จระเข้คอยเธออยู่บนทางช้างเผือก บทที่ 2 : แต่ปางก่อน

จระเข้คอยเธออยู่บนทางช้างเผือก บทที่ 2 : แต่ปางก่อน

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

จระเข้คอยเธออยู่บนทางช้างเผือก โดย คีตาญชลี แสงสังข์ ผลงานจากโครงการช่องวันอ่านเอา เมื่อเจ๋งต้องกลับบ้านที่ไม่อยากกลับเพื่อเจอกบเพื่อนตุ๊ดที่เป็นรักแรกและการกลับไปครั้งนี้เจ๋งยังพบจดหมายที่อังศุมาลิน เพื่อนอีกคนทิ้งเอาไว้ก่อนตายไปในซ่อง มันจะนำพาเจ๋งและกบไปสู่จุดหมายปลายทางที่สุขสมหรือทุกข์ทนนั้น…ไม่มีใครจะล่วงรู้

วงการสื่อเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อน ไม่มี ‘เจ้าใหญ่’ คุมตลาด แต่เต็มไปด้วยอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้ทรงอิทธิพลในโลกโซเชียล บางคนดังชั่วข้ามคืน บางคนใช้เวลาสั่งสม แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมาเร็วก็มักจะไปเร็ว ดังนั้นการพยายามจัดการและค่อยๆ สะสมผู้ติดตามอย่างเป็นระบบ จึงเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า

ช่องเล็กๆ ของเราตั้งขึ้นจากโลกที่เปิดกว้างให้นกกระจิบนกกระจาบ ‘กระเทียมสามหัวจำกัด’ จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อผลิตรายการท่องเที่ยวเพื่อออกเผยแพร่ทางช่องทางออนไลน์ เราใช้ชื่อ ‘เที่ยวถูก-ไทยแลนด์’ เป็นชื่อช่อง รวมถึงใช้เป็นชื่อรายการหลัก พร้อมสโลแกนว่า ‘เที่ยวถูกที่ ดีต่อใจ ไทยแลนด์’ ซึ่งตอนหลังเราก็มานั่งเสียใจกันว่า ชื่อมันเฉพาะเจาะจงเกินไป เมื่อเราต้องการจะเพิ่มรายการใหม่ๆ ในภายหลัง

ตอนนี้ช่องเที่ยวถูก-ไทยแลนด์ของเราผลิตสามรายการ มีผู้ติดตามกว่าห้าแสนและทำท่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ในอัตราที่สปอนเซอร์ต้องยิ้มกริ่ม

ยอดผู้ชมในแต่ละคลิปของช่องเริ่มต้นที่แสนวิว บางคลิปเคยทะยานไปถึงหลักล้าน มากพอที่เราจะสามารถจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นได้ในปีที่สาม และพอครบปีที่สี่เราก็เริ่มพูดคุยและหาข้อมูลในการผลิตสินค้าอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง แต่เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นพูดคุย และต้องทำอย่างระมัดระวัง สัญญาที่เซ็นเอาไว้กับเหล่าสปอนเซอร์ผูกพันแน่นหนา พวกเขารอบคอบพอที่จะให้เรารับประกันว่า จะไม่มีสินค้าประเภทเดียวกันลงโฆษณารายการเดียวกันกับพวกเขา เราจะไม่รับโฆษณาตัวที่ซ้ำกับผลิตภัณฑ์ที่เราจะผลิตเสียก็ได้ แต่เงินก้อนจากสปอนเซอร์แน่นอนและไม่มีความเสี่ยง ดังนั้นพี่ภพซึ่งเป็นเสมือนหัวใจของช่อง จึงต้องคิดให้รอบครอบ

เที่ยวถูก-ไทยแลนด์มีพี่ภพเป็นผู้ดำเนินรายการ เขาไม่ใช่หนุ่มหล่อขาวตี๋แบบที่นิยมอยู่ในท้องตลาด แต่หน้าแบบหนุ่มไทยแท้อย่างเขามีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้มีแฟนคลับเป็นของตัวเอง

รายการที่เราผลิตในปีต่อมาชื่อ ‘ซูเปอร์ ริช ของต้องดู’ พี่เตยจะพาผู้ชมไปดูของแปลก ของดี หรือของหายาก ส่วนรายการล่าสุดที่ผลิตมาได้เพียง ๑๐ ตอนหรือภาษารายการออนไลน์เรียกว่าอีพี(EP)นั้น มีชื่อเชยๆว่า ‘อาถรรพ์ตำนานพื้นถิ่น’

พี่ภพมีความเห็นว่า การพยายามจะเท่มากเกินไป อาจทำให้เราจมหายไปกับกระแสเชี่ยวกรากของโลกออนไลน์ที่หมุนติ้วๆ อยู่ตลอดเวลา

“มันต้องฮาร์ดเซลล์บ้าง” เขาพูดอย่างผู้เชี่ยวชาญทางการตลาด ซึ่งคงจะเป็นเรื่องเดียวที่พี่เตยไม่เคยขัดและไม่เคยกังขา

รูปแบบอาถรรพ์ตำนานพื้นถิ่นไม่ค่อยแน่นอน พี่ภพเป็นต้นคิดในการเชิญแขกรับเชิญมาดำเนินรายการผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละอีพี

แขกรับเชิญที่ขี้อาย ตื่นกล้อง จนไม่สามารถดำเนินรายการแบบเดี่ยวได้ อีพีนั้นจะมีพี่ภพหรือพี่เตยเข้ามาเป็นพิธีกรคู่ การปรับเปลี่ยนเนื้อหาเป็นไปตามหน้างาน ไม่ถึงกับด้นสดแต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามสคริป

คราวนี้ก็อีกเช่นเคย ใบตองเลขาสาวแสนกระตือรือร้น กระโดดเข้ามาเกาะแขนของฉันแน่น หล่อนดูเหมือนนกกินปลีอกเหลือง กะทัดรัด ฉวัดเฉวียน ทว่าเอาการเอางาน ดวงตาเหมือนกุมความลับส่องประกายขี้เล่น ชี้ชัดว่าหล่อนกำลังมีบางอย่างจะพูดกับฉัน แต่ฉันไม่ปริปากถาม รอจนหญิงสาวอดไม่ได้จนต้องเอ่ยออกมาเอง

“พี่เจ๋งเห็นข่าวครูคนนั้นหรือยัง กำลังดังเลยนะพี่” ในที่สุดใบตองก็พูด

“คนไหน ที่หวยหายหรือคนที่เอาถุงคลุมหัวเด็ก” ฉันว่าพลางดึงเก้าอี้ออกจากโต๊ะอาหารแล้วทิ้งตัวลงนั่ง ใบตองหย่อนก้นแตะขอบโต๊ะ เอนตัวเข้ามาหา ตอนนี้เราอยู่ในช่วงน้ำชายามบ่าย ถ้าไม่ต้องออกไปถ่ายรายการ เรามักจะมารวมกันที่ห้องอาหาร สนทนา หาไอเดียใหม่ๆ  บางครั้งมันยืดยาวไปจนถึงเวลาเช้าอีกวัน แต่ไม่เคยมีใครเบื่อ

ใบตองฟาดเพี้ยะเข้าที่ต้นแขน

“นั่นน่ะเอ้าท์ไปแล้วพี่” หล่อนพูดจริงจัง

“คนไหนอีกล่ะ” ฉันว่า หล่อนยิ้มพราย

ใบตองก็เหมือนพี่ภพ การคัดเลือกแขกมาร่วมรายการไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีงาม คุณธรรม หรือความเป็นต้นแบบ หล่อนเลือกเพราะ ‘กระแส’ ดังนั้นไม่ว่าใครคนนั้นจะเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม หรือได้เหรียญโอลิมปิกวิชาการ ถ้าได้ขึ้นเวบข่าวอันดับหนึ่งและมีคนคลิกเข้าไปอ่านจำนวนเท่าๆ กัน สำหรับใบตองแล้วไม่มีอะไรแตกต่าง แต่สำหรับพี่เตยนั้นไม่ใช่ อันที่จริงเธอก็ไม่เคยแสดงความเห็นคัดค้านการตัดสินใจของพี่ภพ ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ พี่เตยยอมลดศีลธรรมจรรยาในตัวเองลงไปครึ่งหนึ่ง เธอขอไว้แค่เรื่องเดียวคืออย่าหยาบและลงต่ำกว่าสะดือ ไม่ว่าไอ้ตัวกระแสนั้นมันจะดังมาจากการ ก้ม แหก แหวก อะไรโชว์มา ก็ต้องทำให้พวกนั้นดูดีในรายการให้ได้

ครั้งหนึ่งเราเคยเชิญหญิงสาวที่กำลังดังมาจากคลิปทำอาหารให้แมว ที่มันดังเพราะแมวของเธอน่ารักและเหมือนจะพูดโต้ตอบกับเธอได้น่ะส่วนหนึ่ง แต่ที่ทำให้ดังสุดๆ เพราะชุดเจ้าของแมว ยิ่งท่าที่เธออุ้มแมวซุกหน้าอกอันมโหฬารนั้น คอมเมนต์ใต้คลิปอยากไปเกิดเป็นแมวกันเป็นทิวแถว

เธอมาเป็นแขกรับเชิญร่วมรายการกับพี่ภพ ด้วยการพากันไปพิสูจน์ตำนานบ้านร้างห้าศพ คืนนั้นอากาศอ้าว ไม่มีใครหวังจะให้เธอใส่เสื้อคอเต่ามาหรอก แต่ไม่มีใครคิดว่าเธอจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าประเภทเดียวกันกับในคลิป ที่แทบจะปิดอะไรไม่มิด

พี่เตยเกือบจะเป็นลม ต้องให้ฉันโกหกว่ามีเสื้อของสปอนเซอร์มาให้ใส่ แล้วให้เธอเปลี่ยนจากกางเกงยีนส์ขาลุ่ยสั้นจู๋จนเห็นแก้มก้น กับเสื้อลูกไม้สายเดี่ยวคอถ่วง เป็นชุดแซกผ่าหน้าของพี่เตยเอง

ตอนหลังพี่ภพค่อยขอดว่าชุดอย่างกับนางชีฝรั่ง ทำมาวินหัวเราะงอหาย บ่นเสียดายที่อดทำไตเติ้ลขึ้นต้นรายการว่า  ‘เหมาะสำหรับเด็กอายุ ๑๓ ปีขึ้นไป’

มาวินเป็นคนตลกแบบนี้แหละ เข้ากับพี่ภพได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ถ้าแบ่งพรรคแบ่งพวกกันในที่ทำงานแล้วละก็ ใบตองคือลูกสมุนพี่เตย มาวินคือลูกสมุนพี่ภพ ส่วนฉันนั้นเป็นกรรมการ

“ดูข่าวซะมั่ง” ใบตองทำปากยื่น “ครูเคโระที่เต้นไปสอนไปไง”

“ครูอะไรนะ”

“เคโระ” เสียงใบตองรำคาญ ฉันรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่ค่อยสนโลกเอาเสียเลย

“สอนสนุก ตลก คนแชร์ต่อกันเป็นหมื่นๆ หนูคุยกับพี่ภพแล้ว เขาบอกว่าเอาคนนี้แหละ แต่ยังคิดอยู่ว่าจะเอาไปตามรอยอาถรรพ์ที่ไหนดี งานนี้คงต้องเป็นหน้าที่พี่เจ๋งบ้างล่ะ” ใบตองว่าต่อ

ฉันพยักหน้ารับ แต่ใบตองยังจ้องหน้านิ่ง อะไรของหล่อนอีกก็ไม่รู้

“ทำไมไม่ถามล่ะว่าทำไม” เธอถามฟังยาก

“ฮะ… หมายถึงอะไร”

“ใครโยนงานอะไรมาให้ก็ทำเลยเหรอ ไม่ถามสักคำ เคยมีความคิดเห็นอะไรบ้างไหนเนี่ย”

“อะไรของเธอ” ฉันเริ่มงง เอาใจไม่ถูก

“ถามสิ พี่เจ๋งอ่ะ…บอกให้ถาม” หญิงสาวเซ้าซี้ ขี้เกียจต่อความยาวฉันเลยถามไป

“ทำไมล่ะ”

หล่อนยิ้มกว้าง พอใจ “ก็เพราะคุณครูคนที่ว่า…. สอนอยู่สุโขทัย บ้านพี่เจ๋งน่ะสิ”

“งั้นเหรอ…ว้าว” ฉันแกล้งทำเสียงประหลาดใจ แต่หล่อนดูออกเลยทุบเข้าให้

พี่ภพหนีบโน้ตบุ๊กเดินเข้ามาในห้องอาหาร ฉันเห็นเขามาแต่ไกล ผนังกระจกที่กั้นแยกระหว่างห้องทำงานและห้องอาหารมองทะลุออกไปได้จนถึงประตูหน้า พี่ภพวางโน้ตบุ๊กแล้วเดินเลยไปผสมเครื่องดื่ม ใบตองเดินตามไปช่วย หล่อนทำหน้าที่เลขาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

วันนี้พี่ภพใส่เสื้อโปโลตัวแคบกับกางเกงห้าส่วนสีเข้ม หน้าตาเหมือนๆ กับที่ฉันใส่อยู่แต่ ‘แต่งอย่างมีสไตล์’ กว่า

ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคนภายนอกจะเห็นความแตกต่างไหม แต่คนในออฟฟิศรู้ดีว่า ฉันใส่แต่เสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขายาว โดยมีแค่กางเกงยีนส์ กางเกงขาจั๊มเอวรูด และกางเกงผ้าห้าส่วนอย่างละสามตัว การที่ฉันมีกางเกงตัวใหม่ก็จะแปลว่าฉันได้โละกางเกงตัวใดตัวหนึ่งทิ้งไปแล้ว  แต่ถ้าหากมีงานที่เป็นทางการ ฉันก็มีเสื้อสูทสีเนื้อที่พี่ภพยืนยันว่ามันต้องเรียกเบลเซอร์เอาไว้สวมทับเพื่อความสุภาพ

ส่วนพี่ภพนั้นมีห้องแต่งตัวเป็นของตัวเอง ฉันไม่เคยนับเสื้อผ้าของเขาหรอก แต่เชื่อว่าจำนวนชิ้นของมันน่าจะมากกว่าเสื้อผ้าที่พี่เตยครอบครองเสียอีก บางครั้งฉันก็พิศวงว่า กางเกงห้าส่วนสีดำ สีเทาเข้มและสีกรมท่าที่ทรงเหมือนกันเปี๊ยบของพี่ภพมันแตกต่างกันอย่างไรแน่

อย่างไรก็ตามฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ประหยัดและไม่เคยภาคภูมิใจในความมัธยัสถ์ของตัวเอง ฉันมีเงินมากพอที่จะซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับ และยินดีจะจ่ายให้ของฟุ่มเฟือยอื่นๆ เพียงแต่ความรู้เรื่องแฟชั่นของฉันมันจำกัดเลยเลือกจะอยู่ในเซฟโซนของตัวเองเท่านั้น

พี่ภพและใบตองกลับมาพร้อมมะนาวโซดาเหยือกใหญ่ เขาลงนั่งตรงข้ามฉัน ชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ระหว่างรอสมาชิกที่เหลือ

ห้องที่เรานั่งอยู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของครัว เคาน์เตอร์หินเทียมสีขาว อ่างแสตนเลททรงลึก ผนังบางส่วนกรุโมเสท กับอุปกรณ์ครัวทันสมัยที่ส่วนใหญ่เก็บเอาไว้ในตู้บิลต์อินแบบเข้าชุด สุดผนังด้านหลังเป็นประตูกระจกมองเห็นสวนหย่อมและกำแพงหลังบ้าน ทุกอย่างดูสวย สด สว่าง ปานโชว์รูมในร้านขายอุปกรณ์แต่งบ้าน

พี่ภพปรับปรุงทุกส่วนในบ้านหนังนี้ใหม่เมื่อคราวรีโนเวทใหญ่ เขาเป็นคนรสนิยมดี มีเซ้นต์ทางศิลปะชนิดที่ฉันไม่เคยมี เขาทำให้ฉันดูเป็นคน ‘ติสต์แตก’ ในสายตาคนอื่น เพราะได้ทำงานและอยู่อาศัยในบ้านเก๋ๆ หลังนี้

เมื่อพี่เตยและมาวินเข้ามาแล้ว พี่ภพจึงกางโน้ตบุ๊ก เปิดคลิปที่ใบตองอ้างถึงให้พวกเราดู

“ชื่อครูเคโระ หล่อว้ากเลยพี่” ใบตองบรรยายให้พี่เตยฟัง เธอพยักหน้า เดาว่าน่าจะรู้อะไรมาบ้างแล้ว

“ดังเพราะ ‘หล่อว้าก’ อีกล่ะสิ” มาวินหมั่นไส้ เขาเป็นวัยรุ่นตอนปลาย ท่าทางล่อกแล่ก รูปร่างดูโย่งกว่าความเป็นจริงเพราะความผอมและโครงสร้างเล็ก

“ก็ไม่เชิง แกดูเอาเองแล้วกัน คนนี้มีดีหลายอย่าง” ใบตองตอบ ซึ่งทำให้ฉันเริ่มสนใจครูเคโระขึ้นมา

พี่ภพกดเพล์ ภาพในจอขยับ ฉันเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง สูงโปร่ง หล่อจัด  เขากำลังสอนการอ่านโน้ตดนตรีด้วยการออกลีลาท่าทางอย่างที่เรียกได้ว่า ‘แรด’ ในนิยามของพี่เตย ชายหนุ่มสอนเป็นเพลงสั้นๆ และจบคลิปเวลาสามนาทีนั้นด้วยการบอกลาในน้ำเสียงทุ้มห้าวแบบผู้ชาย ดูขำขันและชวนพิศวงว่าเขาเป็นกะเทยจริงๆ หรือเป็นการแสดงกันแน่

ระหว่างที่ทุกคนประเมินชายหนุ่มคนนั้นอยู่ ฉันเป็นคนเดียวที่เบิ่งตากว้าง เลือดไหลย้อนขึ้นมาจนรู้สึกผะผ่าว ภาพเมื่อสิบกว่าปีก่อนผลุบโผล่เหมือนช็อตวิดิโอสั้นๆ มันโถมถั่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นน้ำป่าฉันคงถูกซัดตกเก้าอี้ไปแล้ว

 

“เด็กกรุงเทพเหรอเธอน่ะ”…..

“ดาริกาแปลว่าดวงดาวใช่ไหม เหอะ…ไม่เข้ากับหน้าแกเลยว่ะเจ๋ง”…..

“บอกแล้วไงว่ามีดมันคม ไหนดูสิ…..”

“เชอะ…พ่อห่วยๆ น่ะ มีก็เหมือนไม่มี”

 

เสียงนั้นลอยข้ามกาลเวลา ขณะจิตของฉันล่องไหลไปแสนไกล ฉันเห็นพี่ภพหยุดคลิปวิดีโอ เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเอาครูเคโระมาเป็นแขกร่วมรายการในอีพีหน้า เขาถามความคิดเห็นทุกคนบนโต๊ะ จ้องมายังฉัน พูดอะไรบางอย่าง แต่วิญญาณอีกภาคหนึ่งของฉันกำลังติดอยู่ในห้วงเวลาที่ห่างออกไป น่าแปลกที่ฉันได้ยิน แต่ประมวลผลจากสมองออกมาไม่ได้เลย

“พี่เจ๋ง..พี่เจ๋ง” ใบตองเขย่ามือ “เป็นอะไร เป็นไงล่ะ หล่อตะลึงใช่ไหมล่ะ” เสียงใบตองปลื้ม เข้าใจไปอีกทาง

“หล่อ แถมเข้าใจคิด น่าสนใจมาก” พี่เตยพูดเสียงหนักแน่นเป็นงานเป็นการ

“ศัลยกรรมมาไหมว้า…..” มาวินตั้งข้อสังเกต เขาจู๋ปาก ใช้ความคิดราวกับสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ภาพบนจอนั้นผ่านโปรแกรมติ๊กต็อก ผิวของครูเคโระดูเรียบอย่างกับหุ่น

“มะ..ไม่.. ไม่ได้ศัลยกรรม” ฉันตอบออกไป อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

 



Don`t copy text!