้วปลุกเธอให้ตื่นอีกครั้ง แม่อิ่มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาช่วยแล้วพยุงมาลีเข้าไปพักในเรือนนอนด้านหลัง ปล่อยให้แม่แย้มยืนสนทนากับเขาตามลำพัง

“มีกระไรหรือเจ้าคะ”

“ไม่มีกระไร” ชายหนุ่มเอ่ยตอบทันที “ข้าขอพูดคุยกับเจ้าของโรงรับชำเรานี้ได้หรือไม่”

แม่แย้มได้ยินถ้อยคำก็พลันสะดุ้งไปด้วยความตื่นตระหนก “แม่มาลีทำกระไรให้ท่านไม่พอใจหรือเจ้าคะ ข้าต้องขอประทานโทษแทนน้องด้วย อย่าให้เรื่องถึงนายของพวกเราเลยหนา” หญิงสาวรีบเข้ามาขอร้องอ้อนวอนเพราะกำลังเข้าใจผิด ออกหลวงชาญภูเบศร์จึงส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ ภาพความโหดร้ายที่เห็นบนโรงรับชำเรานั้นทำเอาชายหนุ่มยังมือไม้สั่นไม่หาย

“เรียกจีนเฝ้าซ่องมาหาข้าที…ข้าจักซื้อตัวแม่มาลีออกไปจากที่นี่”

—————

ยามราตรีค่ำคืนนี้ดูสับสนวุ่นวายกว่าที่ผ่านมามากนัก แม้กิจกรรมในโรงรับชำเราจะยังดำเนินไปปกติ แต่ด้านหลังนั้นบรรยากาศกลับตึงเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จีนเจ้าของซ่องออกมาเจรจากับเขาด้วยตนเอง คราแรกตั้งใจว่าจักไม่ยอมขายเพราะหากมาลีไม่อยู่แล้วจักไม่มีใครทำเครื่องหอมให้ โรงรับชำเราของเขาที่เคยมีชื่อเสียงกว่าที่อื่นก็จักพานเสียประโยชน์ไปด้วย

แต่เมื่อออกหลวงชาญภูเบศร์ยอมจ่ายราคาสูงมากกว่าปกติ จีนเจ้าของซ่องจึงนิ่งคิดใคร่ครวญอยู่นาน สุดท้ายเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จึงตัดสินใจยอมขายหญิงสาวให้ โดยมีข้อแม้คือต้องยอมให้มาลีทำเครื่องหอมมาขายให้ที่นี่ด้วย ตกลงกันเรียบร้อยแล้วออกหลวงชาญภูเบศร์จึงยอมกลับเรือนโดยดี

เรือนนอนด้านหลังบรรยากาศก็กำลังตึงเครียดไม่ต่างกันนัก แม่อิ่มและบ่าวรับใช้อีกสองคนช่วยกันประคองหญิงสาวมานั่งพักบนระเบียง เมื่อพยายามปลุกอยู่นานแต่เธอไม่คืนสติสักที แม่อิ่มจึงตักน้ำเย็นจากตุ่มบนเรือนมาสาดใส่หน้า

“โอ๊ยยย พี่…พี่อิ่ม!” มาลีสะดุ้งไปทั้งกายด้วยความหนาวปนตื่นตระหนก ร่างกายเปียกปอนหนาวสั่น แม่อิ่มจึงไล่ให้บ่าวกลับไปแล้วยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าน้องสาวไม่วางตา “มันเกิดกระไรขึ้นแม่มาลี เล่าให้พี่ฟังประเดี๋ยวนี้!”

“เล่า เล่ากระไรกันจ๊ะ” มาลียังคงตื่นตระหนกไม่หาย “ข้าต่างหากที่ต้องถามพี่ว่ามันเกิดกระไรขึ้น เหตุใดข้าจึงจำกระไรไม่ได้สักอย่าง”

“ก็กินเหล้าเข้าไปเกือบสองไห ไม่เมาจนหลับก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว” แม่อิ่มส่ายหน้าเบาๆ “เล่าให้พี่ฟังประเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดกระไรขึ้น เอ็งไปรู้จักกับขุนนางคนนั้นได้อย่างไร แล้วเอ็งเป็นบ้ากระไรจึงยอมให้เขาอุ้มขึ้นไปชำเราถึงข้างบน”

“ว่ากระไรนะพี่อิ่ม!” มาลีเบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด “ข้าถูกคุณหลวง…”

“ยัง! แต่ก็เกือบไปแล้ว” แม่อิ่มนั่งลงข้างหญิงสาวก่อนจะถอนหายใจท่าทางเอือมระอา “คุณหลวงของเอ็งน่ะอุ้มเอ็งขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว แต่ดูท่าเอ็งจักเมามากจนเขาหมดอารมณ์กระมังจึงได้พาลงมาได้”

“แล้วจะบอกพี่ได้หรือยังว่ามันเกิดกระไรขึ้น”

มาลีนิ่งเงียบทบทวนเหตุการณ์ไปนานโข น้ำตาที่เหือดหายไปแล้วก็พลันไหลเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ากับคุณหลวงรู้จักกันมาสักพักแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเคยช่วยชีวิตเขาไว้หนหนึ่ง…หลังจากนั้นเราก็พบกันอีกหลายครา พบกันที่ตลาดบ้าง เขาตามข้าไปเก็บดอกไม้บ้าง ได้พูดคุยกันก็หลายหนอยู่”

“แล้วเขารู้มาก่อนหรือไม่ว่าเอ็งอยู่ที่นี่”

“ข้ามิได้บอกเขาตรงๆ ดอกจ้ะ” มาลีก้มหน้าเอ่ยเสียงเบา

“ข้า…ข้าบอกเพียงว่าข้าเป็นบ่าวของเศรษฐีท้ายตลาดบ้านจีน แต่สุดท้ายเขาก็ตามมาที่นี่จนได้”

เมื่อเอ่ยอธิบายจนถึงตอนนี้มาลีก็พลันเสียงสั่นเครือขึ้นมา ในหัวใจที่เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมานั้นทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าเผลอมอบใจให้เขาไปเสียแล้ว หญิงสาวก้มหน้าปาดน้ำตาตนเองพยายามกลั้นเสียงสะอื้น “พี่อิ่มไม่ต้องห่วงดอกจ้ะ หลังจากนี้เขาคงไม่มาอีกแล้ว”

“ใช่”

แม่อิ่มเอ่ยตอบทันที “เขาคงไม่มาที่นี่อีกแล้ว เพราะหลังจากนี้เอ็งจักต้องไปอยู่กับเขาแทน”

“ว่ากระไรนะพี่อิ่ม!”

แม่อิ่มพลันส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเหนื่อยหน่าย สองมือเอื้อมจับหัวไหล่บางของน้องสาวไว้มั่น “เอ็งฟังที่พี่พูดให้ดี ออกหลวงชาญภูเบศร์ขอซื้อเอ็งออกไปเป็นบ่าวในเรือนแล้ว เอ็งก็เตรียมตัวเก็บข้าวของเถิด อีกไม่กี่วันคงมีคนมารับ”

———————-
มาลียังคงตื่นตกใจกับเหตุการณ์คืนนั้นไม่ทันหาย แต่เมื่อทุกคนยืนยันว่าออกหลวงชาญภูเบศร์ซื้อตัวเธอไปเป็นทาสในเรือนเรียบร้อยแล้วและจักส่งคนมารับในอีกสามวันข้างหน้า หญิงสาวจึงต้องเริ่มเก็บข้าวของตนเองเพื่อเตรียมย้ายออกจากโรงรับชำเราบุรุษโดยดี แม้เหล่าหญิงรับชำเราจะนึกเสียดายอยู่มากที่หลังจากนี้จะไม่ได้พบเจอกันอีกแล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็นึกยินดีกับมาลีด้วยที่จะได้ไปมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า อย่างน้อยเป็นบ่าวในเรือนขุนนางใหญ่เช่นนั้นก็มีข้าวกินอิ่มทุกมื้อ และยังไม่ต้องทนสายตาโลมเลียของพวกชายตัณหากลับที่นี่ด้วย

ออกหลวงชาญภูเบศร์ซื้อมาลีในราคาสูงมากพอควร แต่เมื่อได้อัฐค่าตัวมาแล้วจีนเจ้าของซ่องกลับยกเงินนั้นให้เธอเก็บไว้ใช้เองทั้งสิ้น มิได้เจียดเข้าหีบสมบัติของตนเองเลยแม้สักเบี้ย อีกทั้งยังมอบเครื่องประดับมีค่าไว้ให้เธอใช้ไถ่ตนเองออกมาหากถูกคนเรือนนั้นรังแกอีกด้วย

เหตุเป็นเช่นนี้เพราะจีนเฝ้าซ่องนั้นเมตตาเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นึกเวทนาตั้งแต่เมื่อครั้งเธอถูกขายมาเพราะความผิดของแม่ ครานั้นเขาเองก็คัดค้านออกญาพิพัฒน์โกษาอยู่ว่าเขาทำเกินเหตุ แม่มันเป็นคนผิดแล้วเหตุใดจึงต้องทำลายชีวิตลูกไปด้วยเช่นนี้

แต่สุดท้ายการคัดค้านก็ไม่เป็นผลเพราะออกญาพิพัฒน์โกษายังยืนยันคำเดิม จีนเจ้าของซ่องจึงได้รับซื้อมาลีไว้เพราะความเมตตาสงสาร และเหตุที่ยอมขายเธอให้ออกหลวงชาญภูเบศร์ก็เพราะคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้น่าจักดูแลเธอให้สุขสบายได้ตามอัตภาพ

แต่หากเขาคิดผิด…ที่โรงรับชำเรานี้ก็ยังยินดีให้แม่มาลีกลับมาทำเครื่องหอมเช่นเดิมอยู่เสมอ

แต่หลังจากมาลีย้ายไปอยู่เรือนออกหลวงชาญภูเบศร์แล้วก็จักต้องมีคนจุดเครื่องหอมแทน โดยเป็นแม่อิ่มที่จักไปรับเอาน้ำอบแป้งร่ำและเทียนร่ำกับมาลีเดือนละครั้ง และให้บ่าวก้นครัวเตรียมร่ำหีบผ้าให้พวกเธอได้ใช้

มาลีรออยู่สามวันจึงมีบ่าวชายผู้หนึ่งมาปรากฏอยู่หน้าโรงรับชำเราบุรุษ เป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับออกหลวงชาญภูเบศร์ รูปร่างสูงสง่า แม้ผิวสีเข้มกรำแดดกรำฝนแต่ใบหน้าคมคายน่ามองไม่น้อย บ่าวชายคนนี้ชื่อพ่อเพิ่ม รับคำสั่งจากออกหลวงชาญภูเบศร์ให้มารับตัวมาลีไปอยู่ด้วย

มาลีเดินตามหลังชายหนุ่มมาโดยดีจนถึงท่าน้ำหน้าตลาดบ้านจีน ก่อนจะลงเรือพายลำเล็กไปด้วยกัน โชคดีที่ข้าวของของเธอนั้นมีเพียงผ้านุ่งและเครื่องหอมติดตัวไปเพียงเล็กน้อยจึงไม่ได้ขึ้นลงเรือลำบากมากนัก

“แม่หญิงชื่อกระไรรึ”

พ่อเพิ่มเอ่ยถาม เขาพายเรือเลียบแม่น้ำมาทางทิศตะวันออกก่อนจะลอดเข้าช่องประตูน้ำเข้ามาด้านในกำแพงเมือง มุ่งหน้าเข้าเรือนออกหลวงชาญภูเบศร์ สายตาลอบมองหญิงสาวตรงหน้าอยู่เป็นพักๆ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม่หญิงตรงหน้านี้รูปกายงดงามไม่น้อย ดวงหน้าหวานละมุนดุจดอกไม้แรกแย้ม ผิวนวลเนียนดังคนไม่เคยได้ตากแดดตากฝน อีกทั้งกิริยายังอ่อนหวานน่ารักน่าเอ็นดู มิน่าเล่าออกหลวงชาญภูเบศร์จึงเสน่หาหญิงรับจ้างชำเราผู้นี้มากเสียจนรับมาอยู่ในเรือนด้วย แม้แต่เขาเองที่เพิ่งได้พบกันก็ยังรู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก

“ข้าชื่อมาลีจ้ะ” หญิงสาวเอ่ยพลางส่งยิ้มสดใส “ข้าฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ ไปอยู่ที่เรือนคุณหลวงแล้วไม่รู้ชีวิตจักเป็นอย่างไรบ้าง”

“ไม่ต้องห่วงดอก นายบนเรือนนี้มิใช่คนใจไม้ไส้ระกำ บ่าวใดได้มาอาศัยบารมีก็ได้อยู่อย่างสุขสบายทุกคน พี่ชื่อเพิ่ม…เอ็งก็เรียกว่าพี่เพิ่มเถิด ประเดี๋ยวพี่จักพาเอ็งไปกราบคุณหญิงบัวแก้วมารดาของคุณหลวงท่าน แล้วจักพาไปพักที่เรือนบ่าวด้านหลัง”

“คุณหญิงบัวแก้วหรือจ๊ะ”

“ใช่ คุณหญิงเป็นนายใหญ่ในเรือนนี้เพราะออกญาอภัยมนตรีสิ้นไปด้วยพิษไข้เมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้บนเรือนใหญ่จึงมีเพียงคุณหญิงบัวแก้วและออกหลวงชาญภูเบศร์อยู่กันสองคนเท่านั้น”

มาลีพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ “แล้วข้าต้องไปรับใช้อยู่ที่ใดหรือจ๊ะ”

“ปกติแล้วคุณหญิงมักให้บ่าวไพร่อยู่หลังเรือน คอยปลูกผักเลี้ยงไก่หาปลา ดูแลสวนผลไม้และสวนดอกไม้ให้เป็นระเบียบ หรือบ่าวคนใดถูกชะตาคุณหญิงก็จักเรียกให้มารับใช้บนเรือนใหญ่ ส่วนบ่าวที่คอยรับใช้คุณหลวงท่านนั้นมีเพียงพี่คนเดียว เพราะคุณหลวงมักสันโดษไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายมากนัก”

พ่อเพิ่มเอ่ยอธิบายพลางจ้องมองหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณา “แต่พี่ว่าเอ็งคงไปปลูกผักเลี้ยงไก่กับเขาไม่เป็น ไม่แน่ว่าคุณหญิงอาจให้เอ็งคอยรับใช้อยู่บนเรือนก็ได้”



Don`t copy text!