ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 4 : เจ้าชายแห่งไชยา (1)

ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 4 : เจ้าชายแห่งไชยา (1)

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

ซ่อนรักในรอยกาล โดย พิมพ์อักษรา กับผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านง่าย ว่าด้วยทฤษฎีหนึ่งในตำนานประวัติพระนางจามเทวีกับพระสวามีที่แทบไร้หลักฐาน ผ่านเกมการเมืองในอาณาจักรทวารวดี อันมีชายปริศนาแฝงตัวเข้ามาอยู่เบื้องหลังเกมชิงบัลลังก์ครั้งใหญ่นี้ ติดตามได้ในเพจ อ่านเอา และ anowl.co

“โธ่ เด็กรับใช้ในอาศรมหรอกหรือเจ้าข้า มิน่าเล่าถึงได้แต่งกายราวนักพรตฤๅษี” พระนางชวาลาร้องด้วยความผิดหวังเมื่อสดับถ้อยอธิบายจากวาสุเทพฤๅษีว่าบุรุษปิดหน้าลึกลับผู้นั้นหาได้เป็นคนแปลกปลอมต้องสงสัยแต่อย่างใด แต่เป็นเด็กรับใช้ในอาศรมของคณะดาบสจากไชยา มิมีผู้ทราบนามแน่ชัด จึงเรียกกันตามผิวสีเข้มดุจท้องฟ้าราตรีของเขาว่า ‘ไอ้มืด’ แลที่ต้องอำพรางใบหน้าตนก็เนื่องจากเคยถูกไฟคลอกมาก่อน ซ้ำเกิดโรคร้ายมีตุ่มหนองกัดกินใบหน้าจนพุพอง ทิ้งร่องรอยน่าสยดสยองแก่ผู้พบเห็น

“มิมีผู้ใดรักษาแผลให้เขาได้เทียวหรือเจ้าข้า น่าเวทนายิ่งนัก หมอหลวงในวังหรือยาของเราเล่า”

“อาจารย์ได้ยินมาว่าแผลนั้นเกิดแต่เยาว์วัย มิได้รักษาบรรเทาแต่เนิ่นๆ ผ่านมาช้านาน ยาวิเศษใดก็รักษามิได้” พระอาจารย์กล่าว “อาจารย์มิได้รู้จักไอ้มืด สุกกทันตฤๅษีนั้นพอคุ้นเคยอยู่บ้างเพราะมาจากไชยาเหมือนกัน แต่มิได้รู้จักกันที่นั่น มาพบหน้ากันก็ที่ละโว้นั้นแล”

สุกกทันตฤๅษีเคยเล่าให้สหายฟังว่ามืดเป็นคนฉลาด อาศัยเรียนวิชาจากการติดตามรับใช้นักบวชมาหลายรูปหลายสำนักจนมีวิชามากมายพอตัว หากเก็บตัวเงียบขรึมมิโอ้อวด กระนั้นก็มิใช่คนมีพิษมีภัย เพียงแค่อาจขวางโลกอยู่บ้างตามประสาผู้ที่ถูกคนจับจ้องสงสัยรูปลักษณ์มาแต่ไหนแต่ไร

“เช่นนั้นก็มิเกี่ยวข้องกับเรื่องก่อกวนเจ้าพี่เขน” พระนางถอนพระทัยยาว “ข้าเข้าใจว่าหลายเรื่องเป็นฝีมือเจ้าอาวิรามร แต่เรื่องสับเปลี่ยนรายงานวันอภิเษกอุปราช สืบอย่างไรก็มิได้ความสักครา อันที่จริงก็มิได้นึกว่าเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องชายปิดหน้าผู้นั้น แทบลืมไปเสียด้วย จนระยะหลังมานี้ ข้าพบเขาในงานพิธีอีกสองสามครา แม้เห็นเพียงไม่กี่แวบหากก็ชวนสะกิดใจ อาจเพราะสายตาที่เขามองเจ้าพี่เขนกระมัง ช่างดู…ราวกับเคืองแค้นกระนั้น แต่หากฟังอาจารย์ว่า เขามิน่าเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้ ข้าอาจคิดไปเอง”

“นายมืดคงมิเคยยลพระโฉมเจ้าอุปราชมาก่อน ก็เลยเผลอจ้องตาแข็งจนเสียมารยาทกระมัง ด้วยเจ้าชายนั้น นอกจากร่ำเรียนวิชากับฤๅษีอย่างพวกอาจารย์แล้ว ก็มิใคร่ฝักใฝ่วัตรปฏิบัติใดนอกจากทางพุทธ จึ่งมิได้คลุกคลีกับพวกนักพรตหรือโหรนัก ก็เลยไม่เคยพบกัน แต่หลังจากขึ้นเป็นอุปราชต้องเสด็จออกทำพิธีการพิธีกรรม จำต้องข้องเกี่ยวกับพวกโหรพราหมณ์ องค์หญิงกับเจ้าอุปราชเลยได้พบมืดบ่อยขึ้น”

“เช่นนั้นหรือ” เจ้าหญิงพึมพำ “เท่ากับข้าต้องตั้งต้นสืบหาผู้ร้ายใหม่น่ะสิเจ้าข้า น่าประหลาดยิ่งนัก ข้าหลวง มหาดเล็กทุกคนในตำหนักจันทมณีล้วนตอบเช่นเดียวกันว่าราตรีนั้นหาได้มีเรื่องผิดปกติใดไม่ มิได้มีผู้ใดเข้าออกตำหนักชั้นในของเจ้าพี่เขนเลย นอกจากเจ้าพี่และตัวข้า”

พระนางจึงเริ่มสงสัยคมิก ด้วยเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดเจ้าชายกัษษกรมากที่สุด แต่มหาดเล็กแลข้าหลวงหลายนายยืนยันว่าสามวันก่อนวันพระราชพิธี คมิกอยู่กับพวกเขา ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ตำหนักชั้นในด้วยถูกสั่งห้ามเอาไว้เด็ดขาด แม้นางกำนัลอำนวยงานแลทำความสะอาดก็รับสั่งมิให้ยุ่ง

ครั้นสอบถามคมิกก็มิพบพิรุธใด ยืนยันว่ามีเพียงเจ้าชายกัษษกรกับพระนางเท่านั้นที่เข้าออกตำหนักชั้นใน

“ทุกอย่างดูเป็นปกติมากเกินไปใช่ไหมเจ้าข้า”

“ใช่เจ้าข้า จนข้าเริ่มสงสัยว่า ฤๅทั้งหมดนั้นมิได้เกิดจากผู้ใดเลยนอกจากเจ้าพี่เขน”

“เพื่ออันใดเจ้าข้า”

“เพื่อทดสอบลองใจว่าข้าจักมีน้ำใจและปฏิภาณไหวพริบเหมาะสมเป็นอัครชายาหรือไม่”

“ทรงคิดเช่นนั้นแน่หรือเจ้าข้า”

ชวาลาส่ายพระพักตร์ทันที “ไม่เลย เจ้าพี่เขนมิใช่คนเช่นนั้น แต่ข้าก็คิดหาเหตุผลอื่นมิได้”

“แล้วกริ้วองค์ชายหรือไม่เจ้าข้า”

“ก็ไม่อีกนั่นแล…” ตรัสตอบทันควัน “ข้ากลับยิ่งสบายใจเสียด้วยซ้ำ แล้วเรื่องนี้หากมิได้มีคนร้ายจริง ข้าก็จักได้หมดห่วง…แต่เราก็ยังวางใจมิได้หรอก ข้าจักต้องระมัดระวังตนเองกับเจ้าพี่เขนยิ่งขึ้น”

“อาจารย์ก็จะคอยช่วยองค์หญิงอีกทาง เมื่อทรงอภิเษกไปครองเมืองรามเมื่อไร อาจารย์จึงจักวางใจกลับแดนเหนือได้”

ชวาลามิใคร่ให้พระอาจารย์กลับแดนเหนือ ด้วยทรงรักและผูกพันกับพระฤๅษีมายาวนานเกินครึ่งพระชนม์ สนิทสนมยิ่งกว่าเป็นบิดาเสียด้วยซ้ำ หากก็จนใจเมื่อวันนั้นมาถึง

เจ้าหญิงมฤติกาเคยแซ่ซ้องว่าพระธิดาโชคดีมีบุญญาธิการ วาสุเทพฤๅษีจึงเลือกเป็นพระอาจารย์ ประสิทธิ์ประสาทสรรพศาสตร์มากมายให้ หากชวาลาทรงทราบดีว่าเหตุผลแท้จริงของพระฤๅษีเกิดจากเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น…

“ไม่ต้องทรงกังวลเจ้าข้า ไม่ว่าจักอยู่แห่งหนใด อาจารย์แก่ๆ ผู้นี้จักไม่มีวันทอดทิ้งองค์หญิงเป็นอันขาด” วาสุเทพฤๅษีมองลูกศิษย์ผู้ทรงศักดิ์ด้วยแววตาปรานีหากก็เด็ดเดี่ยว

“แต่เราก็ต้องมิลืมว่าวันใดวันหนึ่งในกาลข้างหน้า อาจารย์ก็ต้องละสังขารจากโลกนี้ไปอยู่ดี องค์หญิงจักเหลือเพียงองค์เองเป็นที่พึ่งแห่งตน หาใช่ใครอื่น หน้าที่ของอาจารย์คือทำให้องค์หญิงวาแข็งแรงพร้อมรอบด้านเพื่อยืนหยัดต่อทุกสิ่งที่จักเข้ามาในพระชนม์นับต่อจากนี้”

 



Don`t copy text!